ลูกหมาของผมกลายเป็นเสือขาว! ตอนที่ 2-5
ตอนที่ 2-5 ความช่วยเหลือ
ภายในห้องน้ำมืดมิด มีแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวจากโทรศัพท์มือถือในมือ ซึ่งบนใบหน้าของเจ้าตัวล้วนเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย
เขามือสั่นอย่างร้อนรนพลางลูบโทรศัพท์ไปมา ก่อนจะทนไม่ไหวแล้วเริ่มกัดเล็บตัวเอง แต่ไม่นานใบหน้าที่หม่นหมองกลับเบิกบานขึ้นมาเมื่อหาเบอร์โทรศัพท์ที่ตัวเองต้องการเจอแล้ว
ฮันหยุดกัดเล็บทันทีที่ได้ยินสัญญาณโทรศัพท์ แล้วก็เริ่มขมุบขมิบปากขณะเอาโทรศัพท์แนบหูอย่างระมัดระวัง หลังเสียงสัญญาณดังขึ้นไม่กี่ครั้ง ใบหน้าของฮันก็สดใสเพราะปลายสายรับโทรศัพท์แล้ว แต่แน่นอนว่าก็ยังคงห่อตัวอยู่ในมุมห้องน้ำไม่เปลี่ยนแปลง
“คุณจิน!”
-ทำไม
“เหมือนผมจะมีปัญหาใหญ่แล้วครับ!”
พอหวนนึกถึงความจริงว่ามีเสือขาวอยู่ข้างนอกแล้ว น้ำเสียงตั้งใจตะโกนจึงลดลงเป็นการกระซิบให้เบาที่สุดพลางเหลือบมองสังเกตประตูห้องน้ำปิดสนิท
-พูดอะไรของนาย
“เรื่องมันยาวน่ะครับ…”
ฮันเริ่มย่อคำพูดให้สั้นที่สุดพร้อมกับคาดคะเนสถานการณ์อย่างง่ายๆ แล้วก็ต้องกระวนกระวายเพราะจินทำเพียงแค่รับฟังอย่างไร้การโต้ตอบ
เขาบีบคลึงต้นคอตัวเองอย่างอ่อนแรงคล้ายอึดอัดไม่น้อย ก่อนจะลุกขึ้นเพราะขาชา ถึงคำบอกเล่าคร่าวๆ ของตัวเองจะจบแล้ว ทว่าจินกลับไม่มีการโต้ตอบพิเศษอะไรแลย มันยิ่งทำให้ใจที่เป็นกังวลอยู่กระสับกระว่ายหนักขึ้นไปอีก
ฮันเดินไปเอาฝาชักโครกลงอย่างอิดโรยก่อนจะนั่งลงบนนั้น มือสั่นเทาไปหมดขณะรอคอยคำพูดจากจิน ในสายตาเขาไม่ได้เห็นจินเป็นนักแสดงชื่อดังอีกต่อไป แต่อีกฝ่ายกลายเป็นลูกชายคนทรงน่าเชื่อถือที่ถือเส้นชะตาชีวิตของเขาอยู่
“ผมจะทำไงดีครับ ทำไงดีครับ คุณจิน ผม ผมต้องเจอจริงๆ เหรอครับ”
-ก็ ต้องแบบนั้นแหละ
ฮันก็ลืมคำพูดไปชั่วขณะเมื่อเจอปฏิกิริยาโต้ตอบเนือยๆ ของอีกฝ่าย ทั้งๆ ที่อยากพูดอะไรมากมายก่ายกองเป็นภูเขา แต่สุดท้ายก็ได้กัดปากอย่างหมดแรงโดยอัตโนมัติ
-มีเทพตั้งสององค์ช่วยเหลือ มันก็ดีไม่ใช่เหรอ นายก็แค่รับมา ไม่เห็นเป็นไร แล้วเขาก็บอกว่าจะไม่แตะต้องนายแล้วนี่ ถึงจะไม่รู้ว่าสองคนนั้นเป็นเทพจริงๆ หรือเป็นปีศาจร้ายที่ตั้งใจจะหลอกนายกันแน่ก็เถอะ
“โอ้โห ถึงผมจะไม่รู้ว่าคนที่เพิ่งปรากฏตัวเป็นใคร แต่คนที่อยู่กับผมก็เป็นเทพจริงๆ นะครับ”
ฮันตะโกนแว้ดๆ พลางกระหืดกระหอบอย่างขุ่นเคืองอยู่ครู่หนึ่งเหมือนไม่ได้รับความยุติธรรม เขาไม่พอใจที่จินแซะคุณความดีของเสือขาว ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายช่วยเหลืออะไรมากมายและเป็นห่วงเขาอยู่เสมอ ก่อนจะถอนหายใจแล้วอ้าปากตะโกนเสียงดัง
“ท่านเสือขาวน่ะครับ เสือขาว! รู้จักเสือขาวไหมครับ สัตว์เทวะจตุรทิศนั่นน่ะ!”
-เสือขาวเหรอ
“ใช่ครับ! เสือขาว! เสือขาว สัตว์เทวะจตุรทิศครับ!”
-หรือว่าไอ้บ้านี้นิ…
ฮันที่เคยตะโกนแว้ดๆ จึงกัดปากแน่นกับคำสบถด่าทอของจินที่จู่ๆ ก็ระเบิดออกมา ฮันหวาดกลัวจนต้องกลอกตาไปมาอย่างขี้ขลาดก่อนจะเริ่มอ้าปากพะงาบๆ
“คือ ผมไม่ได้จะทำให้คุณจินโกรธ ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็ขอโทษด้วยครับ”
-ช่างเถอะ แล้วคนที่เพิ่งมาหานายหน้าตาเป็นยังไง คร่าวๆ น่ะ
“เอ่อ… อืม ผมขาว แล้วก็…อืออ นอกจากคำอธิบายว่ามีแต่สีขาวก็คิดอะไรไม่ออกแล้วครับ ก็แค่ขาวไปหมดเลย นึกว่าเป็นหิมะ”
-ไอ้เวร จะเทพองค์อื่นได้ไงวะ
ถึงจะไม่ได้ยินน้ำเสียงพึมพำสั้นๆ ของจินชัดเท่าไหร่นัก แต่ฮันได้ยินคำว่า ‘ไอ้เวร’ เต็มๆ แต่ก็ไม่ได้ทำตัวเหมือนเป็นคนโง่ย้อนถามอีกฝ่าย เขาทำเพียงแค่เม้มปากเงียบๆ รอจินอารมณ์เย็นลง
“คือ… คุณจิน”
-วางใจเถอะ ก็ทำตัวดีๆ ล่ะ เขาเป็นเทพ คงมีประโยชน์กว่าฉัน ฉันเป็นแค่ลูกชายคนทรงเจ้าเองนะ
ฮันนิ่งเงียบกับบรรยากาศเงียบสนิทหลังคำพูดเน้นเสียงแปลกๆ ในคำว่า ‘ลูกชายคนทรงเจ้า’ จากนั้นก็รู้สึกเหมือนตัวเองตัวหดลงโดยอัตโนมัติเพราะน้ำเสียงอีกฝ่ายเหมือนกำลังโมโห
“เดี๋ยวครับ ไปเจอได้จริงๆ เหรอครับ ไอ้โรคจิตนั่น… ไม่สิ ท่านเทพนั่นน่ะ ถ้าโดนจับอีกจะทำยังไงล่ะครับ”
“งั้นก็ให้จับไปสิ”
“อ่า จริงๆ เลย ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะครับ! ไม่มีน้ำใจเอาซะเลย เพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเองก็เลยเป็นแบบนี้ใช่ไหมครับ”
-เออ แล้วก็นะ ตอนนี้มันห้าทุ่มห้าสิบแปดแล้ว นายมัวทำอะไรแบบนี้ตอนนี้ได้เหรอ ไหนบอกเขาจะตอนเที่ยงคืนพอดีไม่ใช่หรือไง
“อ๊ากก! จริงๆ เลย คุณจินช่วยอะไรไม่ได้สักอย่าง วางแล้วนะครับ!
-โทรมาแล้ววางสายใส่ฉันเนี่ยนะ
ฮันกดปุ่มวางสายอย่างเย็นชาก่อนจินจะพึมพำจบประโยคซะอีก เขาตกอยู่ในสภาวะเป็นกังวลจนไม่ได้ยินเสียงอะไรด้วยซ้ำ มีแค่เสียงหัวใจตัวเองเต้นตูมตามดังจนแก้วหูจะแตก เวลาออกไปวิ่งมันก็ยังไม่เต้นดังขนาดนี้เลย
“อ่า จริงๆ เลย ทำไงดี”
บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือบ่งบอกเวลายี่สิบสามนาฬิกา ห้าสิบเก้านาทีอย่างชัดเจน สุดท้ายสติสัมปชัญญะของเขาก็ลอยหายไปหมด ฮันเอามือรองน้ำเย็นจากอ่างล้างหน้าแล้วสาดใส่ศีรษะตัวเอง ไม่ใช่แค่ให้เปียกที่หน้าเท่านั้น แต่ให้เปียกกระทั่งเส้นผมด้วย ก่อนจะสะบัดหัวไปมาเหมือนหมาสะบัดขนจนหยดน้ำกระจายไปทั่วสารทิศ
คังฮันเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดผมตัวเองลวกๆ จากนั้นก็ใช้มือสั่นเทาเปิดประตูห้องน้ำออก พอเปิดประตูก็มีความคิดว่าโลกใบนี้สว่างไสวด้วยแสงขึ้นมาทันที
“มาแล้วรึ”
ชายหนุ่มผมขาวที่มีสำเนียงการพูดคุ้นหูอย่างน่าประหลาดนั่งอยู่บนเตียงของเขาราวกับคุ้นเคยดี อีกฝ่ายสวมเสื้อผ้าสีขาวคล้ายกับชุดฮันบกตัวยาวต่างจากครั้งก่อนที่มาด้วยร่างกายเปลือยเปล่า คนตรงหน้าคือผู้ครอบครองใบหน้าที่งดงามเอามากๆ เลย ฮันเองก็หยุดสั่นเทาและยืนเหม่อมองเพราะใบหน้าที่เหมือนจะไม่ใช่เทพเจ้า แต่เป็นเทพบุตร
ริมฝีปากสีแดงสด รวมถึงท่าทางการถือพัดอย่างสง่างาม ยิ่งส่งเสริมให้บรรยากาศรอบกายโดดเด่นขึ้นมา สันจมูกโค้งมนเชิดโด่ง ขนตาแผ่เป็นแพราวกับพัดสีขาวซึ่งมีหิมะปกคลุม
ถึงจะเป็นใบหน้าที่งดงามจนมองเป็นหญิงสาวได้ไม่ยาก แต่ด้วยลายกล้ามเนื้ออันชัดเจนแล้ว ก็แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีรูปร่างสมชายชาตรีมากกว่าใครๆ
นัยน์ตาสีฟ้าเหมือนมีทะเลสาบอยู่ภายในเปล่งประกายราวกับอัญมณี แต่ก็เยือกเย็นพอๆ กับไอเย็นที่รู้สึกได้ จนฮันรู้สึกเหมือนตัวหดลงไป ช่างเป็นชายหนุ่มที่มีความน่าเกรงขามแผ่ฟุ้งจริงๆ
“สะ… สวัสดีครับ”
หลังยื่นเหม่ออยู่ครู่หนึ่งกับบรรยากาศนั้น พอตั้งสติได้ฮันก็โค้งตัวเก้าสิบองศาเพื่อทักทาย ชายหนุ่มกัดริมฝีปากเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของฮัน จนคนโดนมองประหม่าแล้วเริ่มกลอกตาไปมา จากนั้นอีกฝ่ายก็เป็นคนอ้าปากเอ่ยถามก่อน
“คุยโทรศัพท์กับใคร เหตุใดจึงนานเช่นนั้น”
น้ำเสียงฟังดูโมโหๆ ยังไงไม่รู้ ดวงตาของฮันเร่มสั่นไหวเพราะทบสบตากับชายหนุ่มไม่ได้ ถึงใบหน้าจะงดงาม แต่ก็ยากจะต้านทานความน่าเกรงขามที่แผ่ออกมา
“กับ.. กับพี่ที่รู้จักครับ”
“อย่างนั้นรึ”
ฮันยกมือทั้งสองข้างขึ้นจับไหล่สั่นๆ ของตัวเองและพยายามจะเอ่ยถามอย่างยากลำบาก แล้วก็ต้องตัวเกร็งอีกครั้งเมื่อประสานสายตากับคนที่จ้องกันเหมือนจับผิดตลอด อยากเจอเสือขาวเร็วๆ แล้ว
“คือว่าท่านเสือขาว…”
“เขาหลบที่ให้ข้า และอาจจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องตามหาเขา”
คังฮันหลับตาแน่นแล้วกัดปาก ก่อนจะเริ่มสถบด่าเสือขาวในใจ ด่าทอปนความคับแค้นเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมอยู่ในเวลาที่ตนต้องการ แต่หัวใจก็เหมือนจะระเบิดออกมาตอนหันไปเจอสายตาที่ยังจับจ้องมา เหมือนฆ่าคนได้ทางสายตา
“กลัวข้ารึ”
“ครับ? เปล่า เปล่านะครับ”
ชายหนุ่มกะพริบตาเหมือนไม่เชื่อท่าทางการโบกมือปฏิเสธของฮัน มันตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรนัก จึงไม่มีใครรับรู้ถึงมันเลย
“น่ากลัวล่ะสิ”
“ปะ… เปล่าครับ ก็คุ้นเคยสุดๆ เลยครับ สุดๆ เลย ฮ่าๆ”
พอเห็นฮันห่อไหล่แล้วปัดมือปฏิเสธไม่หยุด ชายหนุ่มก็ถอนหายใจ ก่อนจะยื่นมือขวาออกมาโบกกลางอากาศคล้ายตั้งใจจะทำอะไรสักอย่าง จากนั้นก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วก้าวเท้าเดินไปหาฮัน
จนถึงตอนนี้ ฮันยังไม่เงยหน้าและเอาแต่มองฝ่าเท้าที่ค่อยๆ เข้ามาตรงหน้าของตัวเอง ทว่าสุดท้ายก็ต้องเงยหน้าขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะโดนอีกฝ่ายตีเข้าที่ไหล่
“เป็นอย่างไร ตอนนี้ก็กลัวรึ”
“โฮะๆ เปล่านี่ครับ? มะ ไม่ ไม่เลยครับ ให้บอกไหมครับว่าสบายๆ มากๆ”
ฮันพยายามจ้องตาถึงแม้มันจะยากกับการมองหน้าก็ตาม ก่อนจะส่ายหน้าฝืนๆ ตามด้วยเสียงหัวเราะแหะๆ แต่ก็ยังหายใจหายคอได้อยู่ เขาทำตัวกระตือรือร้นพลางเบิกตากว้างเอ่ยถามคนตรงหน้า
ชายหนุ่มเลยหัวเราะออกมาหลังจากเห็นท่าทางแบบนั้น แล้วก้มตัวลงสบตากับฮัน
“พลังข้ากดทับเจ้า เจ้าคงรู้สึกเหมือนมีหินหนักๆ ทับตัวเองอยู่สินะ เป็นความผิดของข้าเอง ยกโทษให้ข้าด้วย”
“ไม่ครับๆ ไม่เป็นไรครับ!”
ถึงความน่าหวาดกลัวและหวั่นวิตกจะหายไป แต่ใบหน้างดงามก็ยังคงอยู่ มันน่าหลงใหลจนน่าหนักใจ แล้วฮันก็ต้องหลบสายตาพร้อมกับสะดุ้ง ชายหนุ่มมองท่าทางแบบนั้นของฮันเหมือนเพิ่งเคยเป็นครั้งแรก ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วยิ่งเอาตัวเข้าไปชิดกับฮันมากขึ้น
“มีอะไรจะถามรึ”
“อ่า อ่า นั่นแหละครับ! ไม่ทราบว่าชื่ออะไรเหรอครับ ยังไม่ได้บอกชื่อเสียงเรียงนามกันเลยนี่ครับ จริงๆ เลย สติหลุดเนี่ย”
ฮันยิ้มอย่างประหม่าพลางดันอกของอีกฝ่ายตรงหน้าตัวเองออก เขาเกาหัวก่อนจะถอยหลังออกมา แต่ชายหนุ่มก็ตามเข้าไปใกล้เท่ากับระยะห่างที่ฮันถอยออก จากนั้นก็อมยิ้มแล้วยื่นมือตัวเองออกไปขณะยืนอยู่ตรงหน้าของฮันเพื่อเอื้อมจับท้ายทอยเล็ก ถึงจะแค่โดนจ้องมอง แต่เมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามา ขาก็เหมือนจะอ่อนแรง ฮันไม่รู้จะทำยังไง แต่ก็ทำได้เพียงหลบสายตาทั้งๆ ที่มือทั้งสองสั่นไหวไปหมด
ชายหนุ่มยิ้มแย้มแล้วเบี่ยงหน้า เลื่อนริมฝีปากไปทางใบหูของคนตัวสั่นเกร็ง
“อุนยอง เรียกข้าว่าอุนยอง”
เสียงลมหายใจแปลกๆ กับน้ำเสียงของอุนยองประทับกับหูของฮัน บนใบหน้าของอุนยองปรากฎรอยยิ้มประหลาดพร้อมกับรูปตาที่โค้งลงราวกับพึงพอใจ
“อะ… อ๋อ! อย่างงั้นสินะครับ”
หลังกระซิบเสร็จ ฮันจึงดันอุนยองออกแรงๆ ก่อนจะโบกมือทั้งสองข้างไปมาพลางฉีกยิ้มเจื่อนๆ อุนยองยิ้มแย้มอย่างหยอกล้อเมื่อเห็นท่าทางของฮัน จากนั้นก็ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นแล้วถอยไปข้างหลังราวกับยอมแพ้
คอมเมนต์