ลูกหมาของผมกลายเป็นเสือขาว! ตอนที่ 2-6
ตอนที่ 2-6 ความช่วยเหลือ
“พูดคุยกันหน่อยสิ”
“ใช่ไหมล่ะครับ การพูดคุยมันดีใช่ไหมล่ะครับ! เราก็จะสนิทกัน! แล้วก็รู้จักกัน! การพูดคุยมันเยี่ยมที่สุดเลยใช่ไหมล่ะครับ นั่นแหละครับ”
อุนยองนั่งลงบนเตียงแล้วเปิดฉากสนทนา ก่อนจะกวักมือเรียกฮันแล้วยิ้มแปลกๆ เหมือนบอกให้มานั่งข้างๆ ฮันลำบากใจกับท่าทีแบบนั้นของอุนยอง แต่ก็ต้องหน่อยก้นลงข้างๆ ทั้งๆ ที่ใบหน้าขึ้นสี
“ช่วงนี้เป็นอย่างไร สบายดีกว่าปกติหรือไม่”
“กะ… ก็เรื่อยๆ ครับ”
“อย่างนั้นสินะ ค่อยโล่งอก แต่หากมีเรื่องอันตรายก็ต้องบอกข้า หรือไม่ก็เสือขาวล่ะ”
“เอ่อ รู้จักกับท่านเสือขาวเหรอครับ”
ฮันจึงทำตาเปล่งประกายเอ่ยถามความสัมพันธ์ของอีกฝ่ายกับเสือขาวด้วยความสงสัย อุนยองมองฮันราวกับเอ็นดูแล้วยกมือลูบศีรษะเล็ก ทำเช่นนั้นแล้วฉีกยิ้มนุ่มนวลให้ก่อนจะตอบคำถาม
“ก็สนิทกันน่ะ มากกว่าที่เจ้าคิด”
“อืม ถ้างั้นเป็นญาติกันเหรอครับ”
“จะว่าแบบนั้นก็ได้”
อุนยองพูดอ้อมแอ้ม แต่ก็ฉีกยิ้มกว้างๆ ให้พร้อมกับลูบแก้มคนที่สติหลุดอ้าปากค้างกับใบหน้าของตน ท่าทางคล้ายเจ้าของสุนัขที่ตกหลุมรักกับความน่าเอ็นดูของเจ้าสุนัขที่ตัวเองเลี้ยง
นัยน์ตาสีฟ้าของอุนยองเปล่งประกายราวกับอัญมณี ซึ่งฮันชอบมันมากและจ้องมองเพียงแค่ดวงตาคู่นั้น พอสติจดจ่อกับดวงตาของอุนยอง เขาก็ไม่รู้ตัวเลยว่ามือไม้อีกฝ่ายเข้ามายุ่มย่ามลูบไล้ตรงนั้นตรงนี้
“สวยมากจริงๆ ครับ”
“อะไร”
“ตาครับ เหมือนอัญมณีเลย”
อุนยองยิ้มกว้างกับคำตอบ ก่อนจะประคองแก้มทั้งสองข้างของฮันด้วยมือตัวเอง ชายหนุ่มเลื่อนใบหน้าเล็กให้มาอยู่ตรงหน้าเบาๆ ส่งยิ้มผ่านดวงตาจนกลายเป็นรูปจันทร์ครึ่งเสี้ยวพลางขยับริมฝีปากสีแดงสด
“ดวงตาของเจ้าก็งดงาม”
“ไม่ ไม่หรอก ดวงตาผมก็ธรรมดาๆ แหละครับ…”
พอหางเสียงกำลังจะสิ้นสุดลง ฮันก็ต้องก้มหน้าด้วยความเขินอาย เขาถอนหายใจเบาๆ อย่างละอายใจเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะอ่อนแอกับใบหน้างดงามขนาดนี้ ก่อนจะเบ้หน้าแล้วขมุบขมิบปาก
เนื่องจากฮันก้มหน้าลง อุนยองจึงมองไม่เห็นใบหน้าคนตรงหน้า ชายหนุ่มจึงขมวดคิ้วคล้ายไม่พอใจแล้วใช้มือที่ประคองแก้มเชิดหน้าฮันขึ้นอีกครั้ง
“เหตุใดถึงต้องก้มหน้า”
“น่าขายหน้าครับ”
“อะไรนะ”
“เอ่อ ไม่รู้เหมือนกันครับ มันเขินๆ อะไรบางอย่างจนมองไม่ได้น่ะครับ”
“เพราะข้าสัมผัสเจ้าอย่างนั้นหรือ ข้าทำเพื่อช่วยเจ้า ไม่ต้องเขินอายเช่นนี้ก็ได้”
ทว่ายิ่งดวงตาของอุนยองจับจ้องมา หน้าฮันก็ยิ่งขึ้นสีจัดกว่าเดิม แต่ก็ต้องส่ายหน้าไปมาอย่างแรงเพื่อปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นเพราะเรื่องนั้น
“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่แบบนั้น… ก็แค่ เพราะคุณดูดีมากๆ”
“พอใจใบหน้าของข้ารึ”
“อ่า ก็รู้อยู่แล้วว่าหน้าตาดีใช่ไหมล่ะครับ ไม่รู้เหมือนกันครับ เหมือนผมอ่อนแอกับอะไรแบบนี้น่ะครับ”
ฮันบ่นพึมพำพลางปัดผมตัวเองอย่างแรง ก่อนจะมองมาทางอุนยองด้วยสายตาเจาะจง อุนยองจึงหัวเราะร่ากับท่าทางแบบนั้นของคนตัวเล็ก แล้วจับมือของฮันขึ้นมาตรงหน้าตัวเอง
“ถ้าพอใจ ก็ลองสัมผัสดูสิ”
“อะไรนะครับ”
“เจ้าบอกว่าชอบใบหน้าของข้าไม่ใช่รึ ลองสัมผัสดู ข้าอนุญาต”
“อ่า ไม่ครับ ผมจะจับทำไมล่ะครับ คุณอุนยองนี่แปลกจริงๆ นะครับ”
ฮันเลยขยิบตัวออกห่างเหมือนรังเกียจ มองสีหน้าของอุนยองด้วยความตะลึงงันแล้วก็อยากร้องโอดโอย แต่ก็กังวลว่าอีกฝ่ายจะอารมณ์ไม่ดี แต่หลังเวลาผ่านไปสั้นๆ แล้วพอมีเสียงลมเล็ดลอดออกมาจากปากอุนยอง เขาถึงสามารถโยนความกังวลนั้นทิ้งไปได้
“ช่างเป็นเด็กน่าขันเสียจริง สมกับเป็นเจ้า”
“อะไรเหรอครับ”
“คล้ายจะต้องทำตามใจผู้อื่น ทว่าสุดท้ายเจ้าก็ใจอ่อน เอาใจผู้อื่นซะเอง แต่บางครั้งก็ใจป้ำจนน่ากลัว ไม่เข้าใจเจ้าเลยจริงๆ”
อีกฝ่ายใช้พัดที่ไม่ได้กางออกปิดบังเรียวปากของตัวเองเล็กน้อยพลางกลั้วหัวเราะ งดงามจนเหมือนบรรยากาศรอบๆ สว่างเจิดจ้าไปด้วย คังฮันอ้าปากอุทานเพราะตกใจกับใบหน้าที่เหมือนเปล่งแสงได้ด้วยตัวเอง และไม่สามารถหลีกเลี่ยงมือที่ยื่นมาหาตัวเองอีกครั้งได้ จึงทำได้แค่เพียงจ้องมองมือเรียวขาวอย่างเหม่อลอย
แต่อุนยองก็เพียงลูบผมให้เบาๆ เท่านั้นต่างจากที่คิดไว้ ก่อนจะจิ้มมุมปากของฮันเหมือนบอกให้ยิ้ม
“ทำไมหน้าหมองเช่นนี้ ยิ้มสักหน่อยสิ”
“นี่ คุณอุนยองครับ”
หลังดึงสติกลับมาได้แล้ว ฮันจึงเอ่ยเกริ่นขึ้นพลางเอียงคอมองอุนยองราวกับสงสัย โดยประสานมือชื้นเหงื่อของตัวเองเอาไว้แน่น
“ทำไมถึงช่วยผมเหรอครับ”
“เพราะเป็นห่วงจึงช่วย”
“นั่นแหละครับ ทำไมล่ะ”
“เพราะเจ้าน่ารักละมัง”
แล้วเขาก็แพ้ภัยตัวเอง เมื่ออุนยองพูดคำอ่อนโยนเหล่านั้นออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึกอะไร คังฮันก็หน้าแดงจนเหมือนจะระเบิดและไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง สุดท้ายเลยใช้ผ้าห่มบนเตียงปิดหน้าตัวเอง
“อ่า บ้าไปแล้ว ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ พูดแบบนั้นด้วยใบหน้าแบบนั้น ขี้โกงนี่นา”
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงเป็นเช่นนี้”
อุนยองเอียงคอราวกับสงสัยเช่นกัน ก่อนจะดึงผ้าห่มที่ปิดบังใบหน้าฮันออก จ้องใบหน้าขึ้นสีแดงจัดแล้วยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง เหมือนกำลังคิดอะไรร้ายๆ เอามากๆ
“เขินงั้นหรือ”
“เปล่าครับ ไม่ใช่นะครับ”
ฮันแดงเถือกลามไปถึงต้นคอจนเหมือนร่างกายกำลังเปลี่ยนเป็นสีน่ารักๆ ราวกับมะเขือเทศสุก อุนยองจับไหล่คนที่กำลังหมอบตัวอยู่บนเตียงเข้ามาใกล้ ดูพึงพอใจกับปฏิกิริยาตอบโต้ของคนตัวเอง จากนั้นก็เอื้อมมือใช้ปลายนิ้วแตะลงบนแก้มของฮันอีกครั้งด้วยความแผ่วเบา
“ข้าแค่ลูบแก้มเจ้า แล้วก็ลูบหัวของเจ้า หากเจ้าเขินเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไร ฮัน เจ้าไม่ชอบจริงๆ งั้นหรือ”
อุนยองยิ้มสบายๆ พลางลูบแก้มของฮันอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากสีแดงสดเปล่งประกาอย่างน่าหลงใหล ฮันมองราวกับลุ่มหลงพร้อมความคิดว่าอีกฝ่ายเป็นจิ้งจอกเก้าหางแปลงกายมาหรือเปล่า ก่อนจะขมุบขมิบปาก อันตรายจริงๆ เกือบแล้ว
“ผม ผมแค่ยังประหม่ากับอะไรแบบนี้น่ะครับ ได้โปรด ช่วยบอกก่อนได้ไหมครับ ไม่งั้นหัวใจผมอาจจะระเบิดจนตายก็ได้”
ฮันยิ้แห้งๆ ให้อุนยองขระเดียวกันก็ค่อยๆ ขยับก้นไปข้างหลังจนเส้นผมสีอ่อนส่ายพลิ้วไปมา ถึงจะเป็นใบหน้าที่อุนยองเคยเห็นอยู่ทุกวัน แต่ตอนนี้กลับดูน่ารักอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน ชายหนุ่มถอนหายใจสั้นๆ ก่อนจะเริ่มจับจ้องใบหน้าของมนุษย์ตรงหน้า ซึ่งฮันก็กลอกตาไปมาไม่หยุดเพราะนึกว่าอุนยองกำลังโมโหอยู่
ใบหน้าขาวผ่องบูดบึ้งคล้ายกำลังร้องไห้ด้วยนัยน์ตาคล้ายกวาง น่ารักเสียเหลือเกิน ฮันดูผอมมากๆ เป็นเด็กแขนขาเล็กและผอมบาง จนเหมือนเตะก็ปลิว
อุนยองเดาะลิ้นแล้วนึกถึงการกระทำและคำพูดหยาบคายไม่น้อยตามปกติของฮัน ก่อนจะยื่นมือแตะศีรษะเบาๆ จากนั้นความตั้งใจในการเรียนรู้จากอีกฝ่ายเพื่อแก้ไขสำนวนการพูดสุดโบราณของตนจึงเริ่มร้อนแรงขึ้น
“วันนี้ก็ทำเพียงเท่านี้ก่อน เจ้ายังเกร็งมากๆ อยู่สินะ”
“ปะ… เปล่านี่”
“อย่าโกหกสิ ถึงอย่างไรก็ยังมีเวลาอีกมาก ค่อยๆ เรียนรู้แล้วปรับตัวไปก็ย่อมได้”
“อ่า ครับ”
ชายหนุ่มถอนหายใจใส่คนที่อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ยอมสบตากันดีๆ อุนยองฉีกยิ้มเหมือนบอกให้หยุดตัวสั่นแล้วดึงฮันเข้ามากอดเบาๆ โอบฮันเหมือนเวลาคุณพ่อคุณแม่ปลอบเด็กน้อยที่ตกใจกับฝันร้ายจนหวาดกลัว ก่อนจะประทับริมฝีปากตรงกระหม่อมเล็กเป็นอย่างสุดท้าย
“ข้าไปก่อนล่ะ หากสระผมแล้วก็ทำให้มันแห้งด้วย เดี๋ยวจะเป็นไข้เอา”
“อ่า ใช่! เข้าใจแล้วครับ เจอกันพรุ่งนี้ครับ”
“อื้ม”
หลังลูบผมชื้นๆ ไล่ลงมาลูบใบหูกลมๆ เบาๆ อุนยองก็ก้าวเท้าห่างออกไป ทุกๆ ที่ที่ผ่าเท้าสัมผัสลงไปก็จะมีแสงจางๆ สว่างออกมา สุดท้ายอีกฝ่ายก็หายลับไปหลังหน้าต่างโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ คังฮันมองหน้าต่างอย่างเหม่อลอยครู่หนึ่ง ก่อนจะลูบหัวตัวเองตรงบริเวณที่อุนยองประทับริมฝีปากลงมา รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายทิ้งร่องรอยของตนเอาไว้
“เป็นคน ไม่สิ เป็นเทพที่แปลกจริงๆ”
ฮันนึกถึงการกระทำของอุนยองพลางถอนหายใจออกมายาวๆ จากนั้นก็พึมพำว่าขอให้เสือขาวกลับมาเร็วๆ แล้วฟังคำบ่นจากอีกฝ่ายยังจะดีซะกว่า ขณะนอนแผ่อยู่บนเตียง
แต่ก็รู้สึกเหมือนบ้านว่างเปล่าแปลกๆ ซึ่งความว่างเปล่ามันกระตุ้นความรู้สึกจนฮันต้องขยี้ตา
“อะไรเนี่ย จริงๆ เลย”
เขาส่ายหน้าไปมา ก่อนจะคิดว่าว่าอุนยองไม่ได้เอาความตายและเคราะห์ไปจากตัวเอง แต่เหมือนดูดพลังไปมากกว่า จากนั้นก็เริ่มง่วงกับสภาวะร่างกายอันอ่อนแรง
ฮันลืมคำพูดของอุนยองที่สั่งให้เช็ดผมให้แห้งก่อนแล้วค่อยนอน เขาพ่ายแพ้ให้กับความง่วงในที่สุด กำผ้าห่มไว้แน่นพลางนอนหายใจครืดๆ หลุดเข้าไปในโลกแห่งความฝันด้วยใบหน้าสงบเหมือนเด็กน้อย
พอฮันหลับไปด้วยท่าทางสบายใจ เสือขาวที่ไม่รู้ว่ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ใช้เท้าหน้าป้อมๆ ของตัวเองตีหน้าผากของฮัน ก่อนจะมองมนุษย์ตรงหน้าด้วยดวงตาสีฟ้างดงามซึ่งเปล่งประกายประหลาดอยู่ภายใน และวากรอยยิ้มอ่อนโยนบนริมฝีปาก
“นอนหลับให้สบายล่ะฮัน”
หลังจากลูบผมฮัน เสือขาวก็ขยี้ตาตัวเองคล้ายเหนื่อยอ่อนแล้วเอนตัวลงนอนข้างๆ ฮัน ฟังเสียงหัวใจเต้นภายในอ้อมแขนอุ่นของเด็กหนุ่มและหลับตาลง เป็นอีกหนึ่งคืนในฤดูใบไม้ผลิที่ไม่มีอะไรแตกต่างจากปกติเลย
คอมเมนต์