ลูกหมาของผมกลายเป็นเสือขาว! ตอนที่ 1-7
ตอนที่ 1-7 เก็บลูกหมาตัวนั้นกลับมา
จินเปิดประตูตู้เย็นหลังใหญ่แล้วหยิบกระป๋องเบียร์ดำที่กองอยู่ตรงกลางมาถือไว้ เขาใช้ศีรษะกับหัวไหล่หนีบโทรศัพท์มือถือแล้วเปิดกระป๋องด้วยมือทั้งสองข้างอย่างคล่องแคล่ว เหมือนทำบ่อยจนชินแล้ว
กระดกเบียร์ดื่มอย่างสดชื่น ก่อนจะพ่นลมหายใจจากอุณหภูมิของเบียร์เย็นๆ แล้วกลับมาที่โซฟาอีกครั้ง แต่อาการตกใจจนต่อบทสนทนาไม่ได้เลยของฮันมันตลกมาก เขาเลยวางกระป๋องเบียร์บนโต๊ะแล้วเริ่มชวนอีกฝ่ายคุยด้วยน้ำเสียงดังๆ เจือเสียงหัวเราะ
“อะไร ทำไมตกใจขนาดนี้”
-ปะ เปล่าครับ แค่คิดไม่ถึง…
“อะไร เรื่องเล่าของแม่ฉันน่ะเหรอ”
-ครับ
“คิดซะว่าที่ฉันช่วยนาย มันเป็นการสะสมบุญของฉันแล้วกัน แบบนั้นสบายใจขึ้นไหม”
-ไม่ใช่ครับ ตอนนี้ผมเชื่อแล้วครับ ช่วงนี้มีแต่เรื่องที่ไม่ปกติเกิดขึ้นบ่อยๆ แล้วพอได้ฟังคำพูดของคุณแม่คุณลีจิน ก็เลยยิ่งเชื่อเลยครับ
จินขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำพูดของคังฮัน แต่ก็พูดคำล้อเล่นน้อยๆ กลับไปเหมือนพยายามจะทำให้บรรยากาศที่ดิ่งลงสดใสขึ้นมา
“ใช่สิ คิดดู เดินๆ อยู่บนถนน ดันมีมีดลอยมาปักงี้ มันไม่รุนแรงเกินไปหน่อยเหรอ ถ้าโดนแบบนั้นจริงๆ ก็ตายคาที่ไหมล่ะ”
-แต่เดี๋ยวนี้มันก็น้อยลงแล้วครับ ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมก็เถอะ…
“สงสัยระหว่างนั้น นายทำเรื่องดีๆ ไว้น่ะสิ”
พอจินคำบอกเล่าธรรมดาๆ ไม่มีพิเศษอะไรออกมา ฮันก็เบิกตาโตก่อนจะตีเข่าตัวเอง ถึงแม้จินที่อยู่อีกฝั่งของสายจะไม่เห็นท่าทางแบบนั้น แต่เขาก็ผ่อนคลายแล้วอมยิ้มบางๆ กับน้ำเสียงสดใสขึ้นของฮันที่ตามมาหลังจากนั้น
-ผมรู้แล้วล่ะครับว่าจะทำยังไงดี!
“เหรอ เหนื่อยหน่อยนะ อย่าตายล่ะ”
-ขอบคุณนะครับ แต่การล่ำลาด้วยคำว่าอย่าตายนี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอครับ
“ฉันพูดจากใจเลยนะ แล้วถ้ามีเรื่องแปลกๆ โทรมาก็ได้”
-ว้าว ถ้างั้นผมก็มีเบอร์ของดาราดังอยู่จริงๆ สินะครับ สุดยอดดด!
“เจ้าคนสติฟั่นเฟือน”
หลังจากเอ่ยลากันง่ายๆ แล้วสิ้นสุดบทสนทนา ลีจินก็ฝังตัวลงกับโซฟาด้วยสีหน้าวุ่นวายใจพลางลูบไล้ริมฝีปากไปด้วย ทว่าบนลำคอเขากลับปรากฎอักขระบางอย่างที่อ่านไม่ออก แต่เมื่อจินเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง อักขระเปล่งประกายสีแดงนั้นก็หายไปแล้ว
“ทำไมถึงหนักใจเช่นนี้นะ”
จินถือเบียร์ที่ดื่มเหลืออยู่ขึ้นมาจ่อริมฝีปาก แต่สุดท้ายก็ดื่มไปไม่ถึงหนึ่งอึกแล้วก็วางมันลงบนโต๊ะอีกครั้ง ก่อนจะใช้มือลูบริมฝีปากอีกครั้ง จากนั้นก็ยกขึ้นเสยผมด้วยความหงุดหงิด
“ดูท่าเคราะห์พวกนั้นจะไม่ได้เกิดจากเจ้านั่นโดยตรง ความผิดพลาดของบรรพบุรุษงั้นหรือ แล้วผลกระทบก็ตกทอดมาสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน จนโดนสิ่งชั่วร้ายตามติดแบบนั้น”
ปกติแล้ว จะมีใครตาย เขาก็มักจะปล่อยผ่าน ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ในฐานะที่รู้ดีว่าสุดท้ายจุดจบของมนุษย์ก็คือความตาย และไม่มีมนุษย์คนไหนหลุดพ้นจากสัจธรรมข้อนี้ได้ และจะปล่อยให้มีอยู่ไม่ได้ด้วย ทว่าคราวนี้เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองที่เข้าไปแทรกแซง
“น่าแปลก ผิดปกติมากๆ เจ้าสิ่งชั่วร้ายพวกนั้น ตามติดเพราะตั้งใจจะฆ่านี่นา”
จินนึกถึงฮัน ทั้งๆ ที่แค่เดินเฉียดผ่าน แต่อีกฝ่ายก็ปล่อยกลิ่นเหม็นประหลาดๆ ฟุ้งออกมา บนใบหน้าก็มีเงาเข้มๆ ปกคลุม กลิ่นของความตายหมุนเวียนอยู่รอบๆ ตัว มันแข็งแกร่งจนสามารถปลิดชีวิตฮันได้ในชั่วพริบตา
จากนั้นดวงตาสีดำสนิทของจินก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสด
หลังจากวาดมือไปมากลางอากาศ ก็มีชายหนุ่มผมสีแดงอ่อนกำลังคุกเข่าหมอบอยู่ตรงหน้าจิน ถึงมันจะน่าตกใจ ทว่าเขากลับก็ทำเพียงแค่ปรายตามองและเปิดปากพูด โดยไร้ปฏิกิริยาอย่างอื่น
“สืบมาว่าภายในระยะเวลาห้าร้อยปีนี้ มีใครกระทำบาปหนาบ้างหรือไม่”
“บาปหนา ท่านหมายถึงบาปเช่นใด…”
“บาปในการปลิดชีวิตสิ่งมีชีวิตต่างๆ มากมาย ลองไตร่ตรองมันดูเสีย”
“รับทราบขอรับ แต่”
“อันใด”
จินนั่งอยู่บนโซฟาอย่างอ่อนแรง ก่อนจะมองลงไปทางคนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้วหลับตาลง เมื่อเห็นว่าจินเบนสายตาลงมา ใบหน้าของชายหนุ่มบนพื้นก็แข็งทื่อด้วยความประหม่า
“เราจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับชีวิตของมนุษย์เป็นการส่วนตัวได้อย่างไรขอรับ”
“ไม่รู้สิ ข้าจะทำอย่างไรกับความหนักใจนี้ดี แล้วกรรมของเจ้าเด็กนั่นก็ใหญ่จนเกี่ยวข้องกับชีวิตของมนุษย์คนอื่น คงไม่จบด้วยการตายแบบนั้นอย่างแน่นอน กรรมนั้นอาจเกิดจากปีศาจที่หาตัวจับได้ยากก็เป็นได้”
“…นั่นสิขอรับ”
“อีกอย่างการปกป้องรักษากฎระเบียบก็เป็นงานของข้า เจ้าก็ไม่ต้องมัวใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ รีบไปทำตามคำสั่งของข้าเสีย”
“ขอรับ”
จากนั้นร่างกายของอีกฝ่ายก็เปล่งแสงสีแดงสว่างจ้าแล้วก็สลายตัวหายวับไปกลางอากาศ
กลิ่นไหม้อ่อนๆ ฟุ้งไปทั่วภายในบ้านของจิน แต่มันก็หายไปในชั่วพริบตาจากการขยับมือเพียงครั้งเดียว ดวงตาเปล่งประกายสีแดงของจินก็กลับมาเป็นสีดำเหมือนปกติอีกครั้ง
“เฮ้อ ฮัน ทุกอย่างเป็นเพราะเหตุใดกัน”
* * *
“ซื้อของที่บอกว่าอยากทานมาหมดแล้วครับ อันนั้นเป็นน้ำองุ่น อันนั้นคือน้ำว่านหางที่ดื่มเมื่อคราวนู้น แล้วบนนั้นก็คือน้ำมะม่วงครับ!”
“ทำไมจู่ๆ เจ้าเป็นเช่นนี้ล่ะ มีเรื่องจะรบกวนข้ารึไง”
“อูย ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกครับ แค่อยากซื้อให้เองครับ เป็นน้ำใจของผม!”
ฮันยิ้มหวาน ก่อนจะยื่นน้ำผลไม้ให้แล้วมองเสือขาวที่ยกเท้าหน้ามารับเครื่องดื่มอย่างไม่เต็มใจนัก จากนั้นฮันก็พึมพำว่าขอให้ชีวิตตัวเองยืดออกไปอีกนิด จนเจ้าเสือขาวก็ผงะ
“วันนี้ก่อนออกไปเจ้าพูดว่าไม่มีเงิน ไม่สามารถซื้อของเยอะๆ ได้ไม่ใช่งั้นรึ คงไม่ได้ไปลักขโมยมาใช่หรือไม่”
“เอ๊ เห็นผมเป็นคนยังไงครับ ผมใช้เงินตัวเองซื้อมาหมดเลยนะ พูดแบบนี้เรื่องใหญ่เลยนะครับ”
ฮันมองเสือขาวที่ไม่รู้ว่าความจำดีได้ยังไง ถึงไม่ลืมคำพูดของฮันในตอนเช้าและจำได้ ก่อนจะหลบสายตาของเสือขาวที่ซับซ้อน แต่ทว่าถึงเงินจะสำคัญแค่ไหนก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าลมหายใจของตัวเอง แล้วที่ตาของฮันที่ยังคงชวนเสือขาวคุยเรื่อยๆ ก็ไม่เห็นใบหน้าที่ตะลึงกับความกลัวของเสือขาวเลย
“เอาล่ะๆ ทานเยอะๆ นะครับ เพราะซื้อมาเยอะจริงๆ แล้วก็ซื้อไก่เปรี้ยวหวานกับพิซซ่ามาด้วยนะครับ เอ่อ กินพิซซ่าไม่ได้แล้วไหมนะ ลองทานดูไหมครับ”
“อือๆ อาอะ อือ”
“พูดอะไรครับเนี่ย ฟังไม่ออกเลย รับอีกไหมครับ”
“บอกว่าอย่ายัดใส่ปากยังไงเล่า!”
เจ้าเสือขาวคายพิซซ่าที่ฮันเอาแต่ยัดเข้ามาอีกครั้งก่อนจะชี้นิ้วไปที่ฮัน แล้วฮันก็ฉีกยิ้มสดใสอีกครั้ง ตอนนี้สำหรับฮันแล้วก็เห็นเพียงแค่ว่าใบหน้าของเสือขาวที่โมโหและส่งเสียงกระหืดกระหอบนั้นน่ารักอย่างมาก
ฮันยื่นไปให้ที่เรียวปากของเสือขาวที่หยิบพิซซ่ามาถือไว้ด้วยตัวเองอีกครั้ง แล้วฮันก็มองแล้วหัวเราะอย่างชั่วร้ายกับเสือขาวที่สุดท้ายก็เอานะกลิ่นพิซซ่าอันหอมอร่อยไม่ได้แล้วอ้าปากกินมันหนึ่งคำ กำลังเป็นไหลไปตามแผนอย่างดี
“เจ้า ไม่แน่ว่ามาเพราะอยากฟังอะไรรึเปล่า”
ฮันกลัวไปก่อนกับสายตาของเสือขาวที่มองด้วยสายตาที่เฉียบคมพลางพูดอ้อมแอ้ม ก่อนสะดุ้งโหยงแล้วส่ายหน้าไปมา แต่กลายเป็นว่าสายตาที่ขุดค้นของเสือขาวนั้นแน่วแน่กว่าเดิม
ฮันกระแอมกระไอกับเสือขาวที่เหมือนว่าจะค้นพบจุดแปลกๆ จากรูปลักษณ์ของตัวเองแต่ก็ไม่ปริปากพูดอะไร ก่อนเขาจะเริ่มจี้จุด
“คุณเสือขาว ไม่ทราบว่ามีอะไรแปลกๆ ติดอยู่ที่ผมหรอครับ”
“เหมือนว่าเจ้าจะได้ยินเสียงแปลกๆ จริงๆ สินะ”
เสือขาววางพิซซ่าที่แย่งมาจากมือฮันแล้วยัดเข้าปากตัวเองก่อนจะเริ่มส่งสายตา เสือขาวนั่งขัดสมาธิราวกับให้รีบพูดมา ก่อนจะเริ่มเอาขาหน้าตีลงที่ขาหลังของตัวเอง
แล้วเสือขาวก็ขมวดคิ้วเหมือนว่าไม่พอใจฮันที่ยู่ปากก่อนจะยิ้มออกมา
ฮันได้รู้ว่าเขาไมได้เป็นเพียงแค่ปีศาจอะไรแบบนั้นเลยกับรูปลักษณ์ของเสือขาวที่มีพลังเย็นเยือกฟุ้งอยู่ ก่อนจะถอยหลังไป
“เปล่าครับ เพราะมีลูกชายของบ้านคนทรงมองผมแล้วบอกว่ามีผีตามติดตัวผมอยู่น่ะครับ”
เสือขาวมองฮันที่ยิ่งถอยไปข้างหลังเสียงพูดก็ยิ่งเบาลง ก่อนจะถอนหายใจออกมา แล้วยกขาหน้าสั้นๆ ทึ้งหัวตัวเอง ฮันอุทานเบาๆ กับรูปลักษณ์ที่เหมือนว่าจะแตะไม่ถึงหัว แต่ก็ยังแตะถึงได้แล้วปรบมือแสดงความชื่นชม แต่ฮันก็สะดุ้งกับสายตาของเสือขาวที่มองฮันด้วยใบหน้าที่หมดคำพูด แล้วมือทั้งสองที่เคยปรบมือก็ลดลง
“ใช่แล้ว เจ้าถูกวิญญาณล้อมไว้เต็มไปหมด แน่นอนว่าตอนนี้ก็เช่นเดียวกัน”
“หือ ถ้างั้นผมจะทำยังไงล่ะครับ”
“อย่าไปใส่ใจ เพราะฉันอยู่ข้างๆ นาย”
เสือขาวพูดประโยคสุดท้ายที่ไม่สามารถจะเข้าใจได้ออกมาแล้วเริ่มกินพิซซ่าอีกครั้ง ก่อนจะเบี่ยงสายตาไปจากฮันอย่างคูลๆ ราวกับว่าไม่สนใจอีกต่อไป
ฮันเอนหัวกับคำพูดของเขาที่กำกวมแล้วเฝ้ารับใช้อยู่ข้างๆ เสือขาวที่กินพิซซ่า ระหว่างคิ้วของเสือขาวที่บิดเบี้ยวอย่างแปลกๆ ก็น่าขัดใจ ไหล่ของฮันก็หดลงอย่างหงอยๆ กว่าเดิมกับเสียงตะโกนของเสือขาวว่า ‘คนซวย’ เป็นระยะ
คอมเมนต์