ลูกหมาของผมกลายเป็นเสือขาว! ตอนที่ 1-1
อารัมภบท & ตอนที่ 1-1 เก็บลูกหมาตัวนั้นกลับมา
ดันเก็บเจ้าลูกหมากลับมาบ้าน
ไม่สิ ต้องแก้ให้ถูก นึกว่าจะเป็นลูกหมา แต่ ‘สิ่งนั้น’ กลับไม่ใช่ลูกหมา
ตอนแรกผมไม่รู้ว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตด้วยซ้ำ นึกว่าเป็นเพียงแค่ตุ๊กตาเท่านั้น กล่าวคือ ผมไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตประหลาดนั่นไม่ใช่ลูกหมา
ถ้าจะให้พูดชัดๆ ก็คือไม่ใช่ ‘ตุ๊กตาหมา’
ใช่ ผมเข้าใจว่านั่นคือตุ๊กตา
แต่ทว่า…
* * *
กริ๊งงงงง!
วันนี้ฮันก็คลำหานาฬิกาปลุกที่ร้องเสียงดังด้วยการตีมือปึงปังเหมือนเดิม เขาลุกขึ้นพร้อมกับขยี้ตาที่ยังลืมไม่เต็มที่เท่าไหร่นัก แล้วก็ต้องถอนหายใจกับภาพลักษณ์ของตัวเองที่สะท้อนผ่านกระจกเงา
ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ขี้ตาติดอยู่เต็มไปหมด ยิ่งไปกว่านั้น คราบน้ำลายที่ไหลเยิ้มตรงมุมปากก็น่ารังเกียจซะไม่มี
พอเอื้อมมือคลำลงไปด้านล่างก็สัมผัสได้ถึงความชื้นอันคุ้นเคย หัวใจที่เคยลังเลก็เปลี่ยนเป็นมั่นใจ วันนี้ชั้นในที่เปียกชื้นก็ทำให้ฮันรำคาญจนความรู้สึกแย่ เขายกสองมือขึ้นปิดหน้าแล้วส่ายหัวไปมา รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลกับความเศร้าใจนี้
“แม่ง รับพรจากเทพฝันเปียกมาหรือไงเนี่ย”
ฮันสบถ ถ้าหากไม่ใช่เพราะได้รับเลือกจากเทพฝันเปียก เขาก็ไม่มีทางหลั่งออกมาเหมือนคนมักมากแบบนี้หรอก ก่อนสุดท้ายจะทิ้งตัวคว่ำหน้าลงบนเตียง
คังฮัน เป็นเด็กหนุ่มสุขภาพแข็งแรงและรู้วิธีแก้ปัญหาเพื่อคลายความต้องการด้วยตัวเองอย่างแจ่มแจ้ง กล่าวคือ เขาไม่สามารถสะสมมันเยอะจนเอาไปฝันเปียกได้เลย ไม่มีทาง
“ทุกอย่างมันเป็นเพราะเจ้านั่น”
หางตาของฮันเขม้นมองตุ๊กตาลูกหมานอนหลับตาในท่าทางแบบเดียวเมื่อเย็นวานด้วยสายตาลุกโชน
ตั้งแต่เอาตุ๊กตาตัวนั้นเข้ามาในบ้าน ชีวิตฝันเปียกอันน่าสยดสยองของเขาก็ได้เริ่มขึ้น
“ต้องเอาไปทิ้ง”
ฮันค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ พอหยิบมันขึ้นมาแล้วก็รู้สึกขนลุกกับความอึดอัดที่อธิบายไม่ถูก เหมือนเจ้านี่จะเป็นตัวจริงของเทพฝันเปียกจริงๆ ฮันจึงวางตุ๊กตาหมาสีขาวน่าประหลาดลงอีกครั้งด้วยมือสั่นระริกพร้อมใบหน้าเหยเก เขาทำแบบนี้ซ้ำๆ มาหนึ่งสัปดาห์แล้ว
จะทิ้งก็รู้สึกเหมือนจะได้รับการสาปแช่งจากเทพเจ้า ในตอนแรกเขารู้สึกผิดอยู่ชั่วครู่ ที่ไปเก็บตุ๊กตาหมาหน้าตาน่ารักไม่เข้ากับบ้านหลังนี้กลับมา แต่ตอนนี้กลับอยากทิ้งๆ มันไปซะ ทว่าในจังหวะที่หยิบตุ๊กตาขึ้นมา ฮันก็ไม่เข้าใจความอ่อนแออย่างไร้ที่สิ้นสุดของตัวเองว่าจะกลัวอะไรขนาดนั้น จนเหมือนน้ำตาจะไหลออกมา
“รู้ไหมว่าการซักกางเกงในตอนเช้ามันลำบากแค่ไหน!”
เขาตะโกนเสียงดังอย่างสนใจใครพลางโยนเจ้าตุ๊กตาไปบนเตียง แต่กลับรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาก็เลยต้องหยิบตุ๊กตาวางบนชั้นหนังสือใหม่อย่างสวยงาม ยิ่งมองเจ้าตุ๊กตาลูกหมาตัวเล็กๆ ที่มีความสามารถในการดึงดูดจนน่าซับซ้อน ฮันก็น้ำตาคลอพร้อมกับเดินถอยหลังอย่างลังเลใจ
“อะ ไอ้เวร ฉันไม่กลัวหรอก”
จากนั้นก็หยิบไม้กวาดที่วางอยู่ข้างๆ แกว่งไปมาทางตุ๊กตา แต่ขากลับค่อยๆ ก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไปแล้วถอดชั้นในที่เปียกชื้นอีกแล้ว
ต้นตอที่ทำให้มันเปียกชื้นถูกล้างไหลลงมาพร้อมสายน้ำ พอบอกว่าเป็นพวกตัวอ่อนที่อาจจะเป็นลูกๆ ของตัวเองในอนาคต ฮันก็กัดปากแน่น ดวงตาที่สงบนิ่งเหมือนไว้อาลัยก็มีน้ำตาเอ่อคลอ
* * *
เมื่อเจ้าของบ้านออกไปแล้ว ความเงียบก็เข้าปกคลุมภายในห้อง หน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้แสดงให้เห็นนิสัยสะเพร่าของเจ้าของบ้านอย่างชัดเจน สายลมพัดผ่านผ้าม่าน เสียงลมพัด เสียงผ้าม่านกระทบกัน และเสียงเข็มวินาทีของนาฬิกาที่เดินอย่างช้าๆ ก็เป็นเสียงทั้งหมดที่เติมเต็มห้องนี้
เนื่องจากยังไม่ได้จัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อย ผ้าห่มจึงกระจัดกระจายไปทั่ว ถ้วยรามยอนกับถุงขนมกองพะเนินอยู่บนพื้น ก็ยิ่งทำให้ภายในห้องดูย่ำแย่เข้าไปใหญ่
ไม่เพียงเท่านั้น ตู้เย็นเองก็ว่างเปล่าบ่งบอกชัดเจนว่ามันเป็นบ้านที่มีผู้ชายอาศัยอยู่ตามลำพัง ข้างในมีเพียงเบียร์ไม่กี่กระป๋องและปลาหมึกแห้ง รวมถึงปลาซาบะเน่าเสียเพราะผ่านวันหมดอายุมาพักนึงแล้ว
“สกปรกชะมัด…”
อุ้งเท้าขาวปุกปุยหลบเลี่ยงพื้นสกปรกอย่างหวุดหวิดเพื่อเดินไปทางตู้เย็น ทว่าทันทีที่ใช้เท้าหน้าเปิดประตูตู้เย็น ใบหน้าขาวก็เกิดรอยยับเล็กน้อยกับกลิ่นเหม็นที่เฉียดผ่านปลายจมูก
“เจ้ามนุษย์นี่ช่างประหลาดนัก”
ตุ๊กตาหมาตัวหนึ่งขยี้จมูกไปมาด้วยอุ้งเท้าหน้าอันน่ารัก ก่อนจะเดินเตาะแตะๆ แล้ววิ่งฉิวไปที่เตียง มันลอยตัวขึ้นไปด้วยความเร็วที่ว่องไว จากนั้นก็เริ่มจัดเก็บเตียงที่กระจัดกระจายเพราะเจ้าของไม่ได้จัดการอะไรแม้แต่อย่างเดียว พลางขมวดคิ้วหงุดหงิดอยู่ตลอด แต่เนื่องจากรูปลักษณ์น่ารักน่าเอ็นดูเลยไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าน่ากลัวขนาดนั้น เป็นความรู้สึกเหมือนตัวการ์ตูนออกมาสู่โลกแห่งความจริงซะมากกว่า
“เจ้ามนุษย์นี่สกปรกเหลือเกิน ไม่รู้จักเก็บอะไรสักอย่าง”
ใช้เท้าหน้าตบหมอนปิดท้าย เมื่อจัดการเสร็จแล้ว เจ้าตุ๊กตาหมาก็ถอนหายใจออกมาและกลับลงมาบนพื้นที่รกรุงรัง พอสายตามองเห็นพวกขยะทั้งหลายกองพะเนิน ในหัวก็ส่งเสียงร้องว่าต้องรีบจัดการเก็บกวาด
“…ตรงนี้อีก”
ตุ๊กตาหมาอดบ่นออกมาไม่ได้พลางก้าวถอยหลัง ก่อนจะสะดุ้งเพราะดันไปเตะถ้วยรามยอนที่กองอยู่ มันจัดการจิตใจที่สั่นไหวกับจินตนาการว่าจะมีหนอนไต่ออกมา แล้วรวมขยะทั้งหลายเท่าที่ตัวเองจะทำได้มากที่สุดวางยัดไว้ตรงมุมๆ หนึ่ง
เจ้าตุ๊กตาลุกขึ้นยืนด้วยเท้าหลังแล้วเดินสองขาเหมือนมนุษย์ ก่อนจะปัดเท้าหน้าไปมา พอเห็นว่าจัดการเกือบจะเสร็จแล้ว มันก็กลับมาเดินด้วยสี่เท้าอีกครั้งอย่างสบายๆ แล้วค่อยหมุนดูรอบๆ ห้องพิจารณาว่ามีตรงไหนสกปรกอีกไหม
“อาศัยที่นี่คงตายได้ง่ายๆ”
ตุ๊กตาหมาเปิดประตูตู้เย็นอีกครั้งเพื่อหยิบปลาซาบะส่งกลิ่นมายัดไว้ในถังขยะ แต่ถึงจะทำแบบนั้นกลิ่นเหม็นก็ยังคงตลบอบอวลภายในห้องอยู่เหมือนเดิม มันเบ้หน้าเป็นเชิงว่าเหม็น ก่อนจะพยายามมัดถุงพลาสติกด้วยเท้าปุยๆ จนวุ่นวาย ทว่าสุดท้ายก็ยอมแพ้พลางหอบแฮ่กๆ คว่ำหน้าลงกับพื้น
“เกลียดร่างมนุษย์เสียจริง”
หลังจากเอาเท้าหน้าประกบกันแล้วพึมพำอะไรบางอย่าง ก็เริ่มมีแสงออกจากตัวเจ้าตุ๊กตาหมา ท้ายที่สุดร่างที่ถูกโอบล้อมด้วยแสงจ้าก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น จังหวะเวลาที่แสงสว่างเกือบจะดับลงก็แปรเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ของชายหนุ่มสมบูรณ์แบบ หากจะมีข้อด้อย ก็คงจะเป็นร่างกายเปลือยเปล่าไม่ได้สวมใส่อะไรเท่านั้น
“สกปรก สกปรกมาก”
ชายหนุ่มผมขาวย่นจมูกแล้วทำการมัดถุงพลาสติกอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะเดินไปล้างมือที่อ่างล้างจานด้วยใบหน้าหงุดหงิด เขากัดฟันกรอดเมื่อน้ำสัมผัสกับมือตัวเอง หลังจากรีบใช้ผ้าขนหนูเช็ดมือแล้ว ร่างของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยแสงสว่างอีกครั้ง
“ใช่ ร่างนี้ดีกว่าจริงๆ”
คงน่าตลกขบขัน หากใครมาเห็นร่างหดย่อส่วนจนปุกปุยยิ้มอย่างพอใจ แต่เพราะไม่มีใครเห็น มันจึงลูบขนแล้วกลับไปที่ที่ตัวเองเคยนอน
เจ้าตุ๊กตาหมาขึ้นไปบนหมอนรองนุ่มนิ่มแล้วหลับตาลง วันนี้ก็เป็นอีกวันที่น่าภูมิใจ มันคิดแบบนั้นพร้อมวาดรอยยิ้มพึงพอใจไว้ที่มุมปาก
* * *
“วันนี้ฉันต้องทิ้งมันให้ได้”
ฮันพยายามดื่มเหล้าที่ตัวเองไม่ค่อยชอบก่อนกลับมาบ้าน จนรู้สึกคลื่นไส้ท้องปั่นป่วน แต่เขาก็ดื่มเพื่อให้ตัวเองใจแข็งจนสามารถเอาเจ้าตุ๊กตาไปทิ้งไปได้
มือสั่นๆ หยิบตุ๊กตาขึ้นมาอย่างระมัดระวัง มันหลับตาอย่างสงบในอ้อมกอดเขาดังเช่นปกติ ในสายตาของฮัน เจ้าตุ๊กตาลูกหมาหน้าตาน่าเอ็นดูเหมือนของเล่นเด็ก กลับให้ความรู้สึกเหมือนเป็นตุ๊กตาปีศาจ ช่างน่าขนลุกจริงๆ
“ทะ ทำได้สิ!”
ฮันหายใจเข้าลึกๆ แล้วก้าวออกไปทีละก้าว ทีละก้าว ก่อนจะจับห่วงประตูหน้าบ้าน ความเย็นยะเยือกของตัวเหล็กจับแล่นปราดมาที่มือ แต่เขาก็หลับตาพลางกลืนน้ำลาย มองข้ามความรู้สึกขนลุกไป
‘เจ้านี่กำลังทำอะไร’
ฮันพยายามเปิดประตูออกกว้างๆ จากนั้นก็ยืดแขนออกตั้งใจจะโยนมันทิ้ง ทว่ากลับไม่สามารถทิ้งได้ง่ายๆ เพราะความปวดแสบ ก่อนจะหรี่ตามองลงข้างล่างเมื่อรู้สึกว่าตุ๊กตาที่ตัวเองถืออยู่เหมือนจะกระดุกกระดิก
“เจ้าตั้งใจจะทิ้งข้ารึ”
“อ๊ากก!”
ฮันรีบโยนเจ้าตุ๊กตาทิ้งก่อนจะล้มพับลงกับพื้น ถึงจะมีคำด่าทอจากห้องพักข้างๆ เพราะเสียงร้องตะโกน แต่ตอนนี้ฮันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอันน่าสยดสยองจนไม่สามารถกล่าวคำขอโทษออกมาได้
“พูดอีกครั้งสิ เจ้าตั้งใจจะทิ้งข้า จึงถือมาจนถึงประตูใช่หรือไม่”
ตุ๊กตาหมาที่หลับตามาตลอดลืมตาขึ้น นัยน์ส่องแสงประกายสีน้ำเงินเข้มจับจ้องฮันอยู่
ฮันคิดขึ้นมาว่าตัวเองอาจจะฉี่ราดเป็นครั้งแรกหลังจากเลิกใส่ผ้าอ้อมตอนเป็นทารกก็ได้ เขาจับชายกางเกงของตัวเองไว้แน่นด้วยมือสั่นเทากับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ถาโถมเข้ามาตอนอายุเกินยี่สิบแล้ว ในหัวเหมือนหมุนติ้วๆ
‘ไอ้XXXเอ๊ย’
เขารู้ดีว่ามันเป็นคำที่หยาบคายมาก แต่สถานการณ์ของที่เผชิญอยู่ตอนนี้มันก็แปลกประหลาดจนไม่สามารถหาคำไหนมาเทียบได้แล้ว
“อะ อ๊ากกก!”
สุดท้ายฮันก็ใช้เท้าเตะตุ๊กตาไปจนสุดแรง ก่อนจะล็อกประตูอย่างรวดเร็ว เขาหอบแฮ่กๆ พิงหลังลงกับประตูรแล้วทรุดตัวลง แต่หัวใจยังคงเต้นตุบตับออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงอยู่
ตุ๊กตาหมาพูดได้ พูดกระทั่งภาษาคน ไม่ใช่เสียงร้องเหมือนหมาทั่วๆ ไป เช่น ‘โฮ่งๆ’ แล้วก็ไม่ใช่เสียงขู่ ‘ฮืออ’ หรือ ‘เอ๋งๆ’ มันคือภาษาคนจริงๆ
ไม่รู้ว่าตัวเองตกใจมากแค่ไหน ฮันขยายรูจมูกฟุดฟิดๆ โดยที่หัวใจยังเต้นตึกตักอยู่แบบนั้น ไม่สิ ไม่ใช่แค่เต้นตึกตัก แต่มันเหมือนจะทะลุออกมาจากปากเลย
“หึ คิดว่าประตูแค่นี้จะขวางข้าได้หรืออย่างไร”
เอี๊ยดอ๊าด ฮันหันหน้าตามเสียงเหมือนเครื่องยนต์ขึ้นสนิม ก่อนจะกัดปากเพื่อกลั้นเสียงตะโกนกำลังจะหลุดออกมาอย่างยากลำบาก เขาทำท่าทางจะร้องด้วยสีหน้าซีดเผือดกับเสียงที่ได้ยินข้างๆ หู จากนั้นก็เลื่อนลงไปข้างล่าง
เจ้าตุ๊กตาลูกหมามองมาด้วยดวงตาสีฟ้าเข้ม ไม่สิ ตุ๊กตาปีศาจเข้ากำลังจ้องมองฮันอยู่ ก่อนจะได้ยินเสียงคล้ายเสียงจุ๊ปาก ตอนนี้ในสมองของเขาเหมือนถูกย้อมสีจนขาวโพลนไปหมดแล้ว
“ช่างเป็นมนุษย์ไร้มารยาทเสียจริง”
“อะ อะ…”
“เจ้าพูดไม่ได้รึ”
สุดท้ายน้ำตาก็ไหลอาบผ่านแก้มเมื่อเขาหวาดกลัวจนทนไม่ไหว และเมื่อมันไหลผ่าน ภาพตรงหน้าของฮันก็พร่ามัว
ฮันภาวนาอย่างแรงกล้าว่า ได้โปรด พอลืมตาขึ้นอีกครั้ง ขอให้ผมตื่นจากฝันร้ายนี้ด้วยเถอะ จากนั้นเปลือกตาสั่นไหวก็ค่อยๆ ปิดลงแล้วหลับไป ประสานมือบนหน้าท้องอย่างเรียบร้อย
* * *
คอมเมนต์