ระบบข้ามมิติ ไปเป็นแสงจันทร์ขาวของตัวร้าย ตอนที่ 1-1
เล่มที่ 1 ตอนที่ 1 นักเรียนตัวน้อยที่น่าสงสาร (01)
ตอนที่อวี๋มู่ได้รับข่าวการเสียชีวิตของชีหย่วนนั้น เขากำลังทำโอทีอยู่ที่บริษัท
แปลนที่เจ้านายสั่งไว้ต้องเสร็จและยื่นก่อนเที่ยงคืน งานก็ยากอยู่แล้ว ยังต้องมาเจอเร่งงานในเวลาคับขันแบบนี้ เขาเปิดลิ้นชักและหยิบบุหรี่ออกมา พร้อมกับโทรศัพท์มือถือในมือและเดินไปยังเขตสูบบุหรี่ จุดไฟสูบบุหรี่แล้วไถมือถืออ่านข่าวไปพลาง
บังเอิญเลื่อนไปเจอหน้าข่าวสารธุรกิจ เห็นใบหน้าสวยงามที่เขาคุ้นเคยและแปลกหน้าในคราวเดียวกัน
ประธานบริษัทหนุ่มแห่งเครือตระกูลชี ชีหย่วน เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ด้วยวัยเพียงยี่สิบสามปี นี่มันสวรรค์ริษยาคนเก่งชัดๆ ข่าวนี้เป็นที่จับตามองของคนทั่วโลก
อวี๋มู่จ้องโทรศัพท์อย่างชะงัก บุหรี่ที่ยังติดไฟร่วงหล่นจากปากไม่รู้ตัว
นิ้วของเขาเลื่อนดูข่าวหน้านั้นอย่างละเอียดซ้ำๆ หลายรอบ ถึงได้แน่ใจว่านี่คือชีหย่วน เด็กน้อยข้างบ้านที่คอยวิ่งตามหลังเขาต้อยๆ และเรียกเขาว่า “พี่มู่”
ลำคอเหือดแห้ง ในใจมีเพียงความกระวนกระวาย ผ่านไปพักใหญ่ อวี๋มู่ถึงเก็บบุหรี่นั้นขึ้นมา ดับและโยนมันเข้าถังขยะ
เขากลับไปนั่งยังโต๊ะทำงานอีกครั้ง พร้อมกับหัวสมองที่ว่างเปล่า ไม่อาจวาดอะไรออกมาได้อีก
ปีนี้อวี๋มู่อายุย่างเข้ายี่สิบแปด ชีหย่วนอ่อนกว่าเขาห้าปี
ครั้งล่าสุดที่เขาเจอชีหย่วนคือเจ็ดปีที่แล้ว ตอนนั้นชีหย่วนอายุเพียงแค่สิบหก กำลังขึ้นมัธยมชั้นปีที่ห้า พักอยู่หอเดียวกันกับเขา
แม่ของชีหย่วนเสียไปตั้งแต่เขาอยู่มัธยมปีที่สอง ปีนั้นมีผู้ชายมาพบชีหย่วนที่หอพัก
จนถึงวันนี้อวี๋มู่ยังคงจำรถหรูสีดำคันนั้นที่ผู้ชายคนนั้นขับได้เป็นอย่างดี
เพื่อนๆ บอกกับเขาว่า แค่ลำพังรถคันนั้นก็ซื้อบ้านในเมือง A นี้ได้สามหลังแล้ว
ตอนนั้นชีหย่วนไม่ได้ไป เหมือนว่าเขาตกลงอะไรบางอย่างกับชายคนนั้น ชายคนนั้นรับผิดชอบค่าใช้จ่ายประจำวันของเขา ส่วนเขาตัดสินใจพักอยู่ที่หอพักสถาบันต่อ
อวี๋มู่ในขณะนั้นเป็นคนพูดตรงไปตรงมา จึงวิ่งไปหยอกล้อชีหย่วนว่า “คิดไม่ถึงว่าหย่วนน้อยของเราจะเป็นถึงคุณชายผู้สูงศักดิ์แหนะ อีกหน่อยพี่คงต้องพึ่งเธอแล้วสินะ!”
ดวงตากลมโตคู่นั้นของชีหย่วนมองเขาอยู่นาน จากนั้นยิ้มออกมา ท่าทางเรียบร้อย และเอ่ยว่า “พี่มู่ นั่นไม่ใช่พ่อผม ผมไม่มีวันยอมรับเขาเป็นพ่อเด็ดขาด”
ทว่า เขาคว้ามือของอวี๋มู่และบอกว่า “แต่ผมนับพี่เป็นพี่ชายของผม เป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียวของผมนะ และผมก็อยากอยู่กับพี่ตลอดไปด้วย”
ตอนนั้นทั้งสองคนยังเด็กมาก อวี๋มู่เองไม่รับรู้ความหมายของคำพูดนี้ กลับรู้สึกปลาบปลื้ม จึงควักเงินในกระเป๋าของตัวเองกว่าร้อยหยวนเพื่อเลี้ยงปิ้งย่างเขา
ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นสนิทสนมกันมาสิบกว่าปี จุดแตกหักคือเจ็ดปีที่แล้วนั่นเอง
ชีหย่วนสารภาพรักกับเขา ทั้งยังจูบเขาด้วย
แรกเริ่มอวี๋มู่ตกใจ จากนั้นรู้สึกรังเกียจ เขาด่าทอชีหย่วนยกใหญ่ บอกให้เขาไสหัวไป แล้วยังบอกว่าเขาเป็นโรคจิต ผิดปกติ
เขาด่าออกมาอย่างไม่น่าฟัง จากนั้นก็เห็นดวงตาของชีหย่วนแดงรื้น
หลังจากชีหย่วนเดินจากไป อวี๋มู่ก็รู้สึกผิด
หลังจากนั้นเขาไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษา พบว่าการรักร่วมเพศไม่ใช่โรค มีหลายครั้งที่การชอบใครสักคนไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศแต่อย่างใด
แต่ตอนนั้นเขาพึ่งโมโหใส่อีกฝ่ายไป จะให้ไปขอโทษก็กลัวเสียหน้า
จากนั้นเรื่องก็ลากยาวไปจนปิดเทอมใหญ่ตอนที่เขากลับบ้าน ชีหย่วนย้ายออกจากหอพัก หลังจากที่ได้เจอกันอีกรอบ ชีหย่วนก็กลายเป็นทายาทแห่งเครือตระกูลชี มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยมหาศาลเป็นที่เรียบร้อย ทำให้สถานะของทั้งสองห่างกันราวฟ้าดิน
บางครั้ง ความสัมพันธ์ของคนเราก็เป็นเช่นนี้ บทจะจบก็คือจบ ไม่มีแม้กระทั่งเวลาให้ได้เตรียมใจ
อวี๋มู่อยากจะขอโทษ เห็นทีคงไม่มีโอกาส
มาตอนนี้ชีหย่วนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ยิ่งทำให้เรื่องราวเหล่านี้กลายเป็นความรู้สึกผิดของเขาไปตลอดชีวิต
แปลนที่ลูกค้าสั่งไว้จนถึงท้ายที่สุดก็ยังไม่สามารถวาดออกมาได้ อวี๋มู่ถูกเจ้านายตวาดกราด เขาฟังอย่างมึนๆ งงๆ จนท้ายที่สุด อีกฝ่ายเหมือนเห็นความผิดปกติของเขา จึงปล่อยไป และยังบอกให้เขาพักผ่อนเยอะๆ
อวี๋มู่ขอลาเพื่อที่จะไปงานศพของชีหย่วน
อย่างไรก็ตาม ชีหย่วนซึ่งเป็นถึงประธานบริษัทเครือตระกูลชี งานศพจึงจัดอย่างยิ่งใหญ่ สะท้านไปทั้งเมืองA
ตอนแรกอวี๋มู่คิดอยู่ว่าฐานะอย่างเขาคงไม่มีทางผ่านประตูไปได้ด้วยซ้ำ แต่กลับพบว่าคนต้อนรับนั้น เมื่อเห็นเขาก็ปล่อยผ่านเข้ามาโดยไม่ซักถามแม้แต่คำเดียว ราวกับว่ามีใครสั่งไว้
เขาไม่อยากคิดมากมาย จึงเดินปะปนกับผู้คนเข้าไป พร้อมกับวางดอกไม้ที่ซื้อมาตรงหน้าโบสถ์ สายตามองไปยังรูปภาพขาวดำของชีหย่วนที่ตั้งไว้ ในใจเกิดความรู้สึกมึนงง
เวลาเจ็ดปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไอ้นี่ก็ยังหน้าสวยเหมือนเดิม แต่ก็ดูมีความเป็นผู้ชาย แววตาเฉียบคม ปราศจากรอยยิ้มบนรูป ให้ความรู้สึกเย็นชา
“พี่มู่ ในที่สุดพี่ก็ยอมมาพบผมแล้วสินะ”
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงชีหย่วนแว่วเข้ามาในหู อวี๋มู่สะดุ้งมองไปรอบทิศ แต่ก็ไม่เจอใคร
เขาเดินไปอีกทาง แล้วกดนวดบริเวณขมับที่เริ่มปวดเพราะอดนอนมาทั้งคืน พร้อมกับปลอบตัวเองในใจว่าคงหูแว่วไปเอง
ไม่งั้นจะได้ยินเสียงคนตายไปแล้วได้ยังไงกัน?
แขกที่มางานศพล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลใหญ่โตในเมือง A คนธรรมดาอวี๋มู่ไม่มีสิทธิ์รู้จักแน่นอน
เขาในตอนนี้ก็ใช่ว่าจะมีอารมณ์เข้าไปทำความรู้จัก เพียงแต่จ้องมองรูปชีหย่วนอยู่อย่างนั้น มือกำหมัดแน่น ดวงตาเริ่มแดงรื้น
ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจภายหลังแล้ว
เขาอยากขอโทษชีหย่วน อยากบอกกับเขาว่าที่พูดไปตอนนั้นเพราะอารมณ์โมโห เขาไม่เคยเกลียดชีหย่วนเลย
เขายังคงมองชีหย่วนเป็นน้องชาย เป็นคนในครอบครัว
เขาหวังให้ชีหย่วนฟื้นขึ้นมา มีชีวิต มีสุขภาพที่แข็งแรง
เพียงแต่คำพูดเหล่านี้ แม้เขาอยากพูดแค่ไหน ก็ไม่มีคนฟังอีกแล้ว
สุดท้าย เขาเดินออกจากโบสถ์ไปเงียบๆ แต่กลับไม่เห็นว่ามีเงาใครอีกคนเดินตามหลังเขาออกไป
เมื่อออกจากงานศพที่น่าอึดอัด ในที่สุดอวี๋มู่ก็ทนต่อไปไม่ไหว
เขาเดินเข้าร้านอาหารตงเป่ยร้านนึง สั่งเหล้าเอ้อร์กัวโถว[1]มาสามขวด แล้วมอมเหล้าตัวเอง เมื่อถึงบ้านก็กอดโถส้วมอาเจียน กลิ่นเหม็นเปรี้ยวไหลเยิ้มพร้อมน้ำมูกน้ำตา ไม่นานใบหน้าหล่อเหลาก็เปลี่ยนเป็นดูไม่จืด
ในกระเพาะเหมือนมีไฟแผดเผา ขณะเดียวกันก็เจ็บปวดในใจ อวี๋มู่ดวงตาแดงก่ำ มือยื่นไปกดชักโครก พร้อมกับสบถออกมา “ไอ้บ้าเอ้ย!”
เหมือนเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ไฟที่เก็บกดอยู่ในใจมานานในที่สุดก็ปะทุออกมา
เขาเตะกำแพง ถีบประตู เขวี้ยงปาข้าวของ ความอึดอัดที่ผ่านมา ความรู้สึกผิดและเจ็บปวดที่อยู่ก้นบึ้งในใจ ทำให้เขากลายเป็นคนบ้าไปแล้วในตอนนี้
เขาเริ่มพึมพำออกมา
“ชีหย่วน ไอ้เด็กเวร!”
“ไหนบอกจะอยู่ยืนยงคงกระพันไม่ใช่รึไง ไอ้ลูกสุนัข ทำไมถึงตายเร็วแบบนี้!”
“…….”
เขาด่าทอระบายออกมาชุดใหญ่ จนสุดท้ายหลังพิงกำแพงและนั่งฟุบลงกับพื้น สูทดำเชิ้ตขาวยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ใบหน้าหล่อเหลาคอตก ขนตาเรียงยาว จมูกโด่งเป็นสัน โดยรวมดูดีแต่ก็มีความเป็นนักเลงเล็กน้อย เพียงแต่ริมฝีปากที่ซีดจาง หลังจากการทำร้ายตัวเองก็เริ่มมีสีชมพูระเรื่อขึ้นมาบ้าง
อวี๋มู่ใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าที่สกปรกมอมแมม หัวสมองตื้อไปหมด หลอดลมแสบร้อนวูบวาบ เขาเหม่อมอง ความทรงจำเกี่ยวกับชีหย่วนที่ถูกปิดตายปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาเปลี่ยนจากชัดเจนเป็นค่อยๆ พร่าเบลอ จวบจนน้ำใสๆ รื้นออกมาจนขนตาเปียกชุ่ม ไหลรินอาบแก้มเม็ดแล้วเม็ดเล่า
ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เพียงแต่หลังจากตื่นขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งรอบตัวอวี๋มู่ก็เปลี่ยนไปหมด
[สวัสดีครับ โฮสต์ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ระบบหยวนเมิ่ง ทำฝันให้เป็นจริง ขอเพียงท่านสามารถปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ลุล่วง ท่านจะสามารถขอพรได้หนึ่งข้อ]
เสียงหนึ่งดังอยู่ข้างในสมอง อวี๋มู่หยิกแขนตัวเอง
รู้สึกเจ็บ นี่ไม่ใช่ความฝัน และไม่ใช่เมาค้างหลังตื่นด้วย เขาข้ามมิติมาของจริง
“…….ฉันไม่อยากได้ระบบหยวนเมิ่ง ปล่อยฉันออกไป” เขาลุกขึ้นจากเตียงไม้ เมื่อตื่นจากอาการเมาค้าง อวี๋มู่ก็ใจเย็นและได้สติมากขึ้น
ระบบยังคงกล่าวต่อ [เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น เราสามารถทำพรของท่านให้เป็นจริงได้ นั่นรวมถึงการชุบชีวิตคนตายด้วยนะครับ โฮสต์แน่ใจว่าจะไม่พิจารณาจริงๆ หรือครับ?]
ฟังจบ อวี๋มู่เริ่มก่อเกิดความสนใจ
เขาเอ่ยถาม “ภารกิจอะไร?”
[โฮสต์ต้องข้ามมิติไปยังโลกของนิยายห้าเรื่อง และเป็นแสงจันทร์ขาว(白月光[2])ของตัวร้ายในเรื่อง เติมเต็มคะแนนความประทับใจของตัวร้ายทั้งห้าตัว จะถือว่าเสร็จสิ้นภารกิจครับ]
ดูเหมือนจะไม่ยาก
ขณะที่คิด ในสมองอวี๋มู่ก็ปรากฏใบหน้าสวยของชีหย่วนแวบขึ้นมา ในที่สุดก็กัดฟัน ยอมตอบตกลงรับภารกิจ
แม้ว่าจะไม่ค่อยเชื่อใจเจ้าระบบนี่เท่าไหร่ และยังไม่แน่ใจกับสถานการณ์ตอนนี้มากนัก แต่เมื่อได้ยินเรื่องความหวังในการทำให้ชีหย่วนฟื้นกลับมาได้ เขาก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะลองดูซักตั้ง
————————————————————-
เชิงอรรถ
[1] 二锅头 เหล้าเอ้อร์กัวโถว แบรนด์เหล้าขาวประเภทหนึ่งของจีน
[2] 白月光 ไป๋เยวี่ยกวง ภาษาไทย แปลได้ความว่า แสงจันทร์ขาว เป็นคำแสลงเปรียบกับการที่เรารักใครบางคนอย่างลึกซึ้งจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่ไม่อาจได้เค้ามาครอบครอง ได้แต่เฝ้าฝันถึง แต่ไม่อาจได้คู่กัน
คอมเมนต์