รักผมมั้ย… หัวใจของคุณ ตอนที่ 10
ตอนที่ 1-10 Exórsus
ช่วงเวลายามเช้าที่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นสู่ท้องฟ้า แม็กซิมมุ่งหน้าไปยังห้องฟิตเนสที่อยู่บนชั้นสองของเพนเฮ้าส์ ถึงแม้จะไม่ค่อยได้พักผ่อนแต่การออกกำลังกายในตอนเช้ามืดเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเขา แต่ก็ต้องขอบคุณการกระทำนั้นที่ทำให้สามารถรักษารูปร่างของเขาในตอนนี้ไว้ได้ ราวสองชั่วโมง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ หลังจากนั้นเขาก็ตรงไปอาบน้ำ หยิบเสื้อคลุมที่พาดอยู่มาสวมและเดินต่อไปยังห้องแต่งตัว
หลังจากที่หยิบชั้นในออกมาใส่ก็เดินตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้า สวมกางเกงขายาวสีดำตามด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวและสวมแจ็กเก็ตทับอีกชั้น แต่จู่ๆ แม็กซิมก็นึกถึงเหตุการณ์ในช่วงเย็นวานขึ้นมา โอเมก้านัยน์ตาเพชรสีฟ้าในสภาพเกือบจะร้องไห้ แน่นอนว่าถ้าฉันทำสีหน้าที่เคร่งขรึมกว่านั้นสักนิด เขาคงจะระเบิดร้องไห้ออกมาเลยก็ได้ เมื่อนึกถึงไหล่ของร่างบางที่ตนเคยได้สัมผัสเบาๆ ในขณะที่โอเมก้าคนนั้นมัวแต่ตกอยู่ในภวังค์ ไหล่นั้นทั้งบอบบางและอ่อนแอ
สมกับที่เป็นโอเมก้าจริงๆ
พวกโอเมก้าคนอื่นๆ ที่เคยเห็น มักจะรูปร่างบอบบาง และแม็กชิมชอบที่จะหลับนอนกับพวกเบต้าที่มีทั้งรูปร่างและพละกำลังมากกว่าโอเมก้า แต่อย่างไรก็ตามเพราะตอนกอดโอเมก้าต้องใส่ใจในเรื่องช่วงฮีทหรือการน็อตติ้งด้วย ในฐานะที่แม็กซิมไม่ค่อยรู้ ไม่อยากรู้ และไม่คิดจะรู้เรื่องพวกนั้น เขาจึงเลือกเบต้ามากกว่าโอเมก้า
บรรดานาฬิกาข้อมือที่เรียงรายอยู่จำนวนมากในตู้โชว์ เขาหยิบนาฬิกาสีเงินออกมาใส่ และผูกเนกไทที่ถูกดีไซน์ออกมาอย่างประณีต พอออกมาที่ประตูหน้าบ้านก็ขึ้นรถที่จอดรอไว้อยู่แล้ว และรถก็ขับออกไปอย่างนุ่มนวล
“เมื่อวานตอนเย็นเป็นอย่างไรบ้างครับ”
อเล็กเซย์ซึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับข้างๆ นิโคไลที่กำลังจดจ่ออยู่กับการขับรถหันกลับมาถามที่เบาะหลัง
“ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ”
“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเหรอครับ หัวหน้าครับ แล้วชุดสูทสั่งตัดราคาแพงที่เปียกชุ่มนั่นล่ะครับ ”
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าต้องการจะสื่ออะไร แต่แล้วคำบ่นของอเล็กเซย์ก็ลอยเข้าหูแม็กซิมที่ทำหน้าเมินเฉยและมองออกไปนอกหน้าต่างรถ
“เจ้านายรู้หรือเปล่าว่าเสื้อตัวนั้นราคาเท่าไหร่ ต้องเอาไปซักแห้งทั้งที่น้ำเปียกชุ่มขนาดนี้… เฮ้อ ให้ตายเถอะ”
“ฉันไม่สงสัยหรอกว่ามันจะราคาเท่าไหร่ ถ้าใส่ไม่ได้ก็ทิ้งไป”
“เฮ้อ พูดง่ายเหลือเกินนะครับ”
อเซ็กเซเถียงออกไปอย่างนี้ แต่เขาก็สังเกตแม็กซิมไปด้วย ส่วนนิโคไลที่ไม่เข้าใจอเล็กเซย์เลยว่าจะบ่นทำไมทั้งที่แม็กซิมไม่ชอบฟัง เขาจึงมองกระจกหลังแล้วเปลี่ยนเลนอย่างนุ่มนวล
“ชุดแบรนด์นั้น ถ้าจะสั่งอีกรอบคงใช้เวลาตัดอย่างต่ำสองเดือนกว่าจะได้รับของนะครับ”
“อเล็กเซย์ ถ้าเป็นแบบนั้นนายก็อัดเงินเพิ่มไปอีกก็ได้นี่”
ทันทีที่ไม่เห็นรถที่จะให้แซงอีก นิโคไลก็พูดแทรกขึ้นมา อเล็กเซย์ได้ยินจึงหันขวับและจ้องนิโคไล เอาเถอะ ถ้าปล่อยไปแบบนี้ หมอนี่ได้เคยตัวแน่
“นี่ นายช่วยมีมารยาทหน่อยเถอะ ถ้าแค่ให้เงินเพิ่มก็เรียบร้อย ฉันจะมาพูดจาแบบนี้หรือไง งานฝีมือนะโว้ย ไม่ใช่ชุดสำเร็จรูป แต่เป็นงานแฮนเมด”
“ก็เพราะอย่างนั้นไง ยิ่งเอาเงินไปให้เท่าไหร่ก็กดดันให้ได้งานเร็วเท่านั้น! ถ้าจะข่มขู่ก็แค่ยอมเสียตัง สำหรับแม็กซิมเรื่องที่เป็นไปไม่ได้มันมีซะที่ไหนกัน! จริงไหม แม็กซิม”
“หุบปากทั้งสองคนนั่นแหละ”
เมื่อถึงบริษัททั้งสามคนก็ขึ้นลิฟท์ ในขณะที่ลิฟท์กำลังเคลื่อนที่ การโต้เถียงกันระหว่างนิโคไลกับอเล็กเซย์ก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน
ให้ตายเถอะ เจ้านิโคไลไม่เคยพูดจาไร้สติอย่างนี้มาก่อน
และอเล็กเซย์ก็ไม่เคยเห็นด้วยตัวคำพูดของฉันเลยสักครั้ง
เมื่อเข้าไปในห้องของผู้บริการทั้งสองคนก็เดินดูสอดส่องตรงนั้นตรงนี้จนเวลาผ่านล่วงเลยไป ลูกค้าที่ได้พบกันเมื่อวานตอนเย็น ดูท่าจะอยากทำสัญญากับอมาทูร่าก่อนใคร จึงได้ส่งเอกสารมาอ้อนวอนตั้งแต่เช้า แม็กซิมจึงล้มเลิกที่จะทำสัญญาทันที
ขนาดแม็กซิมยังไม่ต่อว่าโอเมก้าที่ขวัญหนีดีฝ่อเพราะความผิดพลาดที่ตัวเองก่อขึ้นเลย แต่หมอนั่นกลับกล้าขึ้นเสียง กล้านัก ขนาดฉันเองยังอยู่เฉยๆ เลย
ฮึ หันไปมองเอกสารนั่นอีกครั้งและหัวเราะเยาะอย่างดูถูก ตอนนั้นเองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น
Rrrrr… Rrrrr…
เบอร์โทรเข้ามานั้นคุ้นมาก เมื่อวานคนสวยนัยน์ตาเพชรสีฟ้าใช้เบอร์นี้ที่โทรมาคอนเฟิร์มการจองโต๊ะอาหาร แม็กซิมอยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า เขากระแอมออกมาเบาๆ ก่อนจะพิจารณาและกดรับโทรศัพท์สายนั้น เพราะแม็กซิมรู้สึกว่าคนที่โทรเข้ามาคือ โอเมก้าคนนั้น
“ครับ เซอร์กีเยฟครับ”
[ผม… สวัสดีครับ คุณเซอร์กีเยฟ]
แค่ได้ยินเสียงก็รู้แล้ว ความรู้สึกของฉันมันไม่เคยผิดเลย แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้และถามกลับไป
“หื้ม นั่นใครเหรอครับ”
[เอ่อ… ผม จากร้านอาหารเฟลิเช่นะครับ… ผมคือพนักงาน… ที่ดูแลโต๊ะคุณเมื่อวานน่ะครับ]
“อ๋อ มีเรื่องอะไรรึ”
แม้ว่าโอเมก้าคนนี้จะยังไม่พูดอะไรออกมาเลย แต่แม็กซิมก็รับรู้หมดว่ามีธุระอะไร น่าจะอยากขอโทษ อื้ม แล้วก็คงถามเรื่องราคาเสื้อด้วยมั้ง
[เรื่องเมื่อวาน… ผมอยากจะมาขอโทษด้วยตัวเองน่ะครับ…]
“หื้ม เมื่อวานผมก็ได้รับการขอโทษเพียงพอแล้วนะครับ”
[ผม… แต่ว่า… ผมทำเสื้อของคุณลูกค้า…]
“แม็กซิม เซอร์กีเยฟครับ”
[ครับ]
“ชื่อของผมครับ แม็กซิม มิไฮโลวิช เซอร์กีเยฟ ไม่ใช่คุณลูกค้า”
[อ้า เข้าใจแล้วครับ… คือว่าผมอยากให้ค่าซักผ้าเล็กๆ น้อย ๆ… กับคุณเซอร์กีเยฟน่ะครับ…]
…อย่างน้อยถ้าได้ให้ค่าซักผ้าเป็นการชดใช้ค่าเสียหายก็ยังดี แต่ยิ่งพูดไปเรื่อยๆ ความมั่นใจในน้ำเสียงก็ยิ่งหายไป
“อย่าบอกนะว่า คงไม่ได้ตั้งใจจะโทรมาขอเลขบัญชีของผมหรอกใช่ไหมครับ”
[ว่าไงนะครับ มะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ! สิ่งที่ผมต้องการคือ…]
“ถ้าอย่างนั้นมาหาผมด้วยตัวเองแล้วเอาค่าเสียหายมาให้จะได้ไหมครับ”
ครับ ได้ครับ ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงในการตอบกลับมาครั้งนี้มันถึงแฝงไปด้วยความรู้สึกเขินอาย
แม็กซิมคิดถึงตารางงานของวันนี้ในหัวที่อเล็กเซย์บอกระหว่างนั่งรถมาเมื่อกี้ เท่าที่นึกได้แทบไม่มีเวลาว่างเลยจนถึงเวลาเลิกงานของวันนี้ แต่ไม่เสียดายหรอก ถ้าเขาบอกไปว่าให้มาหาหลังเลิกงาน โอเมก้าคนนี้จะต้องหาทางมาให้ได้อย่างแน่นอน
“ตารางงานของผมค่อยข้างยุ่งนิดหน่อย ถ้าอย่างนั้นหลังจากเลิกงานมาหาผมโอเคไหมครับ”
[คะ ครับ! ได้แน่นอนครับ]
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมจะบอกที่อยู่ให้นะครับ”
มุมปากของแม็กซิมที่พูดออกไปอย่างนั้นยกขึ้นราวกับกำลังสนุกสนาน
คอมเมนต์