รีเทิร์นหัวใจ กับ AI จอมวุ่น ตอนที่ 9
ตอนที่ 9
เทียนเหอดึงหูฟังบลูทูธออกวางไว้บนโต๊ะ มองนาฬิกาจับเวลา ยังเหลืออีกยี่สิบวิ
กวนเย่ว์กลับยื่นมือไปกดปิดนาฬิกาจับเวลา
“เหวินเทียนเหอ” มือใหญ่ของกวนเย่ว์แบะออกเล็กน้อย มองเขาด้วยสีหน้าจริงจังเคร่งเครียด “ฉันลงทุนให้กับบริษัทนายไม่ได้”
เทียนเหอเอ่ยปากอย่างไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ก็แค่ล้อเล่นน่า จะให้นายมาลงทุนช่วยบริษัทฉันได้ยังไงกัน? ฉันยังรู้สึกว่าช่วยไปก็ไม่รอดเลย”
กวนเย่ว์ตอบ “นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ มันไม่ใช่บริษัทส่วนตัวของฉัน การอนุมัติให้นาย หนึ่งพันสี่ร้อยล้านแล้วเซ็นชื่อนั้นเป็นเรื่องง่าย…”
เทียนเหอ “โอ๊ะ ขนาดฉันติดหนี้เท่าไหร่ยังรู้เลยเหรอเนี่ย? ตามข่าวไม่น้อยเลยนะ”
กวนเย่ว์ไม่สนใจการขัดจังหวะของเทียนเหอแล้วกล่าวต่อ “จะรักษาบริษัทของนายไว้ก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ตอนนี้นายจะทำกำไรได้ยังไง? จะทำคำสัญญาที่ให้กับฉันให้เป็นจริงได้ยังไง? ถ้านายเป็นฉัน นายจะลงทุนหรือไง?”
เทียนเหอจู่ๆ ก็มีสีหน้าจริงจังขึ้นเช่นกัน “ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะลงทุน”
กวนเย่ว์ขมวดคิ้ว มองเทียนเหอเหมือนไม่รู้จักกันมาก่อน
“มูลค่าแห่งการสร้างสรรค์” เทียนเหอเอ่ย “ฉันเชื่อว่าฉันสามารถแก้สถานการณ์ขาดทุนได้ เพียงแค่ต้องการเวลา อยากใช้เชือกมารัดคอฉันไว้ ทำให้ฉันหายใจไม่ออก การที่บริษัทกลายมาเป็นแบบวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นความรับผิดชอบของฉัน แต่นี่ไม่ได้เกิดจากการที่ฉันตัดสินใจผิดพลาดสักหน่อย ฉันสามารถทิ้งโปรเจคปัญญาประดิษฐ์แล้วไปวิจัยพัฒนาโปรแกรมอื่นแทนเพราะฉะนั้นกำไรก็เป็นเรื่องที่ว่าจะได้กลับมาไม่ช้าก็เร็วอยู่ดี”
“แต่ว่าตอนนี้คงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว” เทียนเหอลุกขึ้นแล้วกล่าวอีกว่า “พูดไปก็เปล่าประโยชน์”
กวนเย่ว์มองเทียนเหอที่ลุกขึ้นแล้วพูด “นายมักจะประเมินตัวเองอย่างไม่เป็นกลางเสมอ ไม่ว่าจะความสามารถทางด้านเทคโนโลยีหรือความสามารถด้านการพบปะผู้คน นายกับพี่รองของนายก็ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ซึ่งก็คือการประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไป”
“อ๊ะ ไม่สิ” เทียนเหอแย้ง “เกี่ยวอะไรกับการพบปะผู้คนอ่ะ? นายคิดว่าฉันจะใช้ความรู้สึกเก่าๆ มาใช้กับนายใช่ไหม ช่วยให้ฉันรอดด้วยเถอะงี้? แค่นายยอมซื้ออีพีอุสจะให้ฉันทำอะไรก็ได้อย่างนี้หรอ? ไม่ใช่สักหน่อย ฉันแค่รู้สึกว่าเวลานี้ฉันควรต้องมาแสดงความน่าอดสูของตัวเองให้นายได้ชื่นใจหน่อย ทำตัวเป็นโจ๊กเกอร์ของทุกคนที่สูญสิ้นความเป็นตัวเองมาเป็นความบันเทิงให้ทุกคนไง นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่คนใจดีเขาทำกัน”
กวนเย่ว์ “หูฟังของนาย”
เทียนเหอรับมาใส่ “นี่แหละข่าวดี กับบทสนทนาที่นายตั้งหน้าตั้งตาคอยมานานได้เกิดขึ้นในวันนี้แล้ว ตัวละครเล็กๆ อย่างฉันมีสิทธิ์อะไรที่จะไม่ทำให้การแสดงนี้เกิดขึ้นล่ะ?”
เทียนเหอเดินไปถึงประตู กวนเย่ว์จึงกล่าวทิ้งท้ายว่า “ยากนักที่จะเดินบนปลายเเหลมของดาบหนึ่งเล่ม เพราะฉะนั้นผู้มีสติปัญญาถึงบอกว่า หนทางที่จะสำเร็จนั้นจึงเป็นไปได้ยาก”
โพรเอ่ยว่า “จาก ‘The razor’s edge’ ของมอห์ม”
เทียนเหอจึงว่า “จาก ‘The razor’s edge’ ของมอห์ม มีโอกาสไว้เจอกันใหม่นะ”
“อย่าลืมเรื่องขอแต่งงาน” เสียงกวนเย่ว์ดังมาจากในห้องทำงานของเขา
“จำได้อยู่แล้ว! นายรอเซอร์ไพรส์ได้เลย!” เทียนเหอตะโกนมาจากด้านนอกแล้วเดินออกจากบริษัทกองทุนชิงซง
“นายเกือบลืมฉันไว้ในห้องทำงานของเขา”
“นายคงไม่ได้คิดว่าร่างของนายมีอยู่แค่ในหูฟังบลูทูธอันเดียวใช่ไหม หน่วยเซิร์ฟเวอร์ห่วยๆ ที่นายอยู่ตอนนี้ยังผลาญเงินฉันไม่หยุดเลย”
เทียนเหอเดินถึงทางเดินนอกบริษัทชิงซงแล้วกดลิฟท์สองสามทีอย่างหัวเสีย
โพรว่า “หน่วยเซิร์ฟเวอร์ TU3 ไม่ห่วยสักหน่อย มันมีชิปประมวลผลตั้งแสนตัว ไม่งั้นฉันคงไม่สามารถอัพเกรดด้วยตัวเองได้ภายในสองปีหรอก เทียนเหอ นายทำทุกอย่างพังหมดแล้ว ตอนนี้เขามีโอกาส 76% ที่จะนั่งร้องไห้อยู่ในห้องทำงาน โอกาส 23% ที่จะปาข้าวของอยู่ โอกาส 1% ที่จะ…”
เทียนเหอพูดเสียงต่ำอย่างจริงจังว่า “โพร ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป หยุดให้คำแนะนำแย่ๆ กับฉันสักที ชาตินี้ฉันยังไม่เคยเห็นน้ำตาจากเขาสักหยด…” ยังไม่ทันพูดจบหัวหน้าแผนกการเงินก็รีบตามเข้ามาแล้วขวางหน้าลิฟท์ไว้พร้อมกับยื่นซองจดหมายหนึ่งฉบับให้เทียนเหอ กล่าว “คุณเหวินครับ ท่านประธานบอกให้นำมาให้ครับ”
“ขอบคุณครับ” เทียนเหอรับจดหมายมา เขาเทแหวนวงที่กวนเย่ว์เคยให้ไว้ลงบนมือแบบลวกๆ แล้วขับรถกลับบ้าน
ระบบบลูทูธบนรถมีเสียงของโพรดังออกมาเป็นระลอกๆ
“เทียนเหอ นายยังรักเขาอยู่”
เวลาเลิกงาน เทียนเหอรถติดอยู่บนถนน เขาเอ่ยว่า “รู้ไหมโพร ตอนอยู่ในห้องทำงานของเขาเมื่อกี้ นายหนวกหูมาก เสียงก็ยังเหมือนกันอีก มีแวบหนึ่งที่ฉันแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าพวกนายคนไหนกำลังพูดอยู่กันแน่”
โพรเอ่ย “แต่ฉันคิดว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่นายแกะหูฟังออก ตอนแรกเรามีโอกาสที่จะสำเร็จมากกว่า 90% ด้วยซ้ำ”
“สำเร็จ?” เทียนเหอทุบพวงมาลัยของเบนท์ลีย์ก่อนจะเอ่ยปาก “หลอกเงินเขาสำเร็จน่ะเหรอ? นี่เป็นความล้มเหลวอย่างเห็นได้ชัด”
โพรว่า “กวนเย่ว์หลงรักนายตั้งแต่ตอนนายอายุสิบหก อัตราการเต้นของหัวใจทุกนาที ทุกวินาทีของช่วงเวลานั้นทุกอย่างบันทึกอยู่ในคลังข้อมูลทั้งหมด ตอนเขาอยู่กับนาย อัตราการเต้นของหัวใจจะเพิ่มเร็วขึ้น การหลั่งของโดพามีนก็เพิ่มขึ้น ตอนจะแยกกับนาย…”
เทียนเหอเอ่ยขึ้นขัดว่า “เสี่ยวหลิว ช่วยกรุณาปิดเครื่องอ่านนิยายเลี่ยนๆ นี่ทิ้งที… อ้อ เสี่ยวหลิวลาออกแล้วนี่นา”
เทียนเหอขับรถผ่านแยกไฟแดง ยื่นมือไปกดปิดบลูทูธแล้วกดสองสามทีบนโปรแกรมฟังหนังสือบนรถ ก่อนจะมีเสียงอ่านอันร่าเริงดังขึ้น
“’รักเต็มล้นของท่านประธานจอมเผด็จการ’ เล่มที่หนึ่ง บทที่หนึ่ง ตอนที่หนึ่ง ยามเช้าตรู่ เธอตื่นขึ้นมาบนเตียงขนาดกว้างใหญ่ เมื่อตาคู่สวยลืมขึ้น เธอตกใจมากที่พบว่าชุดนอนของตัวเองถูกเปลี่ยนเป็นชุดนอนซาตินราคาแพง… อ๊ะ ฉันคือใคร! ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่…”
เทียนเหอกดปิดโปรแกรมอย่างฉับพลัน แล้วเชื่อมต่อกับบลูทูธใหม่อีกรอบ “ฉันเปลี่ยนใจล่ะ โพร นายพูดต่อเถอะ”
โพรว่า “…เขายินดีที่จะทำเพื่อนาย แค่เพียงนายเอ่ยปากเท่านั้น เขาก็ยอมอยู่แล้วแหละ”
เทียนเหอว่า “นายเข้าใจอะไรเขาผิดหรือเปล่าโพร? ซีอีโอระดับหุ้นส่วนอย่างเขาจะเอาความไว้ใจที่บริษัทมีต่อเขามาทำอะไรแบบนี้เนี่ยนะ? นายยังจะเรียกตัวเองว่าเป็นโปรแกรมที่ตั้งต้นจากโปรแกรมการเงินได้เหรอ ฉันรู้สึกว่านายเหมือนโปรแกรมอ่านหนังสือที่อัพเกรดมากกว่าซะอีก นายโดนโปรแกรมอ่านหนังสือสอนให้เป็นแบบนี้ใช่ไหม”
โพรว่า “อย่างแรกเลย ท่าที รสนิยม ลักษณะภายนอก ภายในของนายต่างก็มีแรงดึงดูดต่อเขาอย่างแรงกล้า ชาตินี้เขาไม่สามารถหาคนรักแบบนายได้อีกแล้ว…”
“มันก็แน่อยู่แล้ว” เทียนเหอตอบอย่างไม่ถ่อมตัว “นอกจากคำว่า ‘อย่างน่าตกใจ’ ฉันยังค้นพบว่านายใช้คำว่า ‘อย่างแรงกล้า’ เป็นด้วย ในฐานะที่เป็น AI นายสามารถประยุกต์ได้เองดีมาก”
โพรว่าต่อ “นอกจากนี้ พวกนายยังมีความทรงจำที่เติบโตมาด้วยกันอีก ทำให้เขามีความรู้สึกผูกผันกับนายราวกับคนในครอบครัว…”
หลังจากที่เทียนเหอขับรถออกจากย่านศูนย์การเงินนานาชาติแล้วนั้น เขาก็ได้เลี้ยวรถเข้าไปยังที่จอดรถชั้นใต้ดินของตึกๆ หนึ่ง เขาจอดรถลงแล้วใส่หูฟังบลูทูธ “ฉันชอบแค่เจ้าแห่งงานบ้านอย่างบาค ไม่ค่อยสนใจบีโธเฟ่นสักเท่าไหร่”
โพรว่า “ความชอบต่างกันก็สามารถปรับตัวเข้าหากันได้”
“แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดเลยคือจิตวิญญาณของเราไม่สามารถปรับตัวเข้าหากันได้” เทียนเหอตอบ
โพรถาม “อยากดื่มเหล้าไหม? ฉันสามารถค้นหาร้านอาหารแถวนี้ให้นายได้ แต่ฉันแนะนำให้นายคิดคำนวณจัดสรรการใช้เงินเก็บที่เหลือให้ดีๆ เพราะว่าเดือนหน้ายังต้องจ่ายค่าหน่วยเซิร์ฟเวอร์ที่แคนาดาอีก”
เทียนเหอเดินออกนอกตึก สายตาทองมองไปยังผู้คนมากมายในเวลาเลิกงาน เขานั่งลงที่ม้านั่งริมทางตัวหนึ่ง ท้องฟ้ามืดครึ้มอึมครึม มีเมฆดำปกคลุมไปทั่วคล้ายว่าพายุฝนขนาดใหญ่กำลังจะมา
“ฉันจะคิดหาทางเอง” เทียนเหอพึมพำ “เรื่องมันก็ผ่านไปนานแล้ว… ไม่คิดว่าในเวลานี้จะได้พูดคุยกับเขาอีก”
โพรว่า “มันจำเป็นถึงขั้นที่ต้องเลิกกันจริงเหรอ? ถ้านายไม่รังเกียจที่จะบอกฉันหน่อยว่าทำไม”
“นายสนใจเรื่องอดีตของฉันกับเขาเหรอ?” เทียนเหอถาม
โพรว่า “แน่นอน ฉันกำลังเรียนรู้”
“เหมือนจะเกิดขึ้นที่สนามบินลาซา ใช่ ที่สนามบินลาซานั่นแหละ ตอนแรกเขาจะพาฉันไปปีนยอดเขาเอเวอร์เรสต์…” เทียนเหอตอบ
ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้คุยกันก่อนหน้าวันนี้คือเมื่อไหร่กันนะ? เทียนเหอนึกถึงเมื่อหนึ่งปีก่อน วันที่พวกเขาเลิกกันจริงๆ วันที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับว่าเลิกกันและกวนเย่ว์เสนอว่าอยากไปยอดเขาเอเวอร์เรสต์สักครั้ง
เลิกก็เลิกแล้ว ยังจะไปปีนเขาเอเวอร์เรสต์ทำไมกัน? อย่าว่าแต่ตอนยังคบกันเลย เทียนเหอไม่เชื่อว่าตนเองจะสามารถปีนขึ้นไปได้ ถ้าปีนไปปีนมาแล้วกวนเย่ว์เกิดคลั่งขึ้นมา ไม่แน่ อาจพาไปตายด้วยกันก็ได้ เทียนเหอเป็นฝ่ายพูดเองด้วยซ้ำว่า “นอกจากความตายแล้วก็ไม่มีอะไรมาพรากเราจากกัน”
แต่สุดท้ายเขาก็ไป ตอนนั้นกวนเย่ว์ทำงานที่นิวยอร์กได้สามปีแล้ว ในที่สุดเขาก็เร่งทำโปรเจคในมือให้จบ บินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกกลับสู่ลอนดอน เคาะประตูหมายเลขสิบสองในโรงแรมฮิลตันที่ St Neots พ่อบ้านที่ถูกว่าจ้างโดยมารดาของเทียนเหอเป็นผู้ดีเก่า ภายใต้การสั่งห้ามเปิดประตูของเทียนเหอ สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้กวนเย่ว์เข้ามาอยู่ดี ซ้ำยังเสิร์ฟชาและของหวานให้อีกต่างหาก
“นายทำตัวอย่างกับสตอล์กเกอร์” เทียนเหอกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันเคยพูดแล้วไงว่าฉันไม่อยากออกไปเที่ยวอ่ะ เหลือหัวข้อวิจัยอีกตั้งหนึ่งเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จ”
หลังจากกวนเย่ว์ทำงานแล้ว นับวันเขาก็ยิ่งเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น คำพูดก็น้อยลงตาม สภาพนักศึกษาหนุ่มที่เคยเป็น หายไปหมดแล้วเหลือก็เพียงแต่ความเป็นผู้ใหญ่เท่านั้น คนชั้นกลางที่อยู่ในวงการธุรกิจการเงินมักจะมีอัธยาศัยที่ดี เล่นมุกตลกได้และยังคะยั้นคะยอเก่งอีกต่างหาก ส่วนคนชั้นสูงมักจะแสดงถึงท่าทางดูดีมีมารยาท แต่ก็วางตัวห่างเหินจากผู้คน
กวนเย่ว์ก็ค่อยๆ กลายเป็นแบบนั้น เทียนเหอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นที่สามารถคุยเรื่องอื่นนอกจากเรื่องงานกับเขาได้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้คุยกันมานานแล้ว
คอมเมนต์