ลูกหมาของผมกลายเป็นเสือขาว! ตอนที่ 3-9

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 3-9 สวนดอกไม้ซอชอน

“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว เหตุใดถึงยังไม่กลับมาอีก”
ท้องฟ้ายามเย็นค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด เสียงอีการ้องดังกึกก้องมาจากบนสายไฟใกล้ๆ หน้าต่างบ้านของฮันราวกับเป็นลางร้าย เสือขาวเหลือบตามองออกไปนอกหน้าต่างแล้วส่งสายตารุนแรง ก่อนจะทุบหน้าต่างดังปังและจ้องมองอีกาที่กำลังร้องเสียงดัง
อีกากระพือปีกบินหนีไปทันทีเพราะตกใจ แต่ใบหน้าของเสือขาวกลับไม่ดีขึ้นเลยสักนิด ภายในห้องที่ถูกปล่อยให้รกไม่เป็นระเบียบเริ่มมืดราวกับจะมีภูตผีโผล่ออกมา
“ท่าจะไม่ดีแล้ว”
สุดท้ายเสือขาวก็ทนต่อไปไม่ไหวรีบวิ่งลงจากเตียงนอน ตุ๊กตาขนาดเล็กถูกล้อมรอบด้วยแสงสว่างจ้า จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นร่างของอุนยองที่คุ้นเคยกันดี
หลังจากเปลี่ยนร่างเสร็จก็สะบัดชายเสื้อผ้าสีขาวยาวเฟื้อยและเปิดหน้าต่างออก ขนาดปลายนิ้วเรียวขาวที่ยื่นออกไปนอกหน้าต่างยังถูกความมืดมิดกลืนกิน ก่อนจะมีแสงอ่อนๆ พุ่งออกมาคล้ายด้ายเส้นบางๆ
ลำแสงเริ่มขยับไปมาในมือของเสือขาวราวกับเป็นผ้าไหมพลิ้วไหว ทันทีที่ดีดนิ้ว เจ้าสิ่งนั้นก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนเหมือนเป็นการยิงให้สัญญาณ มันสวยจนอาจจะเป็นทัศนียภาพที่ทำให้ใครหลายๆ คนประทับใจ แต่สีหน้าของเสือขาวกลับมีแค่เพียงความมืดมิดเหมือนเดิม
“ในความมืดมีพวกปีศาจเดินเพ่นพ่านเต็มไปหมด…”
พวกภูตผีปีศาจที่ไม่สามารถมองเห็นได้จะอยู่ในอาณาเขตใดอาณาหนึ่ง กลายเป็นวิญญาณที่หลงทางไปนรกไม่ถูก อีกทั้งวิญญาณเหล่านั้นมักจะปฏิเสธการลงปรโลกด้วยตัวเอง พวกนั้นไม่สามารถอยู่ในโลกมนุษย์หรือปรโลกได้ เมื่อความโดดเดี่ยวที่หลงเหลืออยู่ในส่วนลึกเริ่มร้ายกาจมากขึ้น จึงแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งชั่วร้ายคอยทรมานมนุษย์ที่ยังมีชีวิต
ความละโมบอยากได้ชีวิตที่ตนไม่มี วิญญาณเหล่านั้นไม่ใช่วิญญาณบริสุทธ์อีกต่อไป แม้แต่ดวงจิตที่ตัวเองเคยมี เนื่องจากกระหายอยากได้ชีวิตคนอื่นจนส่งผลให้ไม่สามารถอยู่ในพื้นที่ที่มีแสงสว่างได้
บางครั้งเจ้าพวกนี้ก็ทำร้ายมนุษย์ที่ยังมีชีวิตด้วยการเกาะติดเป็นเงา และเล่นกับจิตใจด้านมืดของมนุษย์ มันจะพยายามเปลี่ยนมนุษย์ผู้นั้นให้ตกอยู่ในความมืดและทำเรื่องเลวร้ายจนสำเร็จ กระทั่งกลายเป็นว่ามนุษย์ผู้นั้นไม่สามารถไปยังปรโลกได้ในท้ายที่สุด จุดจบแบบนั้นของภูตผีปีศาจส่วนใหญ่จะถูกแบ่งออกเป็นสองสาเหตุใหญ่ๆ ก็คือเกิดจากการทำลายตัวเอง หรือไม่ก็พระเจ้าเป็นผู้กำหนด
“เหตุใดถึงยังไม่มา”
ถึงแม้เสือขาวจะส่งสัญญาณเรียกจตุรเทพอีกตน แต่ลีจินกลับไม่ปรากฎตัวขึ้น เขาอยากออกไปตามหาฮันใจจะขาด แต่จินสามารถรับรู้ถึงพลังชีวิตกับกลิ่นของความตายได้ เนื่องจากเป็นบุตรชายของท้าวพญายมราช
ถ้าออกไปตามหาพร้อมจินก็จะสามารถเจอฮันได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เสือขาวรู้ดีว่าการรอคอยอีกฝ่ายมันมีประโยชน์มากกว่า ถึงแม้จะใช้เวลาเพิ่มนิดหน่อยก็ตาม แต่ขาทั้งสองข้างของเขากลับเดินไปเดินมาและทำท่าจะพุ่งตัวออกไปข้างนอกตลอดเวลา ใบหน้าก็เริ่มเคร่งเครียดเพราะกังวลเรื่องของฮันกับเรื่องของจินไปพร้อมๆ กัน
“อะไรกัน เรียกข้าทำไม”
ในที่สุดจินก็ปรากฎตัวขึ้นภายในเปลวเพลิงด้วยท่าทางประหลาดใจ ชายหนุ่มลูบผมตัวเองคล้ายหงุดหงิดและเดินมายืนเผชิญหน้ากับเสือขาว ตอนแรกร่างสูงรู้สึกดีใจกับการปรากฎตัวของอีกฝ่ายจนรุดเข้าไปคว้าแขนทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว แต่จินกลับตะโกนลั่นเพราะจู่ๆ ก็โดนแตะเนื้อต้องตัวแบบกะทันหัน เสือขาวเห็นแบบนั้นเลยเอ่ยคำพูดที่ทำให้ผู้มีใบหน้าหงิกงอเงียบลง
“ฮันหายไป ไม่สิ เด็กคนนี้เดินออกไปข้างนอก แต่ยังไม่กลับมา”
“ว่าอย่างไรนะ”
“ฮันบอกว่าจะไปร้านค้าข้างหน้านี้ แต่ยังไม่กลับมาเลย”
“ท่านมัวทำอะไรอยู่ ในเมื่อตัวเองมีหน้าที่ดูแลพื้นที่บริเวณนี้โดยตรง! แล้วเด็กอ่อนแอนั่นอยู่ที่ไหนกัน ท่านปล่อยให้ออกไปในเวลากลางคืนได้อย่างไร!”
“ข้าไม่ระมัดระวังเอง ตอนนั้นข้าคิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา”
“ยิ่งกลางคืนเช่นนี้ พวกภูตผียิ่งออกมาเพ่นพ่านเต็มไปหมดแน่ๆ คงหาตัวได้ยากกว่าเดิม”
ลีจินข่มตาลงพร้อมขบฟันกรอดๆ ก่อนจะเริ่มหาทิศทางของจิตที่เป็นสัญญานของฮันด้วยใบหน้าเคร่งเครียด แต่สิ่งกีดขวางกลับเยอะเกินไปจนยากจะตามหา เจ้าของเส้นผมสีแดงเหงื่อแตกพลั่กๆ และในที่สุดก็ตามหาสัญญาณของฮันที่ยังหลงเหลืออยู่อย่างเลือนลางที่บริเวณถนนใหญ่ จินลืมตาขึ้นแล้วตรงไปเปิดหน้าต่างทันที
“เหาะไปเลยแล้วกัน ตามมาดีๆ ล่ะ”
“ข้ารู้แล้ว”
แสงสว่างวาบออกมาจากร่างกายกำยำของจินพร้อมเปลวเพลิงลุกโชติช่วงบนท้องฟ้าอันว่างเปล่า เสือขาวกัดริมฝีปากและไล่ตามหลังอีกฝ่ายที่เหาะไปทางด้านหน้าด้วยความเร็ว ถ้าเขาไม่ปล่อยฮันไปแบบนั้น ก็คงไม่ต้องมากังวลด้วยความรู้สึกผิดเช่นนี้

* * *

“ดอกไม้เยอะแยะเต็มไปหมดเลยนะครับเนี่ย”
“ชอบไหมครับ”
ทงมกยิ้มอย่างสดใสแล้วยื่นถ้วยชาในมือให้ฮัน จากนั้นเกาท้ายทอยอย่างเคอะเขินและนั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่มุมนึงของร้าน ชาที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้คือชาแดง ซึ่งมีส่วนผสมของเปลือกส้มเสริมกลิ่นเปรี้ยวสดชื่น กลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิดลอยฟุ้งมาจากทุกทิศของร้าน รวมถึงจากในชาที่กำลังดื่มราวกับกำลังอยู่ในวิมานบนสรวงสวรรค์ ฮันยกชาแดงร้อนๆ ในมือขึ้นมาเป่าแล้วดื่มเข้าไปอึกใหญ่ พร้อมคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
“รสชาติดีเลยครับ”
“ผมดีใจนะที่คุณชอบ งั้นค่อยๆ เดินชมรอบๆ ร้านก็ได้นะครับ”
“มีพวกสมุนไพรหลายชนิดเลยนะครับเนี่ย ผมคิดอยู่เลยว่าจะซื้อกลับดีไหม”
“ในเมื่อเป็นเพื่อนของลูกชาย ฉันไม่คิดเงินนะจ๊ะ”
เมื่อได้ยินเสียงไม่คุ้นเคย ฮันจึงหันหน้าไปทางต้นเสียง ด้วยความที่เป็นร้านดอกไม้ขนาดใหญ่จนกินพื้นที่ชั้นหนึ่งและชั้นสองของย่านการค้า แม่ของทงมกจึงมักจะนั่งทำงานอยู่ที่ชั้นสอง ไม่ค่อยได้มีใครเห็นหน้าตาสักเท่าไร แต่ตอนนี้เธอกำลังเดินลงบันไดมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ฮันรีบก้มหัวทักทายอีกฝ่ายทันที แม่ของทงมกเองก็พยักหน้ารับพร้อมส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ ก่อนจะย้ำว่าไม่จำเป็นต้องจ่ายเงิน เธอเดินมาวางดอกไม้หนึ่งดอกลงบนฝ่ามือของฮัน
“ดอกโบตั๋นน่ะ สวยไหมจ๊ะ”
“ว้าว สีสวยมากเลยครับ ขอบคุณนะครับ”
“แหม่ เป็นเพื่อนของทงมกนี่นา แค่นี้ทำไมจะให้ไม่ได้ล่ะจ๊ะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฮันได้เห็นเวลามันบานสะพรั่ง กลีบดอกโบตั๋นทบกันไปทบกันมาหลายชั้น เขาจับก้านของมันแล้วเริ่มมองอย่างสนใจ ดอกโบตั๋นสีชมพูอ่อนตรงหน้าสวยน่ามอง รวมถึงมีกลิ่นหอมเข้มข้นจนสามารถดึงดูดใครหลายๆ คนให้หันมองได้ กลิ่นมันแรงกลบกลิ่นน้ำชาที่ทงมกให้จนหมด
“ชื่อคังฮันใช่ไหมคะ”
“อ่า ใช่ครับ จริงๆ ผมต้องเป็นฝ่ายแนะนำตัวก่อน ขอโทษนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ พอดีทกมงเล่าเรื่องคุณคังฮันให้ฟังอยู่บ้าง เลยรู้ว่าเป็นคุณน่ะค่ะ เป็นเพื่อนน่ารักจริงๆ ด้วยนะเนี่ย”
แม่ของทงมกหัวเราะอย่างสดใสราวกับเป็นสาวน้อย ก่อนจะทำไม้ทำมือเรียกลูกชายที่กำลังหลบสายตาและกระวนกระวายทำตัวไม่ถูกอยู่ข้างหลังให้เดินมาอยู่ข้างตัวเอง ทงมกรีบวิ่งมาตามคำเรียกของแม่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรอีกฝ่ายถึงหลีกเลี่ยงไม่สบสายตาฮัน
“คุณทกมงเป็นอะไรไปเหรอครับ”
“อ๋อ… มกคงคิดว่าฉันไม่อยู่เลยพาคุณคังฮันมาที่ร้านมั้งคะ ปกติดิฉันไม่ค่อยได้ออกมาดูหน้าร้านเท่าไหร่”
“ถ้าเกิดว่าผมมารบกวน ก็ต้อง…
“เปล่าหรอกจ๊ะ ไม่เป็นไรจริงๆ พอดีตอนนี้ใกล้จะปิดร้าน แล้วอยู่ในช่วงจัดเก็บดอกไม้พอดี”
เธอหัวเราะเสียงดังพร้อมจับแก้มของทงมกที่ตัวแข็งทื่อให้ยืดออก จากนั้นก็ตบลงไปก้นของลูกชายเหมือนเอ็นดู ทงมกเลยคว้าข้อมือแม่ไว้แล้วส่ายหน้าแดงระเรื่องไปมา หญิงสาวยิ้มอย่างสดใสก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ฮัน
“เดินดูดอกไม้ได้ตามสบายนะคะ เดี๋ยวดิฉันขอตัวก่อน มก เสร็จแล้วก็ปิดประตูด้วยนะลูก”
“ครับผม เดี๋ยวปิดให้ครับ”
แม่ทงมกยิ้มอย่างงดงามและค่อยๆ ตรงไปยังประตูทางเข้าช้าๆ ก่อนจะโบกมือลาฮันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินออกจากร้านไป ไม่รู้ทำไมความเงียบพร้อมบรรยากาศแปลกๆ ถึงเข้ามาโอบรอบตัวทั้งคู่ ฮันเลยพยายามหัวเราะแห้งๆ เพื่อดึงความสนใจของทงมก
“ดอกไม้เยอะจริงๆ นะครับ”
“พอดีดอกไลเซนทัส[1]กับดอกกุหลาบจะจัดแบ่งตามสี เลยทำให้ดูเยอะครับ”
“ผมเพิ่งเคยเห็นดอกโบตั๋นเป็นครั้งแรกเลยครับ สวยมากๆ”
“ดอกโบตั๋นก็เป็นที่นิยมพอสมควรเลยครับ แต่ดอกไม้ชนิดนี้มีขนาดใหญ่อยู่แล้ว เลยจะไม่ค่อยจัดในช่อดอกไม้น่ะครับ เป็นดอกไม้ที่สวยที่สุดเวลาอยู่ดอกเดียว”
“นั่นนะสิครับ”
ฮันเริ่มเดินดูดอกไม้ที่วางอยู่มากมายในร้าน ทงมกเองก็เดินตามฮันไปรอบๆ ร้านและคอยอธิบายเกี่ยวกับดอกไม้ที่คนตัวเล็กให้ความสนใจ เสียงหัวเราะคิกคักของฮันดังออกมาเป็นระยะๆ เมื่อได้ยินความหมายของดอกไม้ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน พร้อมกับพยักหน้าและตั้งใจฟังคำพูดของอีกฝ่าย ร่างสูงไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังฉีกยิ้มกว้างให้ฮันที่กำลังสนุกกับคำอธิบายของตนขนาดไหน
“โอ๊ะ นั่นมันอะไรน่ะ”
ทงมกตั้งใจจะหยิบต้นแอปเปิ้ลมิ้นท์ที่ฮันสนใจเป็นพิเศษมาให้ แต่จังหวะที่มือเขาสัมผัสกระถาง จู่ๆ ฮันที่กำลังดูดอกไม้ตรงซอกหลืบของร้านก็เอ่ยคำถามพร้อมก้มลงนั่งยองๆ
แต่ลูกชายเจ้าของร้ายก็ไม่ได้รู้สึกว่าท่าทางของคังฮันที่กำลังตั้งใจมองบางอย่างเป็นเรื่องแปลกอะไร จึงหยิบกระถางใส่ถุงพลาสติกอีกครั้งต่อ ทว่าฮันกลับตะโกนเสียงดังจนกระถางในมือใหญ่หล่นลงไปอยู่ที่พื้น
“คะ คางคก!”
“ฮันเป็นอะไรครับ!”
ฮันกระแทกก้นลงกับพื้นดังโครมแล้วทรุดนั่งอยู่แบบนั้น ทงมกจึงรีบวิ่งไปหาทันทีพร้อมย้อนถามอย่างร้อนใจ คนตัวเล็กหลับตาแล้วชี้ไปที่ซอกนั้นด้วยมือสั่นระริก แต่บริเวณจุดที่ฮันชี้กลับไม่เห็นอะไรผิดปกติเลย นอกจากช่อดอกกุหลาบเท่านั้น ทงมกได้แต่เอียงคอไปมาด้วยความสงสัยแล้วค่อยๆ เขย่าตัวคนที่ยังคงหลับตาปี๋
“คุณฮัน ไม่เห็นมีอะไรเลยครับ”
“เอ๋? มีนะครับ ตรงนั้นมันมีคางคกคาบดอกไม้สีม่วงอยู่ครับ”
“ลองมองอีกทีสิครับ ไม่มีอะไรเลย”
“…อะไรกัน เมื่อกี้อยู่ตรงนั้นนี่”
ฮันขยี้ตาตัวเองแล้วมองตรงนั้นอีกครั้ง แต่กลับไม่เจออะไรเลย จึงหันมองทงมกด้วยความมึนงง ทกมงก็เริ่มรู้สึกกังวลมากกว่าเดิมเมื่อเห็นใบหน้าคล้ายไม่มีสติและเอาแต่บ่นพึมพำว่า ‘ไม่สิ มันอยู่ตรงนั้นนี่น่า…’ เขาพยายามประคองให้ฮันลุกขึ้นแล้วดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง
“พักสักหน่อยไหมครับ”
พอเข้ามาใกล้ชิดก็รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิร่างกายของฮันเริ่มสูงขึ้น ทงมกเลยกระชับอ้อมแขนมากกว่าเดิมพร้อมกับยิ้มบางๆ แต่คนตัวเล็กก็ยังคงบ่นพึมพำด้วยสีหน้าเหม่อลอยเช่นเดิม เหมือนไม่รับรู้ถึงการกระทำของอีกฝ่าย หลังจากพาฮันมานั่งลงบนเก้าอี้ เสียงบ่นพึมพำก็เงียบลง แต่สายตายังคงเหม่อมองไปกลางอากาศว่างเปล่า
ท่าทางเหมือนมึนเมาอะไรสักอย่าง ทกมงจึงยกมือโบกไปมาตรงหน้า แต่ฮันกลับปิดปากเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลย
“ฮัน เป็นอะไรครับ”
“…”
ทงมกจับมือเล็กด้วยความเป็นห่วง แต่จู่ๆ ร่างกายของฮันก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง เขาเลยเบิกตาโพลงพร้อมกับเขย่าตัวอีกฝ่าย เมื่อเห็นท่าทางสั่นระริกไปทั้งตัวเหมือนต้นหลิวโดนลมพัด แต่ฮันกลับไม่ได้ยินเสียงของทงมกเลยแม้แต่น้อย แถมยังเอาแต่ก้มตัวอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเริ่มถูไถใบหน้าเข้ากับเข่าของตัวเองแล้วส่งเสียงกรีดร้อง และกำลังจะร่วงลงไปอยู่พื้น
“คะ คุณคังฮัน!”
ทว่าทงมกกลับคว้าตัวฮันได้อย่างฉิวเฉียด เขาพยายามเขย่าตัวคนที่กำลังหายใจหอบแรงดังฟึดฟัด แต่ฮันกลับเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดด้วยสีหน้าเศร้าโศก ไม่นานทงมกก็ต้องเบนความสนใจจากฮันที่กำลังร้องไห้จะเป็นจะตายเหมือนเจอเรื่องเจ็บปวด ไปทางน้ำเสียงของใครบางคนที่ดังขึ้น

[1] ดอกไลเซนทัส ลักษณะคล้ายดอกกุหลาบ แต่จะออกดอกเป็นช่อ

คอมเมนต์

Chapter List