ลูกหมาของผมกลายเป็นเสือขาว! ตอนที่ 2-2

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 2-2 ความช่วยเหลือ

ฮันมองลงไปทางไก่ที่ไขว้ขาเข้าหากันราวกับเขินอายพลางหัวเราะอย่างมีความสุข วัตถุดิบสำคัญที่สุดของไก่ตุ๋นโสมเพื่อการบำรุงร่างกายของอ่อนแอของตัวเองค่อนข้างหนักเหมือนกัน
เขาแกว่งถุงที่มีไก่สดบรรจุอยู่ด้วยความอารมณ์ดีระหว่างเดินกลับ ก่อนจะพบเห็นชายหนุ่มคนเดิมกำลังมองมา โดยที่อีกฝ่ายนั่งห่อตัวอยู่ในมุมข้างร้านสะดวกซื้อ ฮันเลยเอียงหัวราวกับแปลกใจ
“เอ่อ อืม… คุณแดนดิไลออน”
ฮันเดินเนิบๆ เข้าไปหาแล้วเปิดฉากสนทนาก่อนด้วยชื่อเรียกที่แม้แต่ตัวเองฟังก็ยังรู้สึกว่าตลก แต่ก็เป็นชื่อที่เขาพยายามตั้งขึ้น เพราะไม่รู้ชื่ออีกฝ่าย จะเรียกว่าคุณตัวเหม็นมันก็ดูเสียมารยาทมากๆ
ชายหนุ่มเลี่ยงสายตาเมื่อได้ยินการเรียกแบบนั้นของฮัน ก่อนจะขยับริมฝีปากพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ลีดงมกครับ”
“อ่า ครับ คุณลีดงมก”
เขามองใบหน้าอิดออดของอีกฝ่ายเกาหัว ลีดงมก ชื่อที่แตกต่างจากความหล่อเหลาก็เป็นเอกลักษณ์ดี จากนั้นฮันก็ยักไหล่มองดงมกเหมือนถามว่าคุณมาทำอะไรที่นี่
“…คือ เหตุผลที่ผมอยู่ตรงนี้ ก็ เอ่อ ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยครับ”
ฮันคว้าแขนของคนพูดวกไปวนมาพร้อมปัดป่ายมือไปมา เขาพยักหน้าว่าเข้าใจแล้วก่อนจะตีหลังมือของดงมกอย่างอ่อนโยนให้ใจเย็นๆ เมื่อเห็นดงมกแก้มเห่อแดงแล้วถอนหายใจ ฮันก็ฉีกยิ้มอย่างสดใส
“ตั้งใจจะไปร้านสะดวกซื้อใช่ไหมครับ ไปดีๆ นะครับ”
ทว่าดงมกกลับคว้ามือของฮันที่หันกลับไปหลังกล่าวลาอย่างคูลๆ เสร็จอย่างแรง จนฮันเซเข้ามาในอ้อมกอดพร้อมสีหน้าตกตะลึง แต่เป็นเพราะดงมกรีบดันตัวเขาออกอย่างรวดเร็ว ฮันเลยทำหน้าสับสนจนน่าตลก
“มีเรื่องอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”
“เอ่อ คือว่า อยู่กับผมสักพัก ไม่สิ ต้องอยู่กับผมครับ คือ เอ่อ ขอโทษจริงๆ นะครับ”
น้ำเสียงของดงมกตะกุกตะกัก แต่สุดท้ายก็จบด้วยการกล่าวขอโทษอย่างกำกวม
“ทำไมล่ะครับ”
“คือ คือว่ามัน… จะเป็นผลดีกับคุณน่ะครับ”
“อะไรครับ จะข่มขู่ผมเหรอ มันหมายถวามว่ายังไงกันครับ”
“มะ ไม่ใช่นะครับ ไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ”
แต่เขาก็ระเบิดหัวเราะคิกคักกับปฏิกิริยาโต้ตอบด้วยการปฏิเสธพลางโบกมือเป็นพัลวัน ดงมกอ้าปากเหวอตกใจกับการหัวเราะของฮัน ก่อนแก้มทั้งสองข้างจะเห่อแดงขึ้นมาอีกครั้ง
“แค่ สามสิบนาทีเท่านั้นครับ ผมจะไม่ทำอะไรเลย… จริงๆ”
หื้ม? คังฮันส่งเสียงขึ้นจมูกเมื่อเห็นท่าทางของดกมก อีกฝ่ายก้มหน้ามองพื้นแล้วเตะขาเขี่ยไปเหมือนเขินอาย เขาก็เลยคว้าข้อมือคนตรงหน้ากะทันหัน
“ถ้างั้นไหนๆ ก็เป็นแบบนี้แล้ว เราไปดูดอกแดนดิไลออน ย้อนวัยเด็กกันสักหน่อยแล้วกันนะครับ”
ฮันรู้สึกถึงความสนิทสนมได้อย่างน่าประหลาดกับการกระทำเขินอายราวกับเป็นเด็กน้อย จากนั้นก็เดินนำออกมาพร้อมกับดึงอีกฝ่ายตามมาด้วย อย่างไม่สมกับเป็นตัวเองในเวลาปกติเลย บางครั้งเรียวนิ้วยาวของดงมกก็สั่นไหวเวลาเฉียดผ่านเสื้อคลุมของฮัน
ฝีเท้าของฮันเดินอย่างเนิบๆ สบาย แต่เป็นเพราะเพิ่งไปซื้อของมา ในมือที่ถือข้าวของก็เลยดูหนักอยู่ แต่เขาก็ถือเหมือนมันไม่ได้หนักอะไร ทว่าในสายตาดงมก มันดูหนักเกินกวาข้อมือของผอมบางของฮันจะรับไหว
“ผมช่วยถือของไหมครับ”
“ไม่ครับ ไม่เป็นไร”
แล้วก็ต้องไหล่ตกกับการปฏิเสธอย่างรวดเร็วของฮัน เมื่อเห็นว่าใบหน้าดงมกหม่นลงอย่างน่าประหลาดจนดูน่าเห็นใจ ฮันจึงเดาะลิ้นแล้วรักษาน้ำใจด้วยการยื่นไก่ที่หนักที่สุดให้อีกฝ่าย
“ถ้างั้นช่วยถืออันนี้ได้ไหมครับ มันหนักน่ะ”
“อ่า อ๋อ ครับ!”
ดงมกรีบคว้าข้าวของจากฮันมาในทันทีพร้อมยิ้มแป้นเหมือนดีอกดีใจ ฮันมองท่าทางนั้นด้วยใบหน้าแปลกๆ ก่อนจะเกาหัวแล้วเดินย่ำเท้าเข้าไปในซอย
ชายหนุ่มเดินตามหลังของฮันด้วยฝีเท้าไม่ช้าไม่เร็วอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็หัวเราะร่าพลางลูบแก้มของตัวเอง เหมือนดีใจที่ได้ช่วยเหลือคังฮันจนไม่รู้วิธีทำให้รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าเลย
“เอ่อ อืม ดอกแดนดิไลออนยังอยู่สินะครับ ฮ่าๆ ก็เพิ่งผ่านไปไม่เท่าไรเอง คงไม่… ปลิวไปหมดใช่ไหมล่ะครับ”
ฮันยิ้มอย่างประหม่าแล้วชี้ไปทางเจ้าดอกแดนดิไลออน ก่อนจะหันกลับมามองคนที่แก้มแดงเถือกใบหน้าเจื่อนๆ เขาเดาะลิ้นในใจหลายครั้งว่าอีกฝ่ายมีหลากหลายบุคลิกจริงๆ จากนั้นก็ใช้มือล้วงเข้าไปในถุงพลาสติกที่ตัวเองถือแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา
“กินไหมครับ”
เขาถือไส้กรอกขนาดกลางโบกไปมา ดงมกเองก็พยักหน้าเบาๆ กับความมีน้ำใจแล้วแบมือรับ ฮันวางไส้กรอกลงบนมือทั้งสองข้างของอีกคน ดงมกมองไส้กรอกบนมือตัวเองด้วยดวงตาเปล่งประกาย
ฮันแกะเปลือกสีส้มของมันออกแล้วเอาเข้าปาก มองผ่านไปเห็นอีกฝ่ายจ้องไส้กรอกที่ตัวเองวางไว้ให้ค้างอยู่อย่างนั้นเหมือนเอ็นดูมัน แล้วก็ต้องส่ายหัวไปมา
ฮันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำหน้าซาบซึ้งอะไรขนาดนั้น มันไม่ใช่ของล้ำค่าอะไรเลย ก็เป็นแค่เพียงไส้กรอกเท่านั้น เขายู่ปากแล้วละล้าละลังว่าจะหยิบไส้กรอกออกมาอีกอัน หลังจากกินอันแรกหมดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
ทว่าขณะกำลังจะเอาไส้กรอกชิ้นใหม่เข้าปาก ไส้กรอกที่เพิ่งแกะเปลือกออกก็กระเด็นตกพื้น เพราะฮันถูกกระชากตัวอย่างรุนแรง
ฮันหน้าบึ้งขึ้นมาทัน แต่ในจังหวะที่กำลังจะหันไปต่อว่าคนที่กระชากกันอย่างดงมก ก็มีเสียงอะไรบางอย่างตกแตกดังลั่นจากบริเวณที่เคยยืนอยู่จนปวดแก้วหู
พอสัมผัสได้ว่าฮันตัวสั่นเทากับเสียงที่แค่ฟังก็ขนลุก ดงมกก็ตบบ่าปุๆ เหมือนบอกให้วางใจ ฮันเลยรวบรวมความกล้ากับอุณหภูมิร่างกายดงมกแล้วหันไปมองข้างหลัง พบว่ามีโทรทัศน์เครื่องเก่าซึ่งไม่รู้ว่าตกจากที่ไหนในสภาพเละเทะแตกกระจัดกระจาย
“ทำ…ทำไมถึง…”
“เอ่อ… เหมือนจะตกมาจากดาดฟ้าน่ะครับ”
“แล้วทำไมทีวีถึงตกมาจากดาดฟ้าได้ล่ะครับ”
ฮันทำท่าจะร้องไห้ด้วยความตื่นตระหนกในอ้อมแขนของดงมก ก่อนจะกัดปากแล้วเงยหน้ามองคนที่ยังปิดปากเงียบพลางทิ้งน้ำหนักร่างกายตัวเอง ดงมกก้มมองฮันด้วยสายตาแปลกๆ จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ
“อย่ากลัวเลยครับ ตอนนี้มันจบหมดแล้ว”
“ทำไมมันถึงตกลงมา มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยไม่ใช่เหรอครับ”
“เมื่อกี้ผมเห็นมันอยู่ที่ดาดฟ้าน่ะครับ ดูยังไงก็น่าจะตกลงมา”
“เป็นไปไม่ได้”
มือทั้งสองข้างที่คว้าฮู้ดซิปอัพสีดำของดงมกแน่นกำลังสั่นเทา นัยน์ตาดงมกเองก็เริ่มฉายแววเจ็บปวดเมื่อเห็นอาการสั่นไหวนั้น ซึ่งมันแสดงให้เห็นชัดเจนว่าฮันฝังใจกับความหวาดกลัวมากแค่ไหน
“ทานนี่ไหมครับ”
ฮันหลงลืมสถานการณ์ไปครู่หนึ่งหลังอีกฝ่ายยื่นไส้กรอกกลับมาให้ ก่อนจะอ้าปากแล้วหยุดชะงักด้วยสีหน้าเหม่อลอย
ดงมกเกาหัวเหมือนประหม่ากับปฏิกิริยาโต้ตอบแบบนั้นของอีกคน จากนั้นก็เอาไส้กรอกวางไว้บนมือขวาของฮัน ฮันรับไส้กรอกมาอย่างเหม่อๆ ทอดสายตามองของในฝ่ามือตัวเองนิ่งๆ
“เพราะคุณช่วยไว้ ผมเลยรอดมาได้ ขอบคุณนะครับ”
“ไม่หรอกครับ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว…”
“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรล่ะครับ มันคาบเกี่ยวชีวิตผมเลยนะ ขอบคุณนะครับ”
“เอ่อ ครับ”
ดงมกรับการทักทายขอบคุณของฮัน แล้วยกมือปิดปากของตัวเองที่เอาแต่ยกขึ้น ประสาทสัมผัสของฮันหายไปและเอาแต่เหม่อลอยอยู่แบบนั้น ก่อนจะลุกขึ้นอย่างโซเซ ดงมกจึงเข้ามาช่วยประคองพร้อมกับมองด้วยสายตาเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
“อ่า ไม่เป็นไรครับ ต้องกลับบ้านแล้วล่ะครับ”
ฮันปัดฝุ่นที่เปื้อนเต็มเสื้อราวกับไม่เป็นไรแล้ว มองเผินๆ ก็ดูเป็นปกติดี แต่ดวงตากลับเปี่ยมความกังวล ส่วนร่างกายก็ผงะสั่นไหว ถึงดงมกจะรับรู้ แต่ก็ไม่สามารถขัดขวางความตั้งใจของฮัน จึงทำอะไรไม่ได้นอกจากนิ่งเงียบ
ดงมกพยายามมองข้ามท่าทางเป็นน่าเป็นห่วงว่าจะล้ม แล้วมองตามแผ่นหลังคนเดินจากไปจนกระทั่งลับสายตา

* * *

“กลับมาแล้วครับ”
ดวงตาปิดสนิทของเสือขาวลืมขึ้น เมื่อได้ยินน้ำเสียงไร้เรี่ยวแรงแปลกๆ ของคนเพิ่งกลับมา คังฮันพยายามไม่แสดงอาการใดๆ แม้เสื้อคลุมจะยับยู่ยี่ แต่เสือขาวก็รับรู้ว่ามีเรื่องอะไรบางอย่างด้วยลางสังหรณ์กับความกระเซอะกระเซิง
“มีเรื่องอะไรงั้นรึ”
“เกือบตายน่ะครับ…”
เสือขาวเดินด้วยฝีก้าวเฉื่อยๆ เข้าไปใกล้ฮันที่นั่งทิ้งน้ำหนักตรงหน้าชั้นวางรองเท้า ก่อนจะยกเท้าหน้าของตัวเองวางบนเข่าของฮัน
“ร่างกายเป็นอะไรหรือไม่”
“ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรครับ”
แค่ตกใจเลยเป็นอย่างนี้… ฮันกลืนคำพูดนั้นอย่างขมขื่นก่อนจะฉีกยิ้มฝืนๆ ตอบอีกฝ่าย เสือขาวมองฮันด้วยสีหน้ายากจะเข้าใจ แต่ก็สะดุดตา
“ได้รับความช่วยเหลือสินะ จากเด็กคนนั้น”
“ครับ? ระ รู้เหรอครับ”
“ใช่ รู้จักอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญนี่ เคราะห์ของเจ้าใหญ่ขึ้นสินะ”
“อ่า… เหรอครับ”
ความสงสารปรากฎขึ้นบนใบหน้าเสือขาว เมื่อเห็นท่าทางเหมือนหมดอาลัยตายอยากของมนุษย์ตรงหน้า เสือขาวใช้เท้าหน้าของตัวลงตีลงบนเข่าของฮันเหมือนให้กำลังใจ จากนั้นก็ขยับปากอย่างหนักแน่นคนเดียว
“คงจะต้องเคลื่อนไหวอย่างจริงจังอีกสักหน่อย”
“คือ… ท่านเสือขาว”
ระหว่างกำลังพึมพำกับตัวเอง เสือขาวก็ต้องหันมาสบตาฮันที่มองกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ก่อนจะเหม่อลอยไปชั่วขณะพร้อมความคิดว่าดวงตาฉ่ำน้ำของฮันก็งดงามพอๆ กับดวงตาของตน ไม่สิ งดงามมากกว่าซะอีก จากนั้นฮันก็เอ่ยปาก
“ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ เล็กๆ น้อยๆ …แต่ช่วย ช่วยให้ผมมีชีวิตอยู่ได้ไหมครับ”
ถ้าไม่ใช่เพราะประโยคที่ตามออกมา เสือก็คงยังตกอยู่ในห้วงความคิด ก่อนจะเม้มปากหลังเห็นน้ำตาของฮันไหลรินด้วยความทุกข์ใจ
“ผมกลัวมากๆ เลยครับ ช่วยชีวิตผมหน่อยได้ไหมครับ”
สุดท้ายฮันก็ใช้มือปิดหน้าตัวเองแล้วร้องไห้อย่างหนักพลางห่อตัวโอบเข่าตัวเองเข้าหากัน ก้มหน้าซุกลงไปเหมือนพยายามซ่อนมัน
ท่าทางร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง แถมตัวสั่นเป็นครั้งคราว ดูน่าสงสารมากจนส่งผลให้ในสายตาคล้ยไม่แยแสของเสือขาวมีความเห็นใจแพร่กระจายจนเต็มไปหมด
กางเกงยีนส์ของฮันเปียกชุ่มน้ำตา แล้วก็ค่อยๆ ขยายเป็นวงกว้างขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น น้ำตาก็ยังไม่หยุดไหล เขาสำลักแค่กๆ เหมือนหายใจไม่ทันพลางพ่นลมหายใจอย่างไม่คงที่
“เลิกร้องไห้เถิด”
“ขืนเป็นแบบนี้ผมจะตะ…ตายจริงๆ นะครับ กลัวมากๆ เลยครับ มากๆ มากๆ…”
เรียวแขนแกร่งก็รวบกอดตัวฮันไว้ ลมหายใจไม่สม่ำเสมอจึงค่อยๆ กลับมาสภาวะเดิม ตามเรียวนิ้วที่ลูบหลังอย่างช้าๆ และเนิบนาบ ฮันเริ่มผ่อนคลายร่างกายเมื่ออุณหภูมิอบอุ่นโอบล้อมตัว จากนั้นเปลือกตาก็ค่อยๆ หนักขึ้น ความพยายามขึงตาเพื่อไม่ให้ปิดลงพ่ายแพ้อย่างน่าอาย เรียวนิ้วอ่อนโยนจนความง่วงก่อตัวขึ้นลูบหลังฮันอย่างเบามือ
“พักผ่อนเถอะ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
พอเสียงพูดแผ่วๆ ดังก้องหู คังฮันที่พยายามอดทนก็ทนความง่วงที่ถาโถมเข้ามาไม่ได้
เขาฝากร่างกายไว้กับอุณหภูมิและการปลอบประโลมจากอีกฝ่าย ก่อนจะงอตัวกลมๆ เหมือนทารกในครรภ์ที่เพิ่งเริ่มขยับตัว มุดเข้าไปสู่อ้อมกอดอันอบอุ่น
ทว่าในจิตใต้สำนึกที่เริ่มเลือนราง ฮันก็ได้ยินชัดว่าเสียงกระซิบข้างหูตนนั้น เป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างมาก

* * *

คอมเมนต์

Chapter List