ระบบข้ามมิติ ไปเป็นแสงจันทร์ขาวของตัวร้าย ตอนที่ 1-7
เล่มที่ 1 ตอนที่ 7 นักเรียนตัวน้อยที่น่าสงสาร (07)
ตอนแรกเหลียงหานตั้งใจจะเอาผักที่เหลือมาทำผัดวุ้นเส้นให้อวี๋มู่ แต่ถูกอวี๋มู่สกัดว่าเขาเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ให้รีบกลับไปนอนพัก
กลางคืนอากาศร้อน อวี๋มู่เปิดหน้าต่างออก พัดลมข้างเตียงส่ายไปมาเสียงครืดคราด ลมที่พัดมาก็ไม่ได้เย็นอะไรมากนัก
ตอนที่รอเหลียงหานเขาถูกยุงกัดไปหลายที มาตอนนี้คันมาก หลังจากเกาก็ยิ่งทำให้นอนไม่หลับ จึงเริ่มคุยเล่นกับระบบ
อวี๋มู่ : เจ้าระบบ นายว่าเมื่อไหร่ฉันถึงจะเติมคะแนนความประทับใจของเหลียงหานจนเต็มได้นะ?
[มันขึ้นอยู่กับความพยายามของคุณล้วนๆ เลยครับ] ระบบอธิบาย [คะแนนความประทับใจคือห้าดวง หากเติมเต็มสามดวง แปลว่าเขาเริ่มชอบคุณแล้ว เต็มสี่ดวงแปลว่าเขารักคุณ เต็มห้าดวงเมื่อไหร่นั่นแปลว่าเขารักคุณอย่างสุดซึ้ง ฝังแน่นในใจครับ]
อวี๋มู่เการอยยุงกัดที่มือ : ไหนบอกว่าตัววายร้ายแค่แอบชอบแสงจันทร์ขาวของเขาไม่ใช่รึไง? รักอย่างสุดซึ้งคืออะไรกัน? เด็กหนุ่มอย่างเขาจะเข้าใจอะไรกับความรักสุดซึ้ง?
ระบบเงียบไปชั่วครู่ ค่อยเอ่ย [โฮสท์ครับ ความรักกับอายุมันไม่ได้เกี่ยวกันเลย อีกอย่างเหลียงหานก็ไม่ได้เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป ในชีวิตของเขา ไม่เคยมีใครที่ยินดีช่วยเหลือเขาอย่างไม่หวังผลตอบแทนมาก่อนเช่นคุณ ตอนที่เขาสะบัดมือคุณทิ้ง ก็เพราะไม่อยากให้คุณก้าวเข้ามาอยู่ในโลกของเขา แต่คุณคว้ามือเขาไว้ ทั้งยังให้คำสัญญากับเขา]
[ตัวร้ายที่หวาดระแวงแบบพวกเขา มีเพียงสองอย่างที่จะปฏิบัติกับคนอื่น หนึ่งคือเมินเฉย สองคือจับแล้วไม่มีวันปล่อย ถึงตายก็ไม่ยอม และความรักแบบนี้จึงอยู่ในขอบเขตของความรักสุดซึ้ง ไม่ใช่อะไรที่ตัวเองสามารถควบคุมได้]
อวี๋มู่ : ……เจ้าระบบ คิดไม่ถึงว่านายก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรักนะเนี่ย
[ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้น เพียงแค่พอรู้บ้างนิดๆ หน่อยๆ]
อวี๋มู่ : ……
รอยกัดตรงหัวแม่เท้าเริ่มคัน อวี๋มู่เขี่ยขาไปมา แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย : แล้วไอ้ความรักสุดซึ้งที่ว่าเหมารวมถึงอยากมีเรื่องอย่างว่ากับฉันด้วยหรือเปล่า?
[แน่นอน ต้องรวมสิครับ]
อวี๋มู่ตัวแข็ง
*
คืนนั้นทั้งคืน อวี๋มู่ก็หลับไม่ลง
เหตุผลสามข้อคือ หนึ่งเพราะอากาศร้อน สองเพราะชะงักกับคำพูดของระบบ สามเพราะเขาฝันถึงเรื่องนึง
เวลาย้อนกลับไปวันวาน เขาฝันถึงวันที่ชีหย่วนมาสารภาพรักกับเขา
ตอนนั้นเขาอยู่มัธยมชั้นปีที่หก ชีหย่วนยังอยู่มัธยมต้น อายุพอๆ กับเหลียงหานตอนนี้
ทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงใกล้สอบขึ้นมัธยมปลาย แต่เด็กนี่ก็ยังไม่วายมาหาเขาตลอดเวลา เขาเตือนแล้วก็ไม่ฟัง
ตอนนั้นอวี๋มู่มีแฟน ทั้งอ่อนโยนและสะสวย เขาอยู่ในวังวนคนมีความรัก จึงละเลยชีหย่วนไป
ชีหย่วนโทรหาเขาหลายครั้ง นัดเขาออกมา เขาก็ไม่มีเวลาให้ตลอด
ต่อมามีอยู่วันหนึ่ง ทั้งๆ ที่ควรจะเป็นเวลาเรียน แต่ชีหย่วนกลับยืนอยู่หน้าห้องอวี๋มู่ รอจนเขาเลิกเรียน
เขาเดินอ้อล้อกับแฟนออกจากห้องเรียน เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเด็กหนุ่มหน้าสวยยืนนิ่งเงียบรออยู่ด้านนอกห้องเรียน แววตาที่มองแฟนเขานั้นเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง
แต่แววตาเย็นชาเช่นนี้เมื่อเบนสายตามาทางอวี๋มู่ก็แปรเปลี่ยนจากพายุโหมกระหน่ำเป็นวันฟ้าใส กลายเป็นรอยยิ้มอ่อนหวาน
อวี๋มู่ถามเขาว่าทำไมต้องโดดเรียน ชีหย่วนดึงแขนเสื้อแล้วบอกว่ามีเรื่องบางอย่างอยากคุยด้วย
ทั้งสองกลับไปยังหอพักของอวี๋มู่ คิดไม่ถึง หลังจากอวี๋มู่ปิดประตูห้องหันหลังกลับก็ถูกชีหย่วนกดตัวหลังชิดกับกำแพงอย่างแรง
ชีหย่วนจูบเขา
พูดให้ถูกคือกัดเขา ด้วยแรงนั้นเล่นเอาริมฝีปากถลอกถึงกับเลือดไหลซิบ พริบตาเดียวริมฝีปากบางของอวี๋มู่ก็แดงระเรื่อ
“จริงตามคาด สีแดงสวยมาก” ชีหย่วนจ้องมองอวี๋มู่ด้วยแววตาประสาทมาก วิงวอนเขา “พี่มู่ ผมชอบพี่ พี่เลิกกับผู้หญิงคนนั้นได้ไหม?”
ฝันถึงฉากนี้ อวี๋มู่ก็ตื่น
เขายังนึกถึงสิ่งที่เขาต่อว่าชีหย่วนในตอนนั้น เขาดำดิ่งอยู่กับความรู้สึกผิดในใจ
เขาต้องรีบทำภารกิจให้จบโดยเร็ว เพื่อชุบชีวิตชีหย่วน แล้วขอโทษหมอนั่นให้ได้
*
เพราะไม่ได้หลับดีๆ จึงปวดเมื่อยเนื้อตัว อวี๋มู่ลงจากเตียงล้างหน้าแปรงฟัน คร้านจะโกนหนวด เขาต้มไข่สี่ใบด้วยความเคยชิน กินไปสองใบ แล้วเก็บอีกสองใบ จากนั้นใส่แขนสั้นขาสั้น ก้าวฉับๆ พร้อมหยิบเก้าอี้ไม้ไปนั่งหน้าบ้าน
ตรงสวนเริ่มคึกคัก ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเช้า บ้านอื่นเริ่มตั้งโต้ะกับข้าว พลางกินไปคุยไป
จางเหมยทักทายเรียกอวี๋มู่มาทานด้วยพอเป็นพิธี แต่อวี๋มู่ปฏิเสธไป
ดูนาฬิกา ตอนนี้เจ็ดโมงเช้า มองไปทางบ้างเหลียงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
อวี๋มู่รู้สึกเบื่อ เอ่ยถามระบบว่าเหลียงหานไปลาออก จะกลับมาเมื่อไหร่
[อย่าพึ่งใจร้อนครับ ใกล้ถึงหน้าทางเข้าแล้ว]
สิ้นเสียง เหลียงหานก็ก้าวเข้ามาทางสวนบ้านพัก อวี๋มู่ตาเป็นประกาย
เขากระดิกนิ้วชี้กับนิ้วกลาง เหลียงหานก็วิ่งเหยาะๆ มาเหมือนหมาน้อย ใบหน้ายิ้มแย้ม
แต่ก่อนเขายิ้มน้อยมาก แต่อวี๋มู่บอกว่าเขายิ้มแล้วดูดีมาก ดังนั้นเวลาที่เจออวี๋มู่ เขาก็จะยิ้ม
“ครูอวี๋ฮะ ผมลาออกแล้ว” เหลียงหานมายืนข้างอวี๋มู่ ร่างผอมสูงยืนบดบังแดดพอดี ทำให้อวี๋มู่เหมือนถูกคลุมอยู่ใต้เงา
“เด็กดีเชื่อฟัง” อวี๋มู่ชมเขา ให้เขาหยิบเก้าอี้มานั่ง แล้วยื่นไข่ที่ซุกไว้ในอุ้งมือให้เขา “กินสิ ฉันเก็บไว้ให้เธอ”
หน้าที่รับผิดชอบไข่ตอนมื้อเช้าของเหลียงหานกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของอวี๋มู่ไปเรียบร้อย
เหลียงหานไม่ได้ปฏิเสธ จึงกระเทาะไข่กับพื้น แล้วเริ่มแกะเปลือก
อวี๋มู่จุดบุหรี่ เข้ามารินน้ำให้เหลียงหาน แล้ววางด้านข้าง “เดี๋ยวออกไปตลาดกับฉัน แล้วทำอาหารดีๆ ให้ซักมื้อ กลางวันเรามาทานด้วยกัน”
“อื้อ” เหลียงหานกินไข่จนหมด ดื่มน้ำไปครึ่งแก้ว สายตามองไปที่อวี๋มู่ที่อยู่ข้างๆ สังเกตเห็นหนวดเคราเขียวครึ้มที่ดูไม่ค่อยชัด เมื่อวานยังไม่มี
นี่ยังไม่ได้โกนหนวดหรอ?
อยากลองลูบดูจัง…..
มือคัน ขยี้ใจ เหมือนถูกกระตุ้น
เขารีบเบนสายตาไปที่บุหรี่ที่จุดไฟอยู่ เอ่ยถาม “ครูอวี๋ครับ สูบบุหรี่เป็นความรู้สึกยังไงบ้างฮะ?”
“รู้สึกยังไงหรอ…….” อวี๋มู่ใช้สมองแล้วมองเขา หัวเราะพร้อมหางตากระตุกขึ้ ท่าทางขี้เล่นเผยออกมา “เธออยากรู้หรอ?”
อวี๋มู่ฝึกสูบบุหรี่จากพวกแก๊งเพื่อนตั้งแต่มัธยมต้น มาถึงตอนนี้ก็สิบปีแล้ว นับว่าเป็นนักสูบบุหรี่ตัวยงเลยก็ว่าได้ ตอนนี้เหลียงหานถามเขาว่าสูบบุหรี่รู้สึกยังไง เขากลับอยากลองแกล้งอีกฝ่ายซะงั้น
เหลียงหานใจเต้นเมื่อถูกสายตาเรียวยาวคู่นั้นจ้องมอง เขาเกือบใจลอยไปชั่วขณะ
“งั้นเธอลองสูบดูสิ” อวี๋มู่จับบุหรี่ครึ่งมวนที่เหลือยัดให้เหลียงหาน นิ้วมือยังคีบอยู่ เห็นข้อนิ้วชัด นิ้วเรียวสวย
“สูดหายใจลึกๆ ให้ควันอยู่ในปาก แล้วพ่นออกทางจมูก”
นี่คือบุหรี่ที่อวี๋มู่สูบ!
เรื่องนี้ทำให้เหลียงหานถึงกับใบหน้าร้อนผ่าว สมองเขาโล่งโปร่งเป็นสีขาว รู้เพียงต้องทำตามที่อวี๋มู่บอก
ปรากฏว่าพอสูดเข้าไป ควันบุหรี่ก็ทะลักเข้าหลอดลม แล้วไอค่อกแค่กออกมา ไม่นานนัก ดวงตาก็แดงก่ำ
“ฮ่าๆๆ……” อวี๋มู่ขำก๊ากอย่างไร้ความเมตตา แล้วช่วยตบหลังไล่ลม แล้วยังถามเขาว่า “ตอนนี้รู้รึยังว่ารู้สึกยังไง?”
เขาดับบุหรี่จนมอด โยนเข้าถังขยะ เอ่ย “ทั้งเผ็ดทั้งสำลักขึ้นจมูก ไม่ได้จะรู้สึกดีตรงไหนเลย”
*
ที่อวี๋มู่ทำแบบนี้ ล้วนเป็นเพราะว่าไม่อยากให้เหลียงหานหลงผิดเหมือนเขาจนกลายเป็นคนติดบุหรี่
แต่เขาไม่รู้เลยว่าเพราะการกระทำเล็กๆ นี้ วันนั้นทั้งวันเหลียงหานต้องอยู่อย่างวิญญาณล่องลอย ดวงตาคู่นั้นเผลอแอบมองริมฝีปากเขาอยู่บ่อยครั้ง มองแล้วก็เอามือลูบไล้ปากตัวเอง จากนั้นกัดริมฝีปากเบาๆ แล้วแอบยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่คนเดียว
อวี๋มู่ซื้อปลามาตัวนึง แล้วยังซื้อกระหล่ำดอก มะเขือ เห็ดต่างๆ หันมาถามเหลียงหานอยู่เรื่อยๆ แล้วยังเคียงบ่าเคียงไหล่ถามจนได้ความว่าเขาชอบกินมันฝรั่ง
ไม่ว่าจะตุ๋น จะผัด จะนึ่ง ขอแค่เป็นมันฝรั่ง เหลียงหานก็ชอบกินหมด
เลี้ยงง่ายจริงๆ
คิดอยู่เช่นนี้ เมื่อกลับถึงบ้าน เขาก็ยกห้องครัวให้เหลียงหาน ให้เขาจัดการทุกอย่างเองตามใจ จากนั้นเข้าห้องตัวเอง แล้วหยิบสมุดกับหนังสือคณิตศาสตร์ของมัธยมชั้นปีที่ห้าออกมาจากชั้นวาง กะจะวางแผนการเรียนให้เหลียงหาน
เขาจำได้ว่าประมาณช่วงเดือนตุลาคมจะมีการจัดแข่งขันโอลิมปิกในเมือง อันดับหนึ่งจะได้รางวัลห้าร้อยหยวน
โลกที่เขาข้ามมิติมา ถ้าเทียบกันก็ราวๆ ปีค.ศ.2000 เงินห้าร้อยหยวนนับว่าไม่น้อยทีเดียว
ค่าเทอมหนึ่งปีของเหลียงหานรวมค่านู่นค่านี่จิปาถะจะอยู่ราวๆ หนึ่งพันหยวน แม้ว่าเรียนดีจะได้รับการลดหย่อนบางส่วน แต่อย่างน้อยก็ยังต้องจ่ายห้าร้อย
หากว่าช่วยเหลียงหานให้ชนะเงินรางวัลก้อนนี้มาได้ ไม่เพียงจะเป็นการสร้างกำลังใจในการเรียน ทั้งยังช่วยวิกฤตในตอนนี้ได้อีกด้วย
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เหลียงหานทำกับข้าวเสร็จแล้ว ผักพริกหยวกมันฝรั่ง มะเขือผัดหมูสับ ต้มจืดปลาตะเพียน ข้าวหุงขึ้นหม้อทั้งเหนียวทั้งนุ่ม หอมโชยเข้าจมูก
อวี๋มู่เปิดโลกมาก กินไปชมไปไม่ขาดปาก กินไปไม่กี่คำก็แทบจะร้องไห้ออกมา
เป็นความจริง ตั้งแต่ข้ามมาโลกนี้ได้สามเดือนกว่า เขาก็ไม่ได้กินข้าวดีๆ ซักมื้อ แต่เงินในกระเป๋าก็ไม่ได้พอใช้จ่ายขนาดนั้น ตอนนี้ได้กินอาหารอร่อยขนาดนี้ เขาเลยปลื้มปริ่ม
“อร่อย อร่อยจริงๆ” เขาแทบจะเอาหน้ามุดเขาถ้วยข้าวแล้ว กินอย่างเอร็ดอร่อย
“ครูชอบก็ดีแล้วครับ” เหลียงหานเห็นเขาชอบกิน แทบหุบยิ้มไม่ได้เลย
นี่เป็นครั้งแรก ที่เขารู้สึกว่าการทำอาหารอร่อยเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ
*
เมื่อกินเสร็จ อวี๋มู่คุยกับเหลียงหานเรื่องที่อยากให้เขาเข้าแข่งชิงเงินรางวัลการแข่งขันโอลิมปิก
เหลียงหานตอบตกลง
จากนั้นตลอดช่วงปิดเทอมใหญ่ ทั้งสองใช้เวลาอยู่ด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ ตกกลางคืนเหลียงหานก็กลับบ้าน
ความรุนแรงในบ้านเหลียงหานยังไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด แต่เหลียงหานไม่ได้อยู่อย่างไร้ความหวังเหมือนแต่ก่อน
มีบางครั้งที่เขาหวังว่าพ่อจะตีเขาหนักกว่านี้ เท่านี้ครูอวี๋ก็จะได้เป็นห่วงเขามากขึ้น แล้วโมโหแทนเขา ช่วยเขาทายาทำแผล
เขาคิด หากไม่มีความยากลำบาก คนที่เพอร์เฟคอย่างครูอวี๋มีหรือที่จะมาอยู่ข้างๆ เขา?
เขารู้ว่าความคิดนี้ไม่ปกติ
กลางคืน เขานั่งหน้าโต๊ะหนังสือ กำแพงอีกฟากมีเสียงผู้หญิงครวญคราง พร้อมกับเสียงเหลียงหวาหายใจดังฮึดฮัดและเสียงก่นด่าปะปนกันมา
เหลียงหานกำปากกาแน่นแทบจะหักให้แตกละเอียด แววตาเขาจับจ้องไปที่กิ๊ฟติดผมสีชมพูที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วค่อยๆ บรรจงจดอักษรด้วยแรงกดที่หนักแน่นทีละคำ
[อยากจะอยู่กับครูอวี๋ตลอดไป]
คอมเมนต์