เจียงโจวซือหม่า เมื่อรักหวนมา ตอนที่ 5
ตอนที่ 5 เจียงซือเหมี่ยว (2)
เอนตัวนอนอยู่บนเตียงของตัวเอง พอหลับตาลงแล้วในสมองก็มีภาพซือหม่านั่งยิ้มอยู่ข้างๆ เต็มไปหมด เจียงโจวถอนหายใจออกมา รู้สึกว่าคืนนี้เขาคงนอนไม่หลับแน่นอน สายตาเหม่อมองไปที่นอกหน้าต่าง ละอองหิมะโปรยปรายลงมาอีกครั้ง ทำให้เขายิ่งหวนนึกถึงวันนี้เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว…
ในวันที่ลมพัดแรงมาก พยากรณ์อากาศในโทรศัพท์มือถือบอกอุณหภูมิอยู่ที่ลบสิบห้าองศา แม้ว่าเสื้อโค้ตที่เจียงโจวสวมอยู่จะหนา แต่เขาก็ยังรู้สึกหนาวมากอยู่ดี มือที่ถือถุงขยะสั่นสะท้านตลอดเวลา
ซือหม่าเห็นเขาเป็นอย่างนี้ก็พูดล้อออกมา “ฉันว่านะเจียงโจว นายเองก็เป็นผู้ชาย ทำไมถึงได้สั่นเป็นตะแกรงสีข้าวอย่างนั้นล่ะ”
เจียงโจวไม่ตอบเขา เพราะรู้สึกหนาวจนฟันของเขากระทบกันไม่หยุด เขาไม่ควรที่จะออกมาข้างนอกในช่วงฤดูหนาวเลยจริงๆ
เมื่อเห็นว่าเจียงโจวไม่ได้ตอบโต้ ตัวซือหม่าเองก็ไม่ว่าอะไร เพียงแต่เอื้อมมือไปคว้าถุงขยะในมือของเจียงโจว เจียงโจวมองเขาด้วยความงุนงง เขาจึงพูดต่อว่า “ฉันจะเอาไปทิ้งให้เอง ไม่อย่างนั้นอีกเดี๋ยวนายก็คงได้เป็นหวัด แล้วฉันคงต้องพานายไปโรงพยาบาลอีก ฉันก็ไม่อยากไปที่นั่นในวันแรกของปีหรอกนะ”
เจียงโจวยังคงไม่มีคำพูดอะไร เพียงแค่มองตามไปที่ด้านหลังของซือหม่า จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ เหมือนกับว่า..ก็ไม่ได้หนาวอะไรขนาดนั้น ก่อนจะสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อตัวเองแล้วเดินตามรอยเท้าซือหม่าไปอย่างช้าๆ
แต่ทันใดนั้นก็เหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงร้องไห้แว่วเข้ามาแต่ไม่ชัดเจน
เจียงโจวไม่ได้ใส่ใจเสียงร้องเท่าไหร่ เพราะที่นี่คือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เป็นเรื่องปกติมากที่จะมีเด็กร้องไห้ ไม่แน่อาจจะเกิดเหตุมีเด็กคนไหนโดนแย่งลูกอมอยู่ก็ได้ เมื่อนึกถึงตรงนี้เจียงโจวก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เด็กๆ นั้นมักจะไร้เดียงสาที่สุดในโลกเสมอ
เพียงแต่ยิ่งเดินไปข้างหน้า เจียงโจวก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ปกติ
เสียงนี้ ทำไมฟังดูแล้วเหมือนห่างจากเขา แต่ว่ายิ่งเดิน ก็เหมือนยิ่งใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น ซือหม่าเองก็ได้ยินเหมือนกัน เขาขมวดคิ้วแล้วหันมาถามว่า “เจียงโจว นายได้ยินใช่ไหม?”
เจียงโจวพยักหน้า “ดูเหมือนว่ามันจะมาจากถังขยะที่อยู่ข้างหน้าตรงนั้น”
สองคนเหลือบมองกัน ก่อนจะพากันวิ่งไปที่ถังขยะข้างหน้า
ขณะที่ซือหม่าเตรียมจะโยนขยะทิ้งลงในถัง เวลาเดียวกันเจียงโจวก็เห็นว่าห่างจากถังขยะออกไปไม่ไกลมีเสื้อแจ็คเก็ตลายดอกไม้ตัวใหญ่ตัวหนึ่งวางอยู่ใต้ต้นไม้ ดูเหมือนว่าจะห่อของอะไรบางอย่างไว้ด้วย เสียงร้องไห้ที่ดังออกมาก็มาจากที่นั่น
เจียงโจวสบตากับซือหม่า แล้วจึงวิ่งไปค่อยๆ อุ้มเสื้อลายดอกตัวนั้นขึ้นมาอย่างเบามือ เมื่อเปิดออกดูก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ภายในห่อเสื้อนั้นมีเด็กน้อยคนหนึ่ง ใบหน้าเล็กๆ หนาวเย็นมากจนเปลี่ยนสีม่วง ดูไปแล้วอายุน่าจะเพียงหนึ่งหรือสองเดือน ไม่รู้ว่าใครกันที่เป็นคนเอามาทิ้งไว้ที่นี่
ซือหม่าที่ตามมาพอเห็นว่าเป็นเด็กเขาก็ดูไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก แต่สีหน้าเขากลับดูไม่ค่อยดี “อุ้มกลับไปกันเถอะ!”
เจียงโจวพยักหน้า ทั้งสองคนจึงอุ้มพาเด็กกลับไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเข้าไปพบผู้อำนวยการที่ห้องทำงานทันที
พอเห็นเด็กผู้อำนวยการก็ส่ายหน้าถอนหายใจออกมา หลังจากออกใบรับรองให้เรียบร้อยแล้ว เขาก็ปล่อยให้เจียงโจวและซือหม่าอุ้มเด็กไปหาพยาบาล
พวกเขายืนอยู่หน้าประตูห้องเด็กอ่อน ที่สามารถมองทะลุผ่านทางกระจกได้ เห็นเด็กที่พวกเขาเพิ่งอุ้มกลับมาเมื่อครู่นี้กำลังนอนเล่นป๋องแป๋งอยู่ในเปลขนาดเล็กอย่างชัดเจน
เจียงโจวปล่อยสายตาให้เลื่อนมาจับอยู่ที่ใบหน้าซือหม่าแล้วถามว่า “ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มีอะไรแบบนี้เยอะเลยใช่ไหม?”
ซือหม่าพยักหน้ารับ “ตอนนี้ก็น้อยลงเยอะแล้วนะ ก่อนหน้านี้จะมีเด็กมาใหม่เกือบทุกวัน”
ในเมืองชวนเฉิง มีเพียงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี้เท่านั้นที่เป็นทางเลือกเดียวของพ่อแม่ที่ไม่ต้องการเด็ก และก็ไม่ต้องการให้เด็กเหล่านั้นทุกข์ทรมาน
เจียงโจวนิ่งไปไม่ถามอะไรต่อสักคำ สักพักจึงเอ่ยถามอีกครั้ง “นายรู้ได้ยังไง”
แม้เจียงโจวจะเป็นคนชวนเฉิง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ นอกจากเขาแล้ว ครั้งนี้ก็เป็นการมาครั้งแรกของอาสาสมัครหลายคน แล้วทำไมซือหม่าถึงรู้เรื่องพวกนี้?
“นายเคยมาที่นี่เหรอ”
ซือหม่าแค่นยิ้มตอบ “ครั้งหนึ่งฉันก็เคยเป็นเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า? เจียงโจวมองซือหม่าด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้เป็นลูกชายของคนที่ร่ำรวยที่สุดในชวนเฉิงหรอกเหรอ? ทำไมถึงมาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ หรือเขาจะเป็นลูกนอกสมรส? คำถามมากมายผุดขึ้นภายในใจของเจียงโจว แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถามออกมาสักคำ เพียงแค่มองดูซือหม่าอย่างเงียบๆ ซือหม่าเองก็มองเด็กที่เพิ่งถูกเก็บมาเงียบๆ สองคนยังคงยืนอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครเอ่ยพูดอะไรอีก….
หลังจากนั้นทั้งสองก็มักจะไปเยี่ยมเด็กคนนั้นที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยกันเสมอ ผู้อำนวยการยังอนุญาตให้พวกเขาตั้งชื่อให้เด็กว่าเหมี่ยวเหมี่ยว และหลังจากที่ซือหม่าจากไป ก็มีเพียงเจียงโจวเท่านั้นที่ไปเยี่ยมเด็กน้อย
สามปีผ่านไป เมื่อเจียงโจวสำเร็จการศึกษาจบจากมหาวิทยาลัยแล้ว เขาก็ไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อรับเหมี่ยวเหมี่ยวกลับไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน และตั้งชื่อให้ว่าเจียงซือเหมี่ยว
“เฮ้อ…” เจียงโจวเรียกสติกลับคืนมา มองดูนาฬิกาแขวนผนังที่บอกเวลาสี่ทุ่มแล้ว แต่เขายังคงไม่ง่วงนอนเลยสักนิด…
คอมเมนต์