เบบี้ซิตเตอร์…หลอกนายมาเป็นพี่เลี้ยง ตอนที่ 2-6

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 2-6 แครอทและแส้ม้า คือกฎที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

มีคำกล่าวที่ว่า เมื่อความยากจนเข้ามาทางประตูหน้า ความรักก็จะหนีออกไปทางประตูหลัง แต่ในที่นี้กลับต่างออกไปเล็กน้อยก็คือ เมื่อความเป็นจริงเข้ามาทางประตูหน้า ความรักก็จะหนีไปทางประตูหลัง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้โลกแห่งความจริงช่างโหดร้าย
ตัวเขาเองก็เคยเห็นคนที่ไม่สามารถเอาชนะปัญหาในความเป็นจริงได้ จนสุดท้ายก็ไปแต่งงานกับผู้หญิงอยู่หลายคน รวมถึงการเกลียดชังคนที่ทิ้งตัวเองไปแล้วพากันสาปแช่งความเป็นจริงพร้อมกับร้องไห้อย่างหนัก ก็ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งที่เขาเคยเห็น และบางครั้งก็มีพวกนกสองหัวที่เข้ามาด้วยความอยากรู้อยากลอง อยากจะเอาชนะเพศเดียวกันก็มี
พวกนกสองหัวเป็นอย่างไรเขารู้ดี เพราะพื้นที่ตรงนี้มันไม่ปกติ ไม่สามารถแช่เท้าเอาไว้ได้นาน มันผิดอย่างร้ายแรง มันโสโครก เป็นพื้นที่รวมผู้คนเพื่อเซ็กซ์แบบที่พวกคนชอบเพศตรงข้ามเขาพูดกัน คิดว่าไม่มีความรู้สึกอะไรแบบนั้น ซึ่งคนที่แย่ก็คือคนที่เอาแต่พร่ำพูดถึงความรักจนสุดท้ายก็สูญเสียทุกอย่างไปแบบเขา
แต่ยอมินก็ไม่กล้าบอกว่า ที่แห่งนี้มันเต็มไปด้วยความเป็นจริงมากมายให้รุ่นน้องที่เพิ่งค้นพบความรู้สึกของตัวเอง หลังจากต่อสู้กับความเป็นจริงแล้วมองแต่เรื่องเงินมาตลอดฟังอยู่ดี
หลังจากดื่มเบียร์หมดไปถึงสองขวด ก็เลยกล้าพูดแนะนำแจฮยอก
“…แต่ยังไงหลังจากนี้ก็ถอยไปข้างหลังก้าวหนึ่ง เผื่อให้ตัวเองถอนตัวกลับมาได้แล้วกันนะ”
“แต่พี่บอกให้ทำตามหัวใจนี่ครับ”
“ปล่อยไปตามหัวใจ แต่ไม่ให้ปล่อยให้มันกลับมารัดคอตัวเอง ไม่ว่าอะไรมันจะเป็นยังไง สุดท้ายแล้วคนเราก็อยู่ใต้สายตา แล้วก็การประเมินค่าของคนอื่นอยู่ดีแหละ แจฮยอก”
“ครับ?”
“ฉันหมายถึงเงินน่ะ มันไม่ใช่อย่างเดียวที่ทำให้นายใช้ชีวิตสบายหรอกนะ”
ยอมินนึกถึงคนที่ช่วยดึงตัวเองออกมาจากงานเอาท์ติ้งแสนโหดร้ายแล้วยิ้มขื่นออกมา ถึงมันจะผ่านมาสองปีแล้วก็ตาม ทว่าหากคิดถึงเมื่อไหร่ หัวใจก็ยังคงเจ็บแปลบอยู่เสมอ เหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ มันเป็นอะไรที่เจ็บปวด เจ็บปวดมาก
คนอายุมากกว่าลอบยิ้มเศร้าก่อนแจฮยอกจะหันหน้ามาหา
ดวงตาแจฮยอกเริ่มพร่ามัว เขาเอาแต่ทำงานจนแทบจะไม่มีโอกาสได้ดื่มเหล้าเยอะขนาดนี้ และใช้ดวงตาคู่นี้จ้องมองไปทางยอมิน
“รุ่นพี่ ถ้า… ผมคิดว่ามันอาจจะไม่ใช่ แต่มันเป็นความรู้สึกจริงๆ ของทางนั้นล่ะครับ”
“เอาไว้ตอนนั้นมาถึง แล้วค่อยคิดเถอะน่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จะช่วยเท่าที่ช่วยได้อยู่แล้ว”
ยอมินทำเพียงแค่พึมพำในใจว่าความรู้สึกที่เหมือนเดิมตั้งแต่แรกจนกระทั่งถึงตอนจบน่ะ มันช่างหาหายากเหลือเกิน ก่อนจะมองรุ่นน้องตัวเองที่กำลังปล่อยใจไปตามความรู้สึกที่มีต่อชายหนุ่มน่ารักคนนั้น
แจฮยอกหันมามองยอมินด้วยใบหน้าแดงก่ำแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้
“ขอโทษที่ผมมารบกวนบ่อยๆ แล้วก็เอาแต่เล่าเรื่องประหลาดๆ ให้ฟังนะครับรุ่นพี่”
“ไม่เป็นไรเลย ไม่รบกวนหรอก”
“มันไม่แปลกจริงๆ เหรอครับ ที่ผู้ชายมานั่งกังวลเรื่องแบบนี้กับผู้ชายด้วยกันเอง ผมหมายถึงตัวเองกับเจ้าคนไร้มารยาทนั่น”
“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง ฉันน่ะ เปิดกว้างกับโลกใบนี้สุดๆ แล้ว”
ยอมินยิ้มกว้างขณะเอ่ยตอบแจฮยอก ไม่ว่าจะกับแจฮยอก หรือกับใครๆ เขาก็ไม่เคยคิดจะเอาเรื่องของตัวเองไปทำให้เรื่องราวโอนเอียงเลย เพราะต่อให้เขาบอกอะไรไปก็ตาม สุดท้ายแล้วการพบเจอกับความรู้สึกนั้นและได้รับบาดแผลด้วยตัวเอง ก็จะทำให้เจ้าตัวรู้จักมันได้ดีที่สุด
ถึงแม้เจ้านี่จะเป็นรุ่นน้องสุดไร้เดียงสาจนไม่คิดว่าจะมีเรื่องอะไรแบบนั้นก็ตาม
“ผมไม่รู้จริงๆ นะครับ ว่าทำไมตัวเองถึงเป็นแบบนี้”
“คงเป็นเพราะตอนนี้นายมีเวลาว่างให้รู้สึกอะไรแบบนี้แล้วน่ะสิ ก็มัวแต่ยุ่งตลอดเลยนี่นา”
ตอนเรียนอยู่ก็ยุ่ง เพราะความเป็นอยู่อันยากลำบากทำให้แจฮยอกต้องไปทำงานเป็นเจ้าหน้าที่งานสาธารณประโยชน์ แม้กระทั่งเรียนจบแล้วก็ยังคงเป็นเช่นนั้น
“มันก็คงอย่างนั้นล่ะมั้งครับ”
“นั่นแหละ ลองฟังเสียงหัวใจของตัวเองบ้าง ความรู้สึกพวกนั้น มันไม่ได้หล่นหายไปไหนหรอกนะ สุดท้ายมันก็จะกลับมาอยู่ดี ไม่ว่าจะด้วยรูปแบบไหนก็ตาม”
“รุ่นพี่ ขอบคุณนะครับ รุ่นพี่เป็นคนเดียวที่ผมพึ่งพาได้จริงๆ”
“เจ้านี่นิ ช่างมันเถอะน่า ถ้ารู้สึกขอบคุณ ก็มาช่วยฉันเก็บร้านบ้างก็แล้วกัน น่ารำคาญจะแย่ ไอ้การเก็บร้านเนี่ย”
จากนั้นแจฮยอกก็ยิ้มจนปากแทบฉีก แล้วนึกว่าเด็กน้อยเจ้าของใบหน้าแสนอวดดีและไร้มายาท แต่ก็ดูเซ็กซี่มากในเวลาเดียวกัน อีกฝ่ายจะเอาแต่ใจกับเขาทั้งวันยังไงบ้าง แล้วเขาจะต้องพูดยังไงถึงจะเอาชนะอีกคนได้ แจฮยอกพึมพำออกมายืดยาวกว่าสามสิบนาทีพร้อมกันจัดการเบียร์ที่ยอมินเอามาวางเพิ่มบนโต๊ะจนเกลี้ยง
“เอาล่ะ กลับไปได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องเปิดร้านอีก ฉันต้องเข้านอนแล้ว”
“อืมม ครับบบ”
นี่เป็นครั้งแรกที่แจฮยอกเมามายขนาดนี้ ระหว่างยอมินกำลังเก็บโต๊ะอยู่ เขาก็ฟุบหน้าลงเหมือนหัวมันหนักมาก โดยส่งเสียง ฟู่ ฟู่ ออกมาจากปากตลอด
ชายหนุ่มที่ไม่ค่อยได้ดื่มเหล้าหยิบกับแกล้มเข้าปากพร้อมดื่มเบียร์เข้าไปถึงห้าขวด ถึงได้มีสภาพเช่นนี้
เมื่อจัดการเก็บร้านเสร็จเรียบร้อย ยอมินก็เดินกลับมาตบไหล่รุ่นน้องเบาๆ
“แจฮยอก ตื่นเถอะ นายต้องกลับบ้านสิ ให้ฉันไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไรครับ ก็รู้นี่ครับว่าบ้านผมอยู่ไหน ผมไม่อยากทำให้รุ่นพี่ต้องข้ามไปหรอกครับ”
“ก็ได้ งั้นก็ตั้งสติแล้วเดินดีๆ นะ ถ้าไม่อยากลงไปนอนกองกับพื้นล่ะก็ ลืมตากว้างๆ แล้วออกแรงก้าวขา”
เพราะรู้ว่าแจฮยอกคงจะอายบ้านที่ตัวเองอาศัยอยู่ถึงได้ปฏิเสธไม่ให้ไปส่ง ดังนั้นยอมินจึงช่วยประคองอีกคนออกไปนอกร้านแทน
อากาศยามค่ำคืนที่ไม่ได้เย็นมากนักพัดกระทบร่างกายและใบหน้า ขณะนั้นแจฮยอกกลับนึกถึงบ้านโซโฮที่มีอากาศเย็นอย่างไม่มีที่ไหนเทียบได้ขึ้นมา
แล้วก็เหมือนได้ยินเสียงโซโฮแว่วเข้าหู
‘ถ้าร้อนก็มานอนได้นะ อย่างที่บอกแหละ ถ้านายต้องการฉันก็อนุญาต’
เสียงแหลมใสดังกังวานติดแหบเล็กน้อย ฟังแล้วบางครั้งก็รู้สึกคล้ายโดนทิ่มแทง บางครั้งก็คล้ายได้ยินเสียงลมพัดเบาๆ แน่นอนว่านั่นคือเสียงแหลมใสเหมือนแมวน้อยของโซโฮ ซึ่งพูดพร้อมสีหน้าเย้ายวน
แจฮยอกถอนหายใจเฮือกใหญ่และพยายามยกหัวตัวเองขึ้นอย่างยากลำบาก ฤทธิ์ของเหล้ามันทำให้มองอะไรไม่เหมือนจริงเลย พวกสีก็ดูเข้มขึ้น เสียงก็ฟังดูไกลขึ้น ได้กลิ่นของอากาศยามค่ำคืน รวมไปถึงเสียงวิ้งๆ ในหู ซึ่งไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย
“รุ่นพี่ ผมไปก่อนนะครับ”
“อืม กลับดีๆ นะ ถ้านายไปนอนอยู่ข้างทางล่ะก็ ต้องโดนขโมยเอาของไปหมดจนเหลือแค่กางเกงในแน่ จำเอาไว้ด้วย!”
“ครับ รุ่นพี่เข้าไปข้างในเถอะ ขอบคุณนะครับ”
หลังจากโค้งลา แจฮยอกก็ยืนรอให้ยอมินหันกลับเดินกลับเข้าไปก่อน จากนั้นตัวเองถึงเริ่มก้าวเท้าออกเดินช้าๆ
ทว่าเขากลับเดินไปอีกทาง ซึ่งไม่ใช่ทางกลับบ้านตัวเอง เพราะหากจะกลับบ้านเขาต้องเดินไปฝั่งทางด่วนแล้ว แต่ตอนนี้เท้าของเขากำลังก้าวไปทางบ้านของโซโฮ ด้วยฤทธิ์เหล้าทำให้แจฮยอกใช้หัวใจแทนสมอง และใช้ความรู้สึกแทนสติอันเลือนรางเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้า
‘ปล่อยมันไปตามหัวใจ’
คำพูดของยอมินมันฝังอยู่ในหัวเขาแล้ว

‘ปล่อยไปตามหัวใจ… จีโซโฮ ทำไมนะ จีโซโฮ’
สมองที่เมามายอย่างเต็มที่ดันปรากฎภาพคนตัวบางขึ้นมาให้เขาเห็นอยู่ตลอดเวลา
แจฮยอกกดรหัสผ่านของประตูหน้าตามที่โซโฮเคยบอกแล้วขึ้นลิฟต์ไปอย่างไม่ลังเล รวมถึงการกดรหัสเข้าประตูบ้านด้วยเช่นกันจนประตูมันเปิดออก
เสียงเปิดประตูดังแกร๊ก ทำให้โซโฮเบิกตาโพลงแล้วหันไปมองทางประตูทันที มือที่ถือหนังสืออ่านอยู่สั่นเทาไปหมด
“อ้าว แจฮยอกเหรอ ทำไม ลืมอะไรทิ้ง…!”
“หนวกหู”
แจฮยอกเดินก้าวขายาวๆ ของตัวเองมาอยู่ตรงหน้า ก่อนโซโฮจะพูดจบประโยคเสียอีก จากนั้นก็บ่นด้วยน้ำเสียงเจือความหงุดหงิด แล้วกระชากอีกฝ่ายเข้ามาปิดปากด้วยริมฝีปากของตนเอง
โซโฮขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อสัมผัสถึงกลิ่นของเหล้าตรงปลายจมูก แถมในปากก็ยังได้รสชาติเหล้าอย่างรุนแรงอีก ทว่ามันก็เป็นช่วงเวลาเพียงครู่เดียว เพราะลิ้นที่รุกรานเข้ามาอย่างไร้ชั้นเชิงของแจฮยอก ช่างหอมหวานจนรสเหล้ากลายเป็นรสหวานปานน้ำผึ้งในพริบตา
แจฮยอกดูไม่เชี่ยวชาญอย่างมากราวกับนี่เป็นจูบแรก ทั้งฟันที่กระทบกัน ทั้งริมฝีปากบางที่โดนฟันแจฮยอกขบอย่างแรง ไหนจะประกบริมฝีปากไม่พอดีจนน้ำลายใสๆ ไหลออกมา
แต่โซโฮก็ไม่สามารถประเมินจูบไร้ความชำนาญของแจฮยอกได้ เนื่องจากมันก็เป็นครั้งแรกของเขาเหมือนกัน สำหรับเขาแล้ว เพราะการเอาปากไปประกบคนอื่นแล้วแลกน้ำลายแบบนี้ มันเป็นเรื่องแสนจะสกปรก แน่นอนว่ารวมถึงการสัมผัสแสดงชัดถึงจุดประสงค์ทางเพศด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น แจฮยอกก็เป็นข้อยกเว้นของทั้งหมด โดยที่ตัวโซโฮเองก็ไม่รู้สาเหตุเช่นกัน
ถ้าหากเป็นโดแจฮยอกแล้วล่ะก็ มันก็ไม่เป็นไร ไม่เป็นอะไรเลยจริงๆ ทั้งการจับมือ ทั้งการอยู่ข้างๆ กัน ทั้งการนอนหนุนแขน ทั้งการโอบกอดไว้ในอ้อมแขน
แล้วก็จูบในตอนนี้ด้วย
“อา อื้อ อืม”
เสียงครางหลุดออกมาจากปากโซโฮอย่างต่อเนื่อง หนังสือในมือก็ร่วงตกลงไปบนพื้น เขาไล่เลียลิ้นแสนหวานล้ำของแจฮยอก แล้วค่อยๆ จับมือใหญ่ขึ้นมาวางบนหน้าอกตัวเอง เมื่อคิดได้ว่าหากโดนสัมผัสก็คงจะดี ร่างกายมันก็ขยับไปตามสัญชาตญาณทันที
ถึงจะทำแบบนั้น โซโฮก็กังวลอยู่ชั่วครู่ว่าถ้าเกิดอีกคนปฏิเสธแล้วจ้องเขาด้วยสายตาเกลียดชังขึ้นมา จะทำยังไง ทว่ามันก็เหมือนเป็นความกังวลไร้ประโยชน์
เพราะแจฮยอกเกี่ยวกระหวัดลิ้นโซโฮพลางลูบไล้หน้าอกบางไม่หยุดมือ ก่อนจะค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วลูบวน ใช้สองนิ้วของตนจับส่วนนั้นของอีกฝ่ายแล้วบดขยี้มัน
“ฮะ อ๊ะ อื้อ!”
แผ่นหลังของโซโฮแอ่นโค้งพร้อมปล่อยเสียงครางออกมาจากริมฝีปากที่ถูกประกบปิด สมองว่างเปล่าและรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังลอยขึ้น
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างนั้นอยู่อีกพักนึง ก่อนลิ้นละโมบของทั้งคู่จะผละออกจากกันอย่างช้าๆ โซโฮหายใจติดขัดแล้วจ้องเข้าไปในดวงตาของแจฮยอก เมื่อเห็นแววตาขุ่นมัว ก็รู้เลยว่าอีกคนคงจะเมาอยู่แน่ๆ จากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมรอบตัวพวกเขา ไม่นานแจฮยอกก็เป็นคนเปิดปากพูดขึ้นก่อน
“ไม่ต้องไปถอดที่ไหนอีกเลยนะ แม่งเอ๊ย น่าหงุดหงิดจริงๆ “
“หา?”
โซโฮย้อนถามกลับอัตโนมัติ เพราะไม่สามารถตีความหมายของคำพูดที่แจฮยอกต้องการจะสื่อได้
แต่แจฮยอกก็ไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ เขาเริ่มทำท่าจะอาเจียนโดยใช้มือทั้งสองข้างยันพื้นเอาไว้ หลังจากตัวไหลลงมาบนพื้นหน้าโซฟาไม้โบราณ
โซโฮทำหน้าบูดบึ้งอย่างรุนแรง เพราะรู้ว่าทำไมอีกคนถึงได้มีอาการแบบนี้
“นี่! นี่!! ไม่ได้นะ! หันหน้าออกไปเลย! ปิดปากไว้! ลองอ้วกออกมาดูสิ! เจ้าคนสกปรกนี่!”
เจ้าของบ้านรีบร้อนส่งเสียงดังแล้วประคองแจฮยอกไปห้องน้ำอย่างยากลำบาก ก่อนจะทิ้งคนเมาไว้ที่พื้นห้องน้ำ แล้วจ้องหน้าพร้อมกัดฟันแน่น
“ไอ้ ไอ้คนชั่วนี่… มาเอาจูบแรกของฉันไปแบบนี้น่ะเหรอ ตายซะเถอะ พรุ่งนี้เจอแน่ โดแจฮยอก”
โซโฮกลั้นหายใจแล้วคว้าเส้นผมของแจฮยอก เขาเบือนหน้าออกไปนอกห้องน้ำพร้อมฉีดน้ำไล่กลิ่นน่าขยะแขยงให้มันหมดไป ก่อนจะเขกหัวคนไม่มีสติไปถึงสองครั้ง ทว่าแจฮยอกกลับไม่สั่นไหว แถมยังนอนหายใจสม่ำเสมออีก
การทำตามหัวใจตามคำแนะนำของยอมินขณะเมามายอย่างเต็มที่นั้น ทำให้แจฮยอกจับจุดอ่อนของโซโฮได้ถึงสองอย่าง เขายิ้มเจ้าเล่ห์พลางแนบหน้าลงบนพื้นห้องน้ำเพื่อสัมผัสความเย็นสบายแล้วผล็อยหลับไป

คอมเมนต์

Chapter List