รีเทิร์นหัวใจ กับ AI จอมวุ่น ตอนที่ 2
ตอนที่ 2
“อะไรนะ?” เทียนเหอนึกว่าตัวเองคงไปฟังผิดไป เลยถามย้ำอีกรอบ “เป็นไปได้ยังไง?”
ความเงียบงันปกคลุมห้องประชุม ทุกคนต่างก็มองไปยังผู้จัดการสาขา ผู้จัดการได้แต่เช็ดเหงื่ออีกรอบก่อนจะกล่าว “พี่ชายของคุณไม่ได้บอกคุณ?”
“ผมเพิ่งส่งเขาไปเมื่อสามชั่วโมงครึ่ง!” ถึงจะเป็นเทียนเหอผู้ผ่านประสบการณ์ต่างๆ นานามานับไม่ถ้วน แต่เมื่อเผชิญกับคำว่า “เงินไม่พอใช้หนี้” และ “ไม่มีปัญญาใช้คืน” แล้วถึงกับดึงสติไม่ค่อยอยู่ “พวกคุณรอสักครู่ ผมจะโทรหาเขา ไม่สิ เขาน่าจะอยู่บนเครื่องระหว่างทางไปซานฟรานซิสโก…”
“ตอนนี้ผู้รับผิดชอบตามกฎหมายคือคุณใช่ไหมครับ” ผู้รับผิดชอบจากทางมูลนิธิเกริ่น “ทางหุ้นส่วนได้ทำความเข้าใจขั้นต้นกับสถานการณ์ทางการเงินของอีพีอุสในตอนนี้แล้ว นี่เป็นรายการสินทรัพย์ครับ ตอนนี้กรรมการเหมยซีเหมยก็เข้าใจในส่วนแรกแล้วด้วย”
“รอสักครู่นะครับ” เทียนเหอรับไม่ไหวกับข้อมูลที่ได้รับตอนนี้ เอ่ยปากกล่าว “ช่วยเทน้ำให้ผมหน่อย”
“หนี้ในส่วนนี้ได้เกินระยะเวลาชำระมาสองปีแล้วครับ…”
“ในช่วงเวลาที่พี่ชายของคุณเป็นซีอีโอและเป็นผู้รับผิดชอบตามกฎหมาย เขาได้ทยอยจำนำบ้านกับรถในชื่อของเขาให้กับธนาคาร…”
“ในเดือนมิถุนายนของปีนี้ เหวินเทียนเย่ว์ได้ลักลอบนำเงินทุนของบริษัทจำนวนหกสิบล้านไปยังมาเก๊าเพื่อที่จะได้คลายเครียดจากสถานการณ์ทางการเงิน แต่ผลก็เป็นไปอย่างที่คิด…”
“ไอ้น้องชาย คุณดูนะ ปีหน้าผมก็จะเกษียณแล้ว แต่เพื่อบริษัทของคุณแล้ว คงคาดหวังการใช้ชีวิตอย่างสงบในบั้นปลายไม่ได้แล้วล่ะ… จะทำยังไงกันต่อดี คุณต้องบอกพวกเราสิ…”
“ตอนแรกที่พวกคุณสองพี่น้องกำลังระดมทุนไม่ได้สัญญาไว้แบบนี้นี่ ตอนนี้ไม่เพียงแต่บริษัทจะทำตามสัญญาไม่ได้ ส่งอีเมลล์มาก็ไม่ตอบ โทรศัพท์ก็ไม่รับ WeChat ไปก็ด่า แถมยังด่าเป็นข้อความเสียงนานถึงหนึ่งนาทีอีก… คุณลองฟังดูสิ นี่เป็นน้ำเสียงของคนที่มีการศึกษางั้นเหรอ? ไร้มารยาทสิ้นดี!”
“ปีที่แล้วบริษัทพวกคุณยังลงทุนให้กับหนังไซไฟหนึ่งเรื่องเป็นจำนวนเงิน 180 ล้านเพื่อดันนักแสดงเข้าไปในกองถ่ายทำ ตบอกรับปากว่าจะได้รายได้จาก box office กว่าสี่หมื่นล้านแน่ๆ สุดท้ายเป็นไง ผู้กำกับถ่ายออกมาได้อย่างกับพาวเวอร์พอยท์ ฝั่งเกมออนไลน์ก็ชักเงินหนีไปแล้ว พวกเจ้าสัวทำเหมืองยังไม่เล่นอะไรแบบนี้เลย!”
“สิ่งที่ทำให้ผมยิ่งงงไปอีกก็คือทำไมเหวินเทียนเย่ว์ถึงเซ็นรับประกันการกู้ยืมให้กับบริษัทอีกแห่งหนึ่งที่อนาคตยอดขายดูจะไม่ไปไหนเลยด้วย”
“ไหนจะยังหน่วยเซิร์ฟเวอร์ของโทรอนโตอีก ปีหนึ่งต้องเสียค่าเช่าเซิร์ฟเวอร์ไปสิบสี่ล้านดอลล่าสหรัฐ นี่ยังไม่รวมค่าไฟนะ พวกคุณดูสิว่าตัวเองวิจัยอะไรออกมาได้บ้าง ใช้สุดยอดเซิร์ฟเวอร์ส่วนบุคคล! ตอนผมมาเมื่อกี้ยังเห็นว่าโปรแกรมเมอร์ของพวกคุณกำลังเล่น Warcraft อยู่เลย…”
เทียนเหอโดนโวยวายจนเวียนหัวเล็กน้อย เขารับน้ำจากรองประธานขึ้นดื่ม ก่อนจะกระแทกวางบนโต๊ะเสียงดัง
ทั้งห้องประชุมกลับมาเงียบอีกครั้ง
เทียนเหอจ้องแก้วน้ำได้ครึ่งนาทีก่อนสายตาจะมองไปยังเหล่าผู้ถือหุ้น
“อ๊ะ ผมรู้แล้ว” เทียนเหอจู่ๆ ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “พวกคุณมาผิดบริษัทแล้ว!”
สองชั่วโมงต่อมา เหล่าผู้ถือหุ้นทยอยกันออกมาจากห้องประชุมใหญ่
เทียนเหอนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ตำแหน่งประธานการประชุมราวกับเป็นรูปปั้น
“ท่านประธาน?” ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินลองเรียกเขาดู
“ผมต้องการที่จะฟังบาคในตอนนี้” เทียนเหอพูด
“แย่แล้ว! ผู้จัดการสาขาจะโดดตึก! หน้าต่างในห้องน้ำหญิงไม่ได้ล็อค เขาเลยปีนออกไปครึ่งตัวแล้ว! ขอพนักงานชายมาด้วยดึงเขาหน่อย——“
รองประธาน “……”
อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา เทียนเหอมองกล่องข้าวบนโต๊ะก่อนจะโบกมืออย่างเหนื่อยอ่อน
“ไม่กิน ขอบคุณ”
“ยังไงก็ต้องกินข้าวครับ” รองประธานแล้วเปิดกล่องข้าวจากโยชิโนยะ [1]เขาหิวจนทนไม่ไหวแล้ว เอ่ยปากพูดต่อ “ประธานเหวินน้อย อย่าทรมานร่างกายตัวเองเลยครับ”
ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินมองข้าวกล่องบนโต๊ะด้วยความกังวลใจ ค่าอาหารเที่ยงก็เป็นเขาที่ออกก่อน ถ้าเอาไปเบิกกับบริษัทก็ไม่รู้ว่าจะยังเบิกได้ไหม บริษัทค้างเงินเดือนเขามาสามเดือนแล้ว และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้เมื่อไหร่ เหวินเทียนเย่ว์สาบานรับประกันอย่างมั่นใจบอกพวกเขาว่าน้องชายของตัวเองจะมีวิธีแน่ๆ ที่แท้ก็หลอกพวกเขาทั้งนั้น
“พวกคุณรู้มาโดยตลอดเหรอ” เทียนเหอพึมพำ
“ประธานเหวินบอกว่าหลังจากคุณเป็นผู้รับผิดชอบตามกฎหมายแล้ว การเงินจะดีขึ้นอย่างรวดเร็วครับ” รองประธานกล่าว “จะเรียกพวกผู้ถือหุ้นรายเล็กมาประชุมกันไหมครับ?”
เทียนเหอตั้งสติแล้วพูด “ไม่ต้องเรียก ว่าแต่การระดมทุน Series E สำเร็จแล้วนี่ วางแผนไว้ว่าจะเข้าตลาดหุ้นในอีกสองปีข้างหน้าไม่ใช่เหรอ”
ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินตอบ “เงินที่ได้มาจากการระดมทุน Series E ทั้งหมดหกสิบล้านอยู่ที่มาเก๊าครับตอนนี้”
“คุณเป็นถึงผู้อำนวยการฝ่ายการเงินนะ” เทียนเหอพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ปล่อยให้เขาเอาหกสิบล้านไปพนันที่มาเก๊าได้ไง?! นี่เรียกว่าขายอาชีพกันชัดๆ!”
“ผมจะทำยังไงได้ล่ะครับ?” ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินพูดด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับท่านประธานเหวินนี่ครับ แล้วการโยกย้ายเงินของบริษัทก็ไม่ได้พึ่งเกิดเร็วๆ นี้ด้วย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะเอาเงินระดมทุนไปเล่นสล็อตแมชชีนหมดน่ะ”
“สล็อตแมชชีนบ้าอะไรทำให้หมดไปตั้งหกสิบล้าน?” เทียนเหอรำพึงอย่างสิ้นหวัง
รองประธานจึงว่า “เงินพนันในห้องวีไอพีตั้งต้นที่แสนทั้งนั้นแหละครับ บนจอขึ้นว่า 10 เขานึกว่าคือหนึ่งร้อย มีมาสิบอันเลยก็เลยกดศูนย์เพิ่มไปอีก ตอนเริ่มมีลูกบอลลูกโตห้อยลงมาเหนือหัวเขาด้วย ทั้งบ่อนพนันฮือฮากันหมด นึกว่าเขาชนะเสียอีก…”
“พอแล้ว เลิกพูดเถอะ” ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินขัด
“โอ๊ะใช่แล้ว! เขายังซื้อคุกกี้อัลมอนด์กลับมาอีกเยอะแยะเลยด้วย” รองประธานนึกขึ้นได้ “ทั้งหมดอยู่ในตู้เย็นของบริษัท คุณจะกินหน่อยไหมครับ? อยู่ในตู้เย็นมาสามเดือนแล้ว น่าจะยังไม่หมดอายุนะ ค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติการเดือนที่แล้วก็ให้อันนี้นี่แหละครับ น่าจะยังแจกไม่หมดนะครับ”
เทียนเหอ “……”
“ตอนนี้ทำยังไงกันดี” เทียนเหอรำพึง
ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินบอก “ระดมทุนกันใหม่จะได้ไหมครับ?”
เทียนเหอมองผู้อำนวยการฝ่ายการเงินด้วยความสับสน รองประธานช่วยวางแผนอยู่ข้างๆ “คุณมีพี่ชายใหญ่อีกคนใช่ไหมครับ?”
“พี่ชายใหญ่ของผมกำลังวิจัยกระสวยอวกาศอยู่” เทียนเหอตอบ “ติดต่อไม่ได้มาสิบห้าปีได้แล้ว”
ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยปาก “แล้วทางฝั่งคุณแม่ของคุณ…”
“เป็นไปไม่ได้” เทียนเหอตัดบททันที “พวกบ้านฝ่ายแม่ของผมไม่ให้ผมแม้แต่หยวนเดียวแน่ๆ แถมท่านยังแต่งงานใหม่แล้วด้วย”
รองประธานลองนึกก่อนจะพูดขึ้น “ชื่อเสียงของพ่อคุณน่าจะยังอยู่นะครับ หรือลองขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่าของท่านลองระดมทุน Series F ดู เอามาชำระหนี้ที่ค้างไว้ แล้วเงินที่เหลือก็ลองเสนอให้แปลงหนี้เป็นหุ้นแทน?”
ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินกล่าว “พูดตามตรง โอกาสทางการลงทุนข้างนอกตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ทำอะไรซี้ซั้วไม่ได้นะครับ”
รองประธานพูดต่อ “งั้นก็ต้องหาทางเข้าตลาดหุ้น ฝากความหวังไว้กับพวกกุ๊ยช่าย… พวกนักลงทุนแล้วล่ะ”
ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน “ดูจากหนี้ของเราตอนนี้แล้ว พวกผู้ตรวจสอบบัญชีต้องไม่ให้พวกเราเข้าตลาดหุ้นแน่ๆ พวกนายหน้าก็จะไม่ยอมเซ็นชื่อ ก.ล.ต.[2] ตรวจเช็คระบบการเข้าตลาดหลักทรัพย์เข้มงวดกว่าแต่ก่อนเสียอีก”
ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินคอยส่งสัญญาณให้รองประธานตลอด เขาได้แต่ทำเป็นมองไม่เห็น ทั้งสองคนต่างก็ไม่อยากที่จะพูดสามพยางค์นั้นออกมา
“หนี้ทั้งหมดเท่าไหร่นะ” เทียนเหอเอ่ยถามอย่างสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว “เมื่อกี้ผมฟังไม่ชัดเท่าไหร่”
“หนึ่งพันสี่ร้อยล้านครับ” รองประธานตอบ “ตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนถึงตอนนี้เงินเดือนก็ไม่ได้ออกให้พนักงานสักคนเลยครับ”
ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินมองรองประธานที่ทานข้าวหน้าหมูตุ๋นใบพลัมหมดทั้งสองถ้วยก่อนจะลุกขึ้นพูด
“ยังไงเดี๋ยวผมจะส่งรายละเอียดของหนี้ทั้งหมดไปให้คุณที่บ้าน คุณลองดูๆ ไปก่อนช่วงนี้ แล้วไปปรึกษากับที่ปรึกษาทางด้านการเงินส่วนตัวของคุณดีกว่า”
“พวกคุณคาดหวังให้ยื่นล้มละลาย ถูกไหม?” เทียนเหอพูดด้วยความหนักอึ้ง
ทั้งสองคนมองหน้ากัน ต่างก็ไม่มีใครออกเสียงใดๆ
ผู้ช่วยเคาะประตูก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมเอ่ยขึ้น “โทรศัพท์ของท่านประธานเหวินปิดการใช้งานตลอดเลยครับ”
“ยังอยู่บนเครื่องบิน” เทียนเหอกล่าว “ไปครั้งนี้ก็กะจะไปคุยเรื่องการลงทุนครั้งใหม่นี่ ทุกคนก็ไม่ต้องรีบก็ได้ น่าจะยังมีความหวัง”
“จริงครับๆ” ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินกับรองประธานพูดพร้อมกัน
“ถ้าสามารถหาทางให้ออกเรื่องเงินเดือนได้ พวกพนักงานน่าจะไม่มีปากเสียงอะไรมากนัก” รองประธานแนะนำ “ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องดึงใจคนให้อยู่ ทุกคนต่างก็มีความรู้สึกต่ออีพีอุสทั้งนั้น คุณอย่าคิดสั้นนะ เข้าใจไหมครับ?”
เทียนเหอสบตาที่เป็นกังวลของรองประธานพร้อมกับตอบ “เงินเดือนต้องให้อยู่แล้วล่ะ…แค่ตอนนี้… ผมคิดว่าผมต้องกลับไปพักผ่อนสักหน่อย”
ตอนเทียนเหอลุกขึ้นยืนรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย รองประธานเปิดประตูแล้วส่งเขาออกจากบริษัท นักข่าวที่มาจากไหนไม่รู้พากันรายล้อมเข้ามาพร้อมกับสาดแสงแฟลชอย่างบ้าคลั่ง
“ท่านประธานเหวิน! ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้าง? ขอสัมภาษณ์หน่อยได้ไหมครับ?”
“อีพีอุสจะยื่นล้มละลายไหมคะ?”
“ปัญญาประดิษฐ์แห่งยุคที่เคยบอกไว้ว่าจะออกตอนไตรมาสที่สี่ ยังมีความหวังที่จะได้ปรากฏให้เห็นไหมคะ?”
“ท่านประธานเหวิน คุณยังโอเคไหม?”
“เฮ้อ! พวกคุณอย่าทำแบบนี้สิ! ท่านประธานเหวินของเราเป็นคนมีหน้ามีตาที่มีแฟนคลับติดตามนะครับ ทำแบบนี้มันเกินไปกันแล้ว!”
ผู้ช่วยผลักนักข่าวให้พ้นทาง คนขับรถช่วยป้องกันเทียนเหอที่หนีเข้าลิฟต์อย่างจงรักภักดี
คอมเมนต์