รีเทิร์นหัวใจ กับ AI จอมวุ่น ตอนที่ 4
ตอนที่ 4
เทียนเหอลอบสังเกตเพื่อนสนิทที่สุดของตัวเอง เจียงจื่อเจี่ยนหน้าตาหล่อเหลา ส่วนสูงร้อยเเปดสิบสองมาพร้อมกับหุ่นนักกีฬา สามารถมองเห็นเนื้อหนังของเขาที่มีไลน์กล้ามเนื้อเรียงตัวกันอย่างเหมาะเจาะผ่านเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางภายใต้แสงาอาทิตย์ได้อย่างลางๆ หน้าตาของเขาเรียกได้ว่าหล่อแบบคลาสสิค ถึงจะไม่เหมือนเทียนเหอที่หล่อสดใสสะอาดสะอ้าน แต่กลับมีสไตล์อีกแบบที่เจียงจื่อเจี่ยนมักจะถูกเรียกเป็นฉายา อันที่ฟังดูดีที่สุดคงจะเป็น “รูปหล่อเจียง” ส่วนที่เหลือคงเป็น “หมีเท็ดดี้ใจหมาป่า” “เซ็กซ์มอเตอร์” “เครื่องตอกเสาเข็มพลังนิวเคลียร์” หรือจะเป็น “นักวิ่งมาราธอนหรือปรมาจารย์ด้านมิตรภาพบนเตียง” เป็นต้น
คณะปรัชญาที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่าเทคโนโลยีคืออุตสาหกรรมอันดับหนึ่งของสังคมมนุษย์ ส่วนเซ็กซ์ก็เป็นแรงกระตุ้นอันดับหนึ่งของเจียงจื่อเจี่ยน หรือมีอีกคำพูดกล่าวคือเซ็กซ์คือสัญชาตญาณอันดับหนึ่งของเจียงจื่อเจี่ยนก็ว่าได้
เจียงจื่อเจี่ยนเป็นคน “สบายๆ” นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำไมเทียนเหอถึงเป็นเพื่อนตายกับเขาได้ ขอแค่คุณชายเจียงชอบคุณ อยากดูแลคุณ อะไรก็ไม่เป็นปัญหาทั้งนั้น จะเป็นฝ่ายรุกหมาน้อยที่จงรักภักดี จะนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปส่งอาหารเช้า จะส่งดอกไอริสวอล์คกิ้งผ่านอากาศไปถึงหน้าห้องเรียน หรือจะถูกกักขังบนเตียงแล้วโดนฝ่ายรับตัวน้อยถือแส้เฆี่ยนเขาก็โอเคได้หมด
เจียงจื่อเจี่ยนกล่าว “ฉันกำลังคิดว่าไม่งั้นนายเอาเงินของฉันไปให้หมดก็ได้นะ ชีวิตที่เหลือฉันจะได้ลองไปอยู่ชนชั้นเงินเดือนบ้าง ไปเป็นผู้ช่วยโปรเฟสเซอร์ในมหาวิทยาลัยเป็นไง ไม่แน่อาจเจอรักแท้ก็ได้นะ”
เทียนเหอ “ไม่จำเป็นหรอก ฉันจะแนะนำหนังสือให้เล่มหนึ่ง ชื่อว่า ‘An Actor Prepares[1]’”
เจียงจื่อเจี่ยนกับเทียนเหอรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก พอฟังประโยคนี้ก็ตบเข่าฉาดคิดได้ทันที “จริงด้วย!”
ทั้งสองเงียบใส่กันประมาณเกือบครึ่งนาที นอกหน้าต่างก็มีเสียงของนกแก้วมาคอว์ดังเข้ามา
“กวนเย่ว์ผิดหวังแล้ว!”
ศูนย์การเงินนานาชาติ ตึกฮุ่ยเฟิงชั้นสามสิบเจ็ด ในห้องทำงานของประธานบริษัทกองทุนชิงซงแห่งประเทศจีน น้ำถูกต้มจนเดือดแล้ว
กวนเย่ว์ม้วนแขนเสื้อเชิ้ตของตัวเองขึ้น ยกกาน้ำแล้วเทน้ำเดือดลงในกาน้ำชาเหล็กใบเล็ก ตักใบชาอัสสัมลงไป เล็กน้อย หยิบนมออกมากล่องหนึ่งรอให้ชาต้มได้ที่ ดื่มไปพลางดูข่าวในแวดวงของวันนี้ไปพลาง
กวนเย่ว์ อายุ 27 ปี ราศีกุมภ์ สูง 188 ซม. ขนาดอวัยวะส่วนตัว 20 ซม. หนึ่งในหุ้นส่วนบริษัทกองทุนชิงซงแห่งประเทศจีน เป็น CEO ของสาขาย่อยในพื้นที่ จำนวนทรัพย์สินไม่เป็นที่แน่ชัด เช่าบ้านอยู่ ต้นตระกูลกวนอยู่ซานซี จบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ดสาขาวิชาปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์ งานอดิเรกที่ชอบคือเล่นหุ้นกับการขี่ม้า
ความสนใจทางเพศไม่เป็นที่แน่ชัด
รูปหน้าของกวนเย่ว์มีแนวเส้นที่ชัด เต็มไปด้วยกลิ่นอายของชายชาตรี คิ้วคมรับกรอบหน้า สันจมูกเรียวโด่งสูง นิ้วมือเรียวยาว กระดูกข้อต่อชัด หนวดโกนจนขึ้นตอเขียว ลูกกระเดือกดูเซ็กซี่ ผมด้านข้างถูกตัดให้สั้นเท่ากัน และด้วยฝีมือของช่างทำผมยังสักผมแบบเห็นไม่ค่อยชัดเป็นรูปตัว “X” อีกด้วย
กระดุมสองเม็ดบนสุดของเสื้อเชิ้ตกวนเย่ว์ไม่ได้ถูกติดไว้ เผยให้เห็นชัดถึงกระดูกไหปลาร้าที่โผล่พ้นออกมา ช่วงนี้ที่ไปออกกำลังกายเหมือนจะได้ผล รู้สึกว่าหลังกับไหล่ขยายขึ้นเล็กน้อย ทำให้เส้นไหล่บนเชิ้ตดูเรียบเป็นเส้นตรง
“ท่านประธาน มีข่าวอะไรเหรอ?” ถงข่าย หัวหน้าที่ปรึกษาสำนักงานทนายนอร์ริงในโซน Greater China[2] ที่นั่งตรงข้ามกวนเย่ว์กำลังนั่งตากแดดพลางไถมือถือไปเกร็งนิ้วก้อยไปอย่างขี้เกียจ
กวนเย่ว์เหลือบมองนิ้วก้อยของถงข่ายก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
ถงข่ายกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “นิ้วก้อยฉันโดนลวก! ทายาเอาไว้เหอะ นายนึกว่าฉันอยากเกร็งไว้หรือไง? เมื่อวานตอนประชุมแล้วเด็กฝึกงานมาเติมชาคือราดน้ำเดือดลงบนมือฉันเต็มๆ ทั้งห้องประชุมนึกว่าฉันโดนไฟช็อตเสียอีก พึ่งเลิกกับแฟนก็โดนลวกแล้ว นายรู้สึกป่ะว่าช่วงนี้ฉันซวยอ่ะ”
กวนเย่ว์ไม่ได้ตอบ ทั้งคู่กลับสู่สภาพต่างคนต่างเล่นมือถือของตัวเอง
สิบวิ ยี่สิบวิ หนึ่งนาที… ถงข่ายเหลือบมองกวนเย่ว์ด้วยหางตา รู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติเลยเหลือบมองเขาอย่างลองเชิงหลังหน้าจอมือถือของตน
“ท่านประธาน ดูอะไรอยู่น่ะ? เกิดเรื่องใหญ่เหรอ?” ถงข่ายถาม
กวนเย่ว์ “?”
กวนเย่ว์เงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์ คิ้วซ้ายเลิกขึ้นเล็กน้อยมองถงข่าย
“นายหยุดอ่านข่าวหน้าเดิมเกินหนึ่งนาที! คิ้วของนายกำลังเผยไต๋ นายกำลังกระวนกระวายอยู่” ถงข่ายพูดอย่างสงสัย “นี่เป็นพฤติกรรมที่ไม่ปกติมากๆ หุ้น A ตกอีกแล้ว?”
กวนเย่ว์เอามือถือวางไว้ข้างตัว หันหน้าไปจ้องกาน้ำชา ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ถงข่ายยืดคอยาวๆ มองไปยังหน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงพาดหัวข่าวแล้วพึมพำ “อีพีอุสค้างหนี้เกินกำหนด ทรัพย์สินไม่พอชำระหนี้ ยื่นล้มละลาย… อีพีอุส?” คิ้วบนใบหน้าเกลี้ยงเกลาของถงข่ายขมวดเข้าหากัน “เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน?”
กวนเย่ว์เงียบลง นิ้วเรียวยาวเคาะเบาะๆ บนโต๊ะทำงานอย่างเป็นจังหวะ
ถงข่ายเริ่มเสิร์ชหาข่าวต่างๆ “ผู้บุกเบิกโปรแกรมระบบเทรดอัตโนมัติ สองปีมานี้หันมาทำ AI เป็นบริษัทยูนิคอร์น[3]ที่น่าจะไปได้รุ่ง ระดมทุน Series E… แต่ยังไม่ทันได้เข้าตลาดหุ้น เงินก็โดนผลาญไปหมดแล้ว… นายรู้จักบริษัทนี้เหรอ? ทำไมคุ้นหูจังนะ…”
สีหน้าผิดปกติบนใบหน้ากวนเย่ว์หายไปอย่างรวดเร็ว
ถงข่ายวางมือถือลง ไม่ได้ใส่ใจอะไรอะไรกับข่าวนี้อีก หันไปพูดกับกวนเย่ว์ “ฉันไม่อยากมีความรักอีกแล้ว ผู้บริหารน้อย รอบที่แล้วทำฉันเจ็บแทบตาย”
“ก็ไม่ว่าอะไรหรอกถ้ากินข้าวแล้วสั่นขาอ่ะ แต่นี่ไปไหนก็สั่น ไปดูหนังนะ เก้าอี้ในโรงทั้งแถวก็คือสั่นไปด้วย คนอื่นเขานึกว่าแผ่นดินไหวกันหมด ดูได้แค่ครึ่งเดียวก็หนีกันไปหมดแล้ว” ถงข่ายเริ่มเลียนแบบวิธีสั่นขาแบบแฟนหนุ่มคนเก่าแล้วบ่นต่อ “นายดูดิ สั่นถี่แบบนี้ องศางี้ นี่ใช่ขาคนแน่เหรอ? มันผิดหลักกายศาสตร์ไปหมด นี่มันมอเตอร์ชัดๆ! ตอนสั่นนะ หัวยังเอียงเหมือนฉันตอนนี้ด้วย ตอนเห็นครั้งแรกฉันนึกว่าเขาชักอ่ะ! ช่างนิสัยการใช้ชีวิตก่อน ไม่มีมนุษย์คนไหนที่เพอร์เฟ็กต์หรอก อันนี้ยังพอทนได้ แต่ไอ้พวกรักเธอนิรันดร์ดั่งทะเลภูเขา ต้องเป็นเธอเท่านั้นคือโกหกทั้งเพ หลอกลวงกันทั้งนั้น! เขาก็แค่หลอกฉันให้ไปช่วยว่าความในศาล ไปเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้อ่ะ! ก็ว่าทำไมทุกครั้งที่ออกมากินข้าวด้วยกัน ชอบขอความคิดเห็นจากฉัน มันจะไปเอาคดีมาจากไหนเยอะแยะนัก! ที่แท้ก็แค่อยากให้ฉันเป็นที่ ปรึก ษา ให้ ฟรี! พอมารู้ทีหลังก็คือเขาเป็นพวกสเตรท[4]! มีลูกมีเมียหมดแล้วด้วย แถมลูกยังสองขวบแล้วอีกต่างหาก!”
กวนเย่ว์มองถงข่าย ท่าทางเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็อดทนไว้
ถงข่ายพูดอย่างสิ้นหวัง “ฉันรู้สึกว่าชีวิตฉันล้มเหลวที่สุดก็ตอนที่ ในที่สุด… ในที่สุดเขาก็ตกลงยอมขึ้นเตียงกับฉัน คืนนั้นฉันอาบน้ำเสร็จ เปลี่ยนเป็นชุดคลุมอาบน้ำเรียบร้อย แถมยังเทเหล้าใส่แก้ว เปิดดนตรีคลอ ปรับแสงไฟให้สลัว อยากสร้างบรรยากาศงี้ พอเขามาก็หยิบไม้ขนไก่ออกมา ตอนนั้นฉันก็แบบโอ๊ะ อยากเล่นอย่างอื่นด้วยเหรอเนี่ย? อย่างน้อยก็หาแส้มาเล่นสิ เอาไม้ขนไก่มา คือเอามาทำอิหยังวะ?”
“สรุป… สรุปคือมันคุกเข่าลงต่อหน้าฉัน!” ถงข่ายพูดอย่างใส่อารมณ์ “มันบอก ‘พี่ชาย คุณปล่อยผมไปเถอะ ผมยอมรับว่าผมหลอกคุณ ผมก็แค่อยากปรึกษาอ่ะว่าคดีซื้อกองทุนรวมนี่ทางออกมันต้องทำยังไง ผมก็ไม่อยากหลอกคุณหรอกนะ ผมกล้าที่ไหนกัน! แต่เจ้านายของผมบังคับให้ผมมา คุณปล่อยรูตูดของผมไปเถอะ…”
ถงข่ายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เลียนแบบใบหน้าของผู้บริหารน้อยคนนั้นแล้วขอร้องอ้อนวอน
“ผมยังมีพ่อแม่ที่ต้องดูแล มีลูกที่ต้องเลี้ยงดู จนถึงตอนนี้เมียผมก็ยังไม่รู้ว่าผมกำลังทำเรื่องน่าอายแบบนี้อยู่…”
ถงข่ายคว้าชามทองที่ใช้ประดับบนโต๊ะทำงานของกวนเย่ว์มาประคองไว้ พร้อมกล่าวอย่างจริงใจว่า “คุณฟาดผมเถอะ! ใช้ไม้ขนไก่อันนี้ฟาดผมเหมือนที่เมียผมทำ ฟาดหน้าผม! พี่ชาย! ผมรับได้ถ้าพี่จะฟาดหน้าผม!”
กวนเย่ว์สบตาถงข่าย
ถงข่ายพูดอย่างเจ็บช้ำ “ฉันจะฟาดเขาได้เหรอ? ยังไงก็เคยบอกว่ารักอ่ะ ฉันจะไปฟาดเขาลงได้ไง? ได้ขึ้นเป็นผู้บริหารตั้งแต่อายุยี่สิบห้าปี พยายามกัดฟันต่อสู้อย่างหนักอยู่ในเมืองใหญ่ แรงกดดันก็สูง ขาก็สั่นจนจะง่อยแล้ว แค่ดูก็ปวดใจแล้วอ่ะ… จะทำยังไงได้? ก็ได้แต่ช่างมันเถอะ ช่างมันงี้”
กวนเย่ว์ส่งชานมให้ถงข่ายแก้วหนึ่งพร้อมกับเก็บชามทองของตัวเองกลับไปด้วย มือรื้อหากาวตราช้างในกล่องเครื่องเขียนก่อนจะติดชามข้าวทองลงกับโต๊ะอย่างถาวร
ถงข่ายจิบชานมหนึ่งคำ ก่อนจะส่ายหน้าถอนหายใจด้วยอารมณ์ก็ช่วยไม่ได้
ถงข่ายหน้าตาดูอ่อนเยาว์ เขาที่อายุยี่สิบเก้ากลับมีหน้าตาที่ดูเหมือนยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย โครงรูปหน้าชัดเจน ผิวขาวเหมือนน้ำนม ตอนคุยก็มักจะมีท่าทีสดใสกระตือรือร้น เป็นคนติดคนง่าย ชอบยิ้ม เป็นคนประเภทที่มีชีวิตชีวา ตั้งแต่เกิดมาก็พูดตรงเหมือนใบมีด ไม่เคยไว้หน้าใครมาก่อน
ถงข่ายพูดอย่างหมดหนทาง “สมัยนี้หาคู่ยากชะมัด ไม่ได้เล็งเงินฉัน ก็เล็งความสามารถของฉัน บนโลกนี้ไม่มีรักแท้แล้วหรือไง?! นี่ นายฟังอะไรอยู่อ่ะ?”
สีหน้าของกวนเย่ว์แฝงไปด้วยความหนักอึ้ง เขาตั้งใจดูโทรศัพท์
ถงข่ายหรี่ตากล่าว “ยังดูข่าวของอีพีอุสอยู่เหรอ? นายกะช่วยบริษัทนี้?”
ในที่สุดกวนเย่ว์ก็เอ่ยปาก “ไม่มีทาง ฉันไม่นิยมเก็บกวาดเศษซาก”
ว่าแล้วก็ลูบจมูกโด่งแสนเพอร์เฟ็กต์ที่สืบทอดมาจากฝั่งตระกูลของบิดา
ในเดือนกันยายนฤดูใบ้ไม้ผลิ บริษัทเริ่มเซ้ง นี่เป็นการร่วมมือกันครั้งสุดท้ายของธนาคารและเหล่าผู้ถือหุ้น ก่อนวันที่ 1 ตุลาคม ทรัพย์สินส่วนบุคคลจะถูกบังคับให้เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย หลังวันชาติ[5]นั้น เทียนเหอจะเสียทรัพย์สินทุกชิ้นไปแล้วต้องย้ายออกจากบ้านเดิมไปหาที่พักใหม่
พนักงานที่เหลือเพียงไม่กี่คนชะโงกคอรออยู่ในบริษัท ตอนแรกเทียนเหอให้ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินแจกจ่ายเงินแล้วเลิกจ้างก็เป็นอันจบ แต่ช่วยไม่ได้ที่พนักงานทั้งหมดยืนยันขอถ่ายรูปร่วมกับเทียนเหอเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกก่อนการจากลา เทียนเหอขับรถมาเองในวันนี้ เพราะคนขับรถของเขาลาออกกลับบ้านเก่าไปทำงานแกะสลักกำแพงแล้ว อีกครึ่งเดือนรถสี่คันในบ้านก็ต้องโดนธนาคารยึดเหมือนกัน สุดท้ายจะเหลือแต่ความว่างเปล่าไม่เหลืออะไรเลย คงต้องศึกษาหน่อยว่าจะเรียกแท็กซี่ยังไง
“สวัสดีครับท่านประธาน”
“สวัสดีค่ะท่านประธาน”
“ยังเหลือคนเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” เทียนเหอกวาตามอง “เหมยซีช่วยซื้อตั๋วดิสนีย์แลนด์ให้คนทั้งบริษัทที่เหลือหน่อย ถือว่าฉันเลี้ยงทุกคนให้ได้พักผ่อนเล่นกันสักครั้ง แล้วจากกันไปด้วยดีแล้วกัน”
“ครับ” ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินพูด “ไหนๆ ก็ครั้งสุดท้ายแล้ว ซื้อบริการทัวร์ไว้เหมือนคราวที่แล้วเป็นไงครับ”
“ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว” เทียนเหอพูด “ถึงจะล้มละลายแต่ก็ไปต่อแถวที่ดิสนีย์แลนด์ไม่ได้นะ มันไม่สง่างาม”
สีหน้าของเทียนเหอมักจะสงบนิ่งอยู่เสมอขณะที่ถ่ายรูปรวมกับทุกคนตั้งแต่บ่ายสองถึงหกโมงครึ่ง พนักงานทุกคนต่างก็ได้จับมือกับเทียนเหอ
“ฉันเสียดายค่ะ…” มีหญิงสาวไม่น้อยที่ร้องไห้ออกมา
“เสียดายผมเหรอ?” เทียนเหอยิ้มเล็กน้อย “ผมยังเป็นซีอีโอได้ไม่ถึงอาทิตย์เลย”
“เสียดายบริษัทค่ะ!” เหล่าโปรแกรมเมอร์ต่างพากันร้องไห้ จับมือกับเทียนเหอทั้งน้ำตาและน้ำมูกอย่างต่อเนื่อง เทียนเหอรอให้พนักงานหันหลังถึงเอามือที่เปื้อนน้ำมูกไปเช็ดบนสูทของเหมยซี
[1] เตรียมความพร้อมเพื่อเป็นนักแสดง
[2] ธุรกิจของชาวจีน ที่รวมทั้งแผ่นดินใหญ่ จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน และ จีนโพ้นทะเลทั้งหมด
คอมเมนต์