ลูกหมาของผมกลายเป็นเสือขาว! ตอนที่ 3-10

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 3-10 สวนดอกไม้ซอชอน

“ฮัน!”
อุนยองทุบประตูเข้ามาพร้อมกับเสียงตะโกนดังกึกก้องไปทั่วร้านดอกไม้ ทันทีที่เห็นฮันกำลังทรุดตัวอยู่บนพื้นก็รีบถลาเข้ามาอยู่ข้างๆ อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จินมองอุนยองที่วิ่งไปหาฮันก่อนตนเองด้วยสายตาตระหนก และเมื่อเห็นท่าทางของฮันที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไรเลยรีบเดินตามเข้าไปเช่นกัน
ทงมกแทบไม่รู้สึกตัวว่าอุนยองกับจินเข้ามาอย่างกะทันหัน เขาทำได้เพียงแค่มองอีกคนดึงฮันออกไปจากอ้อมแขนตนเองอย่างสับสน
“เหตุใดเขาถึงเป็นเช่นนี้! อยู่กับเจ้าก็ยังเจอพวกปีศาจร้ายอย่างนั้นรึ!”
“มันไม่ใช่พวกปีศาจร้ายหรอกขอรับ ข้าจัดการหมดแล้ว!”
“แล้วทำไมฮันถึงเป็นเช่นนี้ล่ะ”
“ทุกคนหลบ เดี๋ยวข้าจะลองหาสิ่งผิดปกติสักหน่อย”
จินผลักทงมกกับอุนยองให้ออกไปแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ริมฝีปากของฮัน เขาเม้มปากแน่นเมื่อได้กลิ่นของปรโลกจางๆ ปะปนออกมาจากลมหายใจอีกฝ่าย จากนั้นจึงหันไปถามทงมกที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ข้างๆ
“เจ้าได้กลิ่นดอกไม้ที่อยู่ในสวนซอชอนบ้างหรือไม่”
“หืม แล้วมันจะมาอยู่นี้ได้อย่า…”
ทงมกหยุดพูดประโยคต่อไปทันที ก่อนจะมีสีหน้าขาวซีดและมือสั่นระริก เมื่อนึกถึงคำพูดของฮันก่อนจะมีอาการแบบนี้ว่าเห็นคางคกกำลังคาบดอกไม้สีม่วง ก็รีบเข้าไปจับมือเย็นยะเยือกไว้แน่นพลางร้องเสียงหลง
“นะ น่าจะเป็นดอกดวงใจมารขอรับ พอดีท่านแม่บอกให้ข้าไปนำมาให้…”
“ดอกดวงใจมารอย่างนั้นหรือ”
จินขยับมือแล้วเพิ่มพลังตัวเองไปที่ฮันจนมือทงมกตกลงไปอยู่บนพื้น เขากลืนน้ำลายแล้วกระพริบตาถี่ๆ ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ทงมกมองอุนยองอ้าปากค้างกอดฮันไว้ตรงหน้าอย่างมึนงง
“ตาเฒ่า ดอกดวงใจมารมันปลุกจิตใจด้านมืดของมนุษย์ได้นี่ใช่หรือไม่”
“ใช่”
“…นี่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่เนี่ย”
ดอกดวงใจมารจากสวนซอชอนเป็นดอกไม้ที่สามารถปลุกจิตใจด้านมืดของมนุษย์ขึ้นมาได้ สิ่งชั่วร้ายมากมายจะเข้าเกาะกินจิตใจด้านมืด และดอกดวงใจมารก็เป็นดอกไม้ที่รวบรวมสิ่งเลวร้ายพวกนั้นเอาไว้
“คุณฮันโดนเล่นงานหรือขอรับ”
ถ้ามนุษย์ได้รับสิ่งชั่วร้ายที่ข้ามธรณีประตูเข้ามา ก็เหมือนเป็นการเปิดประตูให้เหล่าปีศาจร้ายที่ต้องการร่างกายของมนุษย์ จินสับสนจนไม่รู้จะทำอย่างเฉกเช่นเส้นผมที่กำลังพันกันยุ่งเหยิง
“ใช่แล้ว ฮันโดนเล่นงาน”
เสียงทุ้มของอุนยองดังขึ้นหลังจากเงียบไปนาน เขาก้มลงเอาจมูกฝังกับต้นคอร่างบาง ก่อนจะถอนหายใจออกมา แล้วพยักหน้ายืนยันกับสิ่งที่ฮันเป็นอยู่ พร้อมกับดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่นขึ้น จู่ๆ จินที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ก็ตั้งสติได้แล้วรุดเข้าไปอยู่ข้างๆ เสือขาว
“หากฮันยังเป็นเช่นนี้อยู่ ตอนนี้ไม่มีเวลาให้มัวชักช้าแล้ว”
จินพับแขนเสื้อแล้วยกมือขึ้นมาขณะมองฮันร้องไห้อย่างเศร้าโศก จากนั้นก็ทาบมือลงไปบนหน้าอกบางเพื่อส่งพลังของตัวเองเข้าไปในร่างกาย และพึมพำเป็นภาษาปรโลก ทว่าอุนยองกลับยื่นมือมาคว้ามือจินเอาไว้
มือใหญ่ถูกเปลวไฟไหม้ลุกลามไปทั่วเพราะเข้าไปจับมือจินที่มีกระแสพลังอัดแน่นย่างเต็มเปี่ยม แต่อุนยองทำเพียงแค่จับมือจินแน่นขึ้น โดยไม่สนใจความเจ็บปวดที่ได้รับเลยแม้แต่น้อย
“อะไร เหตุใดท่านทำเช่นนี้เล่า”
“ข้าคิดว่ามันไม่ใช่ดอกดวงใจมาร”
“อะไรนะ”
“เจ้าดูสิ ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกถึงกลิ่นหอมอะไรเลย”
จินก้มลงไปสูดดมลมหายใจของฮันตามคำพูดอีกฝ่าย กลิ่นหอมอะไรบางอย่างไม่ปนออกมาแล้ว มีเพียงอาการไม่สบายตัวอย่างเห็นได้ชัดเท่านั้น
“แล้วมันคืออะไรเล่า”
ทั้งอุนยองและทงมกต่างไม่ได้ตอบอะไร เมื่อได้ยินคำพูดที่จินพ่นออกมาอย่างกระวนกระวาย
ขณะที่ทั้งสามกำลังตกอยู่ในความคิด อาการของฮันก็แย่ลงเรื่อยๆ
คนตัวเล็กร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวด ยกมือจับหน้าอกของตัวเองไว้แน่นพลางหายใจหอบถี่แล้วเริ่มร้องไห้ตัวโยนราวกับกำลังมีความทุกข์แสนสาหัส ระหว่างที่จินกำลังมองดูอาการของฮันอยู่ จู่ๆ ก็ก้มลงไปเลียน้ำตาของร่างบางราวกับเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก
“นี่เจ้าทำอะไร!”
“มันคือดอกโศกกำสรวล”
“อะไรนะ”
“เป็นดอกไม้ที่ทำให้ความเศร้าโศก หรือความเหน็ดเหนื่อย รวมไปถึงความดีใจ ความโกรธแค้น ความเสียใจ ความสนุกสนาน ความรัก ความเกลียด ความปรารถนาเพิ่มมากขึ้น ตอนแรกเมื่อเอ่ยถึงดอกไม้สีม่วง ข้าเองก็นึกถึงดอกดวงใจมาร แต่พอมาคิดดูอีกที ดอกไม้แห่งน้ำตาก็มีสีม่วงเช่นกัน”
“…แต่เทพพิทักษ์สวนดอกไม้บอกว่ามันคือดอกดวงใจมารนี่ขอรับ”
“ไม่ใช่ มันคือดอกโศกกำสรวลแน่นอน แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเทพพิทักษ์สวนดอกไม้ถึงบอกเจ้าเช่นนั้น… ตอนนี้ก็โล่งใจไปได้เปราะนึงแล้ว”
จินพูดพร้อมกับเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลจากขอบตาฮัน ก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อเห็นน้ำตาไหลลงมาเปรอะเปื้อนเต็มแก้มแดง จนต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความสงสาร
ดอกโศกกำสรวล เป็นดอกไม้ที่ทำให้นึกถึงเรื่องราวเจ็บปวดจนร้องไห้ออกมาเหมือนชื่อของมัน โดยดึงเหตุการณ์และเรื่องราวจากความรู้สึกของมนุษย์ขึ้นมา สร้างเป็นความโศกเศร้าและความเจ็บปวด
ลีจินเคยได้ยินจากท้าวพญายมราชผู้เป็นพ่อว่า ตั้งแต่สมัยโบราณดอกไม้ทั้งสี่ที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึก ห้ามนำมากับมนุษย์เด็ดขาด ยิ่งทำให้เขาลูบหน้าผากมนที่มีเหงื่อเม็ดโตไหลท่วมด้วยความอึดอัดใจ มันยากเหลือเกินที่ต้องมาเห็นฮันเหนื่อยล้าและหายใจถี่เร็วแบบนี้
“ความเป็นจริงดอกไม้ชนิดนี้ก็ไม่ดีนักหรอก แต่ก็ไม่ร้ายแรงเท่าดอกดวงใจมาร”
“แล้วเช่นนี้จะทำอย่างไรล่ะ ต้องทำอย่างไรฮันถึงจะหยุดร้องไห้สักที”
อุนยองเอ่ยถามจินด้วยน้ำเสียงสั่นเทาเกือบเท่ามือฮัน ขณะกอดคนตัวเล็กเอาไว้ในอ้อมแขน เขาเองก็เริ่มอึดอัดเมื่อเห็นอีกฝ่ายร้องไห้หนักแบบนี้ เสียงกรีดร้องของฮันทิ่มแทงโสตประสาทอย่างเจ็บปวด
กระทั่งไม่สามารถทนเห็นฮันกรีดร้องดิ้นไปมาพร้อมกับขยำเสื้อไว้แน่นได้ อุนยองเลยก้มลงแตะริมฝีปากบนหน้าผากมน แตะค้างไว้แบบนั้นหวังให้มันช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮันเพียงสักนิดก็ยังดี แต่กลับไม่รู้สึกว่ามีอะไรแทรกซึมผ่านมายังตนเองอย่างทุกๆ ครั้ง อุนยองกลืนน้ำลายอย่างแผ่วเบากับสภาพน่าสงสารของฮัน
“ทำอะไรไม่ได้หรอก นอกเสียจากว่าฮันจะขับกลิ่นที่สูดดมเข้าไปออกมาทางน้ำตา”
“เจ้าหมายความว่าต้องปล่อยให้ฮันร้องไห้เศร้าโศกเสียใจเช่นนี้ไปเรื่อยๆ อย่างนั้นรึ”
“ไม่มีหนทางไหนช่วยได้หรอก ทำได้แค่คอยดูแลเท่านั้น”
“ข้าจะพาเขากลับ”
อุนยองพยุงตัวฮันขึ้นแล้วก้าวเท้าหนักๆ เดินตรงไปยังประตูทางเข้า พร้อมกับระเบิดความรู้สึกที่เก็บไว้ออกมาจนไม่สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์เย็นยะเยือกเช่นนี้ได้เลย ความรู้สึกประหลาดมากมายโอบรอบตัวของเสือขาว และมันช่างน่ากลัวจนขนแขนลุกไปตามๆ กัน
“หากว่าฮันเป็นอะไรไป มก เจ้ากับแม่ของเจ้าจะถูกตำหนิแน่นอน”
“ข้าขออภัยขอรับ…”
“อย่างน้อยก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย หากเจ้าคิดสักนิด หากแม่เจ้าเตือนสักนิด มันคงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น”
เจ้าของเส้มผมสีขาวกัดฟันกรอดๆ จ้องมองทงมก ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเมื่อฮันจับเข้าที่ชายเสื้อของตน ด้วยใบหน้าเศร้าโศกอย่างเห็นได้ชัด เด็กที่ดูไม่แข็งแรงและบอบบางยื่นมือสั่นเทามาจับตน ช่วงเวลานั้นเหมือนความเจ็บปวดหลั่งไหลเข้ามาปะทะตัวเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เจ้าเป็นอะไรหรือ เจ็บมากหรือไม่”
ฮันสะอึกฮักแล้วขยำเสื้ออย่างแรงพลางส่ายหน้าไปมา ชุดสีขาวของร่างสูงยับยู่ยี่อยู่ในฝ่ามือเล็ก อุนยองคิดว่าตัวเองซึมซับกลิ่นดอกไม้ที่ฮันสูดดมเข้าไปแล้วเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้สึกสลดใจแล้วเศร้าเช่นนี้แน่ มันช่างเป็นความรู้สึกที่ร้ายกาจยิ่งนัก
“ท่ะ ท่านอุนยอง…”
มันเป็นผลกระทบเหมือนหัวใจถูกแบ่งครึ่ง อุนยองทรุดนั่งลงกับพื้นเมื่อเห็นว่าฮันมีอาการดีขึ้นพร้อมกับกดริมฝีปากของตนเองลงบนหน้าผากอีกฝ่าย เขากดริมฝีปากแล้วพึมพำเรียก “ฮัน ฮัน” ภาพตรงหน้าดูเศร้าจับใจจนทงมกกับจินทำได้เพียงแค่มองอย่างเหม่อลอย
“ฮัน เจ้าเจ็บมากหรือไม่ เจ็บที่ใด เจ้าเจ็บขนาดไหนกัน ข้าจะรับไว้เอง ส่งความเจ็บปวดของเจ้ามาให้ข้า”
ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถเอาความเจ็บปวดจากฮันมาไว้ที่ตัวเองได้ แต่อุนยองก็ยังคงกดริมฝีปากนุ่มบนหน้าผากมนที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่ออย่างเศร้าโศกอยู่อย่างนั้น
“บ้าน บ้าน ท่านอุนยอง… อึก ท่านเสือขาว… ฮึก”
ก่อนจะเลื่อนมาแตะริมฝีปากลงตรงเปลือกตาแล้วซับหยดน้ำตา ใบหน้าเสียใจเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดเมื่อคำพูดที่ฮันพยายามเปล่งออกมา
“เจ้าบื้อ ตอนนี้ควรจะห่วงใคร…”
อุนยองเม้มปากแน่นและไม่สามารถพูดต่อให้จบได้ จากนั้นก็กระชับฮันให้อยู่ในอ้อมแขนตัวเองแล้วพากลับบ้านทันที บริเวณทั้งสองคนเคยอยู่ ไม่มีหลงเหลืออะไรอยู่เลย นอกจากแสงพลิ้วไหวราวกับเป็นร่องรอย
“เป็นครั้งแรกเลยที่ตาเฒ่าเสือขาวกระวนกระวายใจเช่นนั้น… มก ข้าเคยเห็นหรือไม่”
“ไม่ขอรับ ไม่เคยเห็น”
ทงมกก้มลงหยิบดอกโบตั๋นหนึ่งดอกที่ฮันทำร่วงหล่นบนพื้นขึ้นมาแล้วตอบกลับด้วยใบหน้างุนงง
ดอกโบตั๋นที่มีกลีบบานสะพรั่งถูกกดทับหลายจุดจนมีสภาพพังยับเยินเหมือนกับถูกฉีกทึ้ง มันดูประหลาดจนยากจะเดาได้ว่าก่อนหน้านี้เคยงดงามขนาดไหน

* * *

“อึก ฮือ…”
“เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วฮัน ข้าอยู่นี้ มองข้าสักนิดสิ”
อุนยองกับฮันล้มลงไปบนเตียงหนาในห้องนอนแสนคุ้นเคยและอยู่ใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม ร่างสูงวางอีกฝ่ายลงบนหน้าอกตนเองราวกับไม่อยากปล่อยให้อยู่ห่างกาย ก่อนจะแตะริมฝีปากลงบนใบหน้าหวานพร้อมกับลูบศีรษะของคนที่ขมวดคิ้วยังไม่ได้สติ
เขาลูบและค่อยๆ เกลี่ยเส้นผมสีน้ำตาลชุ่มเหงื่อของฮันที่แนบติดอยู่ตามแก้มแดงระเรื่อทีละนิดๆ แล้วกดริมฝีปากลงไปยังริมฝีปากแดงของฮันด้วยสายตาฉ่ำวาว
อุนยองแตะริมฝีปากอย่างนุ่มนวลเหมือนปลอบประโลมฮันที่ยังร้องไห้และหายใจถี่รัว เขากระชับแขนดึงอีกฝ่ายเข้ามาอีกครั้ง ในห้องคับแคบแห่งนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นตัวของฮันเพราะหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างเศร้าโศก
“ฮัน เจ้ารู้สึกตัวหรือยัง”
ฮันคลายอาการเกร็งลงแล้วพยักหน้าอย่างเชื่องช้า เพราะเหน็ดเหนื่อยจากการร้องไห้อย่างหนัก ร่างบางฝังใบหน้าของตัวเองลงกับไหล่กว้างตรงหน้า อุนยองยกมือขึ้นมาตบแผ่นหลังฮันเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจติดขัด
“ไม่เป็นอะไร เจ้าปลอดภัยแล้ว”
น้ำเสียงอ่อนโยนของอุนยองดังขึ้นท่ามกลางความเงียบที่ปกคลุมรอบตัว ฮันขยับตัวตามเสียงอบอุ่นแล้วมุดตัวเข้าไปในอกแกร่งมากกว่าเดิม อุนยองโอบกอดคนตัวเล็กที่ขดคู้ตัวราวกับเจออากาศเย็น
“ทำไมถึงเป็นได้ขนาดนี้นะ…”
นึกว่ามันจะเป็นความสัมพันธ์ไม่ลึกซึ้ง รู้จักกันเพียงผิวเผินเท่านั้น ไม่แปลกอะไรถ้าหากจะห่างหายจากกันไป แต่ตอนนี้อุนยองกลับรู้สึกว่าเด็กตรงหน้าตอนนี้ช่างน่าเอ็นดู และรู้สึกเศร้าใจเวลาเห็นเขาอ่อนแอ จนสุดท้ายความรู้สึกสงสารก็ก้าวผ่านเหตุผลของตนเองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขาไม่อยากเข้าเอาตัวไปพัวพันกับการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของสิ่งที่เรียกว่าความรู้สึก ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว การหลงลืมสติเป็นทางเลือกของคนหนีความวิตกกังวลไม่พ้น
หน้าที่ของจตุรเทพคือทำตามกฎระเบียบของเบื้องบนอย่างเคร่งครัด แต่เขาก็ดันไปบอกฮันว่าตนมีหน้าที่ปัดเป่าความทรมานกับความเจ็บปวดของมนุษย์ ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน และเป็นตัวเขาเองอีกเช่นกันที่เคยพูดดูหมิ่นพวกซื่อบื่อ และมักจะคิดว่าเวลาจตุรเทพทำอะไรเกี่ยวข้องกับมนุษย์จะต้องทำอย่างสุขุมที่สุด รวมถึงต้องรักษากฎระเบียบของเบื้องบนไปพร้อมๆ กัน
เทวะจตุรทิศ หรือเทพพิทักษ์สี่ทิศมีความเป็นอมตะ เนื่องจากความตายได้ก้าวผ่านพวกเขาไปแล้ว
ช่วงชีวิตอันน่ากลัวค่อยๆ เริ่มกัดกินตัวตนของเหล่าเทพพิทักษ์สี่ทิศ ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงได้สร้างวิธีการของแต่ละคนเอาไว้ โดยไม่ให้ความรู้สึกของตนเองกับอะไรง่ายๆ อุนยองรู้แก่ใจว่าจุดจบของเทพพิทักษ์สี่ทิศที่หลงรักมนุษย์นั้นช่างน่าเวทนาขนาดไหน เลยทำให้เขาหลีกเลี่ยงการพบปะมนุษย์มาตลอด
“น่าเวทนายิ่งนัก”
เขาทำได้เพียงเฝ้าสังเกตุเหล่ามนุษย์ที่มีชีวิตอยู่เพื่อตายอย่างน่าประทับใจ ราวกับเผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างภายในการใช้ชีวิตอันแสนสั้น ความปรารถนาแรงกล้าของพวกมนุษย์ทำให้เห็นว่าต้องใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบเท่านั้น เหล่ามนุษย์มากมายเพียงแค่ต้องการใช้ชีวิตในแบบที่ตนต้องการจนดูไม่น่ามองเลยสักนิด
“ข้าวางเจ้าลงดีหรือไม่”
ช่างเปลี่ยนแปลงง่ายเสียจริง
การเข้ามาใกล้เด็กคนนี้เป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบเล็กน้อยเท่านั้น แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ นั้นกลับกำลังเรียกร้องให้ตัวเขาเปลี่ยนไปจากเดิม
“ตอบข้ามาสิ ฮัน จะให้ข้าวางเจ้าลงหรือไม่”
มือแข็งแรง ทว่านุ่มนวลค่อยๆ ลูบไล้แก้มขาวเนียนของฮัน หยดน้ำใสที่เปียกเต็มแก้มกับอุนหภูมิร่างกายที่ส่งผ่านมายังมือของตน กำลังค่อยๆ กัดกินหัวใจของอุนยองทีละนิดๆ จนตกอยู่ในห้วงความคิดว่า หากตนไม่ไปตามฮันกลับมา มันจะเกิดอะไรขึ้น พลางฝังใบหน้าลงบนไหล่ของฮันที่มีสีหน้าเหนี่อยล้า
“นี่ ฮัน”
อุนยองเรียกชื่อฮันซ้ำไปซ้ำมา และทุกครั้งที่เรียก ก็จะยิ่งรู้สึกเจ็บปวดบริเวณหน้าอกข้างนึงของตัวเอง
“ฮัน”
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเสียใจและจะไม่มีวันลืมเรื่องนี้เด็ดขาด เมื่อเห็นคนตัวเล็กไม่สามารถลืมตาขึ้นได้แบบนี้ อุนยองประกบริมฝีปากเข้ากับอีกฝ่ายพลางพ่นลมหายใจออกมา เขาจับหน้าอกตัวเองเพราะความร้อนจัดค่อยๆ อบอวลอยู่ในโพรงปากอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน
“ทุกๆ สิ่งของเจ้า จงมอบมันให้ข้า ไม่ว่าจะเป็นความเศร้าโศก ความเจ็บปวดและความทรมาน”
สุดท้ายเด็กคนนี้ก็ลากเขาไปอยู่ในที่ที่ไม่มีเหตุผล จนเขาสามารถทำเรื่องไร้เหตุผลได้ อุนยองมั่นใจว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกแบบนั้น
จะไม่ทำให้ได้อย่างไร ในเมื่อน่ารักขนาดนี้
ฮันเริ่มหายใจสม่ำเสมอและหยุดร้องไห้อย่างไม่รู้ตัวหลังจากจูบ อุนยองจึงดึงเข้ามากอดพร้อมกับหลับตาลง ภาวนาให้เด็กตัวเล็กในอ้อมแขนตนได้ฝันเกี่ยวเรื่องราวดีๆ บ้าง
เท่านี้ก็คงเพียงพอแล้ว

คอมเมนต์

Chapter List