เบบี้ซิตเตอร์…หลอกนายมาเป็นพี่เลี้ยง ตอนที่ 1-5
ตอนที่ 1-5 หากเราบังเอิญได้พบกันถึงสามครั้งภายในวันเดียว
แจฮยอกจึงเดินเข้าไปหาแล้วคว้ามือเล็กไว้ จากนั้นก็เอาไอศกรีมเข้าปากตัวเองอย่างไม่รู้ตัว ไอศกรีมช็อกโกแลตที่เคยไหลเป็นทางโดนรวบรวมเอาไว้ในปากแจฮยอก แล้วถูกกลืนผ่านหลอดอาหารลงไป
ทันใดนั้นอีกฝ่ายก็เบิกตาโพลงและหน้าแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เกิดความเงียบปกคลุมชั่วขณะ มีเสียงยอมินและคุณป้าแม่ครัวทั้งสองคนลอยออกมาเบาๆ ชายหนุ่มเลยเป็นคนเอ่ยพูดทำลายความเงียบลง
“…ไม่อิ่มเหรอ”
ไม่ใช่ซินเดอเรลล่าหรอก ในสายตาแจฮยอกคนคนนี้ก็ยังคงเป็นเจ้าตัวซวยเหมือนเดิม แม้แต่คำพูดคำจาที่ออกมาจากข้างในก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
จะต้องเรียกว่าชายหนุ่มผู้ไม่เคยเปลี่ยนแปลงหรือเปล่านะ
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องอะไรแบบนั้น เพราะอีกฝ่ายกำลังส่งสายตาร้องขอคำตอบจากเขาอยู่
แจฮยอกกรอกตาอย่างหนักเพื่อหาข้อแก้ตัวให้กับการกระทำที่แม้แต่ตนเองก็ไม่รู้ตัว ทว่ามันเป็นเพราะเขา ‘ไม่รู้ตัว’ เลยไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรดี
สุดท้ายแจฮยอกจึงพูดคำเหล่านี้ออกไป
“มันละลายจนหยดลงมาแล้ว ผมเสียดายน่ะครับ”
“แต่ฉันกินไปแล้วนะ แล้วก็ไม่ได้กินไอศกรีมแบบกัดด้วย เพราะมันเย็น ก็เลยเลียเอา”
“ยะ อย่างนั้นหรือครับ”
“นายมาเลียของที่ฉันตั้งใจเลียจนมันเล็กลงแล้วอะนะ”
หน้าแจฮยอกร้อนวูบวาบขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ คงเป็นเพราะได้ยินคำพูดแปลกๆ ของคนตรงหน้า
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มกำลังพูดถึงไอศกรีมแท้ๆ แต่ทำไมผีลามกถึงได้มาเข้าสิงเขาก็ไม่รู้
“คือ ขอโทษนะครับ ยังไงเอามาให้ผมเถอะครับ เดี๋ยวผมเอาไปทิ้งให้”
“อยากจะเลียของของฉันเหรอ”
“พูดให้มันดีๆ หน่อยสิครับ”
“หื้อ เมื่อกี้ฉันพูดอังกฤษ เยอรมัน หรือภาษาฝรั่งเศสออกไปหรือไง”
“ไม่ใช่แบบนั้น! เฮ้อ… ช่างเถอะครับ มันหยดลงพื้นแล้ว เอามานี่เถอะครับ”
เหมือนพูดอะไรไปก็ไม่เข้าหูเลย ไม่สิ ดูไม่รับฟังซะมากกว่า ทั้งชอบขัด ตอบไม่ตรงคำถาม คิดจะพูดอะไรก็พูด สี่มิติ ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าเขาจะพยายามพูดเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็ไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย
แจฮยอกคิดแบบนั้นพร้อมกับแบบมือขอไอศกรีมอีกครั้ง ทว่าชายหนุ่มก็กลับมือชักหนีเขา
“ไม่เอาอะ ถ้าฉันให้ไปแล้ว โดแจฮยอกจะให้อะไรฉันอะ”
“ทำไมผมต้องให้อะไรด้วยล่ะครับ!”
ถึงแม้แจฮยอกจะรู้สึกตัว แต่เขาก็ทนไม่ได้จนต้องตะโกนออกมาเสียงดังลั่น เขายังต้องถูพื้นร้านอีกตั้งครึ่งหนึ่ง แต่ก็ยังถูกป่วนจนเวลาเลิกงานมันค่อยๆ เลื่อนออกไปเรื่อยๆ และทันทีที่รู้ตัวก็ยิ่งโกรธมากกว่าเดิม
ในที่สุดแจฮยอกก็เดินไปด้านหลังแล้วล็อคคออีกฝ่ายด้วยแขนข้างเดียว ก่อนจะหยิบไอศกรีมออกจากมือคนที่โดนกักตัวไม่ให้ขยับ
“ปล้นกันนี่”
“ขอเถอะ!”
แจฮยอกตะคอกใส่ชายหนุ่มที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีกครั้ง ปกติเขาเป็นคนเงียบๆ มีมารยาทนะ ทว่าต่อหน้าคนคนนี้ ภาพลักษณ์นั้นของเขามันพังทลายไปหลายครั้งแล้วภายในวันนี้วันเดียว
เขาถือไอศกรีมที่เลอะเทอะยันแท่งไม้วิ่งเข้าไปในห้องครัว โดยที่มีตัวต้นเหตุยกยิ้มมองตาม
ผ่านไปไม่นาน แจฮยอกก็ถือทิชชูเปียกออกมาหน้าร้าน เอามันยัดใส่มือของคนตัวบาง แล้วตัวเองก็กลับไปเริ่มถูพื้นต่ออีกครั้งพร้อมพูดว่า
“เช็ดมือครับ ผมต้องทำงานต่ออีกสักพัก ได้โปรดช่วยรอ แล้วก็ห้ามพูดอะไรแม้แต่คำเดียวเลยนะครับ”
“อะไรกันอะ”
เมื่อชายหนุ่มยอมปิดปากลง แจฮยอกก็เคลื่อนไหวทำงานที่เหลืออย่างรวดเร็ว ทว่าแม่นยำ ตั้งใจจดจ่ออยู่กับการถูพื้น
ระหว่างนั่งรอก็มองแจฮยอกโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้อีกรอบ เริ่มไล่สายตาลงไปแล้วก็ไล่ขึ้นมาใหม่วนไปวนมา พอเขาทำแบบนี้ประมาณสามสี่ครั้ง แจฮยอกก็ทำความสะอาดเรียบร้อยพอดี ซึ่งอีกคนปิดปากเงียบและนั่งสงบเสงี่ยมจนกระทั่งเขาจัดการทำความสะอาดทั้งหมดเสร็จสิ้น
หลังเก็บร้านเรียบร้อย แจฮยอกก็ตรงเข้าไปในห้องครัวแล้วตะโกน
“รุ่นพี่ ผมกลับแล้วนะครับ!”
“อื้ม เจอกันพรุ่งนี้นะแจฮยอก”
“ครับ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้อยู่ช่วยจนเสร็จ”
“ไม่หรอก วันนี้ทำงานหนักมากเลยนะ!”
แจฮยอกคุยกับยอมินโดยไม่เห็นหน้ากัน ก่อนจะหันหลังกลับไปพูดกับคนที่นั่งรอตนอยู่
“เดี๋ยวผมจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน รออีกแป๊บนึงนะครับ”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบก็ได้”
แม้จะเป็นคำพูดที่ฟังเหมือนมีน้ำใจ แต่ก็ทำให้ในใจของแจฮยอกเดือดดาลอีกครั้ง ทว่าจะตอบโต้ไปก็เสียเวลาเปล่าอยู่ดี เขาเลยเปิดประตูที่มีข้อความเขียนไว้ว่า ‘บุคคลไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้า’ ตัวใหญ่ติดไว้อย่างเงียบๆ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
เขาอยากพาคนคนนี้ไปส่งบ้านแล้วรีบกลับไปพักผ่อนแล้ว
อีกด้านหนึ่งชายหนุ่มก็นั่งรออย่างสงบเสงี่ยมพร้อมจ้องมองไปทางจุดที่แจฮยอกหายเข้าไป เพียงไม่นานแจฮยอกที่มีภาพลักษณ์เหมือนเมื่อเช้าทุกอย่าง ยกเว้นทรงผมก็เดินออกมาจากประตูนั้นและก้าวเข้ามาหาพร้อมพูดขึ้นว่า
“ไปครับ”
คนโดนชวนจึงพยักหน้ารับแล้วเดินตามไปข้างๆ แจฮยอก
ตอนนี้เลยเที่ยงคืนไปแล้ว ซึ่งบ้านของเจ้าตัวซวยนี่ก็อยู่ห่างจากย่านคนพลุกพล่านที่เขาทำงานอยู่เล็กน้อย ทั้งๆ ที่แจฮยอกบอกว่ายังมีรสเมล์ให้ขึ้นอยู่ แต่อีกฝ่ายก็เรียกแท็กซี่จนได้
ดังนั้นพวกเขาจึงขึ้นแท็กซี่ไปด้วยกันจนมาถึงจุดหมายในที่สุด พวกเขาลงใกล้ๆ กับทางเข้าแล้วเดินมุ่งหน้าเข้ามาทางที่พักของคนตัวบาง และเมื่อมาถึงหน้าประตูเข้าคอนโด แจฮยอกก็เอ่ยขึ้น
“เอาล่ะ เรียบร้อยแล้วใช่ไหม งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวก่อน โดแจฮยอก”
“ทำไมครับ มีอะไรอีก”
“ต้องเข้าไปส่งให้ถึงข้างในสิ ถ้าคนพวกนั้นดักรออยู่ ฉันจะทำยังไงกันล่ะ มีความรับผิดชอบหน่อย โดแจฮยอก”
“คนพวกนั้นจะรู้รหัสเข้าที่นี่ได้ยังไงกันล่ะครับ”
“คนเข้าๆ ออกๆ เยอะจะตาย มันไม่ใช่คอนโดขายไม่ออกสักหน่อย”
แจฮยอกรู้แล้วว่าไม่ว่าตัวเองจะพูดอะไร ก็ไม่มีวันเอาชนะคนคนนี้ได้เลย เขาจึงเลือกเดินเข้าไปด้านในผ่านประตูคอนโดที่เปิดรอพร้อมๆ กับอีกฝ่าย แทนการตอบคำถาม
ชายหนุ่มยิ้มไม่หุบราวกับถูกใจ พวกเขาขึ้นลิฟต์พิเศษสำหรับชั้นรอยัลมาจนถึงหน้าบ้าน จากนั้นทั้งสองคนก็ยืนจ้องหน้ากันอยู่ตรงประตูทางเข้า
“โอเคแล้วใช่ไหม ผมไปนะครับ”
“โดแจฮยอก เป็นคนเลวจริงๆ ด้วย”
“ไม่พอใจอะไรอีกล่ะครับ”
“เราเจอกันโดยบังเอิญถึงสามครั้งเลยนะ”
“แล้วยังไงครับ”
“โดแจฮยอก ไม่อยากรู้ชื่อของฉันเหรอ คนที่นายจะฝากชีวิตเอาไว้เนี่ย ไม่อยากรู้ชื่อหน่อยหรอกเหรอ”
“ทำไมผมต้องฝากชีวิตตัวเองไว้กับคุณด้วยล่ะครับ”
แจฮยอกแย้งคำพูดอีกฝ่ายในทันที
ชีวิตแสนสำคัญของเรา ทำไมจะต้องเอาไปฝากกับเจ้าตัวซวยแบบนี้ด้วย
ทว่า คนตรงหน้ากลับยิ้มร่าพลางโต้แย้งของแจฮยอกว่า
“ก็เพราะวันนี้วันเดียว เราบังเอิญเจอกันตั้งสามครั้งนี่ ตอนนี้ชีวิตของโดแจฮยอกก็เป็นของฉันแล้วไง”
“เอ่อ…”
แจฮยอกบ่นพึมพัมพลางเดาะลิ้นเบาๆ ดูท่าชายหนุ่มตัวซวยคนนี้จะเป็นพวกเชื่อในเรื่องโชคชะตาพรหมลิขิตสินะ ถึงจะว่าอย่างนั้น แต่การเจอกันโดยบังเอิญถึงสามครั้งในวันเดียว มันก็เป็นเหตุการณ์ที่พวกคนงมงายในโชคชะตามักจะชอบกัน
เจ้าของบ้านหัวเราะคิกคักก่อนจะพูดต่อ ทั้งที่ยังเปิดประตูค้างไว้
“จีโซโฮ”
“ครับ?”
“ชื่อของฉัน”
แต่แจฮยอกก็พยักหน้ารับโดยไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไร เพราะเขาไม่ได้เห็นประโยชน์ของการรู้จักชื่อคนที่คงไม่เจอกันอีกแล้วหลังจากวันนี้ หากเขายอมฟังๆ ไป อีกฝ่ายก็คงจะพอใจกับมันเอง เขาก็จะได้จากไปอย่างเงียบๆ เท่านั้นมันเพียงพอแล้ว
ร่างบางจึงขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้นอีกครั้ง
“คิดว่าแค่ฟังๆ ไปแล้วก็ลืมใช่ไหม”
“เอ่อ มะ ไม่ใช่ครับ”
ถึงกับพูดติดขัดเมื่ออีกฝ่ายดันเดาสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจได้ถูกต้อง โซโฮยืนยิ้มมองแจฮยอกพลางยื่นมือออกมา เขาคิดว่าในที่สุด ‘มันก็ถึงจุดสิ้นสุดของการพบกันอันแสนยาวนานกับคนคนนี้แล้วสินะ’ ก็เลยยื่นมือไปจับมือคนตรงหน้าด้วยความยินดี
หลังเขาจับมือเขย่าขึ้นลงเบาๆ การจับมือสั้นๆ ก็สิ้นสุดลง
“ฉันจะฝากชีวิตตัวเองไว้กับโดแจฮยอกไง เพราะงั้นฝากตัวด้วยนะ”
“ผมไม่รับฝากอะไรแบบนั้นครับ”
“แล้วไงอะ กลับดีๆ ล่ะ”
พูดจบ โซโฮก็หายตัวเข้าไปในบ้านของตัวเองทันที
ถึงจะสงสัย แต่แจฮยอกก็เลือกจะกดลิฟต์แทนการกดกริ่งเรียกอีกคน รอไม่นาน เขาก็ก้าวเข้าไปในลิฟต์พลางถอนหายใจ แล้วคิดกับตัวเองว่าวันนี้มันช่างแสนยาวนานเหลือเกิน
คอมเมนต์