รีเทิร์นหัวใจ กับ AI จอมวุ่น ตอนที่ 16
ตอนที่ 16
หลายวันถัดมา เจียงจื่อเจี่ยนใส่เสื้อยอดนิยมที่จัดมาจากเถาเป่าให้เรียบร้อยทั้งตัว เสื้อโปโลลายทางสีขาว กางเกงขายาวสีดินเหลือง รองเท้ากีฬาคู่ละหกสิบหยวน ในมือถือ “นิตยสารวัยรุ่น” ไว้เป็นพร้อพ เขานั่งลงที่สตาร์บัค รื้อกระเป๋าสตางค์ที่ผู้ช่วยของเขาช่วยจัดเตรียมมาเพื่อการดูตัวครั้งนี้โดยเฉพาะ ข้างในมีบัตรที่ไม่รู้ว่ามีไว้ทำอะไรเยอะแยะไปหมด เอาเถอะ ไม่สนล่ะ แต่ป้ายข้างในของเสื้อยืดตัวนี้ชอบทิ่มจัง ทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวชะมัด
“ไฮ!” เจียงจื่อเจี่ยนยกมือขึ้น ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยสวมใส่เสื้อเชิ้ตคอตตอนลายตาราง ม้วนแขนเสื้อขึ้น สวมรองเท้าทรง Tod’s บนคอประดับด้วยสร้อยเงินหนึ่งเส้น ทักทายเขาอย่างเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น “สวัสดีครับ!”
เจียงจื่อเจี่ยนยิ้มสว่างไสวราวกับแสงอาทิตย์ “พึ่งเลิกงานเหรอ?”
“ครับๆ เลิกงานแล้ว” ถงข่ายพอเจอเจียงจื่อเจี่ยน ตาก็เป็นประกาย ปากก็เอ่ยถาม “พี่ชายวันนี้หยุดเหรอครับ?”
“เปลี่ยนเวรน่ะ พักถึงตอนสองทุ่มแล้วต้องไปอยู่เวรดึกต่อ นายจะดื่มอะไร?” เจียงจื่อเจี่ยนถาม “ฉันเลี้ยงเอง! อยากดื่มกาแฟพอดี ไม่งั้นตอนกลางคืนคงไม่ไหว”
ถงข่ายรีบเอ่ย “ให้ผมเลี้ยงเถอะ เงินเดือนพึ่งออกน่ะครับ”
“ฉันเองๆ” เจียงจื่อเจี่ยนกล่าว “วันนี้พึ่งได้ทิปมาสองร้อยหยวน”
เจียงจื่อเจี่ยนไปสั่งเครื่องดื่มที่เคาท์เตอร์ ถงข่ายรีบเร่งฝีเท้าตามไป เจียงจื่อเจี่ยนสั่ง “วานิลาลาเต้สองแก้วใหญ่…”
ถงข่าย “แก้วกลางก็พอครับ ผมดื่มไม่เยอะ อย่าเปลืองเงินเลย”
พนักงาน “พวกเรามีขนาดแก้วสามแบบนะคะ แก้วใหญ่ที่คุณต้องการคือแก้วกลางของร้านเราค่ะ ส่วนแก้วกลางจริงๆ คือแก้วเล็ก แก้วใหญ่สุดเป็นแบบนี้ค่ะ แก้วใหญ่ที่คุณผู้ชายพูดคือแก้วกลางหรือแก้วใหญ่สุดคะ?”
เจียงจื่อเจี่ยนโดนร้านกาแฟทำมึนเสียแล้ว ในใจก็คิดว่านี่พวกคุณคือกำลังตั้งใจช่วยผมเล่นละครเหรอ? ไม่เหมือนนะ เลยกล่าว “งั้นแก้วอะไรก็ได้… แก้วกลางแล้วกันครับ”
“แก้วกลางก็คือแก้วเล็กนะคะ”
“ผมหมายถึงแก้วใหญ่…”
“แก้วใหญ่จริงๆ คือแก้วกลาง หรือว่าจริงๆ คุณอยากสั่งแก้วใหญ่สุดคะ?”
เจียงจื่อเจี่ยน “ที่รัก คุณกำลังฝึกประโยคลิ้นพันกับผมเหรอครับ?”
“เอาขนาดนี้ครับ” ถงข่ายสามารถเข้าใจความต้องการของเจียงจื่อเจี่ยนได้อย่างถูกต้อง นิ้วชี้ไปยังแก้วกลางที่จริงๆ แล้วถูกเรียกว่าแก้วใหญ่
“อัพเกรดเป็นแก้วใหญ่สุดไหมคะ? เพิ่มอีกแค่ห้าหยวน…”
“อัพๆๆ” ในที่สุดเจียงจื่อเจี่ยนก็หลุดพ้นจากคาถาแก้วกลาง แก้วใหญ่ แก้วใหญ่สุด หันไปพูดกับถงข่ายว่า “ไม่ต้องเกรงใจนะน้องชาย”
ถงข่ายพึ่งฉลองวันเกิดอายุยี่สิบเก้าปีมา ก่อนหน้านี้ตอนผู้ช่วยของเขาช่วยหาคู่ในเน็ตนั้นได้กรอกอายุไปเป็นยี่สิบสาม อายุน้อยกว่าเจียงจื่อเจี่ยนหนึ่งปีพอดี พอได้ยินการเรียกแบบนี้ เขาก็ไม่ค่อยชินนัก รีบกล่าว “ดื่มไม่หมดหรอก อย่าเปลืองเลยครับ”
“แค่ห้าหยวนเอง” เจียงจื่อเจี่ยนพูดยิ้มๆ “ไม่เป็นไรหรอก”
“ห้าหยวนก็เงินนะครับ” ถงข่ายพูดอย่างปวดใจก่อนจะเดินไปรอรับกาแฟ
“ช่วยกรอกรหัสบัตรเครดิตด้วยค่ะ”
เจียงจื่อเจี่ยน “…”
พนักงาน “?”
เจียงจื่อเจี่ยน “เท่าไหร่นะครับ ผมลืมแล้ว รอแปบนะครับ เดี๋ยวผมถาม… ไม่ๆ ไม่ดีกว่า ใช้บัตรใบนี้เถอะ” พูดแล้วก็เอาบัตรสีดำใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง กล่าว “ใบนี้ไม่ต้องใช้รหัส รีบหน่อย ขอบคุณครับ”
พอพนักงานรูดเสร็จ เจียงจื่อเจี่ยนก็เก็บบัตรอย่างรวดเร็ว ดีนะที่ถงข่ายไม่เห็น
พอทั้งสองได้กาแฟก็พากันไปนั่งที่นั่งติดกระจก เจียงจื่อเจี่ยนใช้สายตาแบบคนสังคมชั้นสูงกวาดมองทั่วร้าน หันมาพูดกับถงข่ายว่า “ตอนโดนแลกเวรฉันชอบมาที่นี่แล้วสั่งวานิลาลาเต้สักแก้ว นั่งอ่านหนังสือฆ่าเวลาในร้านตลอดบ่าย น่ะ”
ถงข่ายกล่าว “ผมก็ชอบมาที่นี่ครับ มีหลายอย่างที่ๆ บ้านเก่าไม่เคยเห็นมาก่อน”
เจียงจื่อเจี่ยนถาม “มาทำงานที่เมืองใหญ่คนเดียว คิดถึงบ้านไหม?”
ถงข่ายคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ก็พอไหวครับ คิดถึงบ้านนิดหน่อย พ่อแม่ต่างก็อยู่ที่ฮอ ฮ… เหอหนาน”
“โอ๊ะ” เจียงจื่อเจี่ยนเอ่ย “คนจงหยวน ทั้งสูงทั้งหล่อ บรรพบุรุษฉันมาจากซีเป่ย”
ถงข่ายพูดอย่างจริงจัง “หนังสือที่คุณแชร์ให้ผม ผมถึงกับไปซื้อเป็นเล่มมาเลยนะ”
หนังสือ? เจียงจื่อเจี่ยนจำไม่ได้ว่าบนข้อมูลมีพูดถึงเรื่องนี้ด้วย น่าจะดูพลาดไป จากนั้นถงข่ายก็หยิบหนังสือออกมาเล่มหนึ่งชื่อ “อามิตตาพุทธจุ๊บๆ” ก่อนจะเอ่ย “ซื้อที่ตลาดนัดกลางคืน ถูกดี ปอนด์ละแปดหยวนเอง”
เจียงจื่อเจี่ยนจับต้นชนปลายไม่ถูกเล็กน้อย คิดว่าน่าจะเป็นผู้ช่วยหนุ่มที่เป็นฝ่ายแนะนำให้อีกฝ่าย พอได้สติแล้วก็รีบเอ่ย “ดีนะ ดี! เล่มนี้เป็นเล่มที่ฉันชอบที่สุด”
กาแฟถูกวางอยู่บนโต๊ะ ทั้งคู่ไม่มีใครดื่ม หลังจากความเงียบชั่วครู่ เจียงจื่อเจี่ยนก็ได้แต่มองถงข่ายยิ้มๆ
“ยิ้มอะไรครับ?” ถงข่ายก็รู้สึกว่าคนๆ นี้น่าสนใจ ผู้ช่วยของเขาเป็นผู้หญิง ตอนคุยกับเจียงจื่อเจี่ยนชอบโดนหยอกให้หัวเราะอยู่เรื่อย ดึงดูดความสนใจของถงข่ายได้ดี พอถงข่ายดูรูปเสร็จก็ขอความคิดเห็นจากผู้ช่วยก่อนจะเปลี่ยนชุดทั้งตัวเป็นของจากตลาดข้างทางเพื่อมาเจอเพื่อนในเน็ต
“ยิ้มเพราะนายหล่อ เหมือนดาราเลย” เจียงจื่อเจี่ยนก็มีนิสัยที่ไม่เขินอายแบบนี้แหละ ขอแค่เขาชอบ ก็สามารถชมจนอีกฝ่ายออกดอกได้
รอบนี้ถงข่ายตัดสินใจไม่ให้อีกฝ่ายรู้เด็ดขาดว่าตัวเองรวย แล้วก็ไม่หวังให้ประสบการณ์รักอันล้มเหลวเกิดขึ้นแบบคราวที่แล้วด้วย ลองดูก่อนแล้วกัน ไม่ได้ค่อยหาวิธี แต่ก็ไม่คาดคิดเลยคนแรกที่เขาใช้วิธีการเข้าหาแบบนี้จะทำให้เขาเกิดอาการใจเต้นขึ้นได้
เจียงจื่อเจี่ยนก็ประหลาดใจเล็กน้อย ตอนแรกเขาแค่อยากลองดู ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะคุณภาพสูงขนาดนี้ ไม่เหมือนคนที่ทำงานอยู่ในโรงอาบน้ำเลยสักนิด
“ทำงานลำบากไหม” เจียงจื่อเจี่ยนเอ่ย
ถงข่ายโดนผู้ชายที่อายุน้อยกว่าเขาห้าปี แถมยังทำงานเป็นเบลบอยถามว่า “ทำงานลำบากไหม” แล้วอยากปล่อยหัวเราะออกมามาก หลังจากกลั้นหัวเราะอย่างยากลำบากสำเร็จจึงตอบ “ก็โอเคครับ จะเลื่อนตำแหน่งเป็นพนักงานโรงอาบน้ำระดับสูงแล้ว”
“งั้นไม่เลวเลย!” เจียงจื่อเจี่ยนรู้สึกว่าคนๆ นี้รู้จักฝักใฝ่มาก
ถงข่ายเอ่ย “แต่ก็เหนื่อยนิดหน่อย ต้องทำโอทีบ่อยน่ะครับ”
“ก็ทำงานเพื่อหากินทั้งนั้นนี่ ช่วยไม่ได้นะ” เจียงจื่อเจี่ยนตอบ
ถงข่ายพูดอย่างจริงใจ “หลังจากเลื่อนตำแหน่งแล้ว เท้าแต่ละข้างจะได้เงินเพิ่มเริ่มต้นที่สามหยวนเลยนะครับ”
“ดีนี่!” เจียงจื่อเจี่ยนพยักหน้าตามกล่าว “แล้วเมื่อไหร่ถึงจะไม่ต้องนวดเท้าล่ะ?”
ถงข่ายตอบ “ทำไมเหรอครับ? ทำงานด้านไหนก็รักงานด้านนั้น ผมชอบงานนี้นะครับ ไม่เลวเลย”
เจียงจื่อเจี่ยนรีบแก้ตัว “ฉันกลัวนายเหนื่อยน่ะ”
ถงข่ายรู้สึกใจอุ่นขึ้นเล็กหน่อยก่อนจะตอบ “หลังจากถูกย้ายที่มั้งครับ ปีหน้าหวังว่าจะได้ย้ายไปที่โรงอาบน้ำยาจีนนะครับ ถ้านวดไหล่ให้ลูกค้าคงสบายขึ้นหน่อย”
อยู่ดีๆ เจียงจื่อเจี่ยนก็นึกได้ว่าเด็กผู้ชายตรงหน้านวดให้ลูกค้า งั้นจะต้อง… ชั่วขณะที่รู้สึกเป็นห่วงขึ้น แค่สีหน้าที่เปลี่ยน ถงข่ายก็สามารถล่วงรู้ถึงความคิดในใจของอีกฝ่ายได้ รีบอธิบาย “ร้านของเราไม่เคยมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นครับ”
“เรื่องแบบไหน?” รอยยิ้มถูกแขวนอยู่บนใบหน้าของเจียงจื่อเจี่ยนที่ถามกลับ
“เรื่องแบบนั้นที่คุณคิด” นิสัยชอบแย้งคำพูดเสียดแทงของถงข่ายเกือบซ่อนไม่อยู่ รีบยิ้มปกปิด
เจียงจื่อเจี่ยนตอบ “ฉันไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย”
ถงข่ายไม่พูดทำเพียงแต่ยิ้ม เจียงจื่อเจี่ยนคิดเล็กน้อยก่อนจะเสริม “ที่โรงแรมของเราก็ไม่มีเรื่องแบบนั้น”
คราวนี้ทั้งสองหัวเราะจนตัวเอียงบนโซฟา ถงข่ายกล่าว “พี่ชาย คุณนี่ตลกจัง”
“เอาล่ะ” เจียงจื่อเจี่ยนล้วงมือถือที่หน้าจอแตกออกมาดู ก่อนจะเอ่ย “ถึงเวลากินข้าวแล้ว ไปกินข้าวกัน แล้วค่อยคุยกันต่อ?”
“ผมเลี้ยงเอง!” ถงข่ายเอ่ยนำ “คุณซื้อกาแฟให้ผมแล้ว ผมรู้ว่าแถวนี้มีร้านอาหารตะวันตกอยู่ เงินเดือนผมพึ่งออก คุณต้องให้ผมเลี้ยงนะ”
เจียงจื่อเจี่ยนตอบรับอย่างไม่ติดขัดอะไร “ได้ งั้นฉันไม่เกรงใจล่ะนะ”
ถงข่าย “อย่าลืมกาแฟครับ”
ถงข่ายพาเจียงจื่อเจี่ยนไปยังร้านสเต็กแบบบริการตัวเองร้านหนึ่ง พอได้ที่นั่งแล้วถงข่ายก็เดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ พยายามอยู่ครึ่งวันก็ใช้ไม่เป็นจริงๆ จึงพูดกับแคชเชียร์ว่า “ช่างมันเถอะ รูดบัตรแล้วกัน” เขาว่าก่อนจะนำบัตรสีดำออกมาหนึ่งใบแล้วเอ่ยชม “ลิปของคุณสีสวยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” แคชเชียร์ยิ้มก่อนจะกล่าว “แถมผลไม้ให้จานหนึ่งค่ะ”
“สเต็กสุกประมาณไหนดีครับ” พนักงานเดินมารับออเดอร์
“มีเดียมดัน” ถงข่ยเล่นตามบทอย่างตรงไปตรงมา
“ฉันก็มีเดียมดัน” เจียงจื่อเจี่ยนเสริมอีกคำ “ไม่ต้องสุกมากนะ”
หลังจากพนักงานจดเสร็จ ทั้งคู่ก็คุยไปเรื่อย โต้ตอบกันไปมา เจียงจื่อเจี่ยนถามถงข่ายว่าปกติชอบทำอะไร ถงข่ายตอบว่าไสลด์ติ๊กต๊อก ถงข่ายถามเจียงจื่อเจี่ยนว่าพักที่ไหน เจียงจื่อเจี่ยนตอบว่าที่ห้องพักพนักงานของโรงแรม ห้องละเเปดคน เสาร์อาทิตย์กลับบ้านนาไปเยี่ยมพ่อแม่
“ผมยังไม่เคยไปโรงแรมของพวกคุณเลย” ถงข่ายกล่าว “รูแค่ข้างในประดับประดาได้สวยมาก”
เจียงจื่อเจี่ยนตอบ “น่าเบื่อ น้ำแก้วละหกสิบหยวน แพงจะตาย มีแต่พวกโง่เท่านั้นแหละที่ไปเสียเงินที่นั่น มีเงินแล้วทำอะไรไม่ดีบ้าง?”
“นั่นสิ” ถงข่ายสังเกตเห็นกระเป๋าตังค์ในมือเจียงจื่อเจี่ยนที่ส่ายไปมา เอ่ยถามอย่างอ้อมๆ ด้วยความอิจฉา “นี่หลุยส์นี่ครับ! เพื่อนให้มาเหรอครับ?”
เจียงจื่อเจี่ยนตอบ “ซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเองจากเถาเป่าน่ะ ของก้อปเกรดเอ ชอบไหม? ไว้วันหลังเดี๋ยวฉันซื้อให้”
ถงข่ายเอ่ย “ตอนนี้ของก้อปนานวันเข้าก็ยิ่งเหมือนของจริงนะครับ” ในขณะเดียวกันก็คิดไปด้วยว่าคนๆ นี้ซื่อสัตย์เสียจริง ซื่อสัตย์เป็นคุณสมบัติที่ดีที่สุดของคนๆ หนึ่ง แต่จู่ๆ ก็รู้สึกไม่ถูกต้องขึ้นมา ภายใต้เซตติ้งแบบนี้แล้วจะรู้ได้ไงว่าจริงหรือหลอก
เจียงจื่อเจี่ยนกลับไม่ได้คิดเยอะขนาดนั้น กล่าวส่งๆ “ใช่ มีคนมากมายที่ชอบซื้อเเบรนด์เนม ไม่คุ้มราคาเลย”
คอมเมนต์