รีเทิร์นหัวใจ กับ AI จอมวุ่น ตอนที่ 11

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 11

เทียนเหอไม่ได้มาที่ฟิงค์นานแล้ว ร้านนี้มาเปิดที่จีนได้แปดปีเคยได้ชื่อว่ารับแต่แขกคนสนิท แต่ปีที่แล้วก็เปิดให้บริการจองโต๊ะผ่านบัตรเครดิตแบล็กการ์ดได้แล้ว จากนั้นร้านก็ได้กลายเป็นเหมือนตลาดนัดที่โหวกเหวกวุ่นวาย ซ้ำถูกสัมภาษณ์พิเศษโดยรายการ “เมื่อปีนั้น ความคิดแปลกๆ ที่เกิดจากร้านอาหารระดับมิชลิน” อีกด้วย หลังจบความวุ่นวาย ทางร้านก็ได้รับคอมเพลนมากมาย จำนวนที่ได้รับนี่พอที่จะนำมาสร้างกำแพงเมืองจีนยาวขนาดยี่สิบกิโลเมตรกันเลยทีเดียว เทียนเหอรู้สึกว่าในร้านอาหารเสียงดังวุ่นวายจริงๆ โดยเฉพาะในคืนวันศุกร์ ก็เลยไม่ค่อยได้แวะมากินที่นี่แล้ว แต่ในวันนี้เขาอยากลองกินข้าวเเบบคนปกติทั่วไปดู
พอผู้จัดการเจอเทียนเหอปุ๊บ ตาก็เป็นประกายวาว รีบพาเขาไปยังชั้นสองแล้วเสิร์ฟแอพเพอริทิฟ[1]ให้ ทั้งสองชั้นของร้านถูกประดับไปด้วยดอกไม้ ร้านนี้ดัดแปลงมาจากคฤหาสน์สี่หลัง บริเวณชั้นสองจัดที่นั่งไว้เพียงแค่สองโต๊ะ ส่วนชั้นหนึ่งก็ปล่อยให้คนจองโต๊ะได้ปกติทำให้เสียงดังโหวกเหวกวุ่นวายไปหมด ในเวลาอาหารแบบนี้ มีชาวต่างชาติไม่น้อยที่พาครอบครัวมานั่งทานอาหารที่นี่
“การมาทานมื้อเย็นที่ฟิงค์บางทีน่าจะเป็นไอเดียที่ดี” โพรเอ่ย
“ทำไม?” เทียนเหอเอียงคอมองชั้นหนึ่ง
โพรว่า “โอกาสที่กวนเย่ว์จะมากินข้าวที่นี่มีแค่ 0.7%”
เทียนเหอบอก “เลิกพูดถึงคนๆ นี้ได้หรือยัง ฉันอุตส่าห์ลืมๆ ไปได้แล้วเชียว”
เจียงจื่อเจี่ยนเดินขึ้นมา ผิวปากใส่เทียนเหอก่อนจะดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลงพร้อมลั่นวาจา “ฉันตัดสินใจจะปลอมตัวเป็นเบลบอยของสักโรงแรมหนึ่งไปเจอเพื่อนในเน็ต นายดูการแต่งตัวของฉันวันนี้ดิ เหมือนป่ะ?”
ทั้งสองจ้องกันไปมา เทียนเหอแสดงสีหน้าแปลกๆ เจียงจื่อเจี่ยนถามแบบมึนๆ “ไม่เหมือนเหรอ? ตัวนี้ฉันอุตส่าห์หาซื้อจากเถาเป่าเองด้วยความยากลำบากเลยนะ! ผู้ช่วยฉันยังอุตส่าห์ไปต่อแถวตั้งยาว เนี่ย พวกเธอยังช่วยฉันหาไอโฟนที่หน้าจอแตกมาให้ด้วย”
โพรถาม “ต้องช่วยออกความเห็นหน่อยไหมนะ?”
เทียนเหอรับโทรศัพท์มา แกะต่างหูแล้วทิ่มเข้าไป ช่วยเปลี่ยนซิมให้เขาพร้อมบอก “การพูดจาของนายนี่แหละที่จะทำให้โป๊ะแตก หลังจากนั่งลงนายต้องเตรียมบุหรี่สักซอง ยี่ห้อหงเหมยหรือจงหนานไห่ก็ได้ วางบนโต๊ะข้างกันกับไฟแช็ก แล้วดีดนิ้วดังๆ ตะโกนว่า ‘บ๋อย! เทน้ำชา!’ งี้”
“ฉันไม่สูบบุหรี่อ่ะ บ๋อย! เทน้ำชา!” เจียงจื่อเจี่ยนตะโกนเหมือนรอบกายไม่มีคน
ผู้จัดการที่กำลังถือขวดน้ำเปล่าและน้ำเลม่อนมาเสิร์ฟสะดุ้ง นึกว่าเจียงจื่อเจี่ยนโดนผีเข้า รีบกล่าวถาม “คุณเจียงคะ? รับชาอะไรดีคะ?”
“ไม่เป็นไร พวกเราแค่กำลังซ้อมละครกันอยู่ ซ้อมเฉยๆ น่ะ” เจียงจื่อเจี่ยนหันไปถามเทียนเหออีก “แล้วไงต่อ?”
เทียนเหอเอียงคอพูด “โพร แล้วไงต่อ?”
เจียงจื่อเจี่ยน “?”
เทียนเหออธิบาย “โพรเป็นโปรแกรมเสิร์ชด้วยเสียงอัจฉริยะน่ะ มันถามว่านายพกกระเป๋าตังค์หรือยัง?”
เจียงจื่อเจี่ยนตบเข่าฉาด “จริงด้วย!”
เทียนเหอ “เตรียมกระเป๋าตังค์ไว้ใบหนึ่ง ข้างในยัดพวกบัตรลดราคา บัตรเครดิตห้าหกใบ บัตรวีไอพีของร้านตัดผม บัตรสมาชิกร้านต่างๆ ให้เต็ม พอยัดเสร็จก็จัดให้เป็นระเบียบ…”
เจียงจื่อเจี่ยนตอบ “ใช่ๆๆ เหมือนคนขับรถบ้านฉันเลย”
เวลาเจียงจื่อเจี่ยนออกจากบ้านนอกจากจะไม่พกเงินแล้วยังไม่พกกระเป๋าตังค์อีก ทั้งตัวอย่างมากก็มีบัตรแค่ใบหนึ่ง เทียนเหอกล่าวอีกว่า “แล้วขาต้องไขว่ห้างด้วย แบบนี้ อย่าลืมสั่นขาด้วย…”
เทียนเหอทำการแสดงการสั่นขาอย่างยากลำบาก เจียงจื่อเจี่ยนถามต่อ “สถานที่พบอ่ะ? เลือกสตาร์บัคเป็นไง?”
เทียนเหอตอบ “ได้นะ เหมาะสมดี ตอนซื้อเครื่องดื่มให้ใช้แต้มสะสมของธนาคาร CMB ห้ามพูดว่า ‘น้ำเปล่าก็พอ’ เด็ดขาด…”
เจียงจื่อเจี่ยนคว้ามือถือออกมา แล้วสไลด์อย่างจดจ่อ “ฉันยังโหลดแอพฯ ต้าจ้งเตี่ยนผิง[2]มาด้วยนะ…”
ความสนใจของเทียนเหอถูกละออกจากตัวเจียงจื่อเจี่ยน หันหัวมองไปทางชั้นล่าง
โพรว่า “เทียนเหอ การที่นายสอนเขาให้ตามหาคู่ด้วยการหลอกลวงแบบนี้เป็นเรื่องไม่ดีนะ”
“โพร เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ” เทียนเหอหยิบมือถือออกมา หันกล้องไปทางชั้นล่าง
โพรรีบพูด “กล้องมัวมาก มองไม่เห็นสิ่งรอบด้าน”
เทียนเหอว่า “อย่างแกล้งโง่ โพร อธิบายมาเดี๋ยวนี้”
โพรตอบ “เรื่องที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยก็สามารถเกิดขึ้นได้เหมือนกัน แม้ว่าจะมีโอกาสเพียงแค่ 0.7% ก็มองข้ามไม่ได้เช่นกัน”
เจียงจื่อเจี่ยน “???”
เจียงจื่อเจี่ยนมองตามสายตาของเทียนเหอ เห็นเพียงก็แต่กวนเย่ว์ที่พานางแบบชาวยูเครนเข้ามาในร้านอาหารแล้วถูกจัดให้นั่งที่มุมหนึ่งในสวนดอกไม้
เจียงจื่อเจี่ยนลุกขึ้นแล้วพูดทันที “ไม่งั้นเราเปลี่ยนร้านกันเถอะ ลูซี่! โทษที จู่ๆ ฉันก็…”
“ไม่เป็นไร นั่งเถอะ ตอนบ่ายฉันพึ่งไปพบท่านประธานกวนมา” เทียนเหอคิดแป๊บหนึ่งแล้วถอดแหวนบนมือวางลงบนโต๊ะอาหารแล้วหันไปพูดกับเจียงจื่อเจี่ยน “พอดีเลย ท่านประธานกวนไหว้วานให้ฉันช่วยพอดี”
โพรว่า “เทียนเหอ นี่ไม่ใช่ไอเดียที่ดี”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงจื่อเจี่ยนหายไป คิ้วขมวดเข้าหากัน “นายไปเจอเขามา? เจอทำไม?”
“เดี๋ยวฉันค่อยเล่าให้นายฟังแบบละเอียด” เทียนเหอหันไปพูดกับผู้จัดการ “ลูซี่ ช่วยอะไรผมหน่อยได้ไหม คุณยังจำคุณกวนเย่ว์ได้ไหม?”

“คุณดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะคะ” ซุปเปอร์โมเดลเสยผมเล็กน้อย สายตาจดจ้องกวนเย่ว์กล่าวยิ้มๆ “คุณต้องการเวลาพักผ่อนหรือเปล่า?”
กวนเย่ว์ส่ายหัว ชำเลืองมองเมนูที่พนักงานส่งมาให้ แล้วพยักหน้าให้เล็กน้อย
สาวยูเครนคนนั้นพูดขึ้นอีก “พวกเขามักจะบอกว่าคุณพูดน้อย”
“เพราะว่าไม่มีอะไรจะพูดต่างหาก” กวนเย่ว์ตอบแบบเหม่อๆ
ซุปเปอร์โมเดลหัวเราะออกมา ถามว่า “คุณต้องการยาหยอดตาไหมคะ?” พูดแล้วเธอก็คว้ากระจกบานเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าให้กวนเย่ว์ส่องตาของตนเอง เส้นเลือดฝอยแตกนิดหน่อย เธอยื่นยาหยอดตาให้เขา กวนเย่ว์รับมาก่อนจะเงยหน้าแล้วหยอดไปสองหยด
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาประเทศจีน” ซุปเปอร์โมเดลกล่าว “ดีใจมากที่ได้รู้จักคุณ”
กวนเย่ว์พยักหน้าขณะปิดตาอยู่ ก่อนจะลืมตาอีกครั้ง หันไปมองยังชั้นสองที่โดนราวกั้นบดบังไว้จนหมด ที่ตรงนั้นเป็นที่ประจำของเขากับเทียนเหอทุกครั้งที่กลับมา
“ผมก็เช่นกัน” กวนเย่ว์ครุ่นคิดแล้วพูดต่อว่า “ภาษาจีนของคุณไม่เลวเลย”
นางแบบสาวพูดอีกว่า “วันนี้ฉันได้พบนักลงทุนหลายคน พวกเราอยากสร้างแบรนด์ของเราเองในประเทศจีน คุณมีเพื่อนที่สามารถแนะนำให้ฉันได้ไหมคะ?”
กวนเย่ว์คิดสักพักก่อนถาม “เป็นความคิดของคุณพ่อคุณ?”
นางแบบสาวชาวยูเครนหัวเราะแล้วพูด “ใช่ค่ะ ที่บ้านสนับสนุนฉันมาก”
ใบหน้าของกวนเย่ว์แสดงท่าทีเบื่อหน่ายเล็กน้อย หันหน้าไปมองดอกกุหลาบหนูที่ผลิบานไปทั่วรั้วดอกไม้แทน
“สวัสดีค่ะ” ผู้จัดการเดินมาเสิร์ฟอาหารให้กวนเย่ว์กับซุปเปอร์โมเดลสาวด้วยตัวเองพร้อมรอยยิ้ม “คุณกวนก็ไม่ได้มานานแล้วนะคะ”
“ยังจำผมได้ด้วย” กวนเย่ว์พูดด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง
“แน่นอนค่ะ” ผู้จัดการยิ้มรับ
กวนเย่ว์ทำเพียงแค่พยักหน้า แล้วยกแอพเพอริทิฟขึ้นดื่มเล็กน้อย มือขวาถือส้อมขึ้นควงระหว่างนิ้ว อยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่า คำว่า “ก็” เมื่อกี้ฟังดูอันตรายนิดหน่อย
ผู้จัดการวางจานลงด้วยท่าทียิ้มร่า นางแบบยูเครนพูดขึ้นอีกว่า “มาประเทศจีนรอบนี้ ฉันอยากรู้จักเพื่อนในวงการแฟชั่นให้เยอะขึ้นอีกหน่อย แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน หาเวลานัดกับพวกเขายากมาก ชีวิตของพวกเขาในเมืองจีนดูยุ่งเสียยิ่งกว่าชีวิตตอนอยู่ยุโรปเยอะเลย”
กวนเย่ว์อืมรับคำ ชิมแอพพิไทเซอร์นิดหน่อย นางแบบสาวใช้ส้อมเขี่ยเนื้อไปข้างๆ ตอนตั้งใจจะตักผักนั้นก็พบแหวนวงหนึ่งในจาน
กวนเย่ว์ “…”
ในตอนที่กวนเย่ว์รู้สึกว่าท่าจะไม่ดีแล้วนั้น สปอตไลท์กลางคืนของทั้งร้านกลายเป็นดั่งไฟบนเวทีส่องมายังโต๊ะของพวกเขา ท่อนอินโทรของ “การแต่งงานของฟีกาโร[3]” ดังมาจากรอบทิศ แขกทั้งหมดในร้านอาหารสะดุ้ง หันมามองยังกวนเย่ว์กับนางแบบสาวชาวยูเครนพร้อมกัน
นาทีต่อมา เสียงของดนตรีออเคสตร้าค่อยๆ เฟดลง เสียงนุ่มๆของไวโอลินดังแทรกขึ้นมา เทียนเหอกับเจียงจื่อเจี่ยนถือไวโอลินคนละตัว บรรเลงดนตรีอย่างสง่างามและดื่มด่ำพร้อมกับเดินผ่านทีละโต๊ะๆ ไปยังโต๊ะของกวนเย่ว์กับสาวนางแบบ ตามหลังมาด้วยขบวนหัวหน้าพ่อครัวที่กำลังเล่นแอคคอเดียนจากสก็อตแลนด์และพวกพนักงานเสิร์ฟที่ถือกลองตีไปด้วย บรรยากาศเหมือนปกติที่ฟิงค์มักจะเฉลิมฉลองวันเกิดให้กับแขกที่มาทานอาหาร เพียงแต่ดนตรีที่ดังขึ้นรอบนี้หาใช่เพลงสุขสันต์วันเกิดไม่ แต่เป็นบทเพลงแต่งงานของฟีกาโรแทนต่างหาก
บนใบหน้าของนางแบบชาวยูเครนมีแต่ความตกตะลึงเอ่ยว่า “กวน?”
ยังดีที่ในเวลานี้กวนเย่ว์ยังคงสามารถสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้ เขานั่งนิ่งไม่ไหวติง ยกมือขึ้น ใบหน้านิ่งเกร็ง พยายามที่จะอธิบาย
ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่สถานการณ์ตอนนี้ห่างจากขีดสุดก่อนสติของเขาจะกระเจิงอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น กวนเย่ว์ยื่นมือออกไปหยิบแหวน นางแบบสาวลุกขึ้นอย่างให้ความร่วมมือ เข้าสู่สถานการณ์อย่างทันที รอให้เขาคุกเข่าลงไปข้างหนึ่งเพื่อขอเธอแต่งงานอย่างรู้งาน
ในขณะเดียวกัน เจียงจื่อเจี่ยนกับเหวินเทียนเหอก็สีไวโอลินจนเดินมาถึงข้างโต๊ะ เสียงดนตรีมาถึงจุดพีค
“marry him! แต่งกับเขา!” หัวหน้าเชฟเล่นแอคคอร์เดียนไป ตะโกนเสียงดังอย่างรื่นเริงไปด้วย
“marry him! แต่งกับเขา! marry him! แต่งกับเขา!”
“marry him!”
แขกทั้งหมดไม่ว่าจะคนต่างชาติหรือคนจีน ทุกคนต่างก็ปรบมือโห่ร้องกันอย่างบ้าคลั่ง
กวนเย่ว์ “………..”
“แต่งกับเขา!” เทียนเหอกับเจียงจื่อเจี่ยนวางไวโอลินลงแล้วร่วมตะโกนอย่างกระตือรือร้น
ที่ตรงนี้เป็นดั่งเวทีการแสดงอันแสนอลังการประดับด้วยดอกไม้สีสด สายลมอันอบอุ่นพัดโชยผ่าน ผู้ชมมากมายได้ร่วมเป็นสักขีพยานของรอยยิ้มแห่งความสุขจากรักแท้ ทุกคนหันไปทางกวนเย่ว์กับนางแบบซุปเปอร์โมเดลพร้อมกับพูดเสียงดังอย่างจริงใจว่า “แต่งกับเขา!”
เทียนเหอมองรอบกายแล้วพูดอย่างจริงจัง “อาหารเย็นมื้อนี้ ผมขอเลี้ยงทุกคนที่อยู่ที่นี่เองครับ”
“เฮ——” เสียงเฮดังลั่นอีกระลอก ทำให้บรรยากาศแห่งความชื่นบานอยู่ในจุดสูงสุด
โพรเอ่ย “จากการคาดการณ์ของฉัน ตอนนี้กวนเย่ว์กำลังมีความรู้สึกที่พวกมนุษย์เรียกกันว่าอึดอัดอย่างแรงกล้า ถ้านายไม่รังเกียจ ฉันจะขอให้นายพอแค่นี้แทนเขาล่ะก็…”
เจียงจื่อเจี่ยน “ดอกไม้! นี่ยังไม่ได้เตรียมดอกไม้กันเลย!”
เทียนเหอนึกขึ้นได้ มองซ้ายมองขวา พับแขนเสื้อขึ้น ยกกระถางต้นอโลคาเซียจากหลังรั้วดอกไม้อย่างลำบากยื่นให้กวนเย่ว์ มองเขาผ่านกระถางด้วยความจริงใจ
กวนเย่ว์ “…”
เทียนเหอ “รีบรับไปสิ! หนักนะ! ฉันถือนานไม่ไหว!”
เจียงจื่อเจี่ยน “ใหญ่เกินไป ไม่สง่างามเลย! ตรงนี้มีกระถางเล็กสองกระถาง ใช้กระบองเพชรแล้วกัน! ประธานกวน! มา ถือข้างละกระถางเลย!”
อยู่ดีๆ ไฟทั้งร้านอาหารก็ดับลง เสียงตื่นตกใจดังขึ้นจากผู้คน เหลือเพียงแต่เเสงไฟริบหรี่จากเทียนบนโต๊ะอาหาร และเสียงดังจากการลากเก้าอี้ก็ดังขึ้นตามมา ทั้งร้านเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ผู้จัดการรีบไปเช็คความเรียบร้อย ตอนแส

คอมเมนต์

Chapter List