ลูกหมาของผมกลายเป็นเสือขาว! ตอนที่ 2-1

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 2-1 ความช่วยเหลือ

ฮันเกลือกกลิ้งไปมาบนเตียงด้วยความคิดว่าจะหลับให้เต็มอิ่มสมกับเป็นวันสุดสัปดาห์ ทว่าก่อนจะท่องไปในความฝัน ก็ต้องเบิกตาโพลงกับความเปียกชื้นอันคุ้นเคยเมื่อพลิกตัวในผ้าห่ม
เขาเลื่อนมือสั่นระริกลงไปข้างล่างก่อนจะสอดเข้าไปในกางเกง แล้วก็หยุดชะงัก จากนั้นหยดน้ำตาก็เริ่มคลอดวงตาของฮันที่ทำท่าจะร้องไห้
“ทำไม ทำไมมันมาอีกแล้วไอ้เวร หายไปพักหนึ่งแล้วนี่!”
ฮันถีบผ้าห่มที่คลุมตัวเองออกแล้วเดินเนิบๆ ไปยังตู้เสื้อผ้าข้างๆ ชั้นหนังสือที่มีชั้นในตัวเองเก็บอยู่
เขามองค้อนเสือขาวที่กำลังนอนฝังตัวอยู่บนเบาะรองตรงมุมหนึ่งของชั้นหนังสือ ก่อนจะถือชั้นในตัวใหม่มุ่งไปที่ห้องน้ำ อันที่จริงในใจก็เริ่มกังวลแล้วว่าตัวเองอาจจะต้องลองไปคลีนิกระบบทางเดินปัสสาวะดูสักครั้ง
“…มันเป็นโรคไหมนะ โรคฝันเปียก”
อายุก็โตมากพอแล้ว ไม่ใช่เด็กน้อยแล้วด้วย และก็เป็นครั้งแรกที่ฝันเปียกนานแบบนี้ คาดว่าน่าจะเป็นเพราะร่างกายอ่อนแอลงกับใจที่ผวาเสือขาว ด้วยเหตุนั้นฮันจึงส่งสายตาดุดันแฝงความขุ่นเคืองผ่านประตูห้องน้ำไปทางสิ่งมีชีวิตที่หลับอยู่
วันนี้เขากะว่าจะกินไก่ตุ๋นโสมเพื่อบำรุงร่างกาย จากนั้นฮันก็ถือชั้นในออกมาจากนอกห้องน้ำ ก่อนจะแวบมองเสือขาวที่ยังไม่ตื่นจากการหลับใหลเหมือนไม่สบาย ปกติแล้ว อีกฝ่ายมักจะตื่นเร็วกว่าเขาแล้วก็ยุ่งวุ่นวายไปรอบๆ บ้าน จนข้องใจว่าทำไมวันนี้ถึงนอนนิ่งแบบนี้
“ขอโทษนะครับ ท่านเสือขาว”
“…”
“หลับเหรอครับ ยังไม่ตื่นเหรอครับ”
“…”
“โห เช้านี้มีแกงกะหรี่ที่ท่านเสือขาวชอบด้วยนะครับ… งั้นก็คงช่วยไม่ได้สิน้า”
“ตื่นแล้ว! ข้าตื่นแล้ว!”
เสือขาวรีบลุกขึ้นจากเบาะรองพลางส่ายหางไปมา จ่อดวงตาเป็นประกายเข้ามาใกล้ฮัน ก่อนจะยกขาหน้าขึ้นราวกับบอกให้รีบเอามา ใบหน้าที่ถูอยู่กับแขนของฮันเต็มไปด้วยความดีใจ
“ขอโทษนะครับท่านเสือขาว ผมมีอะไรบางอย่างอยากถามครับ”
“อะไรหรือ…”
ฮันเลิกคิ้วข้างหนึ่งเมื่อเสือขาวฝังหน้าตัวเองเข้ากับเบาะรองอีกครั้งด้วยใบหน้าเนือยๆ เขาจึงลูบหลังเสือขาวที่ฉีกยิ้มออดอ้อนราวกับลมฤดูใบไม้ผลิที่พัดผ่านเบาๆ
อาจจะคิดว่าตัวเองไม่มีพิรุธอะไรล่ะมั้ง… มุมปากของเสือขาวกระตุกขึ้นแปลกๆ กับการลูบหลังให้เบาๆ ของฮัน ซึ่งฮันก็สังเกตเห็นจึงใช้วิธีอื่นเพิ่ม
“ให้เกาท้องให้ไหมครับ”
“เหอะ! อะไร…!”
ฮันหัวเราะเจ้าเล่ห์ เมื่อใบหน้าของเสือขาวค่อยๆ ผ่อนคลายหลังจากเขาลงมือเกาท้องให้ จากนั้นก็พึมพำว่าไม่ใช่แมว แต่เป็นหมานี่เอง มองปากของเสือขาวที่อ้ากว้างจนลืมคำบ่นแล้วเกาต่ออยู่พักหนึ่ง
“อ่า ใช่ ท่านเสือขาวทราบเหตุผลที่ผมยัง… ฝันเปียกอยู่ไหมครับ”
“ร่างกายอ่อนแอกระมัง…”
เจ้าเสือขาวสะดุดกับดวงตาลังเลของฮัน พอฮันก็มองเสือขาวที่หัวเราะเอิ้กอ้ากเพราะจั๊กจี้เหมือนคนบ้า ความสงสัยเขาก็โดนโยนทิ้งไปไกลโพ้น
“จริงๆ ด้วย คงเป็นอย่างงั้นใช่ไหมล่ะครับ”
“เช่นนั้น การทานอาหารดีๆ เพื่อบำรุงร่างกายก็เป็นวิธีที่ดี”
ฮันคิดว่าไก่ตุ๋นโสมคือคำตอบแน่นอนพร้อมกับเกาหัว จากนั้นก็ละมือออกจากท้องเสือขาวแล้วขยับเท้าไปทางห้องครัวเพื่อทำแกงกะหรี่
เสือขาวเดินตามหลังของฮันไปอย่างคล่องแคล่ว แล้วกระโดดลงจอดบนเก้าอี้กินข้าวตัวสูงโดยสวัสดิภาพ
เฝ้ามองฮันง่วนจัดการวัตถุดิบนั่นนี่ด้วยใบหน้าสุขใจ ก่อนจะมองลงไปที่ฝ่าเท้านุ่มนิ่มของตัวเอง จากนั้นเสือขาวก็ทำหน้าบึ้งตึงพลางถอนหายใจเมื่อเห็นฝ่าเท้าคล้ำลงเล็กน้อย
หางยืดยาวขยับไปมาอย่างไร้เรี่ยวแรง ที่ปลายหางก็มีจุดเล็กๆ เหมือนเป็นรอยด่างท่ามกลางสีขาวล้วน แต่พอเสือขาวกระดิกหางไม่กี่ที จุดพวกนั้นก็เริ่มหายไปช้าๆ เหมือนถูกลบด้วยยางลบ
“ครั้งนี้จะทานมากแค่ไหนครับ”
“หนึ่งถ้วย ข้าไม่ค่อยอยากอาหารนัก”
เสือขาวสัมผัสได้ถึงสายตาเบิกโพลงของฮันที่มองมาทางตน แต่ก็ทำเพียงหาวแล้วส่ายหางไปมาเท่านั้น เสือขาวถูหน้าบนโต๊ะอาหารเย็นเฉียบพลางกะพริบตาช้าๆ มองเครื่องเคียงต่างๆ ตรงหน้าตัวเอง
ในที่สุดเมื่อแกงกะหรี่วางลงตรงหน้า เสือขาวก็ดันร่างหนักๆ ของตัวเองขึ้น ฮันนั่งลงข้างๆ ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาอย่างคล่องแคล่วแล้วตักข้าวป้อนอีกฝ่าย แต่ท่าทางการกินของเสือขาวไม่ได้ดูปิติยินดีเลยกลับดูอ่อนแรงกว่าปกติด้วยซ้ำ
“ไม่สบายเหรอครับ”
“เปล่า ข้าแค่เหนื่อยเล็กน้อย”
ฮันจัดการมุมปากเลอะแกงกะหรี่ด้วยทิชชู่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มง่วงสัปหงก เขาเลยรีบอุ้มเสือขาวไปวางที่เดิมบนเบาะรองตรงมุมหนึ่งของชั้นหนังสือ
ฮันส่ายหน้ากับท่าทางเหนื่อยล้าของเสือขาว จากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมที่พาดไว้บนเก้าอี้ขึ้นมา ทว่าขณะปิดประตูออกไปด้วยสภาพร่างกายที่กระตือรือร้นกว่าปกติ ก็มีลมพักกระหน่ำวูบเข้ามาจนต้องเซถอยหลัง
เขาจึงปิดประตูลงโดยอัตโนมัติพร้อมกับกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหยิบผ้าพันคอที่ม้วนกลิ้งอยู่บนพื้นมาพันรอบคอตัวเองแล้วเปิดประตูอีกครั้ง แต่ก็ต้องสถบคำด่าออกมาเบาๆ เมื่อพบกับอากาศที่สดใสต่างจากที่ตัวเองคาดการณ์ไว้
“โห ซวยจริงๆ สินะ”
แล้วฮันก็ถอดผ้าพันคอโยนไปก็กองอยู่กับพื้นตามเดิม

* * *

อากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ อากาศบริเวณที่ฮันเดินผ่านมันเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาดต่างหาก ถ้าหากฮันหดหน้าเข้ากับเสื้อคลุมเพราะอยู่ดีๆ ก็มีลมพัดมา แสงแดดก็จะสาดส่องลงมาแทนราวกับจะถามว่าลมพัดเมื่อไหร่กัน
จังหวะที่ฮันหงุดหงิดแล้วปล่อยคำด่าทอหยาบคายไปกลางอากาศ ก็มีใบปลิวจากไหนไม่รู้ลอยมาปิดหน้า พอโดนขวางกั้นการมองเห็นอย่างกะทันหัน เขาก็ละล้าละลังพลางก้าวถอยหลังจนเหยียบแง่งหินวางอยู่ราวกับถูกจัดฉากไว้ ด้วยเหตุนั้นฮันจึงตกใจแล้วก็ล้มลง
“แม่งเอ๊ย!”
ฮันจัดการก้นกบที่เจ็บแปลบด้วยฝ่ามือ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วกำมือทั้งสองสั่นๆ ทั้งสองข้างแน่นเหมือนพยายามระงับอารมณ์ ริมฝีปากกระตุกจนเผยให้เห็นความโมโหชัดเจน แต่สักพักหมัดที่กำไว้เต็มแรงก็คลายออก ฮันระเบิดหัวเราะเสียงดังคล้ายยอมแพ้ ก่อนจะเดินไปยังร้านสะดวกซื้อด้วยการก้าวเท้าดังตึงตัง จากนั้นก็เตะกระป๋องน้ำที่กลิ้งไปมาระหว่างทางเดิน เพราะรู้สึกว่ามันเหมือนกำลังหัวเราะเยาะตัวเองอยู่
ทว่าเมื่อกระป๋องลอยไปกระแทกกำแพง มันเด้งกลับมาเหมือนบูมเมอแรงชนเข้ากับหน้าผากเขา ฮันจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยตะโกนออกมาเสียงดัง แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรีบออกมาจากบริเวณนั้นเหมือนโดนไล่ล่า คำด่าทอพรั่งพรูออกมาไม่หยุด ไม่มีสักเรื่องที่สมควรทน
“สะสมความดีบ้าอะไรกัน!”
ฮันเบ้ปากอย่างไม่น่ามอง ก่อนจะกดฝ่ามือเย็นๆ ลงบนหน้าผากที่เริ่มขึ้นสีแดง พร้อมกับปัดเสื้อผ้าเลอะฝุ่นเพราะล้มลงกับพื้น แล้วก็ต้องถอนหายใจกับอุณหภูมิอุ่นๆ จากหน้าผากตัวเอง
เขาเดินต่อไปอย่างอิดโรยเหมือนเป็นทหารแตกทัพผู้หลงลืมทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เมื่อเห็นคนในชุดดำทั้งตัวย่อตัวนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของถนนก็ต้องสะดุ้งโหยง ตรงนั้นมันคือด้านหน้าทางเดินแคบๆ ที่จำเป็นต้องผ่านเพื่อไปร้านสะดวกซื้อ
หลังจากมองปราดคนที่ใส่เสื้อผ้าสีดำทั้งตัวเหมือนฆาตรกโหด ฮันก็ส่งเสียงกระแอมกระไอออกมา ก่อนจะเอ่ยว่ารบกวนหลีกทางให้หน่อย ซึ่งมันก็เป็นการส่งสัญญาณอย่างสุภาพตามแบบฉบับของฮันเอง
พออีกฝ่ายได้ยินคำขอก็ยอมเขยิบไปข้างๆ เล็กน้อยทั้งๆ ที่ยังนั่งห่อตัวอยู่แบบนั้น ฮันเริ่มสังเกตผู้ชายคนนี้ช้าๆ เพราะรู้สึกแปลกใจกับท่าทาง
เมื่อมองตามสายตาของชายหนุ่มลงไป ก็พบกับดอกแดนดิไลออนที่เติบโตอยู่ช่องว่างรอยปริของยางมะตอยเบ่งบานอย่างน่ามอง ดอกแดนดิไลออนสีเหลืองส่ายและพลิ้วไหวล้อกับลมเอื่อยๆ ที่พัดมา
“โอ๊ะ สวยจัง”
อีกฝ่ายเบนสายตาจากดอกแดนดิไลออนมาที่ฮัน แต่ฮันก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาคุกเข่าลงก่อนจะแตะนิ้วลงบนดอกตูม แล้วก็หัวเราะเบาๆ กับสัมผัสของกลีบดอกนุ่มลื่น
“ขอโทษนะครับ คุณกำลังดูเจ้านี่อยู๋ใช่ไหมครับ”
ฮันใช้นิ้วไล้ดอกแดนดิไลออนอีกครั้ง จากนั้นก็หลุดหัวเราะร่าเริงและเปิดฉากสนทนากับชายหนุ่มที่ย่อตัวอยู่ข้างๆ กัน อีกฝ่ายกลอกตาไปมาแล้วพยักหน้ารับอย่างระมัดระวัง
“มันจะเปลี่ยนเป็นสปอร์เมื่อไหร่ครับ มันต้องเป่าฟู่ๆ นะ ดอกแดนดิไลออนเนี่ย”
“เดี๋ยวก็เปลี่ยนแล้วครับ… สักพักกลีบก็จะร่วงแล้ว”
“ว้าว งั้นเหรอครับ”
ท่าทางของผู้ชายสองคนที่ย่อตัวนั่งพูดคุยกับเรื่องดอกแดนดิไลออดูน่าตลก แต่พวกเขาก็แบ่งปันบทสนทนาด้วยใบหน้าจริงจัง จนถึงขนาดว่าถ้าหากคนอื่นมาเห็น ก็คงเข้าใจผิดว่าทั้งสองคนกำลังพูดคุยเรื่องที่หนักหนามากๆ อยู่
“คุณคือคนนั้นใช่ไหมครับ ที่บอกว่าตัวผมมีกลิ่นเหม็น แล้วก็วิ่งหนีไป”
เมื่อได้ยินคำพูดไม่คาดคิดจากฮัน ร่างกายอีกฝ่ายก็สั่นเทา ชายหนุ่มมองตาฮันแล้วพยักหน้าพลางกระดิกนิ้วเหมือนไม่สบายใจ
“ตอนนี้ผมไม่มีกลิ่นแล้วใช่ไหมครับ ผมอาบน้ำสะอาดแล้วน้า”
ฮันยื่นแขนไปทางจมูกคนข้างๆ พร้อมกับเอ่ยถามด้วยดวงตาเปล่งประกาย อีกฝ่ายก็พยักหน้าช้าๆ ก่อนที่ใบหูทั้งสองข้างจะขึ้นสีแดงหลังเห็นสีหน้าของฮัน
“ตอนนั้นขอโทษนะครับ มันไม่ใช่ว่าเป็นกลิ่นเหม็นจริงๆ หรอกครับ…”
“อ่าๆ ช่างมันเถอะครับ ถึงตอนนั้นผมจะอารมณ์เสียจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่คิดอะไรแล้วครับ ผมไม่ใช่คนแบบนั้น”
เขายิ้มกว้างก่อนจะจะลุกขึ้นแล้วโค้งลา จากนั้นก็จัดชายเสื้อคลุมของตัวเองที่ยับยู่ยี่ให้เข้าที่ เมื่อฮันทำท่าทางเหมือนจะไปแล้ว ชายหนุ่มก็ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะรีบยื่นมือไปรั้งมือฮันทันที
“แล้วก็ไม่ต้องใส่มาสก์หรอกครับ ออกจะดูดี จะปิดบังใบหน้าทำไมกันครับ”
ขณะนั้นชายหนุ่มก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมใส่ผ้าปิดมาก ก็เลยลุกลี้ลุกลนใช้มือปิดปากตัวเอง ฮันอมยิ้มกับท่าทางแบบนั้น แล้วฮัมเพลงพร้อมกับเดินมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อ
คนที่ยืนอยู่มองแผ่นหลังของคนที่กำลังมุ่งไปยังร้านสะดวกซื้ออย่างมึนงงแล้วลุกขึ้นบ้าง จากนั้นก็จับหมวกฮู้ดมาคลุมศีรษะปิดบังใบหน้าของตัวเอง ซึ่งแก้มเห่อแดงนั้นก็ดูน่ารักเอามากๆ

* * *

คอมเมนต์

Chapter List