เจียงโจวซือหม่า เมื่อรักหวนมา ตอนที่ 10
ตอนที่ 10 ที่นั่งคู่รัก ทั้งอึดอัดและแสนหวาน (1)
เมื่อนั่งรถของซือหม่ามาถึงถนนไห่ซานที่นัดกันไว้เมื่อเช้า เจียงโจวก็ลงจากรถก่อน รอจนซือหม่าจอดรถเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็พากันเดินไปยังร้านที่เจียงโจวแนะนำไว้
การรวมตัวกันของสองหนุ่มหล่อเป็นธรรมดาที่จะดึงดูดสายตาของคนที่เดินผ่านไปมาอย่างน่าอัศจรรย์ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เจียงโจวจะเคยชินกับการเจออะไรแบบนี้แล้ว แต่เขาก็ยังคงมีอาการเขินอายจนหน้าแดงนิดๆ อย่างไรก็คงเป็นเพราะคนที่อยู่ข้างกายเขานั้นคือซือหม่า!
ดังนั้นระยะทางสั้นๆ เพียงไม่กี่นาที เจียงโจวกลับรู้สึกยาวนานเหมือนเป็นปี
นี่เป็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นมีเจ้าของเป็นชาวญี่ปุ่นนามสกุล Murano ดังนั้นชื่อร้านเลยเรียกว่า Murano เพียงแต่เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น บางคนก็เลยไม่เข้าใจ
ตั้งแต่เข้าประตูมา ซือหม่าก็รู้สึกได้ถึงสไตล์ญี่ปุ่นแบบจริงจัง เครื่องประดับตกแต่งในร้านเป็นของใช้แบบธรรมดาทั่วไปที่พบได้ในบ้านของคนญี่ปุ่น พนักงานเสิร์ฟก็ยังสวมชุดกิโมโนตามมาตฐานดั้งเดิมแบบชาวญี่ปุ่น ทั้งการพูดก็ด้วย อ่อ..พูดญี่ปุ่น-จีนหรอ?!
ซือหม่ามองเจียงโจวพูดโต้ตอบกับแผนกต้อนรับในร้านด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ในใจคิดวนไปว่า เจียงโจวพูดญี่ปุ่นได้? เจียงโจวพูดญี่ปุ่นได้อย่างไร บรรพบุรุษของเจียงโจวไม่น่าใช่ญี่ปุ่นหรอกนะ คนที่กำลังมีความรักช่างเป็นคนโง่จริงๆ…
แต่ถึงสมองจะตีกันวุ่นวายอย่างไร ซือหม่าก็ยังวางท่าเหมือนสายลมนั้นเบาและเมฆก็บาง (เป็นเรื่องง่าย) เหมือนเดิม
“ซือหม่า ซือหม่า!” เจียงโจวเรียกถึงสองครั้งซือหม่าถึงจะตื่นจากการหมกมุ่นอยู่คนเดียว
“พวกเราไปหาที่นั่งกันก่อนนะ”
“ได้สิ” ซือหม่าพยักหน้า
ขณะที่สองคนกำลังหาที่นั่ง ก็มีคนสวมชุดกิโมโนปักสีขาวเป็นพนักงานเสิร์ฟหน้าตาสวยหวานเดินเข้ามาโค้งคำนับเก้าสิบองศาตามมาตรฐาน พอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอื้ออึงที่ซือหม่าก็ฟังไม่เข้าใจ จากนั้นเจียงโจวก็ใช้น้ำเสียงเดียวกันตอบกลับไป แต่การออกเสียงภาษาญี่ปุ่นของเจียงโจวนั้นน่าฟังมาก ดังนั้นซือหม่าจึงเพลิดเพลินกับมันถึงแม้ว่ามันจะเป็นน้ำเสียงที่อื้ออึงก็ตาม
เป็นผลให้เจียงโจวและพนักงานเสิร์ฟต้องคุยกันอย่างอื้ออึงเป็นเวลานาน ถึงแม้ซือหม่าจะฟังไม่เข้าใจ เขาก็ไม่รู้สึกหงุดหงิดอะไร
แต่ไม่รู้ว่าทำไมเจียงโจวเกิดหน้าแดงขึ้นมา ซือหม่าเพียงแค่คุยกับพนักงานเสิร์ฟคนนั้นว่าอะไรไม่เหมาะสำหรับเด็กเลยทำให้เจียงโจวเขินอาย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก จนกระทั่งพนักงานเสิร์ฟพาพวกเขาไปถึงที่นั่งแล้ว เขาก็เข้าใจว่าเจียงโจวเขินอะไร และยังรู้ว่าที่เมื่อกี้ที่เจียงโจวและพนักงานเสิร์ฟคุยกันอื้ออึงนั้นกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
มันคือโซนที่นั่งคู่รัก รอบข้างล้วนคือคู่รักวัยรุ่นนั่งกันเป็นคู่ๆ แม้ว่าแต่ละโต๊ะจะมีผ้าม่านกั้นรอบๆ แต่ก็ยังได้ยินเสียงโต๊ะด้านข้างพูดว่า “ฉันป้อนให้นะ! อ้ามม” หรือ
“อุ๊ย ไม่เอาคนเยอะแยะ!” จากเสียงของโต๊ะด้านนั้น
เป็นครั้งแรกในชีวิตของซือหม่าที่รู้สึกว่าอายนั้นเป็นอย่างไร แต่ใบหน้าเขาก็ยังยิ้ม พูดได้ว่าเขาก็มีความตื่นเต้นบ้างเล็กน้อยล่ะมั้ง? ซือหม่าชำเลืองมองเจียงโจวแล้วถามขึ้นว่า “เมื่อกี้พวกนายแค่พูดคุยเกี่ยวกับที่นั่งกันเหรอ?”
“อืม” เจียงโจวหูแดงขึ้นมา “เธอบอกว่าวันนี้มีแขกค่อนข้างเยอะเลยไม่มีที่นั่งน่ะ ให้พวกเราหาที่แก้ขัดไปก่อน”
ซือหม่าเลิกคิ้วเงยหน้ามองไปรอบๆ แน่นอนว่านอกจากที่นั่งคู่รักที่เหลืออยู่แค่โซนเดียวนี้ ที่อื่นๆ ล้วนมีคนนั่งเต็มหมดแล้ว โซนนี้เป็นโซนเดียวที่ยังเหลืออยู่และมีเพียงสองโต๊ะเท่านั้น จากนั้นโต๊ะหนึ่งก็ถูกจองโดยสองคนที่เพิ่งเข้ามา ก็เลยเพียงโต๊ะเดียวที่เหลืออยู่ในโซนคู่รัก
ซือหม่ายังไม่ทันได้พูดอะไร เจียงโจวก็พูดขึ้นว่า “แต่ก็ดีนะ มีม่านกั้น”
สวรรค์! นี่ฉันพูดอะไรออกไป! ในใจเจียงโจวแทบอยากจะทุบตีตัวเอง อะไรคือเรียกว่ามีม่านกั้น? พวกเขาก็ไม่ได้จะทำอะไรที่มีลับลมคมนัยสักหน่อย!
ซือหม่าเห็นเจียงโจวหงุดหงิดก็หัวเราะแล้วบอกว่า “นั่งลงก่อนเถอะ อย่าอะไรกับเก้าอี้นี้เลย ยังไงมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้” ดูเหมือนว่าเขาจะเหลือบเห็นคู่รักอีกคู่ เดินเข้าประตูมาหาโต๊ะ
เจียงโจวก็เห็นแล้วเหมือนกัน แม้ว่าในใจจะยังอายเล็กน้อยแต่ก็ยังนั่งลง หลังจากไม่ได้พบกันเจ็ดปี นี่เป็นครั้งแรกสำหรับการกินข้าวกับซือหม่า กับที่นั่งคู่มันคือที่นั่งคู่รักนะ!
คอมเมนต์