ย้อนเวลามาเป็นท่านอ๋องน้อย ตอนที่ 1-17

Reader Settings

Size :
A-16A+

เล่มที่ 1 บทที่ 17 ของขวัญได้ส่งมอบออกไปแล้ว

“ลูกคารวะมารดา” หลี่ลั่วคุกเข่าลงตั้งใจโขกหัวลงกับพื้นสามครั้ง แต่ยังมิทันได้โขกหัวครั้งที่หนึ่ง ก็กลับถูกหลี่หยางซื่ออุ้มขึ้นมาเสียแล้ว หลี่หยางซื่อมิเพียงพบว่าหลี่ลั่วนั้นหน้าตาช่างน่ารักน่าเอ็นดูเท่านั้น ทั้งยังมีมารยาทยิ่งนัก พลันก่อให้เกิดความรู้สึกชมชอบอยู่หลายส่วน อีกทั้งพวกเขานั้นถือได้ว่าลงเรือลำเดียวกันแล้ว นางจะรู้สึกรำคาญได้อย่างไรกัน?
หลี่หยางซื่ออุ้มหลี่ลั่วแล้วจึงนั่งลง “หลายปีมานี้เจ้าอาศัยอยู่ข้างนอกอยู่สุขสบายดีหรือไม่? ครอบครัวของบิดาเลี้ยงดีต่อเจ้าหรือไม่?”
“ครอบครัวบิดาเลี้ยงดีต่อลูกมากขอรับ แม้ว่าในบ้านจะมีฐานะยากจน แต่เมื่อมีของดีอะไรล้วนแล้วแต่ให้ลูกทั้งสิ้น” หลี่ลั่วตอบคำอย่างเชื่อฟัง
ฟังคำพูดนี้แล้วทำให้หลี่หยางซื่อพอใจยิ่งนัก แสดงให้เห็นว่าเด็กคนนี้รู้กตัญญูและรู้จักสำนึกบุญคุณ และการรู้ความของหลี่ลั่วก็ทำให้นางพอจะวางใจลงได้บ้างแล้ว “กลับบ้านก็ดีแล้ว…กลับบ้านก็ดีแล้ว ตอนนี้เจ้ากลับมาถึงบ้านแล้ว ไม่ต้องกลัวความยากจนอีกต่อไป เจ้าอยากได้สิ่งใดมาบอกกับมารดา”
“ขอรับ ลูกขอบคุณมารดา” หลี่ลั่วนั่งอยู่ในอ้อมกอดของหลี่หยางซื่อ ดวงตาทั้งคู่มองไปที่แม่นางน้อยซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง แม่นางน้อยผู้นี้หน้าตางดงาม คาดเดาจากอายุน่าจะเป็นหลี่หลินมิผิดแล้ว
ส่วนหลี่หลินก็กำลังมองหลี่ลั่วเช่นเดียวกัน จากนั้นหัวเราะขึ้นมาคราหนึ่ง “น้องเล็ก ข้าคือพี่สาวของเจ้า” เสียงเล็กๆ มีความเขินอายและความเป็นมิตรอยู่หลายส่วน
“ดูซิ ข้าร้อนใจจนลืมหลินเอ๋อร์ไปเสียแล้ว” หลี่หยางซื่อหัวเราะเบาๆ
“สวัสดีพี่สาวขอรับ” หลี่ลั่วเรียกหลี่หลินอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
“เจ้าเร่งเดินทางมาตลอดเส้นทาง เกรงว่าจะเหน็ดเหนื่อยแล้ว อีกประเดี๋ยวพักผ่อนให้ดี อาหารเย็นมาทานที่เรือนของมารดาด้วยกัน พรุ่งนี้เช้ามารดาค่อยพาเจ้าไปคารวะท่านปู่และท่านย่า แต่ว่าวันนี้เมื่อยามที่พระราชโองการมาถึง ท่านย่าของเจ้าบอกว่าหากการเดินทางหลายวันมานี้ทำให้เจ้าเหน็ดเหนื่อย จะพักผ่อนก่อนสักหลายวันแล้วค่อยไปคารวะก็ได้ เพียงแต่มารดาคิดว่าเจ้าเพิ่งจะมาถึง หากร่างกายของเจ้ามิได้อ่อนล้าจนเกินไปนัก ยังไงพรุ่งนี้เช้าไปคารวะท่านปู่ท่านย่าให้เรียบร้อยจะเป็นการดีที่สุด พวกเราเป็นผู้น้อย ต้องแสดงความกตัญญูต่อผู้ใหญ่ เจ้าว่าใช่หรือไม่?”
“ล้วนฟังมารดาขอรับ”
“ฮูหยินเจ้าคะ ยังต้องเตรียมเสื้อผ้าอาภรณ์ให้คุณชายหกสักหลายชุดด้วยเจ้าค่ะ คาดว่าอีกสองวันแขกที่มาเยี่ยมเยียนคงจะมีไม่น้อยเลยทีเดียว” จี้หมัวหมัวเอ่ยเตือนขึ้น
“ช่างเย็บเสื้อเรียกมาตั้งนานแล้ว ให้พวกเขาเร่งงานในตอนบ่าย เพิ่มเงินให้มากหน่อย เร่งตัดเย็บเสื้อผ้าให้เสร็จโดยเร็ว” หลี่หยางซื่อสั่งการ
“เช่นนั้นบ่าวขอวัดตัวคุณชายหกก่อนนะเจ้าคะ” จี้หมัวมัวถือเป็นหมัวมัวที่มีฝีมือในงานเย็บปักถักร้อยเข้าขั้นหนี่ว์กง [1] และทำงานประเภทนี้มาตลอดชีวิตหมัวมัว เรื่องการวัดตัวเป็นงานที่นางชำนาญอีกอย่างหนึ่ง อีกทั้งยังทำได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากที่จี้หมัวมัวทำการวัดตัวเสร็จ หลี่หยางซื่อก็จูงมือหลี่ลั่วไปยังเรือนหลัก ผู้ที่ติดตามมาด้วยมีหลี่หง หลี่หลิน และหลี่จงหมิง เมื่อมาถึงเรือนหลัก ภายในเรือนได้ทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ภรรยาจี้ซิ่นยืนอยู่หน้าประตูเพื่อเฝ้าสิ่งของที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานมาให้
หลี่ลั่วนั้นเข้าใจว่าฮ่องเต้พระราชทานเพียงเงินเท่านั้น คาดไม่ถึงว่าจะยังมีเครื่องประดับด้วย ของเหล่านี้ไม่มีประโยชน์กับเขา หลี่ลั่วมองจำนวนพร้อมกับคิดในใจว่า ฮ่องเต้เพียงแต่อาศัยชื่อของเขาพระราชทานสิ่งของเหล่านี้ให้กับญาติพี่น้องที่เป็นหญิงสาวในจวนโหวเท่านั้น แต่ความจริงที่หลี่ลั่วยังไม่รู้ก็คือ ตั้งแต่ที่หลี่ซวี่จากไป จวนจงหย่งโหวก็มิได้รับพระราชทานรางวัลใดๆ จากฮ่องเต้อีกเลย สามปีก่อนคนในจวนโหวต้องไว้ทุกข์สามปี อีกทั้งฮ่องเต้มิอาจหาเหตุผลที่สมควรในการพระราชทานรางวัลให้จวนโหว ปีนี้เป็นปีที่สี่ กอปรกับที่หลี่ลั่วกลับมา ล้วนเป็นเรื่องประจวบเหมาะ
“เอาเข้ามาในเรือนให้หมด ของพวกนั้นก็ขนย้ายเข้ามาด้วย วางสะเปะสะปะไว้ข้างนอกจนกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?” หลี่หยางซื่อพูดไปพร้อมกับจูงมือหลี่ลั่วก้าวเข้ามาในเรือน หลังจากเข้าไปด้านในแล้วหลี่หยางซื่อจึงกล่าวต่อ “ลั่วเอ๋อร์ สิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานให้แก่เจ้า ตัวเจ้าเองมีห้องทรัพย์สินส่วนตัว [2] สิ่งของเหล่านี้สามารถนำไปวางไว้ที่ห้องทรัพย์สินส่วนตัวได้”
“ขอรับ มารดา แต่ว่าปิ่นปักผมทองคำที่ประดับด้วยผีเสื้อสีรุ้งอันนี้เหมาะกับพี่สาว ส่วนปิ่นปักผมเคลือบลายเมฆานั้นเหมาะกับมารดานัก” หลี่ลั่วหยิบเครื่องประดับทั้งสองชิ้นขึ้นมาแล้วยื่นให้กับหลี่หยางซื่อและหลี่หลิน ปิ่นปักผมผีเสื้อทองคำนี้คือปิ่นที่ทำมาจากทอง ที่ปลายปิ่นมีผีเสื้อประดับอยู่ตัวหนึ่ง ผีเสื้อตัวนั้นประกอบขึ้นมาจากอัญมณีหลากหลายสีสัน งดงามและมีราคาค่างวดยิ่งนัก เหมาะสมกับแม่นางน้อยหรือไม่ก็ภรรยาสาว ไม่เหมาะสมกับหลี่หยางซื่อซึ่งเป็นหญิงม่าย สำหรับปิ่นปักผมเคลือบลายเมฆานั้นเป็นปิ่นหยกเคลือบเงาที่มีรูปร่างเป็นก้อนเมฆ เพียงแต่บนก้อนเมฆมีทับทิมประดับอยู่เม็ดหนึ่ง สีของทับทิมแดงคล้ำและเม็ดใหญ่มาก สิ่งของเหล่านี้ล้วนสูงค่า ทว่าดูแล้วงดงามไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
ดวงตาของหลี่หลินทอประกายวูบ นางมองหลี่หยางซื่อแวบหนึ่ง หลังจากหลี่หยางซื่อพยักหน้าให้หนึ่งครั้งนางจึงเอ่ยอย่างยินดี “ขอบคุณน้องหก”
หลี่หยางซื่อก็รับปิ่นไปด้วย นางกับบุตรสาวนั้นไม่เหมือนกัน สิ่งที่นางให้ความสำคัญไม่ใช่ปิ่น แต่เป็นการจัดการของหลี่ลั่วในวัยเพียงห้าขวบ
“มารดา ท่านย่าสวดมนต์หรือไม่ขอรับ?” หลี่ลั่วมองไปยังของที่เหลืออยู่อีกสามชิ้น
“ทุกวันจะสวดมนต์ครู่หนึ่ง” หลี่หยางซื่อตอบ นางพอจะเข้าใจความหมายของหลี่ลั่วรางๆ ทว่ามิได้กล่าวออกไป
“เช่นนั้นสร้อยประคำสายนี้มอบให้ท่านย่า มารดาเห็นว่าเหมาะสมหรือไม่ขอรับ?” แม้หลี่ลั่วจะตัดสินใจไปแล้ว ทว่ากลับไม่ลืมที่จะถามความเห็นจากหลี่หยางซื่อ การกระทำเช่นนี้เป็นการแสดงความเคารพต่อหลี่หยางซื่ออย่างชัดเจน
เฮ้อ…หญิงม่ายก็ไม่ง่ายดายเช่นกัน หลี่ลั่วคิดเช่นนั้น
“ลั่วเอ๋อร์จัดการเรื่องราวได้เหมาะสมและดียิ่งแล้ว” หลี่หยางซื่อพยักหน้า “สร้อยประคำที่เหลืออีกสายหนึ่งนั้น ลั่วเอ๋อร์ตัดสินใจที่จะมอบให้ใครแล้วใช่หรือไม่?”
——————-
[1] หนี่ว์กง (女红) หมายถึง หญิงสาวที่มีฝีมือด้านงานเย็บปักถักร้อย
[2] ห้องทรัพย์สินส่วนตัว (私房) หมายถึง ห้องหรือเรือนที่เอาไว้เก็บทรัพย์สินส่วนตัว

คอมเมนต์

Chapter List