ย้อนเวลามาเป็นท่านอ๋องน้อย ตอนที่ 1-9
เล่มที่ 1 บทที่ 9 สามีภรรยากับเรื่องนินทา
หลี่ฮุยขมวดคิ้ว “แผนการของเหล่าไท่ไท่นั้นคิดการออกมาได้จะแจ้งดีนัก หลี่เฉาเป็นซู่จื่อของเจ้าสาม อนุนั่นตายไปแล้ว ถ้าหากยกบุตรชายของเจ้าสามให้เขาไป เป็นบุตรชายก็เท่ากับว่าอยู่ในการควบคุมของเหล่าไท่ไท่ ที่นางร้อนใจจัดการให้เจ้าสามแต่งอนุเช่นนี้ ก็มิใช่ต้องการให้เจ้าสามกำเนิดบุตรชายอีกหลายๆ คนหรอกหรือ ต่อไปจะได้ให้ทางนั้นรับไปเป็นบุตรชาย”
“หลี่เฉาอายุแปดขวบ รู้ความแล้ว ต่อให้ถูกยกให้ไปเป็นบุตรชายอีกบ้านเขาก็รู้ว่าตนเองเป็นลูกของใคร” หลี่จางซื่อกล่าว “อีกประการหนึ่ง ยกลูกชายของอนุให้ไปเป็นบุตรในภรรยาเอกของอีกบ้านหนึ่งเช่นนี้ นิสัยของน้องสะใภ้คนนั้นมิได้เป็นเช่นลูกพลับนิ่มๆ จะยอมรับหรือไม่เจ้าคะ?”
“ไม่ใช่ลูกพลับนิ่มแล้วจะทำอย่างไรได้เล่า? ก็เป็นเพียงหญิงคนหนึ่งที่มาอยู่บ้านผู้อื่น ลูกชายตัวเองก็พึ่งพามิได้ คำว่ากตัญญูกดลงมาจะทำเช่นใดได้เล่า?” หลี่ฮุยมิเก็บมาใส่ใจแม้แต่น้อย “อย่างไรเสียก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา…ให้พวกเขาคิดการกันเอง สี่ปีที่แล้วฮ่องเต้มิใช่มีพระราชโองการสั่งลงมาว่าตำแหน่งโหวของจวนจงหย่งโหวต้องให้ลูกชายคนเล็กของเจ้ารองเป็นผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์หรอกรึ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาสี่ปี บุคคลสูญหายที่ตามหาตัวไม่พบให้ถือว่าได้เสียชีวิตไปแล้ว ตอนนี้ยังมีเวลาอีกราวครึ่งเดือนจึงจะครบสี่ปีนา” หลี่ฮุยตบหลังมือของฮูหยินเบาๆ “อย่าคิดมากไปเลย สิ่งของที่ไม่มีวันมาถึงพวกเรา ต่อให้คิดไปก็ไร้ประโยชน์ อีกทั้งยังไม่ครบเวลาสี่ปีตามที่กำหนดเอาไว้ ไม่ว่าสิ่งใดย่อมเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”
“ท่านคิดว่าจะหาเด็กคนนั้นพบหรือไม่เจ้าคะ?” หลี่จางซื่อเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
หลี่ฮุยได้แต่มองฮูหยินยิ้มๆ “ภรรยาข้า ต่อให้หาพบแล้ว เด็กอายุเพียงห้าขวบจะทำอะไรได้เล่า? อีกทั้งยังถูกเลี้ยงให้เติบใหญ่อยู่นอกจวนอีก เมื่อมาถึงที่นี่แล้วจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่ก็ยังมิอาจรู้ได้ สิ่งที่เจ้าควรจะกังวลคือเรื่องคู่ครองของลูกชายคนรองและลูกสาวของเรา ลูกชายคนรองปีนี้อายุสิบแปดแล้ว ลูกสาวก็อายุสิบห้าแล้ว เจ้ายังไม่มีครอบครัวที่ต้องใจพอที่จะทาบทามอีกหรือ?”
“เฮ้อ…ลูกชายนั้นเขาตัดสินใจเองได้ ส่วนลูกสาวช่างเลือกนักเจ้าค่ะ”
“ลูกสาวช่างเลือกนั้นเป็นเรื่องปกติ แล้วอีกอย่างไม่ว่าอย่างไรข้าก็รั้งตำแหน่งขุนนางขั้นสี่ ครั้งนี้ฮู่ปู้ [1] ถูกตรวจสอบ หากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานทุจริตจริง ตำแหน่งนี้ก็จะว่างลง นั่นเป็นถึงตำแหน่งขุนนางขั้นสามเชียวนา” หลี่ฮุยพูดอย่างมีความหวัง
“ให้ข้ากลับไปปรึกษากับท่านพ่อดีหรือไม่เจ้าคะ?” หลี่จางซื่อถาม นางเป็นหลานสาวของหลี่เหล่าไท่ไท่ และเป็นบุตรีของอนุจากจวนชิ่งป๋อ ถึงแม้ว่าจะมีคำว่าอนุติดอยู่ข้างหลัง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่เหล่าไท่ไท่แล้วนั้นถือว่าร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันได้ [2] มารดาของนางเมื่ออยู่เบื้องหน้าบิดาของนางก็พูดจาออกความเห็นได้เช่นกัน
“หากท่านพ่อตาออกหน้าช่วยเหลือได้นั้น ย่อมเป็นการดีที่สุด” ในใจของหลี่ฮุยนั้นก็มีความคิดเช่นนี้อยู่
วันต่อมา
หลี่เหล่าไท่ไท่เป็นภรรยาใหม่ของหลี่ไท่เหฺย เมื่อแรกที่เข้ามาอาศัยอยู่ในจวนจงหย่งโหว มิได้กำหนดให้หลี่หยางซื่อต้องมาคารวะทุกเช้า ยามนั้นหลี่ซวี่ยังมีชีวิตอยู่ หลี่หยางซื่อจึงเป็นนายหญิงของจวนจงหย่งโหว
ต่อมาเมื่อครอบครัวของหลี่ฮุยกลับมายังเมืองหลวง ภรรยาของหลี่ฮุยซึ่งเป็นหลานสาวของหลี่เหล่าไท่ไท่ก็มาคารวะยามเช้าหลี่เหล่าไท่ไท่ทุกวัน ในความเป็นจริงแล้วหลี่หยางซื่อรู้ดีว่านี่เป็นวิธีการที่ภรรยาของหลี่ฮุยและหลี่เหล่าไท่ไท่ร่วมกันสร้างกฎเกณฑ์นี้ขึ้นมาเพื่อสร้างความลำบากใจให้กับนาง แต่เนื่องด้วยคำว่ากตัญญูที่กดทับอยู่ จึงทำให้นางทำอะไรไม่ได้
ในยามเช้าตรู่ นางพาหลี่หลินไปคารวะหลี่เหล่าไท่ไท่ยามเช้าที่เรือนว่านโซ่ว หลี่เหล่าไท่ไท่ยังมิได้ตื่นนอน ภรรยาของหลี่ฮุยและภรรยาของหลี่ฮ่าวนั้นมาถึงก่อนหน้าแล้ว ภรรยาของหลี่ฮุยนั่งอยู่ด้านซ้ายของตำแหน่งประธาน ข้างกายคือหลี่หม่าน หลี่หม่านปีนี้มีอายุสิบห้าปี หน้าตางดงาม นางยังมีพี่ชายอีกสองคน ดังนั้นตั้งแต่เล็กจนโตนางจึงเปรียบดังสิ่งของล้ำค่าในดวงใจของหลี่ฮุยและภรรยา ด้วยเหตุนี้จึงมีนิสัยหยาบกระด้างชอบระรานผู้อื่น
หลี่ฮ่าวนั้นถือกำเนิดจากครรภ์ของหลี่เหล่าไท่ไท่ และหลี่เหล่าไท่ไท่นั้นเป็นคนฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก สะใภ้ที่หาให้บุตรชายคนรองนั้นฐานะของครอบครัวอาจจะด้อยลงมาสักหน่อย กล่าวคือบิดาของนางเป็นขุนนาง ทว่ามารดามาจากครอบครัวที่ทำการค้าพาณิชย์ ดังนั้นเมื่อภรรยาของหลี่ฮ่าวแต่งเข้ามานั้นจึงนับว่าเป็นลูกสาวครอบครัวขุนนาง ทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้าสาวก็มีมาก แต่ภรรยาของหลี่ฮ่าวเป็นคนค่อนข้างเงียบขรึม สิ่งที่หลี่เหล่าไท่ไท่เล็งเห็นก็คือทรัพย์สินในส่วนของเจ้าสาว ยังดีที่ครรภ์ของนางนั้นได้ดีและรักดีอย่างยิ่ง ปีที่สองที่แต่งเข้ามาก็ได้ให้กำเนิดฝาแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง ซึ่งก็คือหลี่โจวและหลี่อวิ๋น ปีนี้มีอายุสิบสี่ปี ฝาแฝดชายหญิงคู่นี้เป็นที่รักและเอ็นดูของหลี่เหล่าไท่ไท่ถึงขั้นเข้ากระดูกกันเลยทีเดียว หลี่ฮ่าวยังมีอนุอีกสามห้อง บุตรที่ให้กำเนิดจากอนุภรรยาทั้งสามห้องนี้มีบุตรชาย หลี่เฉา ปีนี้มีอายุแปดขวบ และยังมีบุตรีอีกสองคนคือ หลี่รุ่น อายุสิบสองปี และหลี่โหยว อายุสิบเอ็ดปี
ภรรยาของหลี่ฮ่าวนั่งอยู่ด้านขวาของตำแหน่งประธาน ถัดลงมาคือ หลี่อวิ๋น หลี่เฉา หลี่รุ่น และหลี่โหยว
ผู้อื่นนั้นเมื่อเห็นหลี่หยางซื่อมาถึงแล้วยังมีความเกรงใจอยู่บ้าง
“พี่สะใภ้รอง”
“น้องสะใภ้”
หลี่หยางซื่อยิ้มบางๆ “พี่สะใภ้ใหญ่ น้องสะใภ้สาม” จากนั้นนางจึงนั่งลงถัดจากภรรยาของหลี่ฮุย ที่นั่งลำดับสามทางด้านซ้าย วันนี้สกุลหยวนไม่อยู่ในเรือน หลายวันก่อนเหล่าไท่เหฺยของสกุลหยวนถึงแก่กรรม ดังนั้นทั้งครอบครัวจึงพากันกลับไป
ผ่านไปสักครู่ หลี่เหล่าไท่ไท่พร้อมกับเหอหมัวมัวซึ่งเป็นคนข้างกายของนางก็ประคองนางออกมา หลี่เหล่าไท่ไท่สวมชุดผ้าไหมสีแดงเลือดที่มีดิ้นลายปักอย่างละเอียด มองดูแล้วเต็มไปด้วยสง่าราศี
“อรุณสวัสดิ์เหล่าไท่ไท่” ทั้งสามเรือนต่างลุกขึ้นยืน
——————
[1] ฮู่ปู้ (户部) เทียบเท่ากับกรมพระคลัง หรือกระทรวงการคลัง ดูแลการจัดเก็บภาษี รายได้แผ่นดิน เบิกจ่ายงบประมาณ
[2] ธรรมเนียมกินข้าวร่วมกัน (吃的开) คนจีนสมัยโบราณลูกสะใภ้ต้องยืนดูพร้อมทั้งปรนนิบัติแม่สามี สามีและคนในครอบครัวกินข้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภรรยาที่เป็นอนุนั้นไม่มีสิทธิร่วมโต๊ะกับเรือนหลัก
คอมเมนต์