เจียงโจวซือหม่า เมื่อรักหวนมา ตอนที่ 15
ตอนที่ 15 กระซิบ
ซือหม่ากับเหมียวเหมี่ยวสองคนพ่อลูกยังคงไม่นอน กลับกระซิบกระซาบพูดคุยกันบนเตียง
“เหมี่ยวเหมี่ยว ชื่อเต็มของหนูคืออะไรครับ”
“เจียงซือเหมี่ยวครับ”
ซือหม่าชะงัก เจียงซือเหมี่ยวเหรอ? เขาถามต่อ “ทำไมถึงชื่อเจียงซือเหมี่ยวล่ะครับ”
เหมี่ยวเหมี่ยวแอบมองที่ประตู ก่อนจะเอียงหน้าไปกระซิบที่ข้างหูซือหม่า “เพราะปะป๊าแซ่เจียง แด๊ดดี้แซ่ซือ แล้วผมก็ชื่อเหมี่ยวเหมี่ยว เพราะอย่างนั้นถึงเป็นเจียงซือเหมี่ยวครับ”
พูดจบ เหมี่ยวเหมี่ยวก็ทำท่าเหมือนมีลับลมคมในก่อนจะเล่าต่อ “ปะป๊าบอกว่านี่เป็นความลับ ไม่ให้บอกคนอื่น แต่แด๊ดดี้ไม่ใช่คนอื่น ก็บอกได้ครับ”
มองดูท่าทางร่าเริงของเหมี่ยวเหมี่ยวแล้ว ซือหม่าก็เอื้อมมือออกไปลูบหน้าเด็กน้อยแล้วบอกว่า “เข้าใจแล้ว แด๊ดดี้จะไม่บอกใครเด็ดขาด รวมถึงปะป๊าของหนูด้วยนะ”
ได้ยินอย่างนั้นเหมี่ยวเหมี่ยวถึงได้พยักหน้าอย่างสบายใจ ซือหม่ายิ้มแล้วพูดว่า “เหมี่ยวเหมี่ยว หนูรู้ได้ยังไงว่าแด๊ดดี้คือแด๊ดดี้ของหนูล่ะ?”
เมื่อตอนที่มาถึงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ตะโกนเรียกเขาว่าแด๊ดดี้ เป็นการพูดโพล่งโดยตั้งใจอย่างแน่นอน เขาไม่เชื่อว่าเหมี่ยวเหมี่ยวจะคาดการณ์ล่วงหน้าได้
“เพราะปะป๊าบอกครับ” เหมียวเหมี่ยวพูดจบพลางใช้สายตาบอกว่าทำไมเรื่องแค่นี้เขาจะไม่รู้ “แด๊ดดี๊ ปะป๊าบอกว่าแด๊ดดี้เป็นคนที่ฉลาดที่สุดในชั้นเรียน หรือว่าปะป๊าโกหกผม?”
ได้ยินอย่างนี้แล้วซือหม่าสบายใจขึ้นมาก แต่ปากยังไม่วายถ่อมตัว “ปะป๊าของหนูเอาอะไรมาพูดกัน ตอนนั้นแด๊ดดี้ก็แค่เรียนไปอย่างนั้นเอง”
เหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกได้ทันทีว่าแด๊ดดี้คนนี้ของเขาหลงตัวเองมาก
ซือหม่าแอบมีความสุขเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ปะป๊าพูดกับลูกว่าอย่างไรบ้าง”
ได้ยินอย่างนั้นเหมี่ยวเหมี่ยวก็เล่าเรื่องที่เขาได้ดูรูปซือหม่าตั้งแต่ยังเด็กและเรื่องสำคัญบางอย่างให้เขาฟัง ด้วยความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา
“ห้องของปะป๊ามีรูปโปสเตอร์ของแด๊ดดี้เต็มไปหมดเลย ถึงแม้ว่าผมจะรู้ว่าแด๊ดดี้หล่อมาก แต่ปะป๊าก็ไม่เห็นต้องทำอย่างนั้น เฮ้อ…ผมไม่รู้จะว่ายังไงเลย”
เหมี่ยวเหมี่ยวจนปัญญาและกลุ้มใจเป็นอย่างมาก ปะป๊าของเขาชอบแด๊ดดี้มากแค่ไหนกันถึงได้สะสมโปสเตอร์รูปแด๊ดดี้เยอะขนาดนั้น?
“ทำไมหลายปีมานี้แด๊ดดี้ถึงไม่กลับมาเลยล่ะครับ” เหมี่ยวเหมี่ยวถาม ซือหม่ายิ้มแล้วบอกว่า “เพราะแด๊ดดี้ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวไง? เพราะอย่างนั้นแด๊ดดี้ต้องออกไปข้างนอก!”
แน่นอนว่าเหมี่ยวเหมี่ยวย่อมไม่เชื่อ ตอนยังเล็กเขารู้ว่าตัวเองคือเด็กกำพร้า เขารู้จักพิจารณาคำพูดสังเกตสีหน้าผู้คน ซือหม่าไม่อยากพูด เขาก็ไม่จำเป็นต้องถาม หากเขาอยากรู้จริงๆ คำถามนี้คงต้องถามปะป๊าแทน
“แล้วหลายปีมานี้ปะป๊าของลูกอยู่ที่นี่ทำอะไรบ้าง”
ซือหม่ารู้ว่าตอนนี้เจียงโจวอยู่ในจุดที่เหมาะสมมาก เขาคือเจียงโจวตากล้องพิเศษของสื่อใหญ่ในประเทศ อีกทั้งยังได้รางวัลตุ๊กตาทองมาอีก เขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไรกันนะ นี่จะต้องบอกเสียก่อนว่าพวกเขาเรียนจบพลศึกษามา
“ขมขื่นน่ะสิครับ!” เหมี่ยวเหมี่ยวถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อยๆ “แด๊ดดี้ไม่รู้หรอก ตอนแรกช่วงที่ปะป๊าเรียนจบมาก็จับแต่กล้องเท่านั้น เริ่มงานแรกเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ถ่ายรูปให้คนในร้านถ่ายรูป ต่อมาเพราะเอากล้องราคาหลายพันหยวนของเจ้านายลงไปแช่น้ำก็เลยโดนไล่ออก”
“หลังจากนั้นก็ไปวิ่งงานถ่ายรูปชุดพรีเวดดิ้งให้บ่าวสาวคู่หนึ่งแทนคนอื่น ผลปรากฏว่าแหวนหมั้นของคู่บ่าวสาวหาย เคราะห์ดีที่ยังหากลับมาได้ทันเวลา แต่ก็ยังต้องลาออก หลังจากนั้นก็ไปทำงานกับคนในนิตยสารสังคมทำไปวันๆ ค่อยๆ ทำไปจนลืมตาอ้าปากได้”
คำพูดเหล่านี้ถ้าพูดให้คนที่ไม่รู้จักเจียงโจวมาก่อนฟังอาจจะยังดูน่าเชื่อถืออยู่บ้าง แต่พอมาพูดกับซือหม่าที่ให้ความสนใจเจียงโจวมานานหลายปีฟังนั้นก็ออกจะดูปลอมไปหน่อย
อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยได้ยินเรื่องเจียงโจวทำกล้องของเจ้านายเปียก หรือทำของประเภทแหวนคู่หาย อีกทั้งยังนิสัยขี้จุกจิกของเจียงโจวยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะทำผิดพลาดอย่างนั้น
ยิ้มจอมวายร้ายของซือหม่าเริ่มปฏิบัติการ
“ที่แท้ปะป๊าของลูกก็ลำบากขนาดนี้เลย? แต่ทำไมเขาถึงบอกแด๊ดดี้ว่า เขานับถือช่างภาพระดับแกรนด์มาสเตอร์คนหนึ่งของญี่ปุ่นในฐานะครูล่ะ?”
ที่มาของข้อมูลพวกนี้เจียงโจวไม่ได้บอกเขา แต่เป็นเพียงการแนะนำโปรไฟล์ของเจียงโจวบนไป่ตู้[1] แต่ก็มากพอที่จะใช้หลอกเหมี่ยวเหมี่ยวได้
เหมี่ยวเหมี่ยวเงียบไปพักหนึ่งแล้วพูดว่า “ก็ได้ครับ ผมโกหก แด๊ดดี้ ปะป๊าของผมทำงานอย่างราบรื่นมาตลอด ไม่เคยเจออุปสรรคอะไรเลย”
ซือหม่าลูบหัวเอ็นดูยิ้มแบบคุณพ่อที่ใจดี “เด็กดี จะต้องไม่พูดโกหกนะ”
เหมี่ยวเหมี่ยวเหลือบมองเขาไม่พูดอะไร ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหลอกแด๊ดดี้คนนี้!
คอมเมนต์