ระบบข้ามมิติ ไปเป็นแสงจันทร์ขาวของตัวร้าย ตอนที่ 1-5
เล่มที่ 1 ตอนที่ 5 นักเรียนตัวน้อยที่น่าสงสาร (05)
วันรุ่งขึ้นตอนเช้า
ชายหนุ่มร่างผอมสูงในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีฟ้าที่ซีดจนขาว ยืนรอเงียบๆ อยู่ใต้ต้นพุทรา ตาเหม่อลอยเย็นชา
อวี๋มู่ตะโกนเรียกเขา เขาถึงเบนสายตากลับมา หมุนตัวมาทางอวี๋มู่พร้อมเม้มปาก
หางตาใต้ผมหน้าม้านั้นเขียวช้ำ แก้มบวมเป่ง หน้าผากมีผ้าก็อตทำแผลที่อวี๋มู่ทำแผลให้เขาเมื่อวาน
อวี๋มู่เดินเข้าไปใกล้ สังเกตเห็นลำคอที่โผล่มาจากคอเสื้อ พลันเบิกรูม่านตากว้าง
สายตาจับจ้องอยู่ที่รอยนิ้วมือไขว้สีม่วงช้ำ มองเพียงปราดเดียวก็ดูออกว่าเป็นรอยช้ำที่เกิดจากการโดนคนบีบคอ ต้องโดนบีบเป็นเวลานานและแรงถึงทิ้งรอยไว้ขนาดนี้
มือกำหมัดแน่น อวี๋มู่กัดฟัน ในใจเกิดไฟลุกสุมอก
เขาสัมผัสไปที่คอเหลียงหานอย่างเบามือ เอ่ยถามเสียงเย็น “นี่ฝีมือพ่อเธอเหรอ ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”
ก่อนหน้านี้เขายังพอห้ามใจไม่เข้าไปยุ่งได้ หนึ่งคือเพราะให้เกียรติความรู้สึกของเหลียงหาน สอง พฤติกรรมของพ่อเหลียงยังไม่ได้ถึงขึ้นเป็นภัยต่อชีวิตเด็กหนุ่ม
แต่มาวันนี้ รอยช้ำบนคอเหลียงหาน บ่งชี้ได้ชัดว่าพ่อของเขาคือสวะดีๆ นี่เอง หากว่ายังไม่ลงมือทำอะไร เห็นทีคงได้เกิดเรื่องขึ้นซักวัน!
“เขาไปร้านแล้วครับ”เพราะหลอดลมได้รับบาดเจ็บ ยังไม่ทันหายดี เสียงของเหลียงหานจึงแหบมาก
ครั้งนี้เขาเป็นคนคว้าข้อมืออวี๋มู่เอง จากนั้นส่ายหน้า“ครูครับ ไม่ต้องใส่ใจเรื่องพ่อผมหรอก คุณดูแลผมก็พอแล้ว เมื่อวานผมคิดได้แล้ว ผมไม่อยากเป็นสวะสังคมเหมือนเขา ดังนั้นผมจึงไม่ได้โต้ตอบเขา”
เหลียงหานไม่อยากให้อวี๋มู่คลุกคลีกับพ่อเขามากนัก
แค่ลำพังครอบครัวเขาก็ย่ำแย่อยู่แล้ว ไม่อยากให้อวี๋มู่เข้ามาพัวพันกับเรื่องอันตรายแบบนี้
อวี๋มู่จดจ้องอยู่ที่รอยแผลบนใบหน้าของเหลียงหานอยู่เนิ่นนาน สุดท้ายได้แค่ถอดใจ
เขาดึงเหลียงหานกลับห้องพักตัวเอง จากนั้นทายาคลายฟกช้ำให้ ตอนที่ช่วยนวด เหลียงหานขมวดคิ้วทนความเจ็บปวด แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงร้องแต่อย่างใด ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของอวี๋มู่อยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
ร้านตัดผมไม่ได้อยู่ใกล้บ้านพักของพวกเขานัก อวี๋มู่ขี่จักรยาน แล้วให้เหลียงหานซ้อนท้าย แขนสองข้างโผล่มาจากด้านหลังโอบเอวของเขาไว้
อวี๋มู่ตัวแข็งไปชั่วครู่
“ครูครับ คุณรู้ไหมว่าทำไมเมื่อคืนทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ขัดขืน แต่ผมก็ยังรอดมาได้?”
เหลียงหานเอนหัวไปพิงหลังอวี๋มู่ หลับตาลง ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานแล่นเข้ามาในหัวเขาอีกครั้ง
“ถ้าเล่าออกมา มันก็ออกจะน่าดีใจนะครับ” เขาพูด “เป็นแม่ผมที่เข้ามาช่วยห้ามไว้”
อวี๋มู่ชะงัก
“จริงๆแล้วแม่ก็ไม่ได้อยากให้ผมตาย แม่ยังยอมรับผมเป็นลูกชายอยู่”
เสียงของเหลียงหานลอยอยู่ในเสียงลม “จริงๆแล้วผมเคยคิดว่า ขอเพียงแค่แกล้งยั่วพ่อให้โกรธจัดจนอยากฆ่าผม ในตอนนั้นแม่ก็จะเข้ามาช่วย จากนั้นแม่คงจะค่อยๆ เห็นตัวตนของผม และยอมรับว่าผมเป็นลูกชายเธอเสียที…..”
อวี๋มู่ฟังคำพูดที่มีนัยแฝงประโยคนี้ถึงกับสะดุ้ง เย็นวาบในใจ
เขาอยากพูดห้ามปราม แต่กลับได้ยินเหลียงหานพูดต่อ
“แต่ว่าไม่ได้หรอก นี่อันตรายเกินไป……หากว่าผมตายไปจริงๆ ก็จะไม่ได้เห็นหน้าแม่อีก ไม่ได้เห็นครูอีกต่อไป ผมไม่อยากเสี่ยงแบบนั้น”
สองแขนของเขาโอบเอวอวี๋มู่แน่น สัมผัสไออุ่นจากตัวเขา จากนั้นเอ่ยเสียงค่อย “ครูอวี๋ครับ หลังจากเราตัดผมเสร็จ ครูช่วยแวะจอดหน้าร้านดอกไม้หน่อยได้ไหมครับ วันนี้เป็นวันแม่ แม่ชอบดอกไม้ที่สุด ผมอยากซื้อช่อดอกไม้ให้แม่สักช่อ”
อวี่มู่ที่นิ่งเงียบไปนานในที่สุดก็เอ่ยออกเสียงซะที แต่น้ำเสียงนั้นแอบฝืดเฝื่อน เขากำแฮนด์จักรยานแน่น แล้วตอบตกลงไป
เหลียงหานเก็บเงินที่ได้มาจากการทำงานรับจ้างไว้ในกระเป๋าชั้นในที่เย็บซ่อนเอาไว้ วันนี้พึ่งได้เอาออกมาใช้
เงินที่ตัดผมอวี๋มู่ขอจัดการออกให้เขาเสร็จสรรพ ดังนั้นตอนที่ถึงร้านดอกไม้ เหลียงหานจึงไม่ได้ให้อวี่มู่เข้ามาด้วย แต่เข้าไปเลือกเอง
ขณะที่รอพนักงานห่อช่อดอกไม้ เขาเหลือบมองออกไปด้านนอกประตู แค่มองแวบเดียวนั้นก็ละสายตาไปไหนไม่ได้อีก
เวลาเที่ยงตรง อากาศที่ร้อนอบอ้าว อวี๋มู่จึงจอดรถจักรยานไว้ใต้ต้นการบูร ยืนพิงต้นไม้ดูดบุหรี่ หรี่ตาเบาๆ
แสงแดดรำไรลอดผ่านใบไม้ตกกระทบเส้นผมของชายหนุ่มและตัวเขา
เทียบกับร่างผอมซีดบอบบางของเหลียงหานแล้ว อวี๋มู่มีผิวพรรณที่เปล่งปลั่งดูดี ใบหน้าครบเครื่องหล่อเหลา หางตาที่เวลายิ้มนั้นแอบมีความก้าวร้าวเล็กๆ หล่อบาดใจ
นิ้วมือเรียวยาวคีบบุหรี่ ริมฝีปากบางพ่นควันออกมาบดบังใบหน้าเบาๆ ยิ่งทำให้ภาพที่เห็นนั้นน่าเคลิบเคลิ้ม เสี่ยงต่อการตกอยู่ในภวังค์
จู่ๆ ในหัวเหลียงหานก็เริ่มเกิดความรู้สึกเพ้อเจ้อ
ณ วินาทีนั้น เขาอยากเป็นบุหรี่มวนนั้นเสียเอง แม้ว่าจะมีชีวิตแค่เพียงชั่วคราว ขอเพียงได้สัมผัสกับนิ้วเรียว ใกล้ชิดกับริมฝีปากนั้น ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่ขออะไรแล้ว
ความรู้สึกบ้าบอเช่นนี้ เหลียงหานเองถึงกับกลัวความคิดของตัวเอง แต่เขาก็ควบคุมไม่ได้อยู่ดี
เมื่อวานหลังผ่านประตูแห่งความเป็นความตายมา เขาก็ยิ่งแน่ใจถึงตัวตนของอวี๋มู่ที่อยู่ในใจเขาได้ชัดเจน
หากไม่ใช่เพราะอวี๋มู่ เมื่อวานเขาคงลงมือแน่นอน เขาต้องถูกพ่อผลักให้ตกลงเหวลึก จนไม่สามารถกลับตัวได้อีก
เพราะแบบนี้ ตอนที่ซ้อนท้ายอวี่มู่ เขาจึงโอบกอดพิงหลังเขาไว้ เพื่อที่จะสัมผัสความอบอุ่นจากชายคนนี้ที่ทำให้เขาใจเต้น
“สุดหล่อ มองอะไรน่ะ ใจลอยเชียว” พนักงานเป็นผู้หญิงอายุราวยี่สิบกว่า เขาฉุดเหลียงหานออกจากภวังค์ แล้วมองตามไปด้านนอก เห็นเด็กสาวคนนึงยืนจัดแต่งผมและบังอวี๋มู่ไว้พอดี
เธอหัวเราะ “กำลังยืนมองคนที่ชอบล่ะสิ?”
เหลียงหานสะดุ้ง มองไปที่พนักงาน “คนที่ชอบเหรอฮะ?”
ชอบอะไรกัน?
เขาชอบอวี๋มู่งั้นเหรอ?
เมื่อนึกถึงภาพที่ตัวเองเพ้อฝันเมื่อครู่ เหลียงหานถึงกับตกใจ
สายตาที่พนักงานมองมาเหมือนอ่านใจเขาออก ท่าทางได้ใจ
เธอหยิบดอกอกุหลาบที่วางอยู่ข้างๆ มา เด็ดหนามทิ้ง พร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ที่จัดเสร็จกับดอกกุหลาบให้เหลียงหาน ขยิบตาให้เขา “ดอกกุหลาบนี้ถือว่าฉันให้ละกัน เอาไปให้คนที่ชอบสิ เธอคนนั้นต้องดีใจมากแน่ๆ ”
เหลียงหานถือดอกไม้เดินออกจากร้านไปทางอวี๋มู่
เขาเอาดอกกุหลาบซ่อนไว้กับช่อดอกไม้ กำมันแน่นอย่างไม่รู้ตัว
อวี๋มู่ไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ เขาดับบุหรี่ แล้วโยนลงถังขยะ พอหันกลับมา ก็เห็นหัวใจสองดวงครึ่งที่แดงอยู่ก่อนหน้านั้น ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นสามดวงเต็มแล้ว
เขามองเหลียงหานด้วยท่าทีประหลาดใจ อวี๋มู่กำลังวิเคราะห์เกิดเรื่องอะไรขึ้นในร้านดอกไม้กับเจ้าเด็กนี่ ทำไมแต้มความพอใจถึงเพิ่มขึ้นเยอะแบบนี้
แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้ความอารมณ์ดีของเขาลดลง เขายื่นมือออกไปขยี้ผมที่ตัดสั้นแล้วของเหลียงหาน แล้วเอ่ย “ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ไม่รีบกลับบ้านด้วย ป่ะ ครูพาเธอไปหาของอร่อยกินกันดีกว่า
ละแวกนั้นมีร้านกระทะร้อนอยู่หนึ่งร้าน อวี๋มู่สั่งไก่ผัดมันเทศกับปลาเหลืองกระทะร้อนไปอย่างละหนึ่งจาน ทั้งสองทานกันอิ่มแปล้จึงไม่ได้ขี่จักรยาน แต่ค่อยๆ เข็นกลับแทน
ระยะทางค่อนข้างไกล ในมือของเหลียงหานยังถือดอกกุหลาบไว้ คำพูดของพนักงานทำใจเขาปั่นป่วน
วัยรุ่นมีความรักมักจะสับสนวุ่นวายใจ เหลียงหานเองก็เช่นกัน
แม้ว่าเขาจะคาดหวังได้ใกล้ชิดกับอวี๋มู่ ยอมรับให้อีกฝ่ายเข้ามายังโลกของเขา แต่ยังไงก็ตามอีกฝ่ายก็เป็นครู ทั้งยังเป็นผู้ชายทั้งแท่ง
ดังนั้นจนถึงบ้านพัก เหลียงหานก็ยังไม่ได้เอาดอกกุหลาบให้เขา
เขากล่าวลากับอวี๋มู่ แล้วถือดอกไม้กลับเข้าบ้านตัวเอง
เปิดประตูเข้าไปเห็นแม่นั่งดูทีวีอยู่ตรงโซฟา ผมลอนยาวประบ่าปล่อยสยาย สวมชุดกระโปรงสีฟ้า แขนและขาที่โผล่ออกมาจากเสื้อผ้ามีแต่รอยแผลทั้งเก่าและใหม่
นึกถึงเมื่อวานที่ได้รับการปกป้องจากเจี่ยงหยวน แม่ของตัวเอง ในใจเหลียงหานก็ก่อเกิดความอบอุ่นขึ้นมา
“แม่ฮะ ผมกลับมาแล้ว” เหลียงหานเดินไปข้างโซฟา ยื่นช่อดอกไม้ไปข้างหน้า เผยรอยยิ้มจริงใจออกมา “ดูสิฮะ ผมซื้อดอกไม้มาให้แม่ด้วย สุขสันต์วันแม่ฮะ”
ในที่สุด สายตาของเจี่ยงหยวนก็เลื่อนจากจอทีวีมาทางเหลียงหาน จากนั้นมองไปที่ช่อดอกคาร์เนชั่นกับลิลลี่ในมือเขา
กลิ่นหอมจางๆ โชยทั่วห้อง ใบหน้าสะสวยของหญิงสาวจ้องมองเด็กหนุ่มที่นั่งยองๆ อยู่หน้าตัวเองอย่างนึกสงสัย
จ้องมองใบหน้าที่ละม้ายคล้ายเธออย่างละเอียดนั้น
“ลูกตัดผมมาหรือ?”
มือของเหลียงหานสั่นระริก ความรู้สึกจุกแน่นผ่านขึ้นมาทางจมูก ไม่นานดวงตาเขาก็แดงรื้น
นี่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานานที่เจี่ยงหยวนสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเขา
เขาตอบกลับน้ำเสียงขึ้นจมูก “ฮะ.. วันนี้.. พึ่งไปตัดมาวันนี้ ครูอวี๋พาผมไป”
ดูเหมือนว่าเจี่ยงหยวนจะลืมเหตุการณ์น่ากลัวเมื่อวานไปแล้ว ดูท่าทางอารมณ์ดี เธอไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเหลียงหาน แต่กลับยื่นมือไปรับดอกไม้เอง อุ้มไว้แล้วดอมดม ใบหน้าเผยรอยยิ้มใสซื่อ หวงแหนดั่งของมีค่า
“หอมมาก” เธอจ้องมองดอกไม้ ราวกับว่ากำลังเห็นตัวเองในวัยเด็กสาวบริสุทธิ์
มองดูใบหน้าเจี่ยงหยวน ซักพักเหลียงหานก็มีน้ำตาไหลอาบแก้มสองข้างอย่างไม่รู้ตัว
เขาใช้แขนเสื้อเช็ด แต่ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้จริงๆ
ตั้งแต่เขาจำความได้ เขาไม่เคยเห็นแม่ยิ้มมาก่อน วันนี้ช่างเป็นวันดีอะไรอย่างนี้
ดีจนเขานึกว่าตัวเองกำลังฝันไป
วันนี้พ่อเหลียงไม่ได้กลับมาบ้าน ยากมากกว่าเหลียงหานและเจียงหยวนจะได้ผ่านค่ำคืนอย่างสงบสุขได้
แต่ขณะที่หลับอยู่บนเตียง เขากลับรู้สึกกระสับกระส่ายนอนไม่ได้
จวบจนกลางดึก เหลียงหานพลิกตัวตื่นไปยังห้องรับแขก
เจี่ยงหยวนหาแจกันมา และจัดการย้ายดอกไม้ไปจัดไว้ ทำให้ทั่วทั้งห้องรับแขกมีแต่กลิ่นลิลลี่หอมหวน
เหลียงหานหยิบดอกกุกลาบที่เสียบอยู่ในแจกันขึ้นมา เปิดประตูและเดินออกไป
เขาเดินผ่านต้นพุทราไป ภายใต้แสงจันทร์ยามราตรีในต้นฤดูร้อน ในมือมีกุหลาบ ยืนอยู่หน้าห้องพักของอวี๋มู่
มองดูประตูที่ปิดกลอนไว้ เหลียงหานใจเต้นจนแทบระเบิด
เขาไม่รู้ว่าทำไมนอนไม่หลับและต้องวิ่งมาหน้าห้องอวี๋มู่กลางดึก และไม่รู้ว่าทำไมต้องถือกุหลาบดอกนี้มาด้วย แต่เขารู้เพียงว่าอยากจะแบ่งปันความสุขให้กับชายคนนี้
วันนี้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นหลายเรื่อง
ทำให้เขาผูกเรื่องพวกนี้เข้ากับอวี๋มู่โดยไม่รู้ตัว
ราวกับว่าขอเพียงมีชายคนนี้ยืนอยู่ข้างเขา ตัวเองก็จะได้รับความโชคดีและรู้สึกถึงความสุข
เหมือนที่พนักงานบอก เอาดอกกุหลาบให้คนที่ชอบ อีกฝ่ายต้องดีใจแน่ๆ
เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับความรู้สึกที่เขามีต่ออวี๋มู่เรียกว่าชอบหรือเปล่า แต่เขาแค่อยากให้อวี๋มู่ดีใจตอนที่เปิดประตูออกมาในตอนเช้าแล้วเห็นดอกกุหลาบนี้
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
เขาค่อยๆ เสียบดอกกุหลาบไว้ที่ช่องว่างตรงกลอนประตู เหลียงหานโน้มตัวคำนับตรงประตูช้าๆ
ขอบคุณมากครับ ครูอวี๋
คอมเมนต์