รีเทิร์นหัวใจ กับ AI จอมวุ่น ตอนที่ 13

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 13

ฝนตกกระทบลงบนหน้าต่างรถ ที่ปัดน้ำฝนปัดไปสองที กวนเย่ว์ขับรถอยู่บนท้องถนน
เทียนเหอ “ยังไม่เปลี่ยนรถอีกเหรอ? ชอบของขวัญวันเกิดชิ้นนี้ขนาดนั้นเลย?” มือก็กดเครื่องเล่นเพลงของรถไปด้วย เพลงโซนาต้าพาเทติก[1]ของบีโธเฟ่นดังขึ้น เขาจึงปิดมันลงอีกครั้ง
รถยนต์ขับขึ้นสู่ทางด่วน จู่ๆ กวนเย่ว์ก็พูดขึ้น “ใส่หูฟังไว้ตลอด กำลังรอโทรศัพท์จากใครอยู่หรือไง?”
“แฟน” เทียนเหอบอก
โพรพูดในหูฟังว่า “การหลอกลวงเป็นเรื่องไม่ดี ทำไมไม่บอกเขาไปว่านายยังรักเขาอยู่”
กวนเย่ว์ขับรถผ่าไฟแดง ตีพวงมาลัยกลับรถ ปรับอุณหภูมิในรถให้สูงขึ้นอีกหน่อย ภายใต้แสงไฟของท้องถนน ค่ำคืนในสายฝนสะท้อนแสงวับแวมเป็นสถานการณ์ที่เหมาะแก่การรำลึกถึงอดีต ทำให้เทียนเหออดที่จะนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ไม่ได้
ชาติตระกูลของกวนเย่ว์เริ่มจากการทำธุรกิจเกี่ยวกับกระดาษของพ่อค้าชาวซานซีที่เมืองไท่หยวน หลังก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน พื้นหลังตระกูลถือว่าร่ำรวย นับว่ารวยที่สุดในแถบนั้นเลยก็ได้ แต่ถ้าเทียบกับชาติตระกูลสูงส่งของเทียนเหอแล้ว พวกเขาก็นับว่าเป็นแค่เศรษฐีหน้าใหม่เท่านั้น
ว่าตามลำดับวงศ์ตระกูลของเทียนเหอ คงต้องไล่ย้อนกลับไปตั้งแต่การเป็นข้าราชการในช่วงราชวงศ์หมิงไปจนถึงยุคราชวงศ์ชิงที่จักรพรรดิเฉียนหลงปกครองที่พวกเขามีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุด ทวดของเทียนเหอเป็นนักเรียนนอกรุ่นแรกในยุคสถาปนาสาธารณรัฐจีน หลังจากที่ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนปู่ของของเขาได้รับสัญชาติอังกฤษ เป็นโปรเฟสเซอร์ชื่อดังในมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ หลังจากนั้นเขาได้สัญชาติจีนใหม่ กลายมาเป็นนักวิจัยบุกเบิกในวงการวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และยังได้ช่วยในโปรเจค Two bombs, One satellite[2] อีก นับว่าเป็นการทำประโยชน์แก่ประเทศชาติเป็นอย่างสูง พอมาถึงรุ่นพ่อ เหวินหยวนข่ายเรียนทั้งวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และไฟแนนซ์ไปด้วยกัน กลายเป็นหนึ่งในผู้สร้างโปรแกรมระบบเทรดคนแรกตั้งแต่ตอนที่สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจยังไม่พัฒนา เหวินหยวนข่ายก็คือนักวิเคราะห์เชิงปริมาณคนแรกของประเทศจีนนี่เอง ตอนเหวินเทียนเหอย้ายบ้านยังรื้อเจอรูปสมัยหนุ่มๆ ที่ทวดของเขาถ่ายรูปกับบิดาแห่งวิทยาการคอมพิวเตอร์ทัวริงอยู่เลย
แน่นอนดั่งคำสาปที่ว่ารุ่นใหม่ย่อมไม่เก่งเท่ารุ่นเก่าก็ได้มาถึงบ้านตระกูลเหวินเช่นเดียวกัน ตามคำโบราณที่ว่า “ร่ำรวยไม่พ้นสามรุ่น” ทุกคนภายนอกต่างก็ดูดี แต่สถานะฐานะทางบ้านกลับค่อยๆ ไหลลงเรื่อยๆ
เหล่าเศรษฐีรุ่นที่ n ล้วนแล้วแต่มีความวิตกกังวลเฉกเช่นเดียวกัน ในฐานะที่ต่างก็เกิดมาเป็นผู้สืบทอดหลักของแต่ละบ้าน เหวินเทียนเย่ว์กับกวนเย่ว์ต่างก็ต้องใช้ความสามารถสุดตัวในการรักษาระดับของตัวเองเอาไว้ การสร้างฐานะนั้นแสนยากลำบาก แต่การทำลายนั้นกลับง่ายนิดเดียว ขอแค่บ้านหนึ่งมีลูกที่ชอบผลาญเงินเล่นเพียงแค่คนเดียว การที่จะล้างผลาญทำลายธุรกิจของบ้านภายในสิบปีนั้นเป็นเรื่องง่ายมาก
ตอนนั้นกวนเย่ว์ก็เคารพพี่ชายรองเหวินเทียนเย่ว์แต่ก็ยังรักษาระยะห่างเอาไว้ เพราะรู้สึกว่าเขาชอบรักษาหน้าแบบโอเวอร์ไปหน่อย เทียนเหอมักจะเข้าข้างพี่ชายเสมอ เพื่อปกป้องพี่ชายแล้วก็ทะเลาะกับกวนเย่ว์ไม่น้อย ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่กวนเย่ว์เคยพูดเอาไว้จะกลายเป็นจริงเสียแล้ว
กวนเย่ว์เข้าใจดี ในจิตใจเบื้องลึกของเหวินเทียนเหอมีแต่ความภาคภูมิใจต่อชาติตระกูลของตัวเอง ซึ่งมันแน่นอนอยู่แล้ว ความเหนือกว่าของชาติตระกูลที่ทำให้แสดงออกแบบมารยาทงามและการประชดประชันแบบห่างเหินล้วนแล้วแต่เป็นสไตล์สังคมชั้นสูงที่กวนเย่ว์เกลียดทั้งนั้น
ถึงบ้านแล้วแต่ทั้งคฤหาสน์กลับมีแต่ความมืดมิด
“ย้ายบ้านแล้ว” เทียนเหอบอก “ลืมบอกนาย อยู่ที่นี่ไม่ไหว บ้านยังรอประมูลอยู่เลย”
กวนเย่ว์ชะงักเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “ขอโทษ”
เทียนเหอยิ้ม “ไม่เป็นไร ตอนนี้พักอยู่ที่บ้านตอนเด็กๆ เดี๋ยวตั้งจีพีเอสให้”
กวนเย่ว์ขับออกจากบริเวณคฤหาสน์พร้อมพูด “จำได้”
เทียนเหอพูดยิ้มๆ “ไม่คิดว่าจะได้ยินนายพูดว่า ‘ขอโทษ’ สมกับที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจริงๆ ด้วย แล้ววันนี้ก็ผ่านมาถึงบ้านฉัน”
วันนี้กวนเย่ว์ก็ไม่ค่อยมีสติ ไม่ทันได้คิดว่าการขับรถมาส่งเขาถึงบ้านจะเป็นการกระทำที่ไร้มารยาท เพราะว่าสถานการณ์ย่ำแย่ที่บ้านของเทียนเหอกำลังจะถูกประมูลเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็เห็น ศักดิ์ศรีของเทียนเหอเองก็ไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้อยู่แล้ว
แต่ตามนิสัยของเทียนเหอแล้ว เขาไม่ค่อยสนใจศักดิ์ศรีแค่นี้หรอก กลับรู้สึกว่าใบหน้าที่พยายามปกปิดความรู้สึกผิดของกวนเย่ว์นั้นน่าสนใจทีเดียว ระหว่างมาส่งเขากลับบ้านเก่า เทียนเหอไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น รอการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าเพียงเล็กน้อยของเขา จริงด้วย ปฏิกิริยาตอบรับของกวนเย่ว์นอกจากจะทำให้เขาขำในใจแล้ว ยังมีความรู้สึกสะใจเล็กๆ ด้วยที่การแกล้งของตัวเองสำเร็จ
รถยนต์ถูกขับไปยังอีกเส้นทาง ไม่มีการสนทนาเกิดขึ้นระหว่างทาง
“บริษัทจัดประมูลเจ้าไหน” สุดท้ายก็เป็นกวนเย่ว์ที่ทำลายความเงียบ
เทียนเหอ “ชู่ว์ ท่านประธานกวน ซึมซับบรรยากาศโรแมนติกที่หาได้ยากอย่างเงียบๆ สิ รักษาความลึกลับน่าค้นหาเข้าไว้ วันนี้โควต้าการพูดของนายเกินแล้วนะ”
“ปากเป็นของฉัน” กวนเย่ว์กล่าว “ฉันอยากพูดกี่คำก็กี่ตามนั้น ไม่มีโควต้า”
เทียนเหอ “ความเงียบไม่ได้หมายถึงความน่าอึดอัดสักหน่อย ไม่จำเป็นต้อหาอะไรมาพูดทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรจะพูดหรอก”
ดังนั้นกวนเย่ว์จึงไม่ได้กล่าวอะไรอีก
เทียนเหอไม่ได้เปิดจีพีเอสให้ แต่กวนเย่ว์ก็สามารถหาโซนที่พักสมัยเด็กของเทียนเหอเจอได้อย่างแม่นยำ
“ราตรีสวัสดิ์” เทียนเหอปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วหันไปพูดกับกวนเย่ว์ “ดีใจมากที่ได้เจอนาย โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่านายมีชีวิตที่ดี”
สองมือของกวนเย่ว์วางบนพวงมาลัยพร้อมเอ่ย “me too.”
เทียนเหอลงจากรถ เดินเข้าตึก ฝนหยุดตก ทั้งเมืองอากาศแจ่มใส กวนเย่ว์ขับรถออกไปโดยไม่ได้จอดนานนัก
“มาริโอ้” กวนเย่ว์เอ่ย แล้วเลี้ยวเข้าสู่ถนนอีกเส้นที่นำไปสู่รอบนอกของเมือง
ระบบต่อสายอัตโนมัติไปยังเบอร์โทรศัพท์ของหัวหน้าแผนกการเงิน

โพรพูดขึ้นในหูฟัง “หลังจากนี้ เขามีโอกาสสูงถึง 95% ที่จะไปสนามแข่งรถประจำแถวหวงเจียว และขับอย่าบ้าคลั่ง…”
เทียนเหอสแกนนิ้วมือปลงล็อคก่อนจะเปิดประตูบ้าน “ฉันรู้สึกว่านายมีน้ำเข้าไป ไม่ได้หมายถึงสมองมีน้ำเข้าไปนะ หมายถึงมีน้ำเข้าไปจริงๆ เมื่อกี้ไม่น่าจะไปตากฝนเลย เขาเลิกแข่งรถไปตั้งแต่หลายปีก่อนเพราะโดนฉันด่าแล้ว โพร ข้อมูลของนายต้องอัพเดทสักหน่อย”
โพร “แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่านายต้องโทรศัพท์หาเขาเพื่อเตือนสติให้เขาระวังความปลอดภัยของชีวิตตัวเองเอาไว้”
เทียนเหอจามหนึ่งที ได้ยินเสียงนกแก้วมาคอว์ดังมาจากความมืดกล่าว “กวนเย่ว์ผิดหวังแล้ว”
“ไม่ผิดหวัง” เทียนเหอมองเสื้อผ้าสะอาดที่ถูกพับซ้อนกันไว้นอกห้องน้ำกล่าวว่า “ท่านประธานมีชีวิตอย่างดีเลยล่ะ โพร ช่วยเช็คข้อมูลของคนที่พรุ่งนี้ต้องไปตีโปโลด้วยหน่อยสิ”
โพรเริ่มค้นหาจากชื่อ เทียนเหอถอดเสื้อ มองตัวเองในกระจก บนร่างผอมๆขาวๆนั้นปรากฏร่องรอยของกล้ามเนื้ออย่างชัดเจน น้ำร้อนไหลลงมา ท่ามกลางไอน้ำ เทียนเหอพิงหัวไว้กับกำแพง ปล่อยให้น้ำร้อนค่อยๆ ไหลผ่านหัวของตนเองไปยังพื้นด้านล่าง ดวงตาทั้งคู่รู้สึกแสบร้อน
ในคืนนี้เขาไม่สบายตามคาด ตอนกลางคืนก็หลับๆ ตื่นๆ ฝันแล้วฝันเล่าพาเขากลับไปสู่ช่วงเวลาที่เขายังคบกับกวนเย่ว์ ตอนนั้นเขานั่งอยู่บนรถของตัวเองที่กำลังขับเลียบสวนสาธารณะหวงสือบนเส้นทางหลักมุ่งไปยังเส้นขอบฟ้าที่ไร้จุดสิ้นสุด ขับไปยังที่ๆ พวกเขาไม่มีทางไปถึงได้

วันต่อมา หลังจากฝนแห่งฤดูใบไม้ร่วงเพียงค่ำคืนเดียวอากาศก็หนาวเย็นลง ฟาร์มหลงเหอมีพื้นหญ้ากว้างใหญ่สีเขียวชอุ่มซะจนเหมือนถูกล้างมาสักรอบ ฟาร์มแห่งนี้เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เหวินเทียนเย่ว์กับพ่อของเจียงจื่อเจี่ยนรวมถึงเศรษฐีอีกไม่กี่คนในพื้นที่ร่วมกันลงทุน ปกติแล้วฟาร์มมักจะอยู่ในสภาวะขาดทุน ตอนแรกก็เลี้ยงม้ากว่ายี่สิบตัวที่นำกลับมาจากบาร์กเชอร์[3] สำหรับม้าแล้วที่นี่ดูเหมือนจะไม่ใช่บ้านที่ดีสำหรับพวกมันนัก หลังจากเปลี่ยนสภาพแวดล้อมแล้วต่างก็ดูเซื่องซึมไร้ชีวิตชีวา แต่ละตัวต่างก็ดูมีท่าทางป่วยไปหมด
เทียนเหอเคยไปดูพวกม้าหล่านี้ เคยคิดว่าหรือจะส่งพวกมันข้ามน้ำข้ามทะเลกลับไปดี ไม่งั้นดูๆ ไปก็น่าสงสาร ไม่นานนักก็มีหุ้นส่วนที่เป็นพวกเจ้าสัวเหมืองแร่เสนอว่าฟาร์มก็ใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่เลี้ยงวัวนมหน่อยล่ะ? แบบนี้ทุกคนยังสามารถดื่มนมที่ผลิตเองได้ด้วย
มีหุ้นส่วนเสนอขึ้นมาอีกว่าน่าจะเลี้ยงหมูไว้สักหน่อยหนึ่งกับพวกนกอะไรอย่างนี้ไว้กินเองด้วย เพราะได้คำเสนอต่างๆ นานาจากฝั่งนี้บ้างฝั่งนู้นบ้าง สุดท้ายฟาร์มหลงเหอเลยกลายเป็นเฮย์เดย์ในชีวิตจริงไปซะงั้น หลังจากเริ่มเลี้ยงหมู เทียนเหอก็ไม่ค่อยได้ไปแล้ว
เจียงจื่อเจี่ยนชอบกีฬาเป็นส่วนมาก และยังชอบการขี่ม้าที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอความไฮโซของสังคมชั้นสูงอีกด้วย แต่เขาไม่อยากขี่ม้าอย่างไฮโซท่ามกลางเสียงร้องอู๊ดๆ ของหมูฝูงหนึ่งหรอก ท้ายที่สุดเลยค่อยๆ ลืมเลือนเหล่าม้าไป
“ไม่ต้องสนใจอู๋ซุ่น” เจียงจื่อเจี่ยนกับเทียนเหอออกมาพร้อมกับสนับเข่าและสวมหมวกป้องกัน พูดเสียงเบาว่า “นายแค่ไปกล่อมคนที่ชื่อจัวอีหลงตรงนั้นหน่อย เขาจะสามารถช่วยนายได้ แถมนิสัยยังถึงไหนถึงกันอีก”
เทียนเหอมองไปยังอีกฟากของสนาม ตรงนั้นมีชายวัยกลางคนอายุราวสามสิบกับคนวัยรุ่นอีกหนึ่งคน ชายวัยกลางคนที่ว่าก็คือจัวอีหลงที่เจียงจื่อเจี่ยนพูดถึง
เทียนเหอ “ฉันรู้ รองประธานของหลงฮุย”
เจียงจื่อเจี่ยน “เก็บสไตล์ป่าเถื่อนของนายหน่อย”
เทียนเหอไม่สบายมาทั้งคืน ซ้ำยังตัวร้อนอีก ตอนนี้สมองเบลอไปหมด เท้าเหมือนยืนอยู่บนก้อนสำลี แต่พอพลิกตัวขึ้นม้าก็ได้ฟีลขึ้นมา เขารับไม้ตีลูกโปโลมาจากจ็อคกี้ ขาเรียวยาวหนีบท้องม้าแล้วนำเข้าไปในสนามก่อน เจียงจื่อเจี่ยนกระโดดขึ้นไป ลูบหัวม้าเล็กหน่อยก่อนจะตามเข้าไป

คอมเมนต์

Chapter List