รีเทิร์นหัวใจ กับ AI จอมวุ่น ตอนที่ 5

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 5

ความเงียบค่อยๆ เข้าปกคลุมในออฟฟิศทั้งสามชั้น พนักงานได้กลับกันไปหมดแล้ว เหลือก็เพียงแต่ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน รองประธาน แล้วก็ผู้ช่วยประธาน
“ประธานที่สองลาก่อน ถ้าจะเริ่มใหม่ก็เรียกผมหน่อยแล้วกัน ผมกลับบ้านไปเลี้ยงลูกขายของใน WeChat ไปพลางๆ ก่อน เรียกเมื่อไหร่ก็จะมาทันทีครับ”
“แน่นอน” เทียนเหอรับปาก “ให้นายยืมเบนท์ลีย์ไปถ่ายรูปเรียกทรัพย์หน่อยไหม?”
“ได้เหรอครับ?!” ผู้ช่วยประธานทั้งดีใจและสับสนพร้อมกับรับกุญเเจรถจากมือเทียนเหอ
“นายเอาไปขับเล่นสองสามวันแล้วกัน อาทิตย์หน้ากลับมาจอดที่ลานจอดรถของบริษัทก็พอ” ในที่สุดเทียนเหอก็ส่งผู้ช่วยประธานกลับไปได้
ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินมองไปรอบออฟฟิศ เทียนเหอเอ่ยปาก “เหมยซีก็กลับไปเถอะ ต้องตีกับพวกฝ่ายกฎหมายอีกสักพัก ต้องผ่านวันชาติไปก่อนถึงนับว่าออกจากงานเเบบสมบูรณ์นี่นะ พรุ่งนี้พักผ่อนดีๆ ล่ะ”
“ได้ งั้นผมไปก่อนนะครับ” เหมยซีบอกลาเทียนเหออย่างมีมารยาท ก่อนจะเดินจากชั้น 27 ไป
ห้องทำงานประธานเปิดออก เทียนเดินเข้าห้องทำงานที่ควรจะเป็นของตัวเอง นั่งลงบนที่นั่งประจำตัวของพี่ชายพร้อมกับถอนหายใจ รองประธานเดินตามเข้ามานั่งลงตรงข้ามกับโต๊ะทำงานแล้วมองเทียนเหอ ทั้งสองไม่ได้ปริปากพูดอะไร สักพักเทีนเหอจึงถาม
“ตอนพี่ผมรับช่วงบริษัทต่อ คุณก็อยู่แล้วสินะ”
“ผมมาตอนพ่อของคุณป่วยครับ” รองประธานมองรอบตัว “ดื่มหน่อยไหมครับ?”
“คุณดื่มเถอะ” เทียนเหอไม่รู้จะขำหรือหัวเราะดี “ผมมีความทรงจำที่ไม่ดีต่อเหล้านอกเท่าไหร่ ผมดื่มมันทั้งคืนก่อนที่พี่ชายผมจะหนีไป”
รองประธานหยิบขวดเหล้าออกมาจากชั้นขวดหนึ่งพร้อมแก้วสองใบ “ยังไงก็ดื่มหน่อยเถอะครับ”
“พวกเขาดูชอบบริษัทกันนะ” เทียนเหอครุ่นคิดก่อนจะรับแก้วแล้วพูดต่ อ “คนที่ร้องไห้ก็ร้องไห้จริง คนที่เสียดายก็เสียดายจริง”
“ทำงานออกมากันสภาพนี้ อยากไปเที่ยวทริปบริษัทก็ไป” รองประธานว่า “อยากลาก็ลาหยุด ปีหนึ่งมีทริปบริษัทสองครั้ง ปารีส ลอนดอน ฮอกไกโดจะไปไหนก็ได้ เวลาทำงานก็เล่นเกม เลิกงานกินอาหารญี่ปุ่นร่วมกัน ใครจะไม่ชอบ?”
เทียนเหอ “อือ ขนาดป้าแม่บ้านยังมีเงินเดือนตั้งหมื่นสอง รู้สึกได้ว่าทุกคนต่างก็รักบริษัทเลยแหละ พวกคุณไม่เคยมีใครห้ามเขาหน่อยเหรอ”
“จะได้ผลเหรอ?” รองประธานกล่าวอย่างหมดหนทาง “ในวงการใครๆ ก็เอาแต่เชิดชูเขา ใครพูดอะไรก็ไม่ฟังแล้ว ต้นทุนแบบใหม่ เทพนิยายในหมู่มวลบริษัทเทคโนโลยี… คุณดูบนกำแพงสิ ยังแขวนไว้อยู่เลย”
บนกำแพงแขวนรูปของเหวินเทียนเย่ว์ที่ถ่ายร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐใหญ่โต รองประธานกล่าวอีกว่า “มีรัฐบาลคอยเกื้อหนุน จำนำด้วยทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์กับธนาคารรอบหนึ่งก็หกร้อยล้าน วันนั้นที่หัวหน้าผู้จัดการสาขากลับไปถึงกับเกือบหายใจไม่ออก…”
เทียนเหอ “ผมดูความคืบหน้าของโปรเจคทั้งหมดแล้ว ยังพอมีหวังไหม?”
รองประธานส่ายหน้าอย่างเหม่อลอย “น่าจะทำออกมาไม่ไหว ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคก้อปปี้งานทั้งหมดไว้ให้คุณชุดหนึ่ง คุณกลับบ้านไปลองสักสองสามปี? ซีเคร็ทคีย์ของเซิร์ฟเวอร์อยู่ในซองเอกสารนี่หมดแล้ว กลัวก็แต่คอมพิวเตอร์ที่บ้านคุณจะรันไม่ไหวนี่แหละ”
เทียนเหอครุ่นคิด “คำถามสุดท้ายแล้ว หลายปีที่ผ่านมา คุณไม่เคยทะเลาะกับพี่ของผมเลยเหรอ? ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจยังไง คุณก็ตามใจเขา?”
รองประธานกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ทะเลาะกันน้อยที่ไหนล่ะ? ผมบอกเขาว่าอย่าลงฝั่งสเปน ให้ลงฝรั่งเศสให้หมด ไม่แน่ตอนนี้อาจยังเหลือเป็นพันเป็นหมื่น แล้วยิ่งถ้าเอาไปลงตรงคะแนนการแข่งขันอีกล่ะก็ ไม่แน่ตอนนี้บริษัทอาจพลิกตัวได้ด้วยซ้ำ!”
“คุณก็กลับไปเถอะ” เทียนเหอใช้ความพยายามอย่างหนักมากที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้พูดว่า “ไสหัวออกไป” แทน “ไว้ติดต่อกันบ่อยๆนะ บ๊ายบาย”
รองประธานดื่มเหล้าอึกสุดท้าย กอดเทียนเหอแน่นทีนึงก่อนจะเดินถอยหลังออกจากออฟฟิศพร้อมโบกมือให้เขาอย่างสง่างาม

ยามเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน แสงอาทิตย์ส่องผ่านหน้าต่างออฟฟิศสาดส่องลงบนจอมอนิเตอร์แต่ละจอ พนักงานต่างก็เก็บพวกฟิกเกอร์ คีย์บอร์ด และเม้าส์ที่ใช้เล่นเกมตอนทำงานกลับไปหมดแล้ว
เทียนเหอเดินเข้าชั้นสิบเก้า จ้องมองที่นั่งแต่ละแถวเงียบๆ เมื่อตอนเด็ก พ่อเคยพาเขาไปบริษัทแห่งแรก บริษัทนั้นตั้งอยู่ที่ชั้นสองของตลาดในย่านเมืองเก่า โปรแกรมระบบเทรดอัตโนมัติทำให้พวกเขาได้รับถังทองครั้งแรก จนได้เปลี่ยนมาเป็นตึกสำนักงานแห่งใหม่แทน ไม่นานหลังจากนั้นพ่อของเขาก็เจอเนื้องอกในสมองและจากไปในอีกครึ่งปีให้หลัง
หลังจากพี่ชายรองรับช่วงต่อแล้วเช่าออฟฟิศสามชั้นจากตึกจื่อเถิงในย่านใหม่นี้ ฝ่ายวิจัยพัฒนาโปรเจคยังคงตั้งแถวเหมือนในโกดังเก่าที่ทั้งสองพี่น้องเคยเห็นในสมัยก่อน ภายใต้แสงยามเย็น เมื่อเดินไปยังระหว่างที่นั่ง เทียนเหอก็เหมือนกับได้ย้อนกลับไปเมื่อสมัยก่อนยังไงอย่างนั้น
เหวินเทียนเย่ว์เหมือนยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างกายตน พูดกับเขาอย่างจริงจังว่า “เป๋าเป่า สิ่งที่คุณพ่อเหลือให้พวกเรา ทั้งหมดอยู่ในฮาร์ดไดร์ฟของเซิร์ฟเวอร์หมดเลย ดูสิ? ท่านไม่เคยจากเราไปไหน”
เทียนเหอนั่งอยู่บนเก้าอี้ตำแหน่งของซีอีโอเงียบๆ จนกระทั่งแสงสุดท้ายหมดไป ดนตรีแห่ง G major เป็นดั่งสายน้ำที่หกเต็มพื้นประกอบกับม่านแห่งราตรีที่มาเยือน ทั้งออฟฟิศเข้าสู่ความมืดมิด ณ มุมๆ หนึ่งในออฟฟิศชั้นสิบเก้า จู่ๆ ก็มีคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งเปิดขึ้นมาเอง จอมอนิเตอร์สว่างวาบขึ้น
เทียนเหอหันไปมองทันทีแล้วย้ายตัวเองไปนั่งหน้าโต๊ะตัวนั้น บนหน้าจอเกาะไปด้วยฝุ่นหนา บนโต๊ะไม่มีป้ายชื่อ เป็นเครื่องซีพียูที่ไม่มีการใช้งานมานาน แต่ทำไมจู่ๆ ก็เปิดเองล่ะ? เมนบอร์ดต่อไม่ดี? เทียนเหอลองคลิกที่เม้าส์ดู ลองกด F8 ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หน้าจอขึ้นสีฟ้าแสดงความขัดข้อง ตอนเทียนเหอจะกดปุ่มบังคับปิดเครื่องนั้น อยู่ดีๆ หน้าจอก็กระพริบ เด้งเข้าสู่หน้าจอที่เต็มไปด้วยภาษาซี
“กรุณาใส่ซีเคร็ทคีย์ ข้อมูลจะถูกสำรองพร้อมกับฟอร์แมตเครื่อง….” เทียนเหอขมวดคิ้วเล็กน้อย หาอะแดปเตอร์ก่อนจะต่อซีเคร็ทคีย์เข้าไป ยังไม่ทันตรวจเช็คการเชื่อมต่อเน็ตหรือคิดว่าจะสำรองไฟล์ไปไว้ที่ไหน หน้าจอก็กะพริบและ CPU ก็เริ่มอ่านข้อมูลเองทันที
เทียนเหออึ้งไปชั่วขณะ ค่อยๆ ยกมือทั้งคู่ของตัวเองขึ้น เขายังไม่ทันได้แตะคีย์บอร์ดเลย นี่คือติดตั้งไว้ล่วงหน้าแล้วหรอ?! นี่เป็นไวรัสหรือ AI เนี่ย?
ตอนเทียนเหอยื่นมือไปดึงซีเคร็ทคีย์ออก หน้าจอก็กระพริบอีกครั้งก่อนจะกลับคืนสู่ความมืดสนิท เทียนเหอพยายามกดรีสตาร์ทหลายรอบ เมนบอร์ดก็ขึ้นแต่เสียงผิดพลาด หรือเครื่งไหม้ไปแล้ว เทียนเหอรู้สึกแปลกประหลาดขณะตรวจเช็ค ซีพียูที่ร้อนจนแทบไหม้ ไม่ว่าจะกดยังไง คอมพิวเตอร์ก็ไม่สามารถเปิดเครื่องได้อีก

“หุ้น A ตกอีกแล้ว——”
กรงของนกแก้วมาคอว์โดนหนีบตอนที่พนักงานขนของออกจากลิฟท์อย่างไม่ทันได้ระวัง นกแก้วตกใจใหญ่ กระพือปีกพั่บๆ ฟาดพนักงานขนของไปสี่ป้าบใหญ่ บินขึ้นลงอย่างบ้าคลั่ง แหกปากร้องดังไปทั่ว
“อะไรๆ? หุ้น A ทำไมนะ!” พนักงานขนของเหมือนจะเป็นฝ่ายที่ดูตกใจมากกว่า นึกว่าเจ้านกแก้วตัวนี้กลายเป็นภูตมาเตือนเขาให้รีบเอาชีวิตหนี ตัวสั่นรีบไปควานหามือถือไปพร้อมกับเตรียมจะคุกเข่าโขกหัว
เทียนเหอรีบเร่งฝีเท้าเข้ามาแล้วคว้าเสี่ยวจินไป พลางกล่าว “ขอโทษครับ เจ้านี่มันขี้ตกใจไปหน่อย”
ป้าฟางอุ้มแมวเดินตรวจดูทั่วห้องอพาร์ทเมนต์แล้วเอ่ย “พ่อคุณเหลือห้องชุดนี้ไว้ให้พี่ชายใหญ่ของคุณเมื่อนานมาแล้ว ดีนะที่นึกขึ้นได้ เนี่ย…พื้นที่ไม่ใหญ่ โครงสร้างห้องไม่เลว”
มือหนึ่งของเทียนเหออุ้มนกแก้วไว้ อีกมือก็อุ้มเจ้าแมวบริติชช๊อตเเฮร์เอ๋อไว้ นกแก้วพึ่งสงบสติอารมณ์ได้แต่ก็ยังไม่วายยื่นปีกไปตีเจ้าแมว ตีไปร้องไป เทียนเหอปล่อยมือ นกแก้วก็บินไปเกาะบนตู้เย็นและไม่ลงมาอีก
บนหน้าต่างถูกปกคลุมด้วยฝุ่นหนาเตอะ ป้าฟางบอก “ตลาดอยู่ใกล้ๆ ข้างล่างก็มีป้ายรถเมล์ พื้นที่เล็กหน่อย แต่เล็กก็ดี พอบ้านใหญ่แล้วก็เจอหน้ากันยาก”
“ครับ” เทียนเหอยิ้มอย่างฝืนๆ ม้วนแขนเสื้อขึ้นเตรียมตัวทำความสะอาดห้อง ป้าฟางรีบขัด “คุณทำความสะอาดเป็นที่ไหนกัน? ให้ป้าทำเถอะ! คุณไปทำงานของคุณเถอะ”
“ผมไม่มีงานแล้วนี่นา” เทียนเหอหันไปกล่าวกับป้าฟาง
“ไปเขียนโปรแกรมของคุณสิ” ป้าฟางเอ่ย “อันนั้นขายได้เงิน พ่อของคุณก็เริ่มตั้งตัวอย่างนี้แหละ ทำไมคุณจะทำไม่ได้ล่ะ?” พูดแล้วก็หรี่ตากล่าวอย่างยิ้มๆ “ไปเถอะ”
ป้าฟางเปิดแผ่นเสียงของบาค รวบผมขึ้นแล้วใส่ปลอกแขนอย่างชำนาญ ไปเติมน้ำมาเช็ดหน้าต่าง
“เทียนเหอ?” ป้าฟางเรียกยิ้มๆ “มาดูสิว่าป้าเจออะไร”
“เงินสดสองร้อยล้านเหรอครับ” เทียนเหอตอบแบบยิ้มๆ “ถ้างั้นคงเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”
ป้าฟางหยิบโมเดลเรือรบบรรทุกเครื่องบินออกมาชิ้นหนึ่ง เทียนเหอลืมมันไปแล้ว กล่าวอย่างตกใจ
“นี่มัน!”
ป้าฟางเล่า “ป้ายังจำได้ อันนี้เป็นโมเดลที่เทียนเหิงทำให้คุณก่อนจากบ้านไปนี่? เดี๋ยวป้าเช็ดให้ อันนี้ใช้น้ำล้างไม่ได้ เดี๋ยวกาวมันหลุดหมด ให้เอาไปไว้ในห้องคุณไหม?”
โครงสร้างของโมเดลเรือรบบรรทุกเครื่องบินชิ้นนี้ทำจากพลาสติกและมีรูปแบบซับซ้อน เป็นเรือเอชเอ็มเอส อาร์ค รอยัล[1]ของประเทศอังกฤษ ชิ้นส่วนเล็กน้อยก็มีสามพันกว่าชิ้นแล้ว บนดาดฟ้าเรือเต็มไปด้วยเครื่องบินลำเล็กกว่าหกสิบลำที่ติดเองด้วยมือ พี่ชายใหญ่ของเทียนเหอ เหวินเทียนเหิง ทำของขวัญชิ้นนี้ด้วยมือตัวเองให้น้องชายคนเล็กคนโปรดก่อนออกจากบ้านไป ไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายปีแล้ว เทียนเหออดไม่ได้ที่จะนึกถึงความทรงจำมากมาย
ป้าฟางกลับไปทำความสะอาดต่อ เทียนเหอนั่งอยู่บนระเบียงเล็ก ข้างล่างไม่ไกลนักเป็นสนามออกกำลังกาย ดวงอาทิตย์ส่องประกายเจิดจ้า มีคนเตะบอลเต็มไปหมด ในย่านที่พักมีร้านบะหมี่อยู่ร้านหนึ่ง เมื่อตอนเขาห้าขวบเวลาพี่ชายใหญ่จะไปทำงานมักจะพาน้องชายสองคน ซึ่งก็คือเทียนเย่ว์ในวัยสิบขวบและเทียนเหอในวัยห้าขวบมากินบะหมี่ร้านนี้เป็นอาหารเช้า ก่อนจะลูบหัวสองพี่น้องแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ไปก่อนนะ ดูแลคุณพ่อดีๆ”
“บ๊ายบายพี่ใหญ่” เทียนเหอโบกมือให้พี่ชายใหญ่โดยไม่รู้ว่าการจากลาครั้งนี้มีความหมายอย่างไร
ป้าฟางทำความสะอาดสักพักก็ถือลูกกลิ้งมามากลิ้งแขนเสื้อของเทียนเหอเพื่อกำจัดฝุ่นและขนเล็กๆ เทียนเหอ จามสองที ก้มหน้ามองหน้าจอมือถือ ที่ปรึกษาทางการเงินส่งใบประเมินมูลค่าทรัพย์สินกับคู่มือราคาประมูลมาให้ ส่วนงานศิลปะสองชิ้นที่บ้านก็ไหว้วานนักประเมินราคาสองท่านไป ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มประเมินราคาแล้ว
“ผมไม่อยากให้บริษัทล้มละลาย” จู่ๆ เทียนเหอก็พูดขึ้น
ป้าฟางโน้มตัวใช้ลูกกลิ้งไปกลิ้งบนไหล่ของเทียนเหอ
เทียนเหอกล่าว “ถ้าบริษัทยื่นขอล้มละลายปุ๊บ ก็จะไม่เหลือสิ่งที่คุณพ่อผมทิ้งเอาไว้ให้อีกเลย”
ป้าฟางไม่ได้พูดอะไร เดินกลับห้องรับแขกไปก่อนจะกลับมาพร้อมกาแฟกับเค้กยามบ่าย ทั้งสองอย่างถูกวางลงบนโต๊ะกลมขนาดเล็กบนระเบียง เทียนเหอพูดอีก “แต่เงินพวกนี้ ถ้าพึ่งแค่ผมล่ะก็ มีหวังชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด ช่วงนี้ผมพยายามคิดหาวิธีมาหมดแล้ว ขอแค่สามารถรักษาบริษัทของคุณพ่อไว้ ให้ทำอะไรผมก็ยอม…”
เสียงดนตรีของบาคจากห้องครัวดังคลอเป็นพื้นหลัง ก่อนป้าฟางจะกลับไปทำงานบ้านก็เอ่ยปากพูดอย่างใจเย็น “บนโลกนี้ยังมีหนทางอยู่เสมอ ไม่ต้องรีบร้อนและแบกภาระไว้กับตัวเองทั้งหมดหรอก ไม่แน่อีกไม่กี่วันอาจจะติดต่อพี่รองของคุณได้”
โทรศัพท์ดังขึ้น เทียนเหอชำเลืองมอง ไม่ขึ้นชื่อคนโทรเข้า ก็เลยตัดสายทิ้ง
โทรศัพท์ดังขึ้นอีกรอบ เทียนเหอก็ตัดสายอีกรอบ เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้นอีกเป็นรอบที่สาม เทียนเหออยากด่าคนมากในตอนนี้ แต่การศึกษาตั้งแต่เด็กจนโตได้เตือนเขาไว้ว่าการด่ากราดคำหยาบเป็นเรื่องไม่ดี ถึงแม้ว่าจะตกต่ำแค่ไหนก็ต้องคุมสติตัวเองให้อยู่
“สวัสดีครับ” เทียนเหอใส่หูฟังบลูทูธ แล้วพูดอย่างเกรงอกเกรงใจ “ตอนนี้ผมไม่ต้องการกู้ยืมเงินครับ ถึงกู้แล้วก็ใช้คืนไม่ไหว ขอบคุณครับ”
เสียงอันคุ้นเคยดังออกมาจากปลายสาย “ต้องการเท่าไหร่? ลองบอกเลขมาสิ”
พอได้ยินเสียงนั้นเทียนเหอก็ลุกขึ้นยืนทันที มือถือร่วงหล่นจากมือไหลไปตามขาก่อนจะกระเด็นออกนอกราวระเบียง ร่วงตกจากชั้นห้าเป็นเส้นตรงลงสู่หม้อของเถ้าแก่ร้านบะหมี่ด้านล่าง

คอมเมนต์

Chapter List