ลูกหมาของผมกลายเป็นเสือขาว! ตอนที่ 3-4

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 3-4 สวนดอกไม้ซอชอน

“เจ้าเด็กนั่นล่ะ”
เส้นผมเฉดสีเดียวกับต้นมะเกลือ[1]ของเต่าดำพริ้วไสวไปมาเบาๆ บริเวณช่วงเอว ขณะมองเพื่อนตัวเองอยู่ เสือขาวก็เกิดอาการปวดหัวตุบๆ ขึ้นมาเลยยกมือขึ้นแตะหน้าผาก แต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าหากเต่าดำรู้เรื่องที่ตนทำลงไป จะต้องถูกบ่นแน่ๆ เลยพยายามแสร้งว่าไม่ได้เป็นอะไร
“หลับไปแล้ว”
“ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น ข้าจะถามว่าเด็กคนนั้นดีขึ้นหรือไม่”
“ดีขึ้นมากแล้วล่ะ”
“อย่างนั้นรึ เช่นนั้นก็ดีแล้ว เจ้าฮันรักกุงอีเอาน้ำจากที่นั่นมาให้สินะ”
“เหนี่อยเลยล่ะ ตาแก่น่ารังเกียจนั่นชอบกวนประสาทข้า”
เสือขาวยกชาดอกเบญจมาศหอมกรุ่นที่เต่าดำรินให้ขึ้นดื่ม ก่อนจะฉีกยิ้มบางๆ ให้กับความอุ่นพอดีของชาในมือตน ความอุ่นที่ได้สัมผัสมันทำให้เขานึกถึงใครบางคนขึ้นมา
“อ่า ใช่ เขากินกลีบดอกไม้ไป จะเป็นอะไรหรือไม่”
“กินอะไรนะ”
“ดอกไม้”
“ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าอย่าให้กินน่ะ!”
“ข้าไม่ได้ทำ มกเป็นคนป้อนให้เด็กคนนั้น”
เสือขาวแก้ตัวอย่างรวดเร็วพร้อมจ้องมองเพื่อนตัวเองกลับ หว่างคิ้วของเต่าดำค่อยๆ ขยับเข้าหากันมากขึ้นจนสัมผัสได้ว่าอารมณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีอย่างชัดเจน เมื่อเป็นเช่นนั้นเสือขาวจึงได้แต่มองสีหน้าเต่าดำด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ตอนนี้คงมองเห็นปีศาจกับความชั่วร้ายที่ตามติดตัวเองแล้วล่ะ”
“ว่าอย่างไรนะ มันเป็นไปได้งั้นหรือ”
ฮันเป็นเด็กที่มีร่างกายและจิตใจอ่อนแอ หากต้องมองเห็นสิ่งเหล่านั้นด้วยตาตัวเองคงตกใจจนเป็นลมไปแน่ๆ เสือขาวแสดงสีหน้าตื่นตระหนกสุดขีดกับสิ่งที่ได้ยิน เขาวางถ้วยชาลงพร้อมกับกดดันเต่าดำด้วยสายตาราวกับให้อีกฝ่ายรีบอธิบายให้เข้าใจมากกว่านี้
“มันก็ต้องเป็นเช่นนั้นไม่ใช่รึ สวนดอกไม้ซอชอนเป็นสวนที่อยู่ในปรโลก มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากดอกไม้จากสวนในปรโลกจะสามารถทำให้มองเห็นวิญญาณได้นี่ ยิ่งไปกว่านั้น ดอกไม้ของสวนซอชอนก็ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งรวบรวมพลังมากมายของปรโลกเอาไว้อีกด้วย”
“เอ่อ…”
“แล้วก็ไม่ใช่แค่วิญญาณเท่านั้น ยังรวมถึงปีศาจที่คอยกัดกินกับกลิ่นอายความชั่วร้ายที่คอยตามติดเจ้าเด็กนั่นด้วย เขาสามารถมองเห็นสิ่งเหล่านั้นที่แม้แต่ข้ายังตกใจเมื่อได้เห็นแล้ว จึงควรระมัดระวังเอาไว้ไง”
เต่าดำยกชาขึ้นดื่มพร้อมตำหนิเสือขาวและกระเดาะลิ้นส่งเสียงดังเล็กน้อย ถึงจะไม่สามารถกล่าวโทษได้ว่าเสือขาวเป็นคนทำผิด แต่ถึงจะระวังอย่างไร สุดท้ายแล้วความผิดพลาดของอีกฝ่ายกลับใหญ่เกินกว่าจะปล่อยผ่านไปเฉยๆ
คนที่เปิดจิตทั้งๆ ที่ไม่ได้ถูกกำหนดไว้ หรือไม่ใช่บุคคลที่สามารถมองเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ตั้งแต่กำเนิดตามเจตนารมณ์ของเบื้องบน มักจะมีโอกาสเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย หรือเสียชีวิตอย่างกะทันหันสูงมาก ถึงวิธีของปรโลกที่ใช้กำจัดสิ่งเหล่านี้เพื่อให้เกิดความสมดุล มันจะดูโหดเหี้ยมอำมหิต แต่ในเมื่อไม่มีวิธีไหนสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้วิธีนี้มีประสิทธิภาพที่สุด คนที่สูญเสียชีวิตด้วยวิธีนี้ก็จะได้รับโอกาสที่ดีกว่าเดิมเมื่อกลับมาเกิดใหม่ วิธีการนี้จึงยุติธรรมมากๆ สำหรับทุกฝ่าย
“ทว่าในเมื่อเด็กคนนั้นไม่ต้องการจะจากโลกนี้ไป ข้าเลยนำสิ่งนี้มาให้”
“นี่มัน… แหวนอะไรรึ”
“มันช่วยไม่ให้มองเห็นวิญญาณได้น่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถปิดจิตที่ถูกเปิดออกแล้วได้ แต่มันก็ช่วยป้องกัน อาจจะไม่สามารถป้องกันไอความชั่วร้ายที่คอยเกาะติดได้ เนื่องจากสิ่งเหล่านั้นอยู่เคียงข้างปีศาจร้ายมานาน แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้เด็กนั่นมองไม่เห็นดวงวิญญาณนะ ถึงอย่างไรเรื่องนี้มันก็เกิดขึ้นเพราะพวกเรา ข้าเลยอยากช่วยให้เขาไม่ให้เห็นสิ่งเหล่านั้น”
“ขอบใจเจ้ามาก”
“ระวังหน่อยแล้วกัน”
เต่าดำหย่อนแหวนลงบนมือของเสือขาว ก่อนจะยกกำปั้นขึ้นมาเขกหน้าผากของอีกฝ่ายเพื่อให้ตั้งสติให้ดีมากกว่านี้ เสือขาวหัวเราะแห้งๆ ให้เต่าดำที่กำลังมองกันด้วยสายตาเคร่งเครียด จากนั้นก็กำแหวนในมือตัวเองแน่น เต่าดำพลางมองมือใหญ่ที่กำลังกุมแหวนด้วยสายตาประหลาดใจ
“เหลือเชื่อจริงๆ ”
“อะไรรึ”
“เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นเจ้าทำอะไรสักอย่างให้ผู้อื่นเช่นนี้ ยกเว้นตอนที่เบื้องบนแกล้งเจ้านะ”
นัยน์ตาของเสือขาวทอแสงวาววับหลังได้ยินคำพูดนั้น เต่าดำเองก็รู้สึกถึงนัยน์ตาของเสือขาวที่ค่อยๆ เย็นยะเยือกขึ้นจึงหยุดพูดหยอกเล่นทันทีแล้วมองเสือขาวด้วยสายตาวิตกกังวล
“ข้าขออภัย ข้าคงพูดเรื่องไร้สาระออกไป”
“ไม่หรอก เจ้าพูดถูกแล้ว”
เสือขาวใส่แหวนลงไปในช่องว่างของเสื้อบริเวณหน้าอกตัวเองพลางจัดปกเสื้อให้เรียบร้อย ก่อนะจค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นั่ง เมื่อเต่าดำเห็นเช่นนั้นเลยขยับตัวตาม พร้อมกับเอียงคอมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนจนไม่สามารถคาดเดาได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ของเสือขาว
แม้เสือขาวจะสัมผัสได้ถึงสายตาของเต่าดำ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจและเดินออกไปจากที่พักของอีกฝ่าย ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดเสือขาวจึงหายใจติดขัด เขาเลยทุบหน้าอกตัวเองสองครั้งเพื่อหวังให้ความรู้สึกเหล่านั้นหายไป
“น่ารำคาญจริง”
เสือขาวกดฝ่ามือหนาลงบนหน้าอกของตัวเองพร้อมกับกระโดดขึ้นไปอยู่บนก้อนเมฆขาวปุย เขายกมือขึ้นมาขยี้ผมตัวเองอย่างลวกๆ ด้วยความโมโห ไม่มีสิ่งไหนเป็นไปตามใจคิดเลยสักอย่าง รวมถึงตอนนี้ด้วย เนื่องจากการกระโดดของเขาแปรปรวนต่างไปจากทุกครั้ง
ความสนใจทั้งหมดของเสือขาวอยู่ที่เด็กตัวผอมบางและอ่อนแอผู้นั้นเสมอ ไม่มีหนทางไหนจะทำให้เขาเลิกสนใจได้เลย

* * *

คันจมูกจัง… ฮันขยับตัวพลางยกมือขึ้นเกาจมูกของตัวเองไปมาเพราะรู้สึกคันเหมือนสัมผัสโดนขนนก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถอดทนต่อความคันนี้ได้ จึงใช้มือตบหน้าตัวเองอย่างแรงจนแก้มขาวเนียนเริ่มแดงระเรื่อ
คนตัวเล็กพรวดพราดลุกขึ้นเมื่อความระคายเคืองมารบกวนการนอนอยู่บ่อยๆ ก่อนจะหรี่ตาขึ้นมองอะไรบางอย่างตรงหน้าเพราะยังลืมตาตื่นได้ไม่เต็มที่นัก แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อรู้ว่าต้นเหตุของอาการคันคืออะไร หางปุยของเสือขาวกระดิกไปมาเบาๆ จนทำให้เขาคันบริเวณจมูกนั่นเอง
“ท่านเสือขาว ไปนอนตรงนู้นนะครับ”
“…”
“เฮ้อ ท่านเสือขาว!”
ฮันพยายามปลุกเสือขาวที่กำลังนอนหลับปุยอยู่ตรงหน้า เขาใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่ตัวอีกฝ่ายพลางเอียงหน้ามองเจ้าขนปุยที่หลับลึกโดยไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ปกติเสือขาวตื่นง่ายมากๆ แต่วันนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น
“ท่านเสือขาว…”
ร่างบางเขย่าตัวเสือขาวเบาๆ จนรู้สึกได้ว่าสิ่งมีชีวิตตรงหน้ากำลังหายใจติดขัดเล็กน้อย เสือขาวหายใจแรงผิดปกติเหมือนกำลังป่วย
ฮันขยี้ตาตัวเองทันทีแล้วรีบอุ้มเสือขาวไว้แนบอกตัวเองด้วยความตื่นตระหนก เมื่อสังเกตเห็นว่าท่าทางของเสือขาวดูป่วยหนัก ฮันหยิบเสื้อคลุมที่วางอยู่บนเก้าอี้ขึ้นมาแล้วอุ้มเสือขาววิ่งออกไปข้างนอก
ตอนแรกเขาคิดจะพาไปโรงพยาบาลเลยรีบวิ่งออกมาจากบ้านอย่างรวดเร็ว แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าถึงจะพาไปโรงพยาบาลก็ไม่มีที่ไหนสามารถรักษาเสือขาวได้ ฮันรู้สึกกระวนกระวายเพราะไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่หันหน้ามองซ้ายขวาเลิ่กลั่ก ระหว่างที่ฮันยืนมองตรงนู้นทีตรงนี้ที เสือขาวที่อยู่ในอ้อมแขนก็ส่งเสียงครางเบาๆ พร้อมกับตัวที่เริ่มมีไอร้อนเข้าปกคลุม
ฮันกระชับแขนอุ้มเสือขาวที่กำลังหายใจไม่ค่อยสม่ำเสมอจากอาการป่วย แล้วรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก ร่างบางตรงเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางส่งๆ ไว้บนโต๊ะทานอาหารขึ้นมา ก่อนจะรีบกดโทรออกหาใครบางคน โดยที่มืออีกข้างยังอุ้มเสือขาวเอาไว้
“คุณจิน!”
[อะไรกัน นี่นายรู้ไหมว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้วน่ะ]
ฮันตัวสั่นระริกแล้วรีบพูดออกไปอย่างรวดเร็ว หลังได้ยินจินบ่นด้วยเสียงทุ้มต่ำเพราะโดนปลุกขึ้นมากลางดึก เขาพยายามควบคุมไม่ให้เสียงของตัวเองสั่นและพูดอย่างหนักแน่น ทั้งๆ ที่แขนข้างที่กำลังอุ้มเสือขาวสั่นระริก
“ท่านเสือขาวป่วยหนักมากเลยครับ”
[ว่ายังไงนะ]
“ท่านเสือขาวตัวร้อนมากเลยครับ ดูยังไงก็ป่วยแน่ๆ แบบตัวสั่นตลอดเลยครับ คนที่ผมรู้จักก็มีแค่คุณจินเท่านั้น ผมเลยโทรหาคุณ แล้วแบบนี้ผมควรทำยังไงดีครับ”
ในความเป็นจริงแล้วเสือขาวตัวสั่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ต่างกลับฮันที่กำลังตกใจจนตัวสั่นระริกมากกว่าเสียอีก เขาสำรวจร่างกายอีกฝ่ายอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อจะได้บอกอาการแก่จินได้อย่างแม่นยำกว่านี้ เมื่อมองไปรอบๆ ตัวก็พบกับรอยจุดสีดำอยู่ตรงหางของเสือขาว
“จุด… มีจุดดำๆ ขึ้นตามตัวครับ น่าจะป่วยมากแน่ๆ เลย ถ้ามีไอ้จุดดำๆ นี่เยอะเกินไปมันไม่ดีใช่ไหมครับ”
[รอยจุดงั้นเหรอ นี่ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน]
“บ้านครับ คุณจินผมต้องทำยังไงดีครับ ท่านเสือขาวดูเหมือนจะป่วยหนักมากๆ ถ้าเกิดเรื่องไม่ดีกับท่านเสือขาวจะทำยังไงล่ะครับ”
[งั้นนายรีบส่งที่อยู่ของนายให้ฉันด่วนเลย]
ฮันรู้สึกกลัวมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินน้ำเสียงรีบร้อนของจินที่ปกติจะเป็นคนสุขุม แถมยังไม่ยอมตอบคำถามของตนด้วย เขาพิมพ์ที่อยู่ส่งไปให้จินด้วยมือสั่นระริกแล้วกอดเสือขาวเอาไว้อย่างนั้น เพราะไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ ทุกครั้งที่ฮันเห็นเสือขาวตัวสั่นขึ้นมา เขาก็รู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองกำลังตกลงไปอยู่ที่พื้น
“ขอโทษนะครับ ผมขอโทษ… ผมขอโทษที่ทำให้ท่านเสือขาวต้องมาป่วยแบบนี้”
ฮันรู้สึกว่าเจ้าขนปุยกลายเป็นครอบครัวของตัวเองไปแล้ว ไม่ใช่แค่เพราะอยู่ด้วยกันตลอด แต่เขารู้สึกจริงๆ ว่าเสือขาวเป็นสมาชิกในครอบครัว
ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่รู้สึกผูกผัน แต่ก็ทำไม่ได้
ตลอดเวลาที่ผ่านมาฮันมักจะเดินก้าวเท้าหนักๆ เข้ามาในบ้านที่ว่างเปล่า แต่กลับไม่ได้รู้สึกถึงความเหงาหรือโดดเดี่ยวอะไร และสิ่งที่เขาจะทำภายในบ้านก็มีแค่อ่านหนังสือกับคำนวณเงินที่มีอยู่น้อยนิดเท่านั้น ทว่าหลังจากมีเสือขาว เขากลับได้ทำอาหารและหัวเราะพูดคุยเสียงดังได้อย่างเต็มที่
สิ่งที่ทำให้ฮันได้ใช้ชีวิตสมกับเป็นมนุษย์คนนึง ก็คือเสือขาว ตอนแรกเขาก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง แต่เมื่อเห็นเสือขาวป่วยหนักแบบนี้ ก็ได้รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายสำคัญกับตนขนาดไหน เสือขาวเป็นกำลังสำคัญสำหรับเขาจริงๆ
“ผมไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว พอเราได้ลองอยู่ด้วยกัน มันก็ทำให้ผมไม่สามารถอยู่คนเดียวได้อีกต่อไปแล้ว”
ฮันสะอึกสะอื้นพร้อมกับกอดเสือขาวในอ้อมแขนแน่น เขาใช้มือปาดน้ำตาพลางกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมามากกว่านี้ คนที่เจ็บคือเสือขาวต่างหาก ไม่ใช่เขา
ร่างบางหยิบผ้าขนหนูที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงแล้วนำไปชุบน้ำเย็น เพื่อนำไปให้เสือขาวที่ดูเหมือนตัวร้อนขึ้นกว่าเดิม อุณหภูมิของน้ำเย็นที่สัมผัสได้ มันยิ่งทำให้จิตใจฮันห่อเหี่ยวลงมากกว่าเดิม
“ท่านเสือขาว ฟื้นเถอะนะครับ”
ฮันบิดน้ำออกจากผ้าแล้วนำไปวางบนหน้าผากของเสือขาว เขาเม้มปากตัวเองนั่งมองขนของเสือขาวที่ค่อยๆ เปียกไปด้วยน้ำเย็นทีละนิดๆ แต่ดูเหมือนว่าวิธีคงไม่ได้ทำให้เสือขาวดีขึ้น
“นี่ฉันต้องทำยังไงดี”
สุดท้ายฮันเลยหยิบผ้าแห้งขึ้นมาเช็ดขนปุกปุยของเสือขาวแทน เมื่อเช็ดเสร็จแล้วก็ได้แต่กัดริมฝีปากตนเองพลางดึงเสือขาวเข้ามากอดอีกรอบ ระหว่างที่รู้สึกกังวลอยู่นั้น จู่ๆ ก็นึกถึงข่าวที่บอกว่าถ้าเด็กได้ยินเสียงหัวใจของแม่ จะรู้สึกดีขึ้น เขาเลยขยับตัวนอนหงายลงบนที่นอนหนา จากนั้นก็อุ้มเสือขาววางไว้บนหน้าอกของตัวเอง ถึงจะรู้สึกว่าวิธีนี้มันตลก แต่ก็ต้องลองทำเพราะนึกวิธีอื่นไม่ออกจริงๆ
“อย่าเป็นอะไรไปนะครับ”
ฮันก้มหน้ามองสิ่งมีชีวิตที่กำลังตัวสั่นอยู่บนหน้าอกตัวเองพร้อมกับเสียงลมหายใจที่ดังแผ่วมาเป็นระยะๆ เขายกมือลูบหน้าเสือขาวเบาๆ อย่างรักใคร่ แต่เมื่อเห็นสีหน้าเปี่ยมความทรมานบนหน้าเล็กๆ เท่ากำปั้นของอีกฝ่าย ฮันก็ยิ่งมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก

* * *
[1] มะเกลือ เป็นไม้ยืนต้นในวงศ์ Ebenaceae พบขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วไป เปลือกต้นมีสีดำแตกเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ ใบเป็นใบเดียวรูปรี ปลายใบแหลม ผลกลมผิวเกลี้ยง ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีดำ ผลแก่จัดจะแห้ง

คอมเมนต์

Chapter List