ลูกหมาของผมกลายเป็นเสือขาว! ตอนที่ 3-2
ตอนที่ 3-2 สวนดอกไม้ซอชอน
“อะไรกัน ท่านเสือขาวไปไหนนะ”
อีกฝ่ายไม่ได้กินข้าวผัดที่เขาอุตส่าห์ทำให้อย่างยากลำบากแ แต่กลับหายตัวไปไหนก็ไม่รู้ ฮันเลยหยิบช้อนกับตะเกียบขึ้นมาแล้วเริ่มตักข้าวผัดเย็นชืดเข้าปากอย่างรวดเร็ว แต่กินเข้าไปได้ไม่กี่คำก็ต้องวางช้อนลงเนื่องจากสภาพร่างกายของตัวเอง
ปกติแล้วถ้านอนหลับเยอะๆ ไข้หวัดก็จะหายไปเอง แต่อาการป่วยรอบนี้ดูจะร้ายแรงกว่าที่คิดไว้จนไม่มีทีท่าว่าจะหายง่ายๆ เลย จริงๆ ถ้าไม่นับอาการเวียนหัวตอนเช้า ร่างกายก็ดูเหมือนจะเป็นปกติ แต่ทว่านอนหลับไปตื่นนึงแล้ว สภาพร่างกายก็ยังไม่ค่อยดีขึ้นสักเท่าไหร่นัก แถมยังคล้ายมีอาการไอเจ็บคอ รวมถึงไข้ขึ้นสูงกว่าเดิมซะอีก
“ไปไหนกัน”
ฮันยกมือขึ้นอังหน้าผากพร้อมขมวดคิ้วเข้าหากัน ด้วยความเป็นห่วงเสือขาวที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องลอย เมื่อสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิอุ่นๆ ของตัวเองก็เริ่มมีอาการวิงเวียนศีรษะขึ้นมาทันที
ในที่สุดฮันก็ตัดสินใจเอื้อมมือหยิบเสื้อโค้ตแล้วเดินโซเซไปที่ประตูเพื่อออกไปซื้อยามากิน แต่พอใส่รองเท้าผ้าใบเรียบร้อย ก็ต้องรีบยกมือขึ้นกุมลำคอเจ็บแสบแล้วไอค่อกๆ แค่กๆ ตอนนี้ร่างกายเริ่มจะไม่ค่อยดีแล้วล่ะ
เมื่อฮันโหมกระหน่ำไอเสร็จ เขาก็ถอนหายใจแล้วหยิบทิชชู่ที่วางอยู่บนชั้นรองเท้ามาเช็ดจมูกตนเอง วุ่นวายจริงๆ
“จะบ้าตาย เฮ้อ พรุ่งนี้จะหายไหมเนี่ย”
ร่างบางทำหน้ายู่เมื่อคิดว่าตัวเองอาจจะไม่สามารถไปมหาวิทยาลัยในวันจันทร์ได้ เนื่องจากฮันมีปัญหาเรื่องการเงินจนถึงขั้นกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ถึงเขาจะหาบ้านเช่าได้ แต่สิ่งที่พ่อแม่ให้ลูกชายได้ก็มีเพียงเงินค่าเช่ารายเดือนเท่านั้น แน่นอนว่าแค่เงินค่าเช่าก็เป็นภาระที่หนักหน่วงมากพอแล้ว ฮันจึงต้องเป็นคนหาเงินลงทะเบียนเรียนกับค่าใช้จ่ายในแต่ละวันด้วยตัวเอง
ช่วงปิดเทอมเขาต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อทำงานพาร์ทไทม์ แต่ด้วยความที่เรียนได้ที่หนึ่งจึงได้รับการยกเว้นค่าเทอม ยกเว้นเพียงแค่ตอนกู้เงินมาจ่ายค่าหน่วยกิตสมัยเข้ามาเรียนใหม่ๆ เท่านั้น แต่การหาเงินใช้จ่ายในแต่ละวันพร้อมกับเรียนไปด้วยมันก็ยากลำบากมากเกินไป จนทำให้เขาต้องหาเงินในช่วงปิดเทอมแทน
ฮันมักจะแบ่งเงินจากการทำงานพาร์ทไทม์ในช่วงปิดเทอมเป็นส่วนๆ แล้วนำมาใช้จ่ายในแต่ละเดือน เขาค่อนข้างเป็นคนละเอียดถี่ถ้วนในเรื่องการใช้เงิน และจะใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้นจนแทบจะไม่เคยเห็นฮันใช้เงินฟุ่มเฟือยเลยสักครั้ง
แต่หลังจากได้เจอกับเสือขาว ก็ทำให้ฮันต้องลองหางานพาร์ทไทม์ทำเพราะค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น แต่ด้วยสภาพร่างกายแบบนี้ เขาไม่ได้กังวลแค่งานพาร์ทไทม์ แต่รวมถึงค่าหน่วยกิตของเทอมหน้าด้วย ซึ่งถ้าเขาทำพลาดและไม่สามารถจ่ายค่าหน่วยกิตได้คงต้องจำใจพักการเรียน
“ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องหายป่วยให้ได้”
ฮันทำสีหน้าจริงจัง ก่อนจะมุ่งตรงไปที่ร้านขายยาด้วยความตั้งใจว่าจะต้องหายไข้ก่อนสุดสัปดาห์นี้ให้ได้
* * *
ทงมกเดินทางมาที่ร้านดอกไม้เพื่อพบคุณแม่ของตัวเอง ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ กำลังส่องแสงอยู่ในมือเขา ดอกไม้สีม่วงตรงหน้าทำให้บรรยากาศดูปลอดโปร่งสดใส คล้ายดอกลิลลี่ที่ชวนให้ก้มลงดม
ทว่าพอได้สัมผัสกลิ่นหอมอบอวลตรงหน้ากลับรู้สึกอยากร้องไห้ออกมาซะงั้น นี่คงเป็นดอกไม้ที่มีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการเศร้าอย่างประหลาด ทงมกส่ายหน้าไปมาเพื่อไล่กลิ่นนั้นออกไปและถือเจ้าดอกไม้นี้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากมันเป็นดอกไม้ที่คุณแม่ไหว้วานให้ไปเอามาให้จึงต้องดูแลอย่างดี
“ว่าแต่ทำไมถึงต้องการเจ้านี้กันนะ”
หลังจากเก็บดอกไม้สีม่วงที่สว่างที่สุดมาจากสวนดอกไม้ซอชอน ทงมกก็ยังคงจับมันดูไปมาอยู่เหมือนเดิม
คุณแม่บอกให้เขาไปเอาดอกไม้แห่งความชั่วร้ายจากเทพพิทักษ์สวนดอกไม้ ทกมงจึงเดินทางไปเก็บดอกไม้สีม่วงงดงามตามคำบอกของฮันรักกุงอี แล้วก็ได้แต่เอียงคอไปมาด้วยความสงสัยกับคำขอของคุณแม่ตน เพราะสำหรับเหล่าเทพแล้ว ดอกไม้ที่เติบโตในสวนแห่งนี้เป็นเพียงดอกไม้ที่ปลูกเอาไว้ดูเล่นเท่านั้น ไม่สามารถเอาไปใช้งานอย่างอื่นได้ ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่เมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนแล้วขอร้องให้ไปเอาดอกไม้ของสวนซอชอนมาให้ ทกมงจึงนำมาให้โดยไม่มีทางเลือก
ถึงเขาจะสงสัยว่าคุณแม่จะเอามาทำอะไร แต่สุดท้ายก็ยอมเก็บดอกไม้สีม่วงจากสวนซอชอนมาให้อยู่ดี ทงมกตั้งใจจะรีบกลับทันทีที่ทำตามคำของสำเร็จ แต่ก็ต้องมาเสียเวลาเพิ่มขึ้นเพราะเทพพิทักษ์สวนดอกไม้มัวแต่รั้งเขาไว้และหยิบยื่นดอกไม้อื่นๆ ให้
ทั้งๆ ที่พยายามบอกว่าไม่เอาแล้ว แต่ท่าทางของของอีกฝ่ายที่ยัดดอกไม้ใส่มือตนแล้วบอกว่าให้ลองเอาไปกลับ ก็ทำให้ทงมกรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย เพียงเสี้ยววินาทีที่อดสงสัยไม่ได้ว่าเทพพิทักษ์สวนดอกไม้ซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้หรือเปล่า แต่เขาก็คิดว่ามันคงไม่มีอะไร จึงเอ่ยขอบคุณแล้วเดินทางออกมาจากสวนดอกไม้ซอชอน
“โอ๊ะ คุณฮัน!”
เมื่อทงมกตั้งสติได้หลังจากตกอยู่ในห้วงของความคิดไปชั่วขณะ ก็หันไปเจอฮันกำลังเดินโซเซอยู่ไกลๆ เขาเลยโบกมือให้อย่างร่าเริงพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อ แต่ร่างบางที่กำลังรู้สึกไม่ค่อยดีก็ไม่ได้ยินคำทักทายของทงมก แล้วยังคงก้าวเท้าเดินโซเซอยู่เหมือนเดิม
ทงมกสังเกตสีหน้าของฮันได้จากไกลๆ แล้วเห็นว่าใบหน้าของร่างบางไม่ค่อยดีเลยรีบวิ่งเข้าไปหาทันที โดยไม่ได้สนใจดอกไม้ในมือเลยสักนิด เมื่อไปถึงตัวของอีกฝ่ายก็เอื้อมมือไปจับไหล่ไว้แน่น
“อ่า คุณทงมก”
พอสัมผัสได้ว่าฮันเหงื่อชุ่มตัวก็รู้ได้ทันทีว่าต้องป่วยแน่นอน ทงมกได้แต่อ้าปากค้างแล้วกระชับแขนเพื่อให้ฮันได้ยืนพิงตัวเอาไว้ เขากอดฮันไว้ในอ้อมแขนตัวเอง ก่อนจะลูบผมหน้าม้าชื้นเหงื่อด้วยความตื่นตระหนก ทงมกทำสีหน้าจริงจังหลังเห็นว่าฮันดูซูบผอมมากกว่าเดิม
“ไม่สบายหรือเปล่าครับ”
“ไม่ได้เป็นไรมากหรอกครับ… ผมกำลังไปซื้อยาพอดี”
ทันใดนั้นเองทงมกก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นความตายลอยออกมาจากร่างกายของฮัน
เขาเกือบจะอาเจียนออกมาเพราะกลิ่นเหม็นแทบทนไม่ได้ แต่ก็พยายามอดทนแล้วดึงร่างบางเข้ามาแนบอกมากกว่าเดิม ไม่นานนัก ทงมกก็สามารถหายใจได้เป็นปกติเพราะกลิ่นหอมของดอกไม้จากกระเป๋าของตัวเองลอยฟุ้งออกมาอย่างได้จังหวะ
“เอ้อ จริงสิ”
เมื่อทงมกได้กลิ่นหอมของดอกไม้ชนิดอื่น ไม่ได้ดอกไม้ที่นำมาให้คุณแม่ เขาก็นึกขึ้นได้ว่ามันเป็นดอกไม้ที่เทพพิทักษ์ให้มาอีกที จึงหยิบมันออกมาอย่างรวดเร็วแล้วเด็ดกลีบดอกออกสองกลีบ มันคงเป็นดอกไม้ที่สามารถใช้กับมนุษย์ที่กำลังป่วยได้ เทพพิทักษ์สวนดอกไม้เลยเซ้าซี้และยื่นดอกไม้นี้ให้แก่เขา พร้อมคำแนะนำว่า ถ้าหากไม่ใช่คนตาย ให้ใช้แค่สองกลีบเท่านั้น
ทงมกเด็ดกลีบดอกไม้ด้วยมือสั่นเทาเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้คนที่กำลังสั่นระริกเพราะฤทธิ์ไข้อ้าปาก แต่จู่ๆ สภาพร่างกายของฮันกลับแย่ลง เหงื่อกาฬไหลออกมามากมาย ด้วยความทรมานนั้นก็เลยไม่ได้ยินคำพูดของเขาแม้แต่น้อย
“ฮันครับ อ้าปากหน่อยนะครับ หื้ม”
“อื้อ…อึก…”
หลังจากเห็นฮันเอาแต่ส่ายหน้าพลางส่งเสียงทรมาน ทงมกจึงตัดสินใจพาอีกคนเข้ามาในซอยที่ไม่ค่อยมีสว่างมากนัก จากนั้นก็หันหน้ามองรอบๆ เพื่อเช็กให้แน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีคนอยู่ เขาหยิบกลีบดอกไม้สองกลีบเข้าปากตัวเองแล้วเคี้ยวด้วยสีหน้าจริงจัง พร้อมกับฮันที่ยังคงมีกลิ่นเหม็นของปีศาจลอยออกมาจากตัวเรื่อยๆ
กลิ่นหอมหวานกับรสชาติขมตลบอบอวลอยู่ในโพรงปากของเขา ทงมกพยายามเปิดปากคนตรงหน้าแล้วส่งผ่านกลีบดอกไม้ที่ถูดบดเคี้ยวเข้าไปในริมฝีปากบาง จนน้ำลายของทงมกผสมกับรสชาติขมๆ เข้าไปอยู่ในปากของฮัน เขาใช้ลิ้นดันกลีบดอกไม้ให้เข้าไปถึงหลอดอาหารเพื่อให้สามารถเคี้ยวได้ง่ายขึ้น หลังป้อนกลีบดอกไม้จนหมด ถึงค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกมา ซึ่งบริเวณขอบปากของทงมกก็เต็มไปด้วยน้ำลายของฮัน
ฮันไอจนตัวสั่น ทว่าเมื่อกินสิ่งที่ถูกป้อนจนหมดแล้วก็ผล็อยหลับไปในอ้อมแขนแกร่งทันที ทงมกกอดคนตรงหน้าอย่างเบามือ ก่อนจะเช็ดขอบปากเปื้อนน้ำลายของตนเอง พอสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายตัวเย็นลงก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ทงมงก้มมองฮันแล้วอุ้มขึ้นหลังทันที
“ฮันอย่าเป็นอะไรนะครับ ทำไมถึงป่วยได้ทุกวันเลยนะ”
ทงมกพึมพำด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยพลางเหลือบมองฮันที่กำลังหายใจเข้าออกสม่ำเสมออยู่บนหลังตนเองเป็นระยะๆ พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ถ้าคุณแม่โกรธขึ้นมา มันเป็นเพราะคุณเลยนะ”
เขาก้าวเท้าหนักๆ เดินตรงไปยังร้านดอกไม้ของคุณแม่พร้อมกับกระชับตัวฮันให้เข้าที่ ขณะนั้นคางคกที่คอยเฝ้ามองฮันกับทงมกอยู่ในความมืดก็ค่อยๆ กระโดดหายไป
* * *
“ฮัน!”
เสือขาวผลักประตูให้เปิดออกแล้วก้าวเข้ามาในห้องอย่างเร่งรีบ แต่ทว่าเมื่อเข้ามาแล้วกลับไม่เห็นเงาของมนุษย์แม้แต่คนเดียว ใบหน้าหล่อเหลาจึงเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดทันที
เขาตามหาในห้องจนทั่ว รวมถึงห้องน้ำด้วย แต่ก็ไม่เจอฮันอยู่ในบ้านเลย เสือขาวรีบพุ่งตัวออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว ถ้าเขาตามร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ ก็จะสามารถเจอตัวฮันได้ในอีกไม่นานแน่นอน
“เจ้าเด็กดื้อไปที่ใดกันนะ หายไปทั้งๆ ที่ยังป่วยอยู่เสียด้วย”
เสือขาววิ่งพลางกระโดดอย่างรวดเร็วกว่าปกติด้วยความกระวนกระวายใจ เขาหันมองตรงโน้นทีตรงนี้ทีราวกับคนบ้าเพื่อหาร่องรอยอีกคนให้เจอ ก่อนจะเริ่มวิ่งไปยังทิศทางที่มีกลิ่นตัวของฮันลอยมาแตะจมูกพร้อมกำขวดน้ำเต้าในมือแน่น
แต่ก็ต้องเม้มปากแล้วกำมือแน่นขึ้นไปอีก เมื่ออยู่ดีๆ กลิ่นของฮันก็ค่อยๆ จางหายไป และเขาไม่คิดจะซักถามมนุษย์คนอื่นอยู่แล้ว เนื่องจากไม่มีใครสามารถมองเห็นตัวเขาได้เลยสักคน สุดท้ายเสือขาวเลยตัดสินใจถามทางแมวจรที่กำลังเดินมาแทน แมวจรส่งเสียงร้องเมี้ยวๆ ก่อนจะกระจายตัวออกไปตามหาฮัน
เวลาผ่านไปสักพักเหล่าแมวจรก็เดินกลับมาหาเสือขาวทีละตัวสองตัวแล้วบอกว่า ฮันขี่หลังทกมงและกำลังตรงไปยังร้านดอกไม้ที่แม่ของทงมกเป็นเจ้าของ เขาจึงลูบหัวของแมวจรสกปรกผู้เป็นจ่าฝูงเพื่อขอบคุณสำหรับคำตอบ เจ้าแมวส่งสายตาสีเหลืองอำพันพร้อมกับผงกหัวลาเสือขาว จากนั้นค่อยๆ ถอยหลังกลับไปกันอย่างช้าๆ
คอมเมนต์