รีเทิร์นหัวใจ กับ AI จอมวุ่น ตอนที่ 3

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 3

“กวนเย่ว์ตายแล้ว!”
“ชู่ว…”
เทียนเหอนอนคว่ำอยู่บนโซฟาในบ้าน ผมหยักศกสีดำยุ่งเหยิงไปหมด บนตัวถูกห่มด้วยผ้าห่มขนแกะ นอนหลับไปทั้งบ่าย พ่อครัวกำลังทำอาหารอยู่ในครัว ป้าฟางแม่บ้านจัดเรียงเอกสารปึกใหญ่ว่าด้วยหนี้สินที่บริษัทส่งมาให้ที่บ้าน ก่อนจะนำขึ้นไปเก็บที่ห้องหนังสือชั้นสอง
คนขับรถเดินตามป้าฟางตั้งแต่ห้องรับแขกยันห้องหนังสือ บอกเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างคร่าวๆ ด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก
“กวนเย่ว์ตายแล้ว! กวนเย่ว์ตายแล้ว!”
พอนกแก้วมาคอว์เห็นป้าฟางก็เอาแต่กระพือปีกร้องไม่หยุด
“ชู่ว” ป้าฟางพูดกับนกแก้วอย่างใจเย็น ดึงผ้าให้คลุมกรงเพื่อกันแสงไฟก่อนจะหันไปพูดกับคนขับรถ
“เธอไปทานข้าวเถอะ วันนี้เหนื่อยแย่แล้ว ถ้าสุดสัปดาห์กลับบ้านนอกล่ะก็ ฝากให้ที่บ้านฆ่าไก่บ้านสักสองตัวกลับมานะ”
คนขับรถพยักหน้า ในใจก็คิดไปว่าล้มละลายแล้วยังจะกินไก่บ้านอีก คฤหาสน์หลังนี้ ของประดับเหล่านี้ ทรัพย์สินเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ อีกไม่ถึงเดือนก็ต้องเอาไปประมูลขายทอดตลาดเสียแล้ว
ไม่แน่นะ ไก่ที่พึ่งถูกกินไปได้แค่ครึ่งเดียวยังจะถูกเอาไปขายเลย

“เสี่ยวเทียน?” ป้าฟางเขย่าปลุกเทียนเหอ “ทานข้าวเย็นได้แล้ว”
เทียนเหอรู้สึกตัวตื่นขึ้น ชั่วครู่หนึ่ง เขานึกว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเพียงความฝันเท่านั้น ตอนเดินเข้าห้องอาหาร ป้าฟางในแว่นสายตายาวกำลังนั่งคิดบัญชีของเดือนที่แล้วอยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์
ไก่ตุ๋นเห็ดมัตสึทาเกะหนึ่งถ้วย ปลาซันเตานึ่งหนึ่งจาน และผัดผักเซี่ยงไฮ้อีกจาน
“กรกฏาปลาไหล สิงหาปลาไน กันยาปลาคาร์พ” ป้าฟางบอก “ช่วงนี้ปลาไหลดีที่สุด เสียดายที่ไขมันเยอะไป คุณน่าจะไม่ชอบ ถ้าอยากลองล่ะก็ ไว้ป้าจะไปเลือกมาทำให้กินนะ”
เทียนเหอถอนหายใจก่อนยกตะเกียบขึ้นมองอาหารสักพักก่อนจะวางลงเช่นเดิม “บริษัทจะล้มละลายแล้วครับ”
ป้าฟางยังคงก้มหน้าก้มตาดูบัญชีอยู่ “ล้มละลายก็อยู่ส่วนล้มละลายสิ ข้าวก็ยังต้องกินอยู่นะ”
เทียนเหอพูดอีก “พี่รองไม่บอกอะไรผมเลย ปิดผมมาตั้งปีกว่า”
“เขาไม่อยากให้คุณเป็นห่วงนั่นแหละ” ป้าฟางเอ่ย
เทียนเหอพูดขึ้นอีกว่า “ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น มือถือของผมล่ะครับ? ผมต้องโทรหาเขา บินนานแค่ไหนตอนนี้ก็ควรต้องถึงซานฟรานซิสโกแล้วล่ะ”
ป้าฟางบอก “โทรแล้ว ป้าก็อยากหาคุณชายเหมือนกัน แต่เขาปิดเครื่องน่ะ”
เทียนเหอปาตะเกียบลงบนโต๊ะด้วยความโมโห เขาเสยผมก่อนพูด “คืนนี้จัดการให้คนในบ้านผลัดกันโทรหาพี่รองคนละสามชั่วโมง จนกว่าเขาจะรับสาย”
ป้าฟางรับคำ เทียนเหอกินเพียงแค่เล็กน้อยก็ขึ้นไปห้องหนังสือที่ชั้นสอง ดึงผ้าคลุมกรงนกแก้วออกแล้วให้อาหารมันเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าแล้วนั่งลงหาเอกสารสัญญาเปลี่ยนผู้รับผิดชอบตามกฎหมายในลิ้นชัก พี่รองยื่นเอกสารชุดนี้ให้เขาเมื่อสามเดือนก่อน ตอนเซ็นชื่อลงไปเขาแทบไม่เคยตั้งใจอ่านมันด้วยซ้ำ
นกแก้วกินอิ่มแล้วก็กระพือปีกก่อนจะร้อง “กวนเย่ว์ผิดหวังแล้ว——”
เทียนเหอไม่รู้ว่าตอนนี้กวนเย่ว์จะผิดหวังไหม แต่พออ่านเอกสารสัญญาทีละหน้าแล้ว ใจเขาก็รู้ซึ้งถึงความรู้สึกผิดหวังได้เป็นอย่างดี อ่านจนถึงหน้าสุดท้ายก็พบกับโพสท์อิทหนึ่งใบอยู่บนนั้น
เทียนเหอหัวเราะราวกับคนบ้า
เขาลุกขึ้นยืน เดินไปยังชั้นหนังสือแล้วหยิบกรอบรูปขึ้นมา บนนั้นมีพ่อ แม่ พี่ใหญ่ พี่รอง และตัวของเขา เป็นรูปครอบครัวตอนที่ทุกคนยังอยู่ด้วยกัน
เสียงกระจกแตกดังลั่น กรอบรูปถูกปาออกมาจากห้องหนังสือ ตกลงมายังหน้าประตูบ้านด้วยสภาพแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

สามวันต่อมา
“ห้างสรรพสินค้าย่านธุรกิจ โรงแรม ร้านอาหาร สนามแข่งม้า โรงงานหัตถกรรมและโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ภายใต้ชื่อของพวกคุณสองพี่น้องจะผ่านกระบวนการประเมินและถูกประมูลขายทอดตลาดในที่สุดครับ ส่วนมูลนิธิเพื่อการกุศลสองแห่งกับห้องสมุดที่ได้รับการบริจาคจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ นอกจากนี้ คฤหาสน์ย่านฉางซานที่ใช้เป็นคลับเฮ้าส์ต้อนรับแขก…”
เทียนเหอขัดขึ้น “คลับเฮ้าส์ถูกเพื่อนผมซื้อไปแล้ว กระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้นตั้งแต่เดือนกรกฏาคม อันนี้ผมรู้”
ที่ปรึกษาทางด้านการเงินพยักหน้าเล็กน้อย “ทรัพย์สินที่มีชื่อของเหวินเทียนเย่ว์และเหวินเทียนเหอ ตอนนี้ยังเหลืออีกสามสิบล้านได้นำไปลงทุนกับกองทรัสต์ไว้ กองทุนตัวนี้พวกเขาได้กันออกมาเรียบร้อย ผมแนะนำว่าอย่าไปแตะเงินส่วนนี้ดีที่สุด”
“เหลือแค่สามสิบล้านนี่เหรอ?” เทียนเหอลุกขึ้นเทไวน์แดงให้กับที่ปรึกษาด้านการเงิน
“ใช่ครับ” ที่ปรึกษาทางการเงินตอบ “กองทุนสภาพคล่องที่เคยไหว้วานเราก่อนหน้านี้พี่ชายของคุณได้โอนย้ายออกตั้งแต่ปีที่แล้ว เหลือแค่สามสิบล้านนี้เป็นขั้นต่ำของกองทุนทรัสต์ครับ”
“โอนหกล้านมาที่บัญชีบริษัทผมก่อน” เทียนเหอมองบัญชีเงินเดือนแล้วกล่าว “พรุ่งนี้เช้าฝ่ายการเงินจะเช็คกับคุณอีกที”
ที่ปรึกษาทางการเงิน “คุณเหวินครับ กลับกันแล้วส่วนตัวผมอยากแนะนำให้…”
เทียนเหอเหลือบมองที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ปรึกษาพยักหน้าทันที “โอเคครับ”
“คุณช่วยดูแลเรื่องการเงินของบ้านผมมาเกือบสิบปีแล้วสินะ” เทียนเหอเอ่ย
ที่ปรึกษาทางการเงินวัยสี่สิบกว่าพยักหน้า เทียนเหอครุ่นคิดก่อนจะกล่าวต่อ “ขอโทษที่ทำให้คุณเจอเรื่องน่าอายแบบนี้”
“คุณพูดเกินไปแล้วครับ” ที่ปรึกษาตอบ “คุณเป็นคนที่มีจิตใจเมตตา เวลานี้ก็ยังนึกถึงเรื่องเงินเดือนของเหล่าพนักงานอยู่ ก่อนมาที่นี่หัวหน้าสาขาของเรายังพูดเลยว่าคุณยังหนุ่มยังแน่น ถ้าผ่านอุปสรรคครั้งนี้ได้ก็เริ่มต้นใหม่ได้ ไม่น่าเป็นปัญหาอะไรครับ”
เทียนเหอกล่าวอีก “ข่าวคงกระจายไปทั่วแล้วสินะ”
ที่ปรึกษาครุ่นคิดหาคำก่อนจะพูด “ก็มีข่าวลือบ้าง แต่คนเข้าใจเยอะนะครับ”
เทียนเหอ “ยังมีวิธีเอาตัวรอดอะไรอีกไหม ช่วยสอนผมหน่อยได้หรือเปล่า”
ที่ปรึกษาแสดงสีหน้าลำบากใจ เห็นได้ชัดว่านี่เกินขอบเขตการรับได้ของเขาไปมาก เทียนเหอสบตาของอีกฝ่าย ที่ปรึกษาจึงตอบอย่างเอาจริงเอาจัง “ห้ามไปกู้ยืมหนี้นอกระบบเด็ดขาดนะครับ นี่เป็นคำแนะนำเดียวของผม ยิ่งไปกว่านั้นคือห้ามเซ็นรับประกันการกู้ยืมให้ใครเด็ดขาด ตอนแรกถ้าทรัพย์สินไม่โดนยึดล่ะก็ ปีนึงก็น่าจะเริ่มกลับมาตั้งตัวได้แล้ว แต่ตอนนี้… เฮ้อ”

ถึงเหวินเทียนเย่ว์บริหารบริษัทไม่ได้เรื่องยังไง กระนั้นเมื่อหลายปีก่อนก็ยังเคยเป็นนักลงทุนมือฉมัง ผลตอบแทนจากทรัพย์สินภายใต้ชื่อเขามีให้พอกินพอใช้ แถมยังโปะค่าเทคโนโลยีของบริษัทได้อีก น่าเศร้าที่ตอนนี้ห่วงโซ่ของทุนนั้นได้ขาดลงแล้ว ทรัพย์สินทุกอย่างต้องลดราคาประมูลขายทอดตลาดหมด ธนาคารไม่สนหรอกว่าธุรกิจของคุณจะมีค่าเท่าไหร่ ทุกอย่างถูกลดราคาให้กลับเป็นเงิดสดทั้งหมด รถยนต์ลดเจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ อสังหาริมทรัพย์ลดสี่สิบเปอร์เซ็นต์… แค่ตีราคาขั้นต่ำจนน่าโมโหยังไม่พอ ซ้ำยังตัดรายได้ทั้งหมดจากทรัพย์สินของตระกูลเหวินอีกด้วย
ป้าฟางส่งที่ปรึกษาทางการเงินออกจากประตู หันไปพูดกับเทียนเหอว่า “เสี่ยวเจียงมาเยี่ยมจ้ะ”
เจียงจื่อเจี่ยนที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก เขากำลังตั้งใจจิ้มไข่ของเจ้าแมวบริตติชช็อตแฮร์สีเทาที่เทียนเหอเลี้ยงอยู่ แมวตัวนี้เหมือนจะเกิดมาเอ๋อๆ คุณไม่ขยับ มันก็ไม่ขยับ ต่างคนต่างไม่ขยับ จะแกล้งมันยังไงก็ไม่โกรธ
เทียนเหอถือกรงนกออกมายื่นให้คนรับใช้เอาออกไปแขวนรับแสงแดดที่สวน
เจียงจื่อเจี่ยน “ฉันเลิกกับเขาแล้ว”
“ฉันล้มละลายแล้ว” เทียนเหอนั่งบนโซฟาแล้วเอ่ยปากถาม “เหล้าหรือกาแฟ?”
เจียงจื่อเจี่ยนบอก “เอาทั้งสองอย่างนั่นแหละ ยังจะมาล้มละลายแล้วอีกนะ แต่บริษัทบ้านนายได้ออกข่าวด้วย ผู้รับผิดชอบทางกฏหมายของอีพีอุสคนเดิมหนีออกนอกประเทศ ไม่ได้ป่ะ? ติดต่อพี่นายได้ยังอ่ะ?”
“พูดเรื่องที่นายเพิ่งเลิกกับแฟนให้ฉันชื่นใจก่อนเป็นไง?”
“เฮ้อ คืออย่างนี้นะ” พอเจียงจื่อเจี่ยนพูดถึงความทุกข์ของตัวเองก็ดูกระตือรือร้นขึ้นมา เป็นการปลอบเทียนเหอได้เป็นอย่างดี “ฉันรู้สึกว่าฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ที่เคยพูดถึงรอบก่อนอ่ะ เขาเหมือนเห็นฉันเป็นคนโง่ที่โดนเกาะกินขูดรีดเท่าไหร่ก็ได้หรือไง! ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมให้ฉันรุกเขา มาบอกว่ากลัวเจ็บ มีบาดแผลในใจงี้ โอเค ฉันก็ทนแล้วไง ชีวิตรักนี่นา มันก็ต้องค่อยๆ ปรับเข้าหากันอยู่แล้ว เข้าใจได้ พอเราว่างแล้วก็มาลูบๆคลำๆกันก็ได้ป่ะ แต่คือไอ้นิสัยการใช้ชีวิตนี่คือ… ทนไม่ได้จริง รูดการ์ดฉันหมดเดือนนึงไปเป็นแปดแสน! แล้วหมดไปกับอะไร? ซื้อแอปเปิ้ลเวรไง…”
“แอปเปิ้ลเวรคืออะไร?”
“หมายถึงแอปเปิ้ลอ่ะ! โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ ลำโพง จอมอนิเตอร์ นาฬิกา ไอแพดหลายรุ่น อุปกรณ์เสริมงี้ ไหนจะเคสอีกกว่าห้าสิบอัน… ทำไมน่ะเหรอ? มาบอกว่าตอนเรียนเคยใช้แต่แบรนด์พริก….”
“แบรนด์พริกคืออะไรอีก?”
เจียงจื่อเจี่ยนว่า “ของก้อปมั้ง? ไม่รู้เหมือนกัน เขาว่างั้น ทีนี้เขามาบอกว่าโดนรูมเมทเยาะเย้ยมา อยากแก้แค้นเลยขับรถฉันกลับบ้านที่ต่างจังหวัดไปเข้าร่วมงานแต่งงานของเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ตอนกลับมาโดนใครก็ไม่รู้อ้วกจนเต็มรถไปหมด ยังจะมีหน้ามาขอเงินกับฉันล้านหนึ่งไปซ่อมถนนแถวบ้านเก่าด้วยนะ แถมมีพี่สาวสี่คน แต่ละคนมาขอบ้านคนละหลังอีก ทีนี้ ไปบอกพ่อแม่ว่าได้พี่ชายนอกบ้านมาคนหนึ่ง ฉันบอกว่าจะพาบินไปแต่งงานที่ต่างประเทศก็ไม่แต่ง บอกว่าพ่อแม่รับไม่ได้ที่รักเพศเดียวกัน กลัวแม่ที่อายุหกสิบเจ็ดแขวนคอตายที่บ้านเกิด…”
“มาอยู่ที่บ้านฉันสามเดือน ก็ด่าเสี่ยวโจวที่ไม่ยอมเตรียมน้ำให้อาบแล้ว ถึงเสี่ยวโจวจะสู้ป้าฟางไม่ได้ แต่ก็ดูแลฉันมาเจ็ดปีเลยนะ” เจียงจื่อเจี่ยนรับกาแฟไอร์แลนด์ไว้ “ขอบคุณครับป้าฟาง”
“อยู่กันมาสามเดือน ในที่สุดฉันก็ถอดกางเกงเขาได้รอบนึง ให้ทายว่าฉันเจออะไร?” เจียงจื่อเจี่ยนฟ้องเทียนเหอ อย่างเกรี้ยวกราด
เทียนเหอให้ความสนใจทันที หันหน้าไปตั้งใจฟังเจียงจื่อเจี่ยน
เจียงจื่อเจี่ยนกดเสียงต่ำ พูดอย่างเคร่งขรึม “กางเกงในเหล็ก”
เทียนเหอ “……”
เจียงจื่อเจี่ยน “แถมบนนั้นยังมีแม่กุญแจล็อครหัสอีก! ให้ฉันทายรหัสด้วยนะ ให้ฉันทายหรอ ทายที่หน้าสิ! ฉันเลยบอกว่าเลิกกันเหอะ อย่ามาระรานกันอีกเลย อ่ะทีนี้มันเลยมาเรียกค่าเสียหายทางจิตใจกับฉัน พอฉันไม่ให้ก็ไปโพสท์บนเน็ต โชว์รูปก้นตัวเองที่ แถมสร้างแผลเป็นเองแล้วบอกว่าฉันพยายามรุกเลยเอาบุหรี่ไปจิ้มตูดขู่! ก้นมันแบนหรือกลมฉันยังไม่รู้เลยโว้ย!”
“หลังจากนั้นอ่ะ?” เทียนเหอถามเจียงจื่อเจี่ยน ทำหน้าที่ตบมุกเป็นอย่างดี
“ฉันก็หาคนไปจี้ตูดมันให้เป็นแผลเป็นเต็มไปหมดแล้วลบโพสท์ไง ในที่สุดก็ไม่มาโวยวายล่ะ” เจียงจื่อเจี่ยนบอก “อ่ะตายนายล่ะ ล้มละลายได้ไงอ่ะ”
“สามเดือนที่แล้วพี่ชายฉันยื่นเรื่องเปลี่ยนผู้รับผิดชอบตามกฎหมายของบริษัท” เทียนเหอว่า “เปลี่ยนผู้รับผิดชอบทางกฎหมายเป็นฉันแทนแล้วหนี ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ไหนเหมือนกัน”
เจียงจื่อเจี่ยนว่า “ไม่ได้เกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับเขาใช่ไหม”
เทียนเหอหยิบโพสท์อิทใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ข้างบนเขียนไว้ว่า ‘เป๋าเป่า ขอโทษนะ พี่ทำให้ทุกอย่างพังไปแล้ว ที่เหลือน้องจัดการเลย’
เจียงจื่อเจี่ยนเหมือนยกภูเขาออกจากอก “ยังไม่ได้ประมูลขายทอดตลาดไม่ใช่เหรอ ฉันให้นายยืมเงินไปหมุนเป็นไง?”
เทียนเหอพูด “หลุมใหญ่เกินไป กลบไม่อยู่หรอก นายให้ฉันยืมได้เท่าไหร่ล่ะ”
เจียงจื่อเจี่ยนว่า “ถ้าลองค้นทั้งหมดที่มีบวกกับเงินแอบเก็บเล็กๆ น้อยๆ ก็น่าจะให้นายยืมได้ประมาณสองร้อยกว่าล้าน เศษๆ ไม่รู้ว่ามีเท่าไหร่ แต่นี่เป็นทั้งหมดที่เอาออกมาให้นายยืมได้ล่ะ”
เทียนเหอไม่สามารถยืมเงินจากเจียงจื่อเจี่ยนได้อยู่แล้ว ถึงจะยืมได้ก็เถอะ จากสถานการณ์ตอนนี้คือ ดอกเบี้ยประจำปีห้าจุดยังคืนไม่ไหวด้วยซ้ำ
“อาทิตย์หน้าธนาคารก็จะมายึดบ้านกับรถแล้ว” เทียนเหอพูดอย่างเหม่อลอย “ของทุกอย่างต้องเอาไปประมูลหมด ต้องหาบ้านเช่าอยู่แล้วสิ”
“บริษัทล่ะ? เมื่อไหร่จะเซ้ง?” เจียงจื่อเจี่ยนถาม “ไม่น่าล่ะ ตอนกรกฏาพ่อฉันไล่กวาดซื้อหุ้นของคลับเฮ้าส์เจียงเย่ว์หมดเลย”
“กำลังเซ้ง” เทียนเหอตอบ “พรุ่งนี้ปิดบริษัท ต้องให้เงินเดือนพนักงานทั้งหมดก่อนเลิกจ้าง”
“เสี่ยวจินก็จะเอาไปขาย?” เจียงจื่อเจี่ยนเงยหน้ามองผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ไปยังนกแก้วที่อยู่ข้างนอก พระอาทิตย์แจ่มใส นกแก้วกำลังกระพือปีกรับลม
เทียนเหอพูดหน้านิ่ง “เสี่ยวจินพูดเป็นแค่สามประโยค ประโยคหนึ่งคือ ‘กวนเย่ว์ตายแล้ว’ อีกประโยคคือ ‘กวนเย่ว์ผิดหวังแล้ว’ ส่วนประโยคที่สามคือ ‘หุ้น A ตกอีกแล้ว’ ใครจะไปซื้อมัน? กวนเย่ว์เหรอ?”
เจียงจื่อเจี่ยนกับเทียนเหอหัวเราะออกมาพร้อมกัน เทียนเหอหัวเราะจนน้ำตาเล็ดเลยทีเดียว

คอมเมนต์

Chapter List