ลูกหมาของผมกลายเป็นเสือขาว! ตอนที่ 3-8
ตอนที่ 3-8 สวนดอกไม้ซอชอน
“ไม่กลัวหรือซื่อบื่อกันแน่นะ…”
เสือขาวส่ายหัวพลางถอนหายใจออกมา ก่อนจะบิดขี้เกียจบนเบาะและขึ้นลงบนเตียงอย่างสง่างาม ฝ่าเท้าของสัมผัสเตียงอุ่นและยวบลงตามน้ำหนักตัว
จากนั้นก็หัวเราะขึ้นจมูก เมื่อฮันคิดไม่ถึงว่าตัวเองดันปลุกเขาให้ตื่นจากความฝันแล้ว เสือขาวหัวเราะคิกคักแล้วนอนหงายลงบนเตียงนุ่ม เขาชอบเตียงนอนนี้มากเพราะมันมีกลิ่นตัวของฮันติดอยู่ได้อย่างชัดเจนโดยเฉพาะบริเวณที่ร่างบางนอนเป็นประจำ
“ถึงจะซื่อบื่อ แต่หากเห็นสิ่งน่าขยะแขยงเกาะติดบนหลังตัวเองก็ต้องกลัวอยู่ดี เช่นนั้นจะสามารถออกไปข้างนอกอย่างร่าเริงได้หรือไม่กัน”
เสือขาวทำหน้าย่นพลางคิดถึงคนที่ไม่รู้ตัวว่าโดนหลอกแล้วยิ้มอย่างสดใสออกไปข้างนอก พูดไม่ออกและมึนงงกับพฤติกรรมของฮัน ซึ่งตนไม่สามารถทำความเข้าใจได้ ก่อนจะกระเดาะลิ้นพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากันเหมือนไม่ค่อยพอใจนัก
“อย่างน้อยก็มีสติรู้ตัวอยู่… แต่ยังใสซื่อ ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นสินะ”
สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ บนเตียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ซ้ำไปซ้ำมา ยกสองมือสองเท้าส่ายไปมาราวกับกำลังโบกธงขาวให้ความใสซื่อที่ไม่มีแผนรับมือของฮัน ช่างเป็นเด็กที่เข้าใจอะไรยากจริงๆ
ถึงแม้จะคิดว่าตนไม่ได้โหดร้ายและเชื่องช้าเหมือนหมี หรือมีไหวพริบดั่งหมาจิ้งจอก แต่เมื่อได้เห็นท่าทางสดใสและตรงไปตรงมาก็ทำให้เสือขาวหยุดคาดเดาพฤติกรรมของฮันไปโดยปริยาย เอาเวลาไปแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดและจัดการมันให้เรียบร้อยดีกว่า
“ข้าอยากไปเดินชมดอกไม้ในร่างมนุษย์เสียจริง แต่จะบอกกับฮันอย่างไรดีล่ะ”
เสือขาวตบแก้มตัวเองดังแปะๆ แล้วจู่ๆ ก็ตบเข่าตัวเองฉาดใหญ่ราวกับนึกอะไรดีๆ ออก บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอีกครั้ง เพียงแค่คิดก็รู้สึกอารมณ์ดี ตามมาด้วยการฉีกยิ้มกว้างอย่างไม่สมกับเป็นจตุรเทพ
“ใช่สิ เช่นนั้นไปในร่างเด็กน้อยก็ได้”
ยิ้มอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับจัดหนวดยาวเฟื้อยของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นก็ส่งเสียงครางเบาๆ และหมุดหน้าลงบนเตียงนุ่ม เสือขาวสูดดมกลิ่นหอมของฮัน แล้วยิ้มอย่างหลงใหลในกลิ่นตัวของอีกฝ่าย ไม่นานร่างเล็กๆ ของตุ๊กตาสีขาวปุกปุยก็เข้าสู้ห่วงนิทราอีกรอบ
* * *
“เอ่อ ดันซื้อมาเยอะแยะเลย แบบนี้คุณจินจะโกรธไหมนะ”
ฮันจ่ายเงินค่าของทั้งหมดด้วยบัตรของจิน จนต้องเกาหัวไปมาและยิ้มอย่างประหม่าเล็กน้อย สุดท้ายด้วยความรู้สึกผิด เขาเลยส่งข้อความขอโทษอีกฝ่าย เมื่อเสียงเตือนข้อความตอบกลับดังขึ้น ฮันถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วเปิดข้อความนั้นอ่านทันที
[นายใช้ไปเถอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ต้องการอะไรก็กดเอาได้เลย ฉันมีเงินเยอะ]
ดวงตากลมโตเบิกกว้างกว่าเดิมเมื่ออ่านข้อความที่มีเนื้อหาตรงไปตรงมา เขารู้สึกลำบากใจมากกว่าตอนก่อนส่งข้อความหาจินซะอีก ฮันเลยลงมือพิมพ์ข้อความยาวเหยียดส่งไปอีกครั้งด้วยมือสั่นเทา และมีเนื้อหาเป็นเรียงความว่าไม่เป็นไร เขาไม่ได้จำเป็นต้องใช้มัน และอีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ เจอกันเมื่อไหร่ก็จะคืนบัตรใบนี้ให้ ส่วนเงินจะคืนให้ทีหลัง เมื่อส่งเสร็จฮันก็กัดเล็บรอข้อความตอบกลับอย่างกังวลใจ
[นายใช้เลย ฉันให้นายเอาไปใช้จริงๆ ไม่ต้องเกรงใจฉัน]
“จะบ้าตาย แล้วทำไมต้องให้บัตรเครดิตฉันด้วยล่ะ แบบนี้จะไม่ให้เกรงใจได้ไงเล่า!”
ฮันตะโกนเสียงดังพร้อมกับขยุ้มผมของตนเอง กระทั่งไม่สามารถทนได้อีกต่อไปจึงกดโทรหาอีกฝ่าย ทว่ากลับมีเพียงเสียงรอสายดังไม่หยุด โดยไม่มีทีท่าว่าเจ้าของมันจะกดรับ ร่างบางเลยกดวางสายและพยายามใจเย็น ก่อนจะกดโทรหาจินอีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม
“นี่จะไม่รับสายงั้นเหรอ ให้ตายเถอะ….”
เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลเดินไปข้างหน้า ทั้งๆ ที่ยังจ้องหน้าจอโทรศัพท์และกัดริมฝีปากตัวเอง จนเดินไปชนใครบางคนเข้าเพราะไม่ได้เงยหน้ามามองทาง ฮันจึงก้มหัวขอโทษด้วยใบหน้ารู้สึกผิดก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่าย แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายว่าเป็นใคร เขาเลยเอ่ยคำทักทายและยิ้มอย่างสดใสด้วยความดีใจ
“คุณทงมก!”
“สวัสดีครับคุณฮัน ร่างกายเป็นยังไงบ้างครับ”
“หื้ม คุณทงมกรู้ได้ยังไงว่าผมป่วยครับ”
ทกมงพองแก้มเล็กน้อยเมื่อเห็นฮันเอียงหน้าด้วยความสงสัย เพราะรู้สึกน้อยใจที่อีกคนหลงลืมว่าตัวเขาเป็นคนอุ้มให้ขี่หลังและป้อนยาให้ ไหล่ของทงมกตกลงขณะเอ่ยคำพูดราวกับรู้สึกไม่ยุติธรรม ส่วนฮันก็กำลังงุนงงว่าอีกฝ่ายรู้ได้ยังไงว่าตนป่วย
“ผมเป็นคนป้อนยาให้คุณนะ จำไม่ได้เหรอครับ”
“เอ๋? คนๆ นั้นคือคุณทงมกเหรอครับ”
ฮันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อรู้ว่าจริงๆ แล้วเป็นทงมกที่อยู่กับตัวเองในวันนั้น ทั้งๆ ที่มั่นใจว่าภาพที่เห็นเลือนรางคือท่านอุนยองแน่ๆ
คำบอกเล่าของเสือขาวว่าท่านอุนยองจะออกมาในเวลากลางคืนเท่านั้น รวมถึงทงมกก็บอกว่าเป็นคนป้อนยาให้เองอีก มันเลยเป็นเครื่องยืนยันว่าคนที่ฮันเห็นในวันนั้นไม่ใช่ท่านอุนยองร้อยเปอร์เซนต์ แต่ไม่รู้ทำไมเขายังรู้สึกว่าเป็นท่านอุนยองอยู่ดี ไม่ได้ตาฝาดไปเอง ร่างบางคิดเรื่องต่างๆ พร้อมกับลูบคางตัวเองไปมา
ทกมงยิ่งรู้สึกโกรธปนน้อยใจ หลังเห็นว่าฮันดูเหมือนจะกำลังคิดถึงผู้อื่น ไม่ใช่ตนที่ยืนอยู่ตรงหน้า จึงเอื้อมมือไปจับไหล่บาง ฮันเงยหน้ามองอีกฝ่ายพร้อมทำตาโตมากกว่าปกติเมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือของทงมก พอได้สติเลยรีบเอ่ยขอบคุณทงมกที่กำลังทำหน้ายู่เหมือนไม่ค่อยพอใจนัก
“ขอบคุณนะครับคุณทงมก ตอนนั้นผมไม่มีสติเลย ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้คงเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ ”
“ผมไม่ได้ต้องการคำขอบคุณหรอกนะครับ แต่เวลาอยู่ต่อหน้าผมอย่าคิดเรื่องอื่นได้ไหมครับ ผมรู้สึกไม่ดีเลย”
แล้วทกมงก็สะดุ้งกับคำพูดของตัวเอง เลยยกมือขึ้นมาปิดปากและเหลือบมองคนตัวเล็ก แต่ฮันกลับไม่ได้แสดงท่าทีผิดปกติ แถมยังพยักหน้าให้ด้วยใบหน้าเป็นมิตรและกล่าวขอโทษซ้ำไปซ้ำมาเหมือนเดิม ทงมกโล่งใจจึงพยักหน้าตอบกลับด้วยท่าทางสดใสขึ้น
“แล้วตอนนี้คุณดีขึ้นหรือยังครับ”
“ครับ ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะครับ ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”
“โล่งอกไปทีครับ”
ทงมกกับฮันเดินไปตามถนนช้าๆ พร้อมกับพูดคุยกันในเรื่องชีวิตประจำวันทั่วไป อากาศที่เริ่มอุ่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สายลมอุ่นๆ พัดผ่านทั้งคู่จนเส้นผมพริ้วสะบัดตามแรงลม ฮันรู้สึกร้อนเล็กน้อยเลยยกมือขึ้นมาเสยผมของตัวเองที่เริ่มยาวอย่างไม่เคยทำมาก่อน ทงมกมองการกระทำเล็กๆ ของอีกฝ่ายอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะโพลงคำพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ
“คุณฮันมีคนที่กำลังคบหาอยู่หรือป่าวครับ”
“ผมไม่เคยสัมผัสเรื่องอะไรพวกนั้นเลยครับ”
“เอ่อ…”
ฝ่ายถามหยุดพูดอย่างรวดเร็วแล้วก้มหน้าลง เมื่อสัมผัสถึงบรรยากาศเริ่มเย็นยะเยือก จนต้องบ่นปากตนเองที่ไม่ระมัดระวังคำพูด ครั้งนี้ฮันเงียบไปเหมือนอารมณ์ไม่ดีมากๆ และถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ไม่เป็นไรหรอกครับ จริงๆ ก็มีหลายคนมาชอบผมนะ แต่ผมไม่ชอบพวกเขาครับ”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง คุณคงค่อนข้างฮอตพอสมควรเลยสินะครับ”
“ก็ไม่ถึงกับไม่มีเลย แค่ผมไม่ค่อยสนใจคนที่มาชอบตัวเองเท่าไหร่น่ะครับ”
ทงมกรู้สึกมึนงงกับตัวเองอีกครั้งเมื่อบรรยากาศกลับมาดีขึ้นอย่างรวดเร็ว การได้เดินเคียงข้างฮันท่ามกลางบรรยากาศนุ่มนวลนก็เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว แต่เขากลับชวนคุยผิดเรื่อง เพราะคิดแค่ว่าอยากคุยกับอีกฝ่ายมากกว่านี้เท่านั้น ร่างสูงได้แต่ตำหนิตนเองแล้วก้มหน้าลง แต่ทว่าฮันกลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ ราวกับเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทงมกจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาสบตา
“แล้วคุณทงมกล่ะครับ คุณก็หล่อนะ มีคนมาชอบเยอะไหมครับ”
“เอ่อ ผมไม่ค่อยกล้าเรื่องแบบนี้ ก็เลย…”
เมื่อได้ยินคำตอบของทงมกที่พยายามจะอธิบายยืดยาว ฮันก็พยักหน้าแล้วพูดว่า ‘ไม่สนุก’ ออกมาโดยอัตโนมัติ ร่างบางเองฏ้ตกใจกับคำพูดที่หลุดออกมาเลยยกมือขึ้นปิดปาก และคราวนี้เป็นอารมณ์ของทงมกเองที่ค่อยๆ ดิ่งลงโดยไม่มีที่สิ้นสุด
“ผมคงเป็นคนน่าเบื่อมั้งครับ…”
ฮันรีบปฏิเสธพร้อมกับโบกมือไปมา เมื่ออีกคนเอ่ยถามขึ้นอย่างเศร้าสร้อย แต่จู่ๆ สีหน้าของทงมกก็พลันเปลี่ยนไป
“แบบนี้คงต้องไปหาหนังสือสร้างอารมณ์ขันหน่อยแล้วล่ะครับ ”
“อย่าไปอ่านเลยครับ ไม่สนุกหรอก ในนั้นมันมีอะไรแบบนี้อยู่เต็มไปหมด เช่น คำถามแบบว่าปลาอะไรมีสองหน้าน่ะครับ”
“แล้วปลาอะไรมีสองหน้าเหรอครับ”
ฮันไม่สามารถหลีกเลี่ยงคำตอบได้เมื่อเห็นสายตาสดใสมีชีวิตชีวาของทงมก ก็เลยต้องจำใจตอบกลับไปอย่างตะกุกตะกัก แต่ก็ไม่สามารถซ่อนสีหน้าลำบากใจได้เลย
“ปะ ปลาทูน่าไงครับ”
“อุ๊บ ฮ่าๆ”
ทงมกกลั้นขำไว้ไม่ไหวจึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ส่วนฮันมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหมือนถามว่าทำไมถึงหัวเราะ ถึงจะมีใบหน้าหล่อเหลา แต่ร่างบางก็เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงไม่ค่อยมีคนเข้าหาทงมก
“มีผมคนเดียวที่หัวเราะหรือป่าวครับเนี่ย…”
“ผมก็พอจะรู้แล้วล่ะครับว่าทำไมคุณถึงยังไม่มีแฟน”
ทงมกยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหน้าแล้วหัวเราะกับตัวเองต่อ ฮันกระเดาะลิ้นและยังคงมองอีกฝ่ายด้วยสายตาอึ้งๆ
“เราหยุดคุยเรื่องแบบนี้กันดีกว่าเนาะ”
“ดีเหมือนกันครับคุณฮัน”
ชายหนุ่มสองคนตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งแล้วก็ออกเดินไปตามถนนเงียบสงบต่อ ปกติแล้วถนนเส้นนี้ไม่ค่อยมีรถวิ่งมากนักอยู่แล้ว ยิ่งพวกเขาไม่ได้พูดอะไรกัน ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศรอบๆ เงียบสงัด จนไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย นานๆ ทีจะมีเสียงแตรรถยนต์ดังมาจากไกลๆ หรือเสียงร้องของนกกระจอก
ฮันที่ดูเหมือนกำลังตกไปอยู่ในอีกโลกนึงก็ชะเง้อมองไปรอบๆ ถนน เขามองถนนที่เดินผ่านมาตลอดด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ จนไปเห็นดอกหญ้าที่ขึ้นอยู่ตามพื้นคอนกรีตแตกร้าวเลยอุทานด้วยความตื่นเต้น
“ว้าว ตรงนี้มีดอกไม้ด้วยครับ”
“คุณฮัน… ชอบดอกไม้เหรอครับ”
“ก็ชอบนะครับ ค่อนข้างแปลกใช่ไหมล่ะ ปกติผู้ชายไม่ค่อยชอบอะไรพวกนี้”
ฮันเกาหัวตัวเองพลางหัวเราะแห้งๆ แถมยังส่ายถุงพลาสติกในมือไปมาเพื่อเบนสายตาของทงมก ทว่าร่างสูงกลับจ้องมองท่าทางแบบนั้นแล้วฉีกยิ้ม พร้อมกับคว้าข้อมือทั้งสองข้างของฮันราวกับนึกอะไรบางอย่างออก
“ถ้างั้นไปร้านดอกไม้ไหมครับ ร้านดอกไม้ของคุณแม่ผมใหญ่มากเลยนะ มีของแปลกๆ เต็มไปหมดเลยครับ”
“อ๋อ ใช่ร้านดอกไม้ที่อยู่ตรงสี่แยกหรือเปล่าครับ”
“ใช่ครับ ถ้าคุณไป ผมรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ”
“มันไม่เป็นการรบกวนเหรอครับ ถึงยังไงก็เป็นร้านขายดอกไม้นะ”
“ไม่เป็นไรครับ ปกติจะขายแบบออนไลน์มากกว่าน่ะครับ คนที่เข้ามาเลือกที่ร้านโดยตรงไม่ค่อยมีเท่าไรหรอก”
ทงมกพูดเสียงดังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนด้วยความตื่นเต้นขณะจับแขนฮัน ฮันมองท่าทางของอีกฝ่ายอย่างงุนงงแล้วพยักหน้าอย่างช้าๆ ตอบรับคำชักชวนพร้อมกับพูดว่า “ถ้างั้นรบกวนด้วยนะครับ” พอฮันตอบตกลง ทงมกก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างสดใสและพาฮันไปยังจุดหมาย
“ผมมีอะไรสนุกๆ ให้ดูด้วยครับ มีของที่คุณต้องทึ่งเต็มไปหมดเลยล่ะครับ”
“อ่า ครับ ขอบคุณนะครับ”
ฮันทำสีหน้าลำบากใจหลังเห็นว่าทงมกดูชอบอกชอบใจมากเป็นพิเศษ ก่อนจะส่ายหน้าไปมาแล้วรีบก้าวเดินตามอีกฝ่ายทันที
เขาคิดอย่างสบายใจว่าการไปดูดอกไม้คงไม่มีปัญหาอะไรกับตัวเอง จนลืมคิดไปว่าเสือขาวกำลังรออยู่
กระทั่งเวลาล่วงเลยจนแสงอาทิตย์ตกสีแดงอ่อนๆ เริ่มสาดแสงวาดลวดลายบนท้องฟ้าทีละนิดๆ
* * *
คอมเมนต์