เบบี้ซิตเตอร์…หลอกนายมาเป็นพี่เลี้ยง ตอนที่ 1-3

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 1-3 หากเราบังเอิญได้พบกันถึงสามครั้งภายในวันเดียว

เวลายีสิบนาฬิกา สามสิบนาที สถานที่ทำงานพาร์ทไทม์ของแจฮยอกก็เปลี่ยนไป รวมถึงเสื้อผ้าของเขาก็ด้วย
ตอนกลางวันจะเป็นแจฮยอกที่สวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ กระเป๋าสะพายข้างใบเก่าๆ พร้อมทรงผมยุ่งเหยิง ทว่าในตอนกลางคืนอย่างตอนนี้รูปลักษณ์ภายนอกของเขากลับเปลี่ยนไปแบบร้อยแปดสิบองศาเลย
เส้นผมสีบลอนด์สว่างถูกเสยไปด้านหลังอย่างเรียบร้อย เสื้อเชิ้ตสีดำสนิทพอดีตัวและกางเกงยีนส์สีดำเข้าคู่กัน รองเท้าสีดำ รวมไปถึงแว่นตากรอบดำ กับส่วนสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตร เต็มไปด้วยเสน่ห์ของชายหนุ่มฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกในเวลาเดียวกัน จนกลายเป็นชายหนุ่มผู้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่การแต่งตัวที่แจฮยอกเป็นคนจัดการเองหรอก มันคือผลงานของรุ่นพี่ชมรมที่มหาวิทยาลัยและเป็นเจ้าของบาร์นี้อย่างจูยอมิน แจฮยอกถือถาดไว้ด้วยมือหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็จับกางเกงยีนส์ที่เข้ารูปพอดีกับช่วงเอวอยู่บ่อยๆ เพราะรู้สึกไม่สะดวกสบาย
“คอนเซปต์ของวันนี้คืออะไรเหรอครับรุ่นพี่”
“ชายหนุ่มรอบรู้แสนโดดเด่น”
“หื้ม? หมายถึงคนแบบไหนกันล่ะครับ”
“นายไม่ต้องรู้หรอก แล้วทำไมต้องดึงกางเกงขึ้นมาบ่อยๆ ด้วย ปล่อยมันไหลลงไปให้เป็นธรรมชาตินั่นแหละ รุ่มร่ามจริงๆ ให้ตาย”
“ก็รู้สึกเหมือนกางเกง มันไปดึงถึงชั้นในด้วยนี่ครับ”
“มันโอเค ไม่เป็นไรหรอก”
แจฮยอกพูดบ่นพึมพำกับยอมิน ถึงแม้เขาจะคิดว่ามันไม่โอเค แต่อีกคนก็ยังคงยิ้มอย่างพอใจแล้วบอกออกมาว่ามันโอเคแล้วอยู่ดี
ทว่า ทันทีที่ลูกค้าเข้าร้านมาแจฮยอกก็เปลี่ยนไปแบบร้อยแปดสิบองศาอีกครั้ง ด้วยการจุดยิ้มแสนนุ่มนวลบนริมฝีปากพร้อมแนะนำและนำทางหญิงสาวไปที่โต๊ะ วางแผ่นเมนูได้ด้านหน้าเธอ เมื่อโค้งตัวตอนรับออเดอร์ เนื้อช่วงเอวของแจฮยอกก็เลยเผยออกมาจนหญิงสาวหน้าแดงก่ำขึ้นมา ยอมินจึงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขณะมองท่าทางของรุ่นน้องตัวเองจากด้านหลัง
และรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ก็หายไปทันทีที่แจฮยอกหันกลับมา ราวกับมันเป็นเรื่องโกหก
แจฮยอกเดินไปหายอมินแล้วยื่นใบออเดอร์ให้โดยไม่รับรู้อะไร คนเป็นเจ้าของร้านเอาใบสั่งอาหารไปวางไว้ที่ห้องครัวแล้วก็เริ่มทำค็อกเทลตามที่ลูกค้าสั่งมา
ในค็อกเทลบาร์แห่งนี้ของยอมินเปิดขึ้นพร้อมกับการสร้างเมืองใหม่ และมีกฎพิเศษอยู่

ลูกค้าผู้ชายต้องเดินทางมาพร้อมกับลูกค้าผู้หญิงเท่านั้น ถึงจะสามารถเข้ามานั่งที่นี่ได้
ซึ่งลูกค้าหนึ่งท่านสามารถสั่งเบียร์ได้แค่สองขวด และค็อกเทลสามแก้วเท่านั้น

มันเป็นขอบังคับเด็ดขาดของยอมินผู้เคยทำธุรกิจแล้วพบเจอกับความโสมมมากมาย ก่อนจะมาเปิดร้านนี้
แม้ว่ามันจะฟังดูประหลาด แต่สถานที่ที่ไม่ได้กว้างขวางมาก ดนตรีก็เปิดตามสไตล์ของเจ้าของร้านอย่างเดียว กลับได้รับความนิยมมากก่อนแจฮยอกจะเข้ามาทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่เสียอีก เนื่องจากมันไม่มีเสียงดังโวยวายแสนบาดหูของพวกคนเมา รวมถึงปราศจากการทะเลาะวิวาทจากความเมามายด้วย
อีกทั้งอาจจะเป็นรางวัลให้การรักษากฎ เพราะราคาเครื่องดื่มของร้านนี้ถูกกว่าร้านอื่นๆ มาก เพียงแค่ดื่มเบาๆ แก้วสองแก้วก็สามารถคลายความเหนื่อยล้าได้แล้ว
และยิ่งเมื่อแจฮยอกเข้ามาทำงานพาร์ทไทม์ ลูกค้าก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีก อัตราส่วนของลูกค้าผู้หญิงเพิ่มสูงมากๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรแจฮยอกก็ชอบที่นี่ ทั้งได้ค่าแรงสูงกว่าที่อื่น รวมถึงมีอาหารให้กินจนถึงมื้อดึกเลย
วันนี้เองก็เหมือนกัน แจฮยอนต้อนรับลูกค้าที่แห่แหนกันมามากมายด้วยความขอบคุณุร่นพี่ยอมิน
เมื่อเวลาผ่านไปจนใกล้ถึงเวลาปิดร้านแล้วอย่างตอนนี้ ที่เลยเที่ยงคืนมาเล็กน้อยก็เหลือลูกค้าเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้น ช่วงเวลาปิดร้านคือระหว่างเที่ยงคืนจนถึงตีหนึ่ง ดังนั้นลูกค้าโต๊ะนั้นก็คงจะเป็นลูกค้าโต๊ะสุดท้ายของวันนี้แล้ว
ยอมินนั่งลงบนเก้าอี้ที่เอามาวางทิ้งไว้หลังบาร์แล้วหันไปพูดกับแจฮยอกที่ยืนอยู่ด้านนอกบาร์
“แจฮยอก ไปพักก่อนไป ออกไปซื้อไอศกรีมมากินสักแท่งก็ได้ สีหน้านายดูเหนื่อยมากเลย”
“ไม่เป็นไรครับ”
“นี่ เงิน เอาไปซื้อให้ฉัน แล้วก็คุณป้าแม่ครัวด้วย เอาแบบโคนนะ”
“ครับ”
แจฮยอกหยิบธนบัตรหมื่นวอนจากยอมิน ที่ยื่นให้ด้วยคาบใช้นิ้วคีบไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกไปนอกร้านตามคำสั่ง
ยอมินจ้องมองภาพด้านหลังของแจฮยอกพร้อมหัวเราะคิก
พอมองคนตัวสั่น เวลามันเป็นเรื่องที่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วก็รู้สึกสงสาร แต่อีกด้านนึง ก็คิดว่าอะไรแบบนั้นมันไม่เข้ากับรูปร่างหน้าตาของแจฮยอกเลยจนต้องหัวเราะออกมาบ่อยๆ
“เสียดายหน้าตาจังเลย หน้าตาแบบนี้ควรเป็นพวกทายาทมหาเศรษฐีสิ เฮ้อ เสียดายจริงๆ ความเป็นจริงมันช่างโหดร้าย”
ยอมินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดอะไรออกมา ส่วนทางแจฮยอกกลับกำลังอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงไอศกรีมฟรี
ทว่า ในตอนนั้นเขาเห็นใครบางคนถูกลากเข้าไปในซอยที่อยู่ห่างจากบาร์ไม่ไกลนัก
“ช่วย…!”
จากนั้นก็ได้ยินเสียง “อื้อ อื้อ” ที่น่าจะมาจากการโดนปิดปาก
แจฮยอกมีสีหน้าลำบากใจทันที แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองกังวลนาน เพราะอาจจะมีใครบางคนกำลังโดนกระทำมิดีมิร้ายอยู่ก็ได้ เขาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้หรอก
แจฮยอกจึงวิ่งไปยังซอยนั้น
“ทำบ้าอะไรน่ะ! ไอ้ชั่วพวกนี้!”
มีใครบางคนถูกผ้าอุดปากเอาไว้ โดยแขนทั้งสองข้างถูกตรึงแยกออกจากกันด้วยมือของชายอีกคน ร่างกายของคนๆ นั้นโดนผลักติดกำแพง มีเพียงท่อนล่างเท่านั้นที่ถูกปล่อยเป็นอิสระ
ทว่าท่อนล่างนั้นกลับเปลือยเปล่าทั้งหมด
“อะไรวะ แม่งเอ๊ย”
“ไปตามทางของแกซะ เข้าใจ?”
นี่มันเป็นคำพูดท็อปไฟว์ของพวกอันธพาลหรือเปล่า แจฮยอกคิดว่าคำที่พวกสวะสามตัวที่กำลังจะกลายเป็นคนร้ายในคดีข่มขืนพูดออกมา มันช่างน่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน แต่แน่นอนว่าเขาไม่คิดมันอย่างใจเย็นหรอก
เพราะเขาส่งหมัดไปยังใบหน้าของชายคนหนึ่งที่กำลังถอดกางเกงของคนเคราะห์ร้ายทันที จนอีกฝ่ายหน้าหันอย่างแรง ก่อนจะเตะขาซ้ำอีกทีจนมันล้มลง
“แม่ง ไอ้เวรนี่!”
“วันนี้สงสัยฉันจะชื่อ ‘ไอ้เวร’ สินะ”
แจฮยอกแสดงสีหน้าชั่วร้ายพลางบ่นพึมพำกับคำด่าทอจากคนพวกนั้น
หลังจากนั้นก็มีเสียงร้องประหลาดดัง ‘อั่ก’ ออกมาจากคนที่ล้มลงไปนั่งพับอยู่กับพื้น แจฮยอกคิดว่าอีกฝ่ายคงจะเจ็บมากแน่ๆ แล้วก็คงไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดด้วย ก่อนจะเดินเข้าไปหาอันธพาลอีกสองคนที่ยังคงยืนงุนงงอยู่
อันธพาลทั้งสองคนที่เขานึกว่าจะพากันจัดการตัวเขาให้หนักกว่าคนที่นอนกองอยู่บนพื้นกลับทำเพียงแค่กำหมัดแน่นพร้อมกับพ่นด่าออกมาแล้วจบ จากนั้นอยู่ๆ พวกมันก็เปลี่ยนท่าทางก้มลงไปหิ้วเพื่อนตัวเองขึ้นมาพื้นแล้ววิ่งหนีออกไปโดยไม่พูดอะไรต่อสักคำ
แจฮยอกมองด้านหลังของพวกอันธพาลที่หนีไปต่ออีกชั่วครู่ ก่อนจะย่อตัวลงไปนั่งข้างๆ ผู้เสียหายที่นั่งพับอยู่กับพื้น เขาช่วยหยิบผ้าที่อุดปากอีกคนออก
“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
“ไม่รู้สิ ไอ้เวร ไม่ใช่สิ โดแจฮยอก”
“เหอะ”
แจฮยอกแค่นถอนหายใจออกมาทันทีกับเสียง รวมถึงประโยคที่ได้ยิน มันยังคงเป็นเสียงและคำพูดของตัวซวยคนเดิม
“คุณอีกแล้วเหรอครับ”
“เป็นโดแจฮยอกอีกแล้วงั้นเหรอ”
“เดี๋ยวนะ แล้วทำไมคนป่วยอย่างคุณถึงได้ออกมาป่วน เดินเอ้อระเหยไปมาแบบนี้ล่ะครับ”
“ไม่ได้ป่วยซะหน่อย”
“แล้วคนที่เป็นลมกับพื้นเมื่อเช้า เป็นใครกันครับ”
“ฉันไง”
“แต่ไม่ได้ป่วยงั้นเหรอ”
“ก็ตอนนี้ไม่ได้ป่วยนี่นา”
แจฮยอกจ้องมองเจ้าตัวซวยที่เอาแต่เถียงคำไม่ตกฟากอยู่อย่างนั้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ
อีกฝ่ายลุกขึ้นมาอย่างเก้ๆ กังๆ แล้วดึงชั้นในกับกางเกงตัวเองขึ้น เขาจ้องมองชายคนนั้นไม่รู้ตัว การมาเจอกันเหมือนโชคชะตาเล่นตลกแบบนี้ มันช่างน่าประหลาดใจยิ่งกว่าน่าประหลาดใจเสียอีก
ตอนโดนขอร้องให้ไปส่งบ้านในตอนเช้านั้น เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ต่างไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ส่วนตอนนี้กลับเจอกันมาแล้วถึงสามครั้ง แม้กระทั่งช่วงสุดท้ายของวันก็ด้วย
ตัวซวยยืนห่างจากแจฮยอกประมาณสองก้าวและไม่เข้ามาใกล้ไปกว่านั้น พลางยกยิ้มมองแจฮยอก
หน้าตาเหมือนตอนกลางวันเลย ไม่สิ ดูน่ารักยิ่งกว่าตอนกลางวันเสียอีก เหมือนทั้งสองแก้มจะมีเลือดฝาดมากกว่าตอนกลางวัน ผิวขาวลื่นรับแสงและความมืดมิดได้อย่างพอดิบพอดี ไม่เพียงเท่านั้น มันยังดูเหมือนเปล่งแสงเป็นประกายออกมาด้วยซ้ำ ทันใดนั้นริมฝีปากอวบอิ่มสีพีชของอีกฝ่ายก็เผยอออกมาราวกับจะยั่วยวนกัน
และขณะนั้นแจฮยอกก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขากำลังชื่นชมใบหน้าของผู้ชายด้วยกันอยู่ จึงสะบัดหัวไปมาทันที
เขามาไร้สติชื่นชมใบหน้าชายหนุ่ม ใบหน้าของเจ้าตัวซวยแบบนี้ทำไมกันแน่
เส้มผมของแจฮยอกที่ผ่านเรื่องราวดุเดือดเมื่อสักครู่มายุ่งเหยิงเล็กน้อย
ชายหนุ่มจ้องมองแจฮยอกที่เป็นแบบนั้นแล้วเอ่ยขึ้นว่า
“สนุกจังเลยน้า”
“ไม่สนุกเลยสักนิดเดียวครับ”
“ไม่เป็นไร เพราะฉันสนุก”
“อะไรนะครับ”
ความชื่นชมในหน้าตาที่วนเวียนอยู่ในหัวแจฮยอกถูกเตะกระจัดกระจายไปจนหมด
ต่อให้น่ารักมากขนาดไหน มันก็คงเท่านั้น
เพราะความเฮงซวยก็แข็งแกร่งพอจะมาลบล้างความน่ารักของอีกคนได้อยู่ดี

คอมเมนต์

Chapter List