ลูกหมาของผมกลายเป็นเสือขาว! ตอนที่ 3-7
ตอนที่ 3-7 สวนดอกไม้ซอชอน
พอฮันตบหลังเบาๆ สักพัก ความง่วงก็ค่อยๆ เคลือบคลานเข้ามาหาเสือขาวทีละนิดๆ จนขนปุยสี่ขาเริ่มหาวแล้วซุกตัวเข้ากับแผ่นอกบาง ขณะที่เสือขาวค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง อยู่ๆ ก็มีเสียงถอนหายใจกับเสียงบ่นพึมพำของฮันโพล่งขึ้นเหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก ก่อนจะขยับท่าทางการกอดเจ้าตัวเล็วในอ้อมแขนไปด้วย
“พอมาคิดๆ ดูแล้ว เหมือนผมจะเจอท่านอุนยองตอนป่วยด้วยนะครับ”
นัยน์ตาของเสือขาวเบิกโพลงขึ้นราวกับโดนน้ำซัดสาด และผละออกมาจากอ้อมอกของฮันเล็กน้อย สายตาบางเฉียบจ้องดวงตาลุกลี้ลุกลนของเสือขาวที่กำลังจะขยับตัวไปเก้าอี้อีกตัว
“ท่านเสือขาวเป็นอะไรเหรอครับ”
“มะ ไม่มีอะไร”
เสือขาวกลอกตาไปมาพร้อมกับกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ แต่ฮันดูเหมือนจะไม่ยอมง่ายๆ จึงเพ่งมองเสือขาวด้วยสายตาเรียบเฉยพร้อมส่งเสียงกระแอมเบาๆ สีหน้าของเสือขาวเริ่มซีดหนักขึ้นเมื่อถูกจ้องมองแบบนั้น
เสือขาววิตกกังวลกลัวว่าตัวตนแท้จริงจะถูกเปิดเผยเลยเดินถอยหลังช้าๆ และหัวเราะแบบไม่เป็นธรรมชาตินัก ร่างบางรู้สึกถึงลางสังหรณ์ว่าอาจจะมีอะไรบางอย่างจึงยื่นมือออกไปหา
ไม่นานระยะห่างเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนเกือบจะได้สัมผัสคอเสื้อ เสือขาวรู้สึกได้ว่าสายตาของฮันเหมือนแสงสาดส่องจนเม็ดเหงื่อค่อยๆ ไหลอาบกายราวกับมีพายุฝนกระหน่ำจนเปียก
“ฮะ ฮัน เจ้าทำไมเป็นเช่นนี้เล่า”
“คืออะไรครับ มีอะไรปิดบังผมอยู่ใช่ไหม”
“ปิดบังอะไรกัน… พูดเพ้อเจ้อเสียจริง”
เจ้าของร่างเล็กๆ หันหน้าไปอีกทางและทำทีเป็นต่อว่าอีกฝ่าย จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบแผ่นอกตัวเองที่ตอนนี้กำลังสั่นระริกพร้อมถอนหายใจออกมา เดิมทีฮันเป็นคนตามอะไรไม่ค่อยทันจนบางครั้งพูดอะไรออกไปก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ แต่ครั้งนี้ปฏิกิริยามันกลับแตกต่าง
ถ้าหากว่าฮันรู้ความจริงว่าเสือขาวกับอุนยองคือคนเดียวกันล่ะก็ คงโกรธและผิดหวังในตัวเขามากแน่ๆ เมื่อคิดว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง เสือขาวก็ส่ายหัวไปมาแล้วเม้มริมฝีปาก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่อยากถูกฮันจับได้
“ผมถามว่าคืออะไร ปิดบังอะไรผมอยู่กันแน่ วันนั้นท่านอุนยองมาจริงๆ ใช่ไหมครับ”
“เพ้อเจ้อ สิ่งที่เจ้าเห็นคือข้า ไม่ใช่เจ้านั่น”
“ไม่น่าใช่นะ มันคือใบหน้าของท่านอุนยองจริงๆ นะครับ แต่สีผมไม่ใช่สีขาว… เอ๊ะ หรือว่าจะไม่ใช่ท่านอุนยอง แต่หน้าตาแบบนั้นก็ไม่น่าจะมีคนอื่นอีกแล้วนี่นา”
คำพูดของร่างบางเหมือนกำลังนึกถึงอุนยองกับทงมกในความทรงจำ เสือขาวเลยพยายามบอกว่าฮันเข้าใจผิดไปเองเพราะตัวเองกับอุนยองมีสีผมคล้ายคลึงกัน ยกเท้าหน้าขึ้นมาโบกพลางกลอกตาไปมา แต่ใบหน้ากลับดูคลายความกังวลลงเล็กน้อยราวกับนึกอะไรดีๆ ออก
“เพราะเจ้าป่วยจึงมองผิดต่างหาก เจ้าอุนยองจะออกมาเวลากลางคืนเท่านั้น”
“อ๋อ งั้นเหรอครับ ท่านอุนยองจะออกมาเฉพาะตอนกลางคืนนี่เอง”
“ใช่แล้ว เจ้าจำผิดคนแน่นอน”
“จริงด้วยสินะครับ ผมคงตาฝาด แล้วท่านเสือขาวตกใจเพราะอะไรเหรอครับ”
“ข้าเป็นตะคริว…”
“อะไรนะ”
เสือขาวทำทีทุบลงบนขาหน้าซ้ายขวาของตัวเองพร้อมกับทำหน้าบูดเบี้ยวคล้ายเจ็บปวด จากนั้นก็ยื่นไปทางฮันเหมือนขอให้นวดให้หน่อย ฮันจึงเริ่มนวดเท้าให้ด้วยสีหน้ามึนงงเมื่อเห็นใบหน้าเจ็บปวดจริงจังของอีกฝ่าย
“ตะคริวเหรอครับ”
“ใช่ บางครั้งข้าก็เป็นตะคริว คงอยู่ผิดท่ามากไปหน่อยน่ะ”
“งั้นผมจะอุ้มอย่างระมัดระวังมากกว่าเดิม ไม่กอดแบบนั้นอีก ผมสัญญา ”
“มะ ไม่ใช่เช่นนั้น ช่วงนี้ข้าอาการไม่ค่อยดีมันก็เลยเป็นเช่นนั้นต่างหาก อย่ากังวลไปเลย ต่อไปเจ้าก็ยังคงกอดข้าได้ตลอดเวลา”
เสือขาวยิ้มแปลกๆ พลางโบกขาหน้าไปมาเพื่อปฏิเสธแล้วเช็ดเม็ดเหงื่อที่กำลังไหลย้อย จริงๆ เขาชอบโดนฮันกอดเลยรีบร้อนอธิบายเพิ่มเติมอย่างรวดเร็ว เกือบจะประมาทคนที่มักจะตามอะไรไม่ค่อยทัน ทว่าตอนนี้กลับรู้ทันและถามเซ้าซี้ไม่ยอมหยุดซะแล้ว เมื่อคิดได้เช่นนั้น เสือขาวก็ผ่อนลมหายใจแล้วฉีกยิ้มให้ร่างบางที่กำลังมองตนด้วยความเป็นห่วง
“เจ้านวดเก่งอยู่นะ เหมือนเป็นพรสวรรค์ของเจ้า”
“ดีขึ้นไหมครับ เอ่อ ตอนนี้ร่างกายยังผิดปกติอยู่หรือเปล่า แล้วเมื่อกี้ผมทำแรงไปไหม”
“ค่อยๆ พูดสิ รัวอะไรเช่นนี้”
“ยังรู้สึกไม่ดีอยู่เหรอครับ”
เสือขาวหัวเราะเบาๆ ให้กับใบหน้าเจื่อนๆ ก่อนจะกระแอมเล็กน้อยแล้วลูบขอบตาของฮันด้วยเท้าซ้ายอย่างอ่อนโยน
เมื่อเท้าซ้ายอ้วนกลมและนุ่มนิ่มที่เต็มไปด้วยไออุ่นของเสือขาวสัมผัสขอบตาอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกต่างๆ ในจิตใจฮันก็ค่อยๆ สงบลง ริมฝีปากบางจึงเริ่มยกขึ้นยิ้มเล็กน้อย
“ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงกลายเป็นคนอ่อนโยนเช่นนี้เล่า ฮันที่ข้ารู้จักมักจะชอบทำท่ารำคาญข้าอยู่เป็นประจำ”
“ไม่ใช่ซะหน่อย ผมไปทำแบบนั้นตอนไหน… อย่ากล่าวหาผมสิ”
ฮันนึกถึงภาพตัวเองที่ผ่านมา เขามักจะมองอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้ แถมบ่นว่าทำให้ต้องใช้เงินสิ้นเปลือง ยิ่งนึกถึงคำพูดต่างๆ ก็ยิ่งก้มใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อต่ำลงเรื่อยๆ
สิ่งต่างๆ ที่เคยทำกับเสือขาวเริ่มผุดขึ้นมาจากความทรงจำทีละอย่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวันที่บ่นว่ากินปีกกับขาไก่คนเดียวจนหมดเกลี้ยงไม่เหลือสักชิ้น วันที่รู้สึกขุ่นเคืองกับแล้วบ่นว่ากินสกปรก แถมยังกินเหมือนเป็นคนซื้อทุกอย่างเอง ยิ่งนึกถึงมากเท่าไหร่ ฮันก็ยิ่งทนไม่ไหวจนต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้าด้วยความละอาย
“ฮัน อะไรทำให้เจ้าอายจนไม่สามารถมองหน้าข้ากันได้เล่า”
ฮันส่ายหน้าไปมาขณะซุกอยู่กับฝ่ามือ เมื่อได้ยินเสียงพูดปนเสียงหัวเราะของเสือขาว แล้วจู่ๆ ร่างบางก็เงยหน้าขึ้นแล้วคว้าเท้าหน้าทั้งสองข้างของเสือขาวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ต่อไปนี้ผมจะทำอาหารอร่อยๆ แล้วก็มีประโยชน์ให้ทานนะครับ!”
“ไม่ต้องหรอก ข้าบอกแล้วไงว่าไม่ต้อง เทพไม่จำเป็นต้องกิ…”
“ถึงจะไม่จำเป็น แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ทานนี่ครับ! ต่อไปผมจะดูแลเรื่องอาหารการกินให้เองครับ!”
คำตอบของฮันดังกึกก้องจนเสือขาวต้องกลืนคำพูดต่อไปลงคอแล้วอ้าปากค้างด้วยสีหน้างุนงง กระป๋องน้ำผลไม้ที่วางอยู่มุมเก้าอี้ค่อยๆ กลิ้งลงไปที่พื้น จนเสียงกระทบพื้นดังเข้ามาในโสตประสาท แต่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่ร่างบางแต่เพียงผู้เดียว
“ฮัน ข้าไม่เป็นไรหรอก ข้าไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เจ้าถึงเป็นแบบนี้ แต่ข้าไม่คิดจะรับอาหารจากเจ้าแน่นอ…”
“รับไปเถอะครับ! ยังไงตอนนี้ผมก็ถือว่าท่านเสือขาวเป็นคนในครอบครัวแล้ว ผมอยากทำให้ ผมจะทำของอร่อยๆ ให้ทานนะครับ อย่าห้ามผมเลย”
“…รึว่าตอนนี้เจ้ารู้สึกผิดต่อข้างั้นหรือ”
ฮันหยุดจับขาซ้ายของเสือขาวเขย่าด้วยความวุ่นวายใจทันที เจ้าตัวเล็กถอนหายใจเล็กน้อยราวกับรู้คำตอบที่ตัวเองถามล่วงหน้า คำพูดของจินวันนั้นอาจจะทำร้ายและทิ่มแทงจิตใจของฮันจนรู้สึกผิดต่อตนเองเนื่องจากรู้สึกไม่ดีกับคำพูดเหล่านั้น
“หรือว่าเจ้ามนุษย์ที่เหมือนนักเลงพูดอะไรให้เจ้ากังวลใจ”
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ… คือผมทำให้ท่านเสือขาวลำบากจริงๆ ใช่ไหมครับ ”
หยาดน้ำตาเอ่อล้นจากดวงตาของฮันที่ยู่ปากราวกับรู้สึกไม่ยุติธรรม มันไหลผ่านแก้มไปถึงคางขาวเนียน เสือขาวรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นเด็กหัวใจบอบบางมากจึงไม่ชอบให้ใครมาทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี ยิ่งต้องมารู้ว่าตัวเองสามารถมองเห็นวิญญาณ รับรู้ว่าสิ่งชั่วร้ายที่อยู่ตัวเองมันส่งผลถึงบุคคลอื่นอีก แม้แต่เสือขาวยังรู้สึกลำบากใจ
เสือขาวมองน้ำตาฮันไหลลงมาอย่างเงียบๆ พลางเม้มริมฝีปาก เขาอยากเอ่ยอะไรก็ได้ที่มันสามารถช่วยปลอบประโลม แต่หลายร้อยปีที่ผ่านมาเขาสนใจแต่ตนเอง จนการพูดปลอบประโลมอย่างอบอุ่นมันเป็นเรื่องแปลกใหม่และต้องระมัดระวัง
“ข้าไม่เป็นไร”
“…”
“ฮัน ข้าไม่เป็นไรจริงๆ เจ้าไม่ได้ทำผิดต่อข้าเลยแม้แต่นิดเดียว”
สัตว์เทวะจุตรทิศไม่สามารถพูดเท็จได้และต้องพูดแต่ความจริงเท่านั้น ด้วยเหตุนั้นเสือขาวจึงค่อยๆ พูดอย่างนุ่มนวลและระมัดระวังเพื่อไม่ให้จิตใจของฮันแย่ไปมากกกว่านี้
แต่เมื่อฮันรู้ว่าตัวตนของตัวเองทำร้ายเสือขาวจึงรู้สึกเศร้าแปลกๆ เหมือนมีอะไรมาเบียดเสียดอยู่ในท้องเต็มไปหมด ความรู้สึกของฮันเริ่มกระสับกระส่ายจนเสือขาวมองด้วยสายตาเศร้าใจ
“ฮันฟังข้านะ”
“…”
“ข้าคือเทพ เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้ข้าตายหรอก สัตว์เทวะจุตรทิศน่ะเป็นอมตะไม่ตายง่ายๆ แน่นอน”
“ตะ แต่ว่า”
“เงียบแล้วฟังข้าก่อนเถิด”
ทันทีที่นัยน์ตาอบอุ่นของเสือขาวจ้องมองมา ฮันที่กำลังหายใจเร็วค่อยๆ ผ่อนคลายลงอย่างช้าๆ ไม่รู้ทำไมพอสบกับนัยน์ตาสีฟ้าสวยแล้วตัวเขาถึงรู้สึกผ่อนคลายและมั่นคงตลอด
“สัตว์เทวะจุตรทิศ มีหน้าที่ต้องฝ่าฟันความทรมานกับความเจ็บปวดของเหล่ามนุษย์ แม้ว่าเจ้าซื่อบื่อบางคนจะรักษากฎข้อบังคับของเบื้องบนจนปฎิบัติกับมนุษย์เยือกเย็นก็ตาม แต่การสร้างสัตว์เทวะจุตรทิศขึ้นมาของเทพบนสรวงสวรรค์ ก็ไม่ได้เป็นเพียงกฎระเบียบเท่านั้นนะ”
เสือขาวอธิบายด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและนุ่มนวลเหมือนคุณยายที่ใช้คำพูดคำจาสมัยโบราณ ถึงตอนนี้จะมีรูปร่างเหมือนตุ๊กตาตัวเล็กๆ แต่ฮันกลับรู้สึกอบอุ่นเหมือนมีพ่อกับแม่อยู่ด้วย เขายกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดขอบตาที่เปื้อนหยดน้ำใสๆ ด้วยความปลื้มปริม เสือขาวมองอีกฝ่ายแล้วอมยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ
“สิ่งที่มนุษย์เรียกว่าปาฏิหาริย์มันคือของขวัญจากเหล่าทวยเทพ แล้วเจ้าก็ได้รับของขวัญนั่นแล้ว”
“ของขวัญเหรอครับ”
“ใช่ ของขวัญ ข้าได้ยินมาว่าพวกมนุษย์มักจะให้ของขวัญแก่เด็กดี พวกข้าเองก็ให้ของขวัญแก่เด็กที่ได้รับความอยุติธรรมเช่นกัน”
เสือขาวปีนขึ้นไปบนเข่าของฮันและจับมือเล็กด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ใช้เท้าซ้ายปุกปุยตบลงไปเบาๆ อย่างสม่ำเสมอพลางลูบหลังมืออย่างอ่อนโยน จากนั้นไม่นานรอบยิ้มบางๆ ก็ปรากฏบนใบหน้าของฮัน
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะคิดและรู้สึกเช่นนั้น ข้าไม่ได้อารมณ์เสียนะ ข้ารู้สึกดีมากต่างหาก”
“ท่านเสือขาวเป็นเหมือนครอบครัวของผมเลยนะ เพราะฉะนั้นอย่าป่วยอีกนะครับ โดยเฉพาะป่วยเพราะผม”
“ข้าบอกเจ้าแล้วนี่ เทพพิทักษ์สี่ทิศเป็นอมตะไม่ตายง่ายๆ หรอก อย่าได้เป็นกังวลเลย”
“ถึงไม่ตาย แต่ก็ป่วยได้นี่ครับ”
“เจ้านี่เหมือนคนซื่อบื่อจริงๆ ตอนนี้มันใช่เวลามาห่วงข้างั้นหรือ คนที่เจ้าต้องห่วงก็คือตัวเจ้าเองต่างหาก”
“ผมรู้ แต่มันเป็นห่วงไปแล้ว จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ”
“ใจเจ้านี่ใหญ่เหมือนมหาสมุทรแปซิฟิกเชียว”
เสือขาวส่ายหน้าแล้วกุมหน้าผากของตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นก็จับชายเสือของฮันเขย่าไปมาราวกับจะชวนกลับบ้าน เมื่อได้ยินเสียงบ่น ฮันจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับโอบกอดเสือขาวไว้แนบอกแล้วเดินตรงกลับบ้าน ถึงจะมึนงงเล็กน้อย แต่เขาก็รู้สึกว่าความอึดอัดที่สุมอยู่ในอกค่อยๆ จางหายไป
เสือขาวมองมนุษย์ที่กำลังจอจ่อกับความคิดด้วยสายตาอ่อนโยน ช่างเป็นภาพที่เห็นแล้วรู้สึกดีและพึงพอใจเป็นอย่างมาก
* * *
ฮันเดินด้วยความเร็วโดยไม่ได้หยุดแวะพักทำให้ระยะทางที่ปกติใช้เวลาสิบห้านาที กลายเป็นไม่ถึงแปดนาที เขาอุ้มเสือขาวที่กำลังหลับอยู่ในอกตัวเองเพราะเหนี่อยล้าอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเปิดประตูบ้านตรงหน้า
ประตูบานใหญ่เปิดออกจนส่งเสียงดังเอี๊ยดบ่งบอกถึงความเก่าแก่ของมัน ฮันกังวลว่าอีกฝ่ายจะตื่นเพราะเสียงดังก็เลยก้มมอง พบว่าเสือขาวย่นหน้าอยู่กับอก เขาจึงคลายคิ้วที่ขมวดเข้าหากันลงเพราะเจ้าตัวเล็กยังคงหลับสนิทและหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอเหมือนเดิม
สร้อยคอที่เป็นเหมือนเครื่องรางคล้องอยู่กับลำคอของฮันส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง สร้อยเส้นนั้นแกว่งไปแกว่งมาตรงหน้าเสือขาว ฮันเลยจับไว้เพื่อไม่ให้มันขยับไปโดน จากนั้นก็ก้มหน้ามองอีกครั้งและฉีกยิ้มออกมาเมื่อพบว่าอีกฝ่ายยังคงนอนหลับสนิท
“หลับสบายเชียวนะ”
ฮันหัวเราะเบาๆ และเอานิ้วจิ้มจมูกเจ้าขนปุยที่กำลังหลับสนิทไร้การเคลื่อนไหว เขาอุ้มเสือขาววางบนเบาะที่อีกฝ่ายนอนเป็นประจำอย่างแผ่วเบา เสือขาวขยับตัวพลางส่งเสียงฟึดฟัดราวกับไม่ค่อยพอใจนักที่จู่ๆ ก็ต้องออกจากอ้อมแขนอุ่นๆ ก่อนจะขดตัวเอาศีรษะตนวางไว้บนหางปุกปุย
“น่ารักจัง!”
ฮันอุทานด้วยเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าจมูกนุ่มนิ่มสีชมพูอ่อนที่กำลังขยับบิดไปมาน่ารักอย่างบอกไม่ถูก เขายื่นมือไปที่ใบหน้าของเสือขาวพร้อมกับก้าวเท้าอย่างระมัดระวัง พร้อมกับความคิดในหัวว่า นี่คงเป็นความรู้สึกเดียวกับคนเป็นทาสแมว จากนั้นก็ลูบหัวของอีกฝ่ายเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“อื้อ…”
เขาย่อเข่าลงเพราะรู้สึกอ่อนระทวย เมื่อเสือขาวเอาหน้ามาถูไถฝ่ามือของเขาราวกับชอบมันมาก รสสัมผัสของขนนุ่มลื่นมันดีมาก แต่ประสาทสัมผัสกลับตื่นตัวจนยากจะลืมมันได้ จนฮันต้องกระแอมเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา
“ไปดีกว่า เดี๋ยวท่านเสือขาวตื่นเอา ”
ฮันพยักหน้าให้กับความคิดตัวเองแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เหันไปมองเสือขาวที่กำลังหลับใหลอย่างสงบอีกครั้งและค่อยๆ ก้าวเดินไปทางประตูบ้านช้าๆ ตอนนี้บัตรเงินสดของจินยังคงอยู่ในมือเขา แต่ฮันก็ไร้ความกังวลใดๆ
“ไปซื้อของใช้ซะหน่อย แล้วค่อยคืนให้คุณจินล่ะกัน ไหนๆ ก็เป็นคนไล่เราออกจากบ้าน แถมพูดจาไม่ดีใส่อีกนี่นา…”
ถึงแม้จะพูดแบบนั้น แต่ฮันก็รู้สึกขอบคุณที่จินมาช่วย เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความขอบคุณพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง แน่นอนว่ารไม่ลืมส่งข้อความบ่นน้อยใจอย่างน่ารักๆ ไปด้วย
หลังจากกดปุ่มส่งข้อความเสร็จ ฮันก็ฮัมเพลงเปิดประตูบ้านออก เสือขาวที่กำลังนอนหลับอยู่บนเบาะด้านหลังลืมตาขึ้นมามองแผ่นหลังบางค่อยๆ เลือนหายไป
* * *
คอมเมนต์