เบบี้ซิตเตอร์…หลอกนายมาเป็นพี่เลี้ยง ตอนที่ 2-2
ตอนที่ 2-2 แครอทและแส้ม้า คือกฎที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
แจฮยอกรู้สึกสบายใจจนกินได้เยอะกว่าปกติมาก
มันเป็นมื้ออาหารที่น่าพึงพอใจสำหรับทั้งสองคน แจฮยอกพอใจที่ตัวเองได้กินอาหารดีๆ ส่วนโซโฮเองก็พอใจที่ตัวเองได้มีเวลาชื่นชมแจฮยอกอย่างไม่เร่งรีบ
โดยระหว่างทานข้าว แจฮยอกก็ลืมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับงานพาร์ทไทม์ที่ควรจะต้องถามไปเสียสนิท
“กาแฟไหม”
เมื่อโซโฮเอ่ยขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ สมองของแจฮยอกถึงได้กลับเข้าสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง ทั้งงานพาร์ทไทม์กับค่าใช้จ่ายที่ไม่เพียงพอ งานพี่เลี้ยงเด็ก รวมไปถึงกาแฟแสนหอมหวานที่เป็นความสุขหลังมื้ออาหารด้วย
“มีกาแฟสำเร็จรูปไหม”
“ฉันไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก แต่เดี๋ยวฉันใส่ไซรัปในลาเต้ให้ แค่นั้นก็น่าพอ”
ร่างบางเดินไปยังห้องครัวแล้วทำอะไรบางอย่างเสียงดังก๊อกแก๊ก ตามด้วยเสียงเครื่องทำกาแฟดัง ก่อนจะเปิดปิดตู้เย็น หลังจากนั้นครู่นึงก็เอากาแฟที่มีสีสันสวยงามและปริมาณมากกว่ากาแฟชงสำเร็จรูปมาวางตรงหน้าแจฮยอก
โซโฮหย่อนก้นลงกับเก้าอี้อีกครั้งแล้วค่อยๆ จิบกาแฟในมืตัวเองอ เมื่อแจฮยอกดื่มกาแฟที่อีกฝ่ายเอามาให้ไปหนึ่งอึกก็พึมพำออกมาไม่รู้ตัว
“อร่อยกว่ากาแฟสำเร็จรูปมากๆ เลย”
“แน่นอนสิ มันเทียบกันได้ที่ไหนล่ะ”
คำพูดของโซโฮทำเอาเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ลืมไปเลยว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาก็คือชายหนุ่มสุดเฮงซวยและไร้มารยาท
แจฮยอกจึงกระแอมไอฮึ่มๆ ก่อนจะเปิดปากพูด
“แล้วเด็กคนนั้นคือใครล่ะ จะให้ไปดูแลเด็กที่ไหน”
“เรื่องนั้นไว้มาพรุ่งนี้แล้วฉันจะบอก เวลางานก็ตั้งแต่เที่ยงจนถึงห้าทุ่ม”
“เวลามันไม่ได้นะ ฉันมีงานตอนกลางคืนที่ต้องทำ นายเองก็เห็นแล้วนี่”
“ก็เลิกทำสิ แต่งตัวอย่างกับพวกโฮสต์ แล้วก็หากินกับหน้าตาแบบนั้น มีอะไรน่าเสียดายตรงไหน”
“นายพูดแบบนี้อะนะ”
“อืม จะพูดแบบนั้นแหละ เอาไว้ฟังเงินเดือนก่อน แล้วค่อยคิดใหม่ก็ได้”
ไม่ว่าแจฮยอกจะทำหน้าบูดหรือไม่ก็ตาม แต่โซโฮก็เถียงไม่ยอมแพ้เลยสักคำ คนตัวเล็กยกกาแฟขึ้นจิบอีกครั้งห่อนจะหยุดนิ่งไม่ยอมพูดต่อ เพราะกำลังครุ่นคิดว่า ‘ฉันจะต้องโทรหาแม่ ให้ไอ้ร้านน่าหงุดหงิดนั่นมันปิดไปเลยหรือเปล่านะ’
ถึงมันจะมีเวลาสิ้นสุด แต่เขาก็อดหงุดหงิดไม่ได้
ทั้งผิวที่เผยออกมาเล็กน้อยทุกครั้งเวลาก้มตัวลง ทั้งกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ปลดออกถึงสองเม็ด รวมไปถึงแว่นกรอบดำ กับเส้นผมที่ถูกเซ็ตปัดไปทางด้านหลัง
ทำไมถึงต้องมาทนทำอะไรแบบนี้ นายต้องไปเป็นนายแบบโฆษณาสิ
โซโฮบ่นพึมพำอยู่ในใจพร้อมกับจ้องมองแจฮยอกที่กำลังรอให้เขาพูดอย่างเกรี้ยวกราด
“แล้วมันเท่าไหร่กันล่ะ”
“สี่ล้านวอนต่อเดือน ฟรีอาหาร”
“เวร อย่ามาหลอกกันหน่อยเลย”
ขณะนั้นแจฮยอกก็สบถเสียงดัง ถึงแม้ว่าอีกคนจะจัดเตรียมอาหารให้เขากินจนอิ่มท้อง ทว่ามันก็มีสิ่งที่เขารับได้และไม่สามารถรับได้ด้วยเช่นกัน
และในตอนนี้สำหรับแจฮยอกแล้ว เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
เงินตั้งสี่ล้านวอนต่อเดือน เขาจะต้องเลี้ยงเด็กที่น่ากลัวขนาดไหนกันล่ะ ถึงจะได้ค่าตอบแทนถึงสี่ล้านวอน มันช่างเป็นอะไรที่ไร้สาระมาก
แต่ถึงแจฮยอกจะตะโกนออกมาอย่างดุดัน โซโฮก็ยังคงยิ้มกว้างเหมือนเดิม
“พูดจริงๆ นะเนี่ย”
“เงินเดือนสี่ล้านวอนงั้นเหรอ”
“อืม แล้วก็ไม่ใช่แค่เลี้ยงอาหารหรอกนะ ที่พักก็ให้ได้”
แจฮยอกไม่อยากจะเชื่อจนต้องสะบัดหัวไปมาอยู่ครู่นึง นี่มันคือเรื่องจริงสินะ ถ้าอย่างนั้นก็แน่นอนว่าต้องมีความเสี่ยงอะไรสักอย่างที่เหมาะสมกับเงินก้อนนั้นแน่ๆ
อาจจะเป็นเด็กที่ยากต่อการรับมือ หรือไม่ก็ต้องมีปัญหารุนแรงแน่ๆ แต่ถ้าหากเป็นประเด็นหลังก็ควรจ้างครูสอนพิเศษแทนพี่เลี้ยงเด็กสิ หรือไม่ก็ส่งตัวไปโรงเรียนประจำ ทว่าสถานที่แบบนั้นคงมีจำนวนเด็กที่ต้องดูแลหลายคน
หลังได้ข้อสรุปกับตัวเองแล้ว แจฮยอกก็เปิดปากถาม
“….เด็กมีกี่คนล่ะ”
“คนเดียว”
“อย่ามาล้อกันเล่นนะ เอาดีๆ นายอาจจะสนุกๆ แต่ฉันซีเรียส”
“นายไม่เชื่อใจกับการฝากชีวิตไว้ด้วยกันเลยนะ โดแจฮยอก”
โซโฮดื่มกาแฟที่เหลือจนหมดในรวดเดียวแล้ววางแก้วลงบนโต๊ะกินข้าว ก่อนจะลุกยืนขึ้น
เสื้อขาวมีรอยเปื้อนสีดำเป็นจุดๆ เหมือนลายของแม่วัว โซโฮปลดกระดุมเสื้อตัวนี้ทีละเม็ดขณะค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้แจฮยอกทีละนิด
ลำคอโค้งสวยและกระดูกไหปลาร้าที่เด่นชัดมันสะกดสายตาเขาได้เป็นอย่างดี ทั้งขาวกระจ่างใสและดูนุ่มลื่นเหมือนกับผิวบนใบหน้าเลย ร่างกายบริเวณนี้ก็งดงามเหมือนกับใบหน้าของโซโฮเช่นกัน
‘เราบ้าไปแล้วสินะ’
เวลาเห็นต้นคอได้รูปของหญิงสาว เขาก็มักจะคิดถึงเงินที่ลงทุนไปกับตรงนั้น เมื่อมองเล็บมือที่ถูกตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม ก็คิดว่ามันคงจะแพงน่าดู ทำไมเขาถึงได้หยาบคายและไร้มารยาทอยู่บ่อยครั้งแบบนั้นกันนะ แต่พอเห็นชายหนุ่มที่จะมาเอาชีวิตเขาไปตามอำเภอใจแล้วกลับคิดว่าอีกคนช่างงดงามเหลือเกิน แจฮยอกไม่เข้าใจตัวเองเลย
อาจจะเป็นเพราะอย่างนั้นหรือ เขาได้พูดเสียงหนักห้วนมากขึ้นอีกครั้ง
“ใครจะฝากใคร”
“อืม”
“ใคร”
“โดแจฮยอกไง”
“ฉันเหรอ ฉันบอกเมื่อไหร่กัน!”
“ก็เราบังเอิญเจอกันตั้งสามครั้ง นายเองก็รู้จักคำพูดของรูทเอลิโน่[1] นี่นา มันก็ต้องฝากไว้สิ อะไรของนายเนี่ย”
แจฮยอกมองโซโฮพูดชื่อเจ้าของวลี ‘หากเจอกันสามครั้งในหนึ่งวันโดยไม่มีการนัดหมายก่อน เธอก็สามารถฝากชีวิตไว้กับเขาได้แล้ว’ จากนิยายราวกับเป็นเพื่อนของตัวเอง แถมยังยืนยันว่าจะมาฝากชีวิตไว้กับชีวิตอันยากแค้นของเขาอีกด้วยใบหน้าตกตะลึง
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วเขาก็ยังสงสัยด้วยว่าในหัวของอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่กันแน่ และในเวลาเดียวกันก็เริ่มอยากรู้ขึ้นมาว่าโซโฮอายุเท่าไหร่
ระหว่างที่แจฮยอกทำใบหน้าที่หล่อเหลาอยู่แล้วให้หล่อเหลาขึ้นไปอีก โซโฮก็ได้ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตลายวัวออกมาจนถึงเม็ดสุดท้าย
ร่างกายท่อนบนที่ผอมบาง ทว่าก็มีกล้ามเนื้อแข็งแกร่งมากกว่าที่คิด ทำให้แจฮยอกเอาแต่จับจ้องมัน ไม่ว่าจะมองไปตรงไหน ผิวของโซโฮก็เรียบเนียนไม่มีแม้แต่จุดด่างพร้อยอะไรเลยสักนิดราวกับกระเบื้องเคลือบ
จนเมื่อโซโฮมายืนอยู่ตรงหน้า แจฮยอกก็ไม่สามารถละสายตาจากร่างกายอีกคนได้เลย ก่อนโซโฮจะดีดนิ้วขึ้นเบาๆ เพียงครั้งนึง เขาก็ได้สติขึ้นมา
พอเงยหน้ามอง ถึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายจุดยิ้มแปลกๆ พร้อมกับทอดสายตามองกลับมา
ไม่รู้ว่าตรงไหนเหมือนกัน แต่มันก็เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความน่าสงสาร แต่ก็แฝงความล้อเลียนในขณะเดียวกัน
แจฮยอกก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตนเผลอไผลอีกแล้ว ดูยังไงก็บ้าไปแล้วแน่ๆ
“อย่า อย่ามาดันทุรังหน่อยเลย จะไปฝากชีวิตไว้กับใครตามใจชอบได้ยังไง”
“ได้สิ มันก็ตามใจฉันนี่”
“แล้วสะ เสื้อน่ะ ทำไมเป็นแบบนั้น”
“ก็ฉันจะเปลี่ยนชุดอะ”
แจฮยอกหลบสายตาโซโฮแล้วลอบถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ความน่าสงสารที่ยังคงเจืออยู่ในแววตาของอีกคนช่างรบกวนหัวใจเขาเหลือเกิน จึงรีบดื่มกาแฟที่เหลือเกือบครึ่งให้หมดอย่างรวดเร็ว
กาแฟที่เคยมีรสชาติหวานหอม ตอนนี้กลับทิ้งไว้เพียงความขมขื่นที่ปลายลิ้นเท่านั้น
เขาถอนหายใจเพื่อทำให้จิตใจว้าวุ่นอย่างน่าประหลาดของตนสงบลง จากนั้นก็ตั้งใจเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
ขอร้องล่ะ ช่วยลืมสายตานั้นสักที
“ดูเหมือนทุกอย่างบนโลกจะเป็นไปตามที่นายต้องการหมดเลยสินะ”
“…แต่ถึงอย่างนั้น มันก็มีอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่เป็นแบบนั้น”
“มีอะไรอย่างนั้นด้วยสินะ มันคืออะไรล่ะ”
ทันทีที่โซโฮหมุนตัวกลับ หัวใจของแจฮยอกก็สงบลง ระหว่างที่เขากำลังหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้ความรู้สึกกลับไปเป็นปกติ น้ำเสียงปนเสียงหัวเราะน้อยๆ ของโซโฮก็ดังขึ้นมา
“อะไรกัน พวกเราสนิทถึงขั้นถามอะไรแบบนั้นได้แล้วเหรอ ดีจังเลย ถ้างั้นตอนนี้ฉันไม่เรียกโดแจฮยอก แต่เรียกแค่แจฮยอกเฉยๆ ก็ได้แล้วสินะ”
แจฮยอกประหลาดใจกับคำพูดโซโฮเล็กน้อย เขาคิดมาตลอดว่าการที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเต็มยศด้วยการมีนามสกุลติดอยู่แบบนั้น เพราะตั้งใจทำให้เขาอารมณ์เสีย อย่าบอกนะว่า เจ้านี่เรียกแบบนั้นเพราะคิดว่ายังไม่สนิทกัน… แจฮยอกไม่เคยได้คิดถึงสาเหตุนี้มาก่อนเลย
ใครจะไปคิดล่ะว่าคนที่มีความเฮงซวยเป็นเสน่ห์ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก จะมีนิสัยแบบนี้ด้วย
แจฮยอกจึงแสร้งหัวเราะพร้อมลูบหัวตัวเองด้วยความเก้อเขิน
โซโฮหันกลับมามองเล็กน้อย ตัวเองกำลังประท้วงเพื่อรอคำตอบของอีกคนอยู่ แจฮยอกกัดปากชั่วครู่พลางจ้องมองคนตรงหน้า
ทั้งเมื่อวานและวันนี้ เขาก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร ถึงได้มาผูกติดกับโซโฮแย่งบังเอิญจนถึงตอนนี้ มันทั้งน่าหงุดหงิด ทั้งทำให้ใจแทบจะระเบิด ทั้งพูดไม่ออก ทั้งรู้สึกโกรธ แต่ถึงอีกฝ่ายเอาแต่ใจเป็นอย่างมากตลอดหนึ่งวันครึ่งที่ผ่านมา จีโซโฮก็ยังดูงดงามในสายตาเขาตั้งแต่แรกกระทั่งตอนนี้ แน่นอนว่ามันหมายถึงรูปร่างหน้าตา ไม่ใช่คำพูดและการกระทำ
มันเป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้คิดมากกับการเรียกชื่อใครสักคนในความเป็นจริง แถมยังคิดว่ามัน ‘ดูน่ารัก’ ไปเสียอีก
กับการเรียกชื่อแบบนี้ ก็คงจะไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง
“แล้วแต่นายเถอะ ถ้างั้นฉันก็จะเรียกนายว่าโซโฮแล้วกัน โซโฮ โซโฮ เหมือนชื่อหนังเลยแฮะ แล้วโฮยาล่ะ ถ้าเรียกว่าโฮยา[2] พอได้ไหม”
“…หา? อ๋อ… อะ อะ เอาตามใจนายเลย!”
โซโฮรีบหันควับกลับไป คนหน้าแดงไปยันหูยืนเงียบๆ พร้อมปิดปากสนิท แต่อยู่ดีๆ ก็วิ่งเข้าไปในห้องนอนซะงั้น
“พอ นายไปได้แล้ว พรุ่งนี้เจอกัน!”
หลังสิ้นเสียงสั่นน้อยๆ ของโซโฮก็มีเสียงปิดประตูดัง ปัง! ตามมา
“เฮ้ย! โซโฮ ฉันยังไม่ได้ตกลงว่าจะรับงาน… เลยนะ…”
ปลายเสียงของแจฮยอกตะกุกตะกัก ถึงยังไม่ได้ตกลงว่าจะรับ ทว่าใจเขาก็เอนเอียงว่าจะทำงานนี้ ตั้งแต่ได้ยินคำว่าสี่ล้านวอนต่อเดือน เกินแปดสิบเปอร์เซ็นแล้ว
เงินตั้งสี่ล้านวอน ต่อให้เขาทำงานพิเศษทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพัก ก็ยังหาเงินไม่ได้เท่านี้เลย เงินเดือนจำนวนมากกับการทำงานพาร์ทไทม์แค่ที่เดียว และทำให้เขาสามารถตั้งตัวหางานประจำได้ ก็ไม่แปลกหากจิตใจจะคล้อยตามไป
จากนั้นแจฮยอกจึงลุกยืนขึ้นแล้วก้าวออกจากบ้านโซโฮ พร้อมกับความกังวลว่าจะเอ่ยปากขอลาออกกับยอมินอย่างไรดี
ทางด้านของโซโฮก็นั่งพิงประตูห้องที่เพิ่งวิ่งเข้ามา ฟังเสียงอีกคนกำลังเดินออกไป โดยที่ตัวเองหน้าแดงไปหมด แถมยังมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่น้อยๆ ด้วย
“ว้าว ทำยังไงดี เขาเรียกชื่อฉัน… บ้าไปแล้ว ฮืออ…”
โซโฮตั้งใจจะยอมแพ้แล้ว แต่เพียงแค่แจฮยอกเรียกชื่อออกมาเท่านั้น เขาก็กลับเป็นถึงขนาดนี้
ช่วงเวลานั้น น้ำเสียงของโดแจฮยอกมันช่างเซ็กซี่และฟังดูใจดีเป็นอย่างมาก
เหมือนโดนโจมตีอย่างกะทันหัน แต่ถ้าหากเตรียมใจไว้สักหน่อยมันคงจะโอเคขึ้นกว่านี้
โซโฮถอนหายใจเพื่อทำให้ใบหน้าเห่อร้อนของตัวเองเย็นลง หลังจากนั้นไม่นานก็คู้ตัวลงกับพื้น โดยเอามือกดหน้าอกเอาไว้แน่น
* * *
[1] รูทเอลิโน่ (Luteérino) ตัวละครในนิยายเรื่องดรากอน ราจา
[2] คนเกาหลีมักจะเรียกชื่อคนสนิทต่อท้ายด้วย ‘ยา’ หรือ ‘อา
คอมเมนต์