รีเทิร์นหัวใจ กับ AI จอมวุ่น ตอนที่ 18
ตอนที่ 18
ศูนย์การเงินนานาชาติ ตึกอิ๋นไท่
โพร “อากาศช่วงนี้ท้องฟ้ามีเมฆครึ้มตลอดเลย ฉันไม่ค่อยชอบ”
เทียนเหอ “เหมือนตอนอยู่ลอนดอนเลย ฉันนึกว่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์จะไม่มีอากาศที่ชอบเป็นพิเศษเสียอีก”
โพร “นั่นแปลว่านายจะป่วยง่าย และทำให้เกิดไมเกรน”
“ขอบคุณสำหรับความใส่ใจ” เทียนเหอตอบ “นอกจากป้าฟางกับจื่อเจี่ยน นายเป็นคนที่สามที่สนใจเรื่องสุขภาพของฉัน”
“มีคำแนะนำอีกเล็กน้อย” โพรบอก “นายน่าจะแสดงอารมณ์ของตัวเองบ้าง การสนทนากับผู้อื่นนั้นอาจได้ผลที่ดีกว่า”
วันนี้เทียนเหอไปพบมูลนิธิมาทั้งหมดสามเจ้า พวกเขาต่างก็ลงทุนให้กับอีพีอุสและต่างก็เคยซื้อระบบเทรดอัตโนมัติกับโปรแกรมวิเคราะห์กับพี่ชายเขาทั้งนั้น แต่เพราะว่าเทคนิคที่ไม่ดีส่งผลให้โปรแกรมนั้นเกิดบัคจนหลังบ้านพัง ฟีดแบคที่ได้รับจากพี่ชายคือ “ไม่พอใจเล็กน้อย” แต่เทียนเหอรู้ว่าทางมูลนิธิต้องโกรธมากแน่ๆ แผนที่วางไว้ตอนแรกคือหลังจากทริปจบการศึกษาแล้ว เทียนเหอจะนำทีมเทคนิคมาอัพเกรดโปรแกรมที่เต็มไปด้วบบัคตัวนี้ แต่ทำไงได้เมื่อบริษัทต้องเจอกับภาวะล้มละลาย ทีมเทคนิคต่างก็แยกย้ายกันไปหมดแล้ว
จะทำอะไรก็ต้องมีหัวมีท้าย อย่าทำให้คนที่ไว้วางใจตนเองผิดหวัง นี่คือสิ่งที่ผู้เป็นพ่อสอนเขาไว้ก่อนจากไป ดังนั้นเทียนเหอจึงใช้กำลังเท่าที่มีแก้ไขและซ่อมแซมโปรแกรมตัวนี้ ถือโน๊ตบุ๊คไปขอโทษแต่ละเจ้าถึงที่ และยังจัดเตรียมซีเคร็ทคีย์ไปเพื่อช่วยทีมเทคนิคในการอัพเกรดอีกด้วย
ตั้งแต่เก้าโมงเช้าจนบ่ายสามโมง คำตอบของทุกเจ้าต่างก็เป็นเหมือนกัน “พวกเราจะไม่มีวันใช้ระบบเทรดอัตโนมัติกับโปรแกรมวิเคราะห์ของพวกคุณอีก ไม่ต้องเสียเวลาแล้ว”
“ผมก็ยังรู้สึกว่าจำเป็นจะต้องอธิบายให้ชัดเจนครับ” เทียนเหอกล่าว “ผมขออภัยเป็นอย่างสูงที่รบกวนเวลาอันมีค่าของคุณ”
เทียนเหอเดินไปตึกนู้นทีตึกนี้ทีท่ามกลางศูนย์การเงินนานาชาติอย่างโดดเดี่ยว หลังจากโบรคเกอร์คนหนึ่งของมูลนิธิฟังจบยังหันมาพูดกับเขาอีกด้วยว่า
“ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ แล้วตอนแรกจะทำทำไมครับ? คุณมาขอโทษตอนนี้แล้วจะได้อะไรขึ้นมา? คุณคิดว่าคนในวงการจะเหยียบซ้ำคนล้มอย่างอีพีอุสเหรอ ไม่หรอก อย่างมากเขาก็แค่รอดูความวุ่นวายกัน แต่การจะซื้อโปรแกรมวิเคราะห์ของพวกคุณต่อนั้นเป็นไปไม่ได้แน่ๆ”
เทียนเหอกล่าว “ผมไม่มีแพลนที่จะขายเวอร์ชั่นใหม่หรอกครับ ถึงจะมีก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายขายครับ ไม่น่าเป็นผมที่เป็นฝ่ายมาด้วยตัวเอง ผมแค่อยากให้เรื่องนี้มีคำอธิบาย”
“บริษัทล้มละลายไม่น่ากลัวหรอก” ประธานสูงอายุที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ กล่าว “สิ่งที่น่ากลัวคือเครดิตของพวกคุณก็ล้มละลายแล้วต่างหาก”
มีผู้จัดการอีกคนพูดว่า “อีกอย่างโปรแกรมวิเคราะห์ของพวกคุณก็เก่าเกินไปหน่อยมั้ง หลายปีมานี้เอาแต่กินเงินจากของเก่า บริษัทอื่นเขาตามคุณทันกันหมดแล้ว ยังฝันกลางวันที่จะทำเงินจากการเข้าตลาดหุ้นอีก”
เทียนเหอยิ้มน้อยๆ ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเสียบซีเคร็ทคีย์ กล่าว “งั้นขอพรีเซ้นท์ให้ทุกคนดูระบบหลังซ่อมแซม…”
เทียนเหอถอนหายใจยาวหลังออกจากบริษัทที่สาม เขารู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย เลยเกิดบทสนทนาแบบนี้ขึ้นกับโพร เทียนเหอครุ่นคิดก่อนจะพูด “จริงๆ สภาพร่างกายฉันไม่แย่นะ”
“ค่าวัดต่างๆ อยู่ในระดับปกติ” โพรกล่าว “ฉันเข้าใจดี นายแค่เครียดมากไปหน่อย”
“ยังไหวมั้ง” เทียนเหอตอบ “ถ้าเครียดก็ต้องคลายเครียดด้วยตัวเอง ความฝันสูงสุดในชีวิตฉันคืออยู่บ้านเขียนโปรแกรม มีคนรักที่เข้าใจฉัน ตอนกลางวันต่างคนต่างยุ่งงานของตัวเอง ตอนกลางคืนออกไปกินข้าวสักมื้อ สุดสัปดาห์ไปตีโปโลตีกอล์ฟ ถ้าอารมณ์ดีก็ไปพักผ่อนที่คอสตาริกาสักหน่อย ฉันไม่ค่อยสนใจด้านทำธุรกิจสร้างเนื้อสร้างตัวหรอก”
โพร “หลังจบแล้วนายจะทำอะไรต่อ?”
เทียนเหอกล่าว “ก้าวต่อไปคือไปซิลิคอนแวลลีย์ ไปขอให้พวกบริษัทอินเทอร์เน็ตที่เคยไปมาหาสู่กันช่วยเซ็นรับประกันการเลื่อนล้มละลาย แบบนี้อย่างน้อยฉันยังมีเวลาอีกสามเดือน”
โพร “นายแน่ใจเหรอว่าจะสามารถออกนอกประเทศก่อนขั้นตอนการล้มละลายจะเสร็จ? งั้นฉันก็คงเข้าใจได้ว่าอย่างน้อยฉันจะไม่ถูกขายก่อนวันที่ 1 มกราคมปีหน้า”
“ถ้าอยากจะออกล่ะก็ต้องมีทางอยู่แล้วแหละ แน่นอน ฉันจะไม่เป็นทหารหนีรบเหมือนพี่ชายฉันเด็ดขาด” เทียนเหอตอบแล้วเดินเข้าลิฟท์ ในลิฟท์เต็มไปด้วยผู้คน เขาจึงไม่พูดอะไรอีก
โพร “แต่โอกาสที่สถานการณ์นี้จะเกิดขึ้นมีน้อยมาก น้อยแค่ 3% เท่านั้น”
พอประตูลิฟท์เปิด เทียนเหอก็เดินออกมา “เรื่องที่มีโอกาสจะเกิดได้น้อยก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่เกิดสักหน่อย นายเป็นคนพูดเอง”
โพร “หลังจากนั้นล่ะ?”
เทียนเหอ “ใช้เงินทั้งหมดที่เหลือวางโครงสร้างให้ดี แล้วรับพวกโปรแกรมเมอร์มาช่วยสักสองสามคน ออกแบบระบบเทรดแบบใหม่… ตอนคริสต์มาสลองแถลงเปิดตัวดู ถ้ามีคนซื้อบริษัทน่าจะพออยู่รอดได้อีกครึ่งปี ถ้าไม่มีคนซื้อก็ยอมแพ้ ยอมรับความจริง”
หน้าเคาท์เตอร์ของมูลนิธิอีกเจ้า เทียนเหอเอ่ย “ผมมาหาประธานสยง นัดไว้แล้วครับ วันนี้ตอนบ่ายสามโมงครึ่ง”
“ประธานสยงพบลูกค้าอยู่ค่ะ” พนักงานต้อนรับกล่าว “กรุณารอสักครู่นะคะ”
เทียนเหอนั่งรอในห้องรับแขกอย่างมีความอดทน อีกฝ่ายให้เขารอหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ โพรกล่าว “หลังจากยอมรับความจริงล่ะ?”
เทียนเหอ “หลังจบขั้นตอนทั้งหมดก็คงไปเยอรมันมั้ง? ฉันจะหาวิธีคัดลอกนายไว้อีกชุด…”
“ท่านประธานว่างเข้าพบแล้วค่ะ” ผู้ช่วยเข้ามาแจ้ง เทียนเหอกอดคอมฯ แล้วลุกขึ้น พลันก็เจอชายวัยหนุ่มคนหนึ่งถูกเจ้าของบริษัทวัยกลางคนอายุกว่าห้าสิบเชิญออกมานอกห้องทำงาน
พอเทียนเหอกับชายวัยหนุ่มคนนั้นเจอหน้ากัน ต่างฝ่ายก็ต่างยิ้มออกมา
“อู๋ซุ่น!” เทียนเหอเอ่ยยิ้มๆ
“เหวินเทียนเหอ!” อู๋ซุ่นดึงมือของเทียนเหอก่อนจะกอดอีกฝ่าย เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่!”
วันนี้อู๋ซุ่นใส่สูทตัวบางให้ลุคสบายๆ ผมทั้งสองข้างทุกจัดให้เรียบแปล้ ผมที่เหลือถูกหวีไปทางด้านหลังเล็กน้อย ทำให้ดูทะมัดทะแมงมีชีวิตชีวา
ประธานสยงกลับมีหน้าตาเหมือนพ่อค้าขายหมู บนหน้ามีแต่ความดุร้าย ท่าทางเหมือนจะยกเทียนเหอมาวัดน้ำหนักวางบนตาชั่งได้ทุกเมื่อ พอเห็นว่าอู๋ซุ่นมีท่าทีกระตือรือร้นต่อเขาขนาดนี้ก็ชะงักก่อนจะกล่าว “มาครับ ประธานเหวิน เชิญด้านในครับ ผู้อำนวยการอู๋ครับ คุณจะ…”
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนล่ะก็เดี๋ยวผมจะรอด้านนอกแล้วกันครับ” อู๋ซุ่นหันไปพูดกับเทียนเหอ “หลังจากวันนั้นผมกะจะนัดคุณ แต่เสี่ยวเจียงบอกว่าคุณกำลังขังตัวเอง”
เทียนเหอหัวเราะออกมา ประธานสยงรีบกล่าว “จะให้คุณรอได้อย่างไรครับ?”
“งั้นไม่เป็นการรบกวนนะครับ?”
“แน่นอนครับ…”
ดังนั้นอู๋ซุ่นกับเทียนเหอจึงเดินเข้าห้องประชุมด้วยกัน ประธานสยงเรียกหัวหน้าฝ่ายที่รับผิดชอบซ่อมแซมอัพเกรดและแลกเปลี่ยนโปรแกรมมา เทียนเหอพรีเซ้นท์การอัพเกรดโปรแกรมให้พวกเขาดูทั้งหมด ที่ประชุมต่างก็ฟังอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มีแค่อู๋ซุ่นที่ตั้งใจฟังเทียนเหอพรีเซ้นท์ เทียนเหอรู้ว่าบริษัทนี้ก็ทิ้งสินค้าของพวกเขาไปแล้วแน่ๆ แต่พอท่านประธานไม่ได้แสดงท่าทีอะไร เหล่าผู้บริหารก็ไม่กล้าเปิดปาก
“เสร็จแล้วครับ” เทียนเหอกล่าว “ซีเคร็ทคีย์อันนี้ให้พวกคุณ ส่วนอันนี้เป็นไดร์ฟอัพเดท”
“แค่นี้?” ประธานสยงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
เทียนเหอพยักหน้าง่ายๆ จัดเสื้อเชิ้ตตัวเองให้เรียบร้อย ยืนอยู่หน้าโต๊ะประชุมแล้วกล่าวอย่างตั้งใจว่า “ผมขออภัยทุกๆ คนแทนสินค้าของบริษัทเราที่สร้างปัญหาให้พวกคุณในหลายปีมานี้ ขออภัยจริงๆ ครับที่ทำให้ผู้ร่วมหุ้นอย่างพวกคุณสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเรา”
พอพูดจบก็โค้งตัว
ชั่วขณะหนึ่งทั้งห้องประชุมเต็มไปด้วยความอึดอัด อู๋ซุ่นกลับยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นกล่าว “ไป ไปกินข้าวกัน”
ประธานสยงมาส่งคนด้วยตัวเอง อู๋ซุ่นสูงกว่าเทียนเหอเล็กน้อย รับโน๊ตบุ๊คของเขามาถือในมือแล้วถาม “ช่วงนี้คุณกำลังยุ่งกับอะไรอยู่?”
เทียนเหออธิบายเรื่องราวอย่างละเอียดให้ฟัง อู๋ซุ่นพยักหน้าตาม เทียนเหอกล่าว “เหลืออีกกี่เจ้าน่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อน” อู๋ซุ่นดูนาฬิกาแล้วกล่าว “ดีนะที่ตอนบ่ายผมไม่มีแพลน”
เทียนเหอไม่ได้ถามอู๋ซุ่นว่าทำไมถึงมามูลนิธิเจ้านี้ น่าจะมีเรื่องราวเบื้องหลังนิดหน่อย ทั้งสองพูดคุยถึงเจียงจื่อเจี่ยนระหว่างเดินทางไปหาเจ้าต่อไป คราวนี้มีอู๋ซุ่นอยู่เลยได้รับการต้อนรับอย่างเร่าร้อนจากเจ้านาย อู๋ซุ่นส่งโน๊ตบุ๊คให้เทียนเหอ เทียนพรีเซ้นท์เสร็จอย่างไหลลื่น
อู๋ซุ่นก็ขับออดี้เช่นกัน เทียนเหอชอบรถยนต์ของเจ้านี้ ไม่แพงแถมยังนั่งสบายอีกด้วย
“อาหารจีนหรืออาหารตะวันตกดี?” พออู๋ซุ่นถามเสร็จก็สั่งให้คนไปจองร้านอาหาร เทียนเหอเอ่ย “โพร ช่วยส่งข้อความให้ป้าฟางหน่อยว่าคืนนี้ไม่กลับบ้านไปกินข้าว”
“โย่” อู๋ซุ่นยิ้ม “คุยโทรศัพท์กับใครน่ะครับ?”
“ปัญญาประดิษฐ์” เทียนเหอตอบ “ระบบรู้จักจดจำเสียงพูดน่ะ ทางเราคิดค้นออกมาเอง”
“เดี๋ยวนี้ปัญญาประดิษฐ์เก่งขนาดนี้แล้วเหรอ?” อู๋ซุ่นเอ่ย “วันหลังช่วยติดตั้งให้ผมด้วยสิ”
เทียนเหอเอ่ยยิ้มๆ “รอผมอัพเกรดก่อนแล้วเดี๋ยวติดตั้งให้ สะดวกดี”
โพร “ฉันไม่คิดว่าเขาต้องการระบบความจำเสียงจริงๆ เขาแค่อวยนายแบบมีมารยาท ให้อภัยที่ฉันต้องเตือนนายด้วย ถ้าทำให้ความลับทางการงานเขารั่วไหลล่ะก็ผลที่ตามมาค่อนข้างสาหัสเลยล่ะ”
เทียนเหอพูดใส่หูฟังอย่างจริงจังว่า “ฉันรู้อยู่แล้ว”
อู๋ซุ่นหัวเราะขึ้น กล่าว “น่าสนใจ”
เทียนเหอ “ช่วงนี้มีข่าวอะไรน่าสนใจไหม”
อู๋ซุ่นพูดอย่างเคร่ดเครียด “อืม อยากถามว่าช่วงนี้คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติโดนชาวเน็ตด่าอะไรอีกไหม?”
เทียนเหอหัวเราะออกมา “ผมไม่ค่อยดูข่าวน่ะ”
อู๋ซุ่น “ผมก็ไม่ค่อยดูเหมือนกัน ไม่อยากเห็นตัวเองโดนด่าน่ะ”
เทียนเหอรู้สึกว่าอู๋ซุ่นตลกมาก อู๋ซุ่นครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนถาม “คุณยังจำแฟนคลับของคุณได้ไหม?”
“ผมไม่มีแฟนคลับอะไรสักหน่อย” เทียนเหอกล่าวก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าอู๋ซุ่นหมายถึงกวนเย่ว์
“สาขาหลักของบริษัทกองทุนชิงซงที่นิวยอร์กมีการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจระดับไมโครสเกล” อู๋ซุ่นกล่าว “ถ้าใช้ระดับของแผ่นดินไหวมาเปรียบเทียบล่ะก็น่าจะระดับสามหรือสี่เลยทีเดียว ตอนนี้พวกเขากำลังครุ่นคิดวางแผนปรับเปลี่ยนเรื่องกลยุทธ์ทิศทางของพื้นที่เอเชีย”
เทียนเหอ “อืม” รับคำกล่าว “จริงๆ แล้วผมกับกวนเย่ว์ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ ไม่ค่อยได้ติดต่อเป็นการส่วนตัวมากนัก” ขณะเดี๋ยวกันก็คิดในใจว่าบางทีอู๋ซุ่นอาจเดาได้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกวนเย่ว์ อู๋ซุ่นกลับตอบว่า “พอดูออกครับ วันนี้บอสใหญ่ของพวกเขาถึงกับบินมาด้วย”
“งั้นประธานกวนของพวกเราคงต้องยุ่งไปอีกพักใหญ่เลยล่ะครับ” เทียนเหอหัวเราะ “บอสอาจจะไม่อยู่นานขนาดนั้น คนที่รับมือด้วยลำบากที่สุดน่าจะเป็นคนที่ตามมา” ชะงักไปชั่วครู่ก่อนเทียนเหอจะเสริม “ถ้ามีล่ะก็นะ”
ในช่วงเย็น ใต้ตึกบริษัทกองทุนชิงซง
หลังการประชุมจบลงกวนเย่ว์ลงไปยังชั้นล่างกับบอสชาวตะวันตกผิวขาวอายุสูงวัยผมสีเทาอีกผู้หนึ่ง เหล่าผู้บริหารชั้นสูงต่างก็ยืนอยู่นอกตึกเตรียมส่งแขก
กวนเย่ว์ยื่นมือหนึ่งข้างไปจับ บอสใช้มือสองข้างกุมมือซ้ายของกวนเย่ว์ไว้ กวนเย่ว์ก้มหัวลง ชายแก่ผิวขาวพูดอะไรบางอย่างที่ข้างหูเข้าก่อนจะยิ้มให้เขาอย่างให้กำลังใจ ตบแขนเขาเบาๆ แล้วขึ้นรถจากไป
แขกที่มาจากนิวยอร์กอีกไม่กี่คนโบกมือให้ เด็กหนุ่มต่างชาติคนหนึ่งหันมาถามกวนเย่ว์ “กวน! ตอนกลางคืนไปดื่มกันหน่อยไหม?”
กวนเย่ว์พยักหน้า ส่งสัญญาณให้หัวหน้าแผนกการเงินสั่งคนไปจัดเตรียมก่อนจะทำมือเป็นสัญลักษณ์โทรศัพท์ ใส่หูฟังแล้วเดินไปโทรศัพท์ข้างๆ
คอมเมนต์