เบบี้ซิตเตอร์…หลอกนายมาเป็นพี่เลี้ยง ตอนที่ 1-1

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 1-1 หากเราบังเอิญได้พบกันถึงสามครั้งภายในวันเดียว

ที่นี่คือ ตำบลOO อำเภอOO จังหวัดคยองกี
เมืองๆ หนึ่งที่มีถนนทางหลวงเข้าถึงและมีธรรมชาติอันงดงามอย่างน่าประหลาด
ใจกลางของตำบลOO เฉียงไปทางด้านขวาเล็กน้อย เมื่อหลายปีก่อนมีการเปิดให้ใช้ถนนยกระดับแปดเลน ภายใต้ถนนยกระดับก็มีการสร้างอุโมงค์ใต้ดินแคบๆ ขนาดพอให้รถยนต์สองคันขับสวนกันได้
หากขึ้นไปยืนบนสะพานแล้วหมุนตัวหนึ่งรอบก็จะมองเห็นทิวทัศน์ที่ดูไม่ค่อยเข้ากันนัก
ฝากหนึ่งของถนนแปดเลนซึ่งมีรถยนต์ขับสวนกันไปมาคือโครงการคอนโดแห่งหนึ่งที่มีตึกหลายๆ ตึก รวมถึงโรงภาพยนตร์ที่สร้างรวมอยู่กับห้างสรรพสินค้า
ส่วนฝั่งตรงกันข้ามมองผ่านๆ ก็จะเห็นภูเขาและทุ่งนา รวมไปถึงหลุมฝังศพไม่กี่อันที่ดูไม่เข้ากับอะไรเลย ทว่าหากลองมองดีๆ ก็จะเห็นว่าบริเวณนั้นก็คือสลัมนั่นเอง
หมู่บ้านสลัมที่เพียงแค่พายุพัดครั้งเดียวก็อาจจะพังทลายลงไปหมด
ภายในสถานที่นี้มีป้ายประกาศไล่ที่แขวนอยู่หลายอัน ซึ่งมองเห็นจากทั้งสองข้างทางได้อย่างชัดเจน ทว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนเอากระดาษมาฉีกออกแล้วติดด้วยกาวมากกว่า
“ไอ้เวรพวกนั้น เอาพวกของพรรค์นี้มาทำไมกัน แจฮยอก เอาไปโยนทิ้งข้างนอกไป”
“ปู่ครับ ของมันไม่ผิดอะไรเลยนะครับ”
“ดูว่าใครเอามาให้ คราวหน้าพอพวกมันมาก็จะพูดว่า ‘กินอันนี้ไปแล้ว เพราะฉะนั้นช่วยคิดทบทวนดีๆ ด้วยนะครับ’ หน้าไม่อาย! หลานเองก็ห้ามเอามันแตะปากเลยนะ เอาไปวางทิ้งไว้ตรงมุมบ้าน คราวหน้าถ้าพวกมันมาอีก ก็เอาคืนมันไปเลย เข้าใจไหม”
“เฮ้อ เข้าใจแล้วครับ เข้าใจแล้ว”
แจฮยอกมองผลิตภัณฑ์โสมแบรนด์ดังพร้อมกับเลียริมฝีปากด้วยความเสียดาย ทว่าเขาก็เก็บมันใส่ถุงอย่างดีแล้วเอาไปวางข้างๆ กระถางดอกไม้แตกตรงมุมแคบๆ ของบ้านตามที่คุณปู่บอก
จากนั้นก็กลับเข้าบ้าน แย้มยิ้มให้คุณปู่ที่จ้องมองสำรวจทางสายตาว่าเขาทำตามคำสั่งหรือไม่ ก่อนจะพูดขึ้น
“ผมไปทำงานพิเศษก่อน ปู่นอนเลยนะครับ”
“ไปดีมาดีล่ะ”
“ครับ คุณปู่เองก็ปิดประตูให้ดีแล้วเข้านอนนะครับ เข้าใจใช่ไหม”
“รู้แล้วน่า”
แจฮยอกออกมาสวมรองเท้าผ้าใบที่ใส่จนมันเยินแล้ว พร้อมกับกระเป๋าสะพายข้างที่เชือกแยกตัวออกจากกัน จากนั้นก็เดินออกจากบ้านแสนซอมซ่อไป
มีเสียงถอนหายใจอันน่าสงสารของคุณปู่ที่หันหลังให้มาเป็นของแถม แน่นอนว่าแจฮยอกรู้ความหมายของการถอนหายใจนั้นดี เขาคุ้นชินมากกว่าที่คิดจึงไม่เจ็บปวดกับมัน
แจฮยอกเดินลงไปบนเส้นทางแสนคดเคี้ยวจนไม่รู้ว่ามันคือทางบนภูเขาหรือว่าบันไดกันแน่ เขามองไปยังถนนยกระดับที่มีรถยนต์วิ่งสวนกันไปมา ก่อนจะเดินไปที่อุโมงค์ใต้ดินด้านล่างถนนยกระดับนั้น
ด้านในของอุโมงค์มืดสลัวแม้จะเป็นเวลาเที่ยงวัน ถึงด้านในจะมีหลอดไฟสีส้มเปิดอยู่ทว่ามันช่างเลือนราง ยิ่งไปกว่านั้นคือมันเพียงแค่ไม่กี่ดวงเท่านั้นที่ใช้งานได้ กลิ่นปัสสาวะของคนเมาสักคนที่ปล่อยทิ้งไว้ก็แตะปลายจมูกตลอดทางเดินผ่านอุโมงค์แห่งนี้
ถึงแม้ว่าแจฮยอกจะเห็นมันอยู่ทุกวัน แต่เมื่อออกมาจากอุโมงค์ใต้ดิน เขาก็ยังคงตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์เมืองแสนน่าหลงใหลที่ปรากฎตรงหน้า เหมือนอลิซโผล่ออกมาจากโพรงกระต่าย หลังเดินผ่านอุโมงค์ใต้ดินที่มีความยาวเท่ากับถนนแปดเลน ก็จะพบกับโลกอีกใบหนึ่ง เขาถอนหายใจอีกครั้งแล้วหันหลังกลับไปมองทางที่ตัวเองเพิ่งเดินออกมา
มีป้ายประกาศแขวนอยู่ด้านบนอุโมงค์เหมือนอีกฝั่ง และมีถึงสองอันด้วยกัน

[ไม่มีเงินแล้วไม่ใช่ประชาชนหรือ! ขอคัดค้านแผนการสร้างเมืองไล่ที่ประชาชน!]
[ขอสิทธิการอยู่อาศัย จงปกป้องสิทธิของการมีชีวิต!]

แจฮยอกมองไปยังข้อความที่ถูกเขียนด้วยสเปรย์ตรงผนังใต้ใบประกาศแล้วก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการถอนหายใจรอบนี้มันแตกต่างจากการถอนหายใจรอบก่อนเล็กน้อย
มีลูกศรเขียนชี้ขึ้นและข้อความว่า ‘พวกคนเหลือขอ’ เขียนกำกับไว้ด้านล่าง แม้แต่สีที่ใช้เขียนรวมถึงการตกแต่งรอบข้างก็ยังดูสวยงามสะดุดตามากกว่าตัวป้ายประกาศเสียอีก
คงจะเป็นสิ่งที่คนฝั่งนี้เรียกกันว่ากราฟฟิตี้อาร์ต
“จึ๊ ให้ตาย”
แจฮยอกรู้จักพวกคนที่เอาป้ายประกาศนี้มาแขวนเป็นอย่างดี
พวกเขาคือคนของ ‘คณะกรรมการบริหารตำบลOO หมู่บ้านOO’ ที่ต่อสู่กับพวกผู้รับเหมาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาเป็นเวลาถึงสองปี
หมู่บ้านOO ก็คือหมู่บ้านฝั่งตรงข้ามที่เขาเพิ่งเดินข้ามอุโมงค์ใต้ดินมาเมื่อสักครู่ หากเอาหมู่บ้านOO ออกไป ถนนทางหลวงเส้นนี้จะงดงามมากขนาดไหน
ดูเหมือนว่าตอนสร้างทางหลวง พวกเขาก็ตั้งใจจะทำแบบนี้อยู่แล้ว แถมยังได้ยินมาอีกด้วยว่ามีแผนจะรื้อหมู่บ้านสลัมแสนสกปรกแห่งนี้ทิ้งเพื่อนำที่ดินตรงนั้นไปสร้างเป็นสวนสาธารณะ
ถึงแม้คนในหมู่บ้านจะเรียกพวกผู้อาวุโสขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและบริษัทก่อสร้างว่า ‘พวกชั่วหยาบช้าไร้มารยาท ’ แต่อันที่จริงแจฮยอกก็คิดว่าทางองค์กรฯ เองก็คงมีอะไรจะพูดเช่นกัน
แต่เดิมพื้นที่ของหมู่บ้านสลัมเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ทว่าด้วยความที่เจ้าของไม่สามารถจัดการเรื่องที่ดินตรงนี้ได้ ประกอบกับแผนการพัฒนาเมืองใหม่ จึงขายที่ดินผืนนี้ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไป
กล่าวคือทั้งตัวเขาและปู่ รวมถึงคนอื่นๆ ให้หมู่บ้านกำลังอาศัยอย่างผิดกฎหมายนั่นเอง
ทว่าสิ่งที่แจฮยอกเป็นกังวลไม่ใช่เรื่องพวกนั้น แต่เป็นการเขียนที่อยู่ลงในใบสมัครงานต่างหาก
ตอนนี้โชคดีที่เขาได้ทำงานพาร์ทไทม์เกี่ยวกับพวกเอกสารเป็นระยะเวลาหกเดือน แล้วก็ทำพาร์ทไทม์ที่ร้านเบียร์ในตอนกลางคืน แต่ถ้าหากผ่านเดือนที่หกไปแล้ว เขาก็ต้องหางานพาร์ทไทม์ใหม่
ถึงแม้จะได้สิทธิ์ในการอาศัยและบ้านเลขที่แล้วก็จริง แต่หากรู้สถานที่แล้วล่ะก็… ถ้าเขาหางานแถวๆ นี้จะต้องได้รับสายตาสมเพชและไม่พอใจอย่างแน่นอน
ระหว่างช่วงที่กำลังเผชิญหน้ากับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้รับเหมา เหล่าผู้อาวุโสของหมู่บ้านคงไม่มีการเปลี่ยนใจภายในหกเดือนนี้แน่ ทว่าเงินค่าเล่าเรียนที่กู้ยืมมาก็ทำให้เด็กจบใหม่ที่กำลังหางานทำอยู่อย่างแจฮยอกนั้น ไม่สามารถหยุดทำงานได้เลยแม้แต่ชั่วโมงเดียว
“ตอนพวกเขาบอกจะจ่ายเงินถ้าย้ายออก ก็น่าจะย้ายออกไปซะก็ดีแล้ว”
หากพูดหมู่บ้านก็อาจจะมีใครมาได้ยิน ดังนั้นถ้าอยากพูดก็จำต้องเดินมาฝั่งนี้
แล้วเขาจะต้องก้าวเดินแบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหนกันนะ ทว่าทันใดนั้น แจฮยอกก็มองเห็นใครบางคนหมอบคู้ตัวอยู่บนพื้นหญ้าที่ถูกปูอย่างงดงาม เขาขมวดคิ้ววุ่นพร้อมกับสืบเท้าเข้าไปใกล้คนๆ นั้น
เมื่อเข้าไปใกล้มากขึ้นก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางของอีกฝ่าย ดูคล้ายเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บตรงไหนสักที่
แจฮยอกจึงไม่รอช้ารีบรุดเข้าไปหาทันที
“คุณครับ! ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะครับ”
“ฮึก แค่ก… บ้าน… ช่วย อึก ฮะ… อื้อ”
ชายคนนั้นทำหน้าบิดเบี้ยวพร้อมกับเอามือข้างหนึ่งกุมหน้าอกเอาไว้ ได้ยินคำขอร้องด้วยเสียงครวญครางราวกับเจ็บปวดเป็นช่วงๆ
แจฮยอกแสดงสีหน้าลำบากใจก่อนจะกดเปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือเพื่อเช็กเวลา ถ้าเขาไปถึงออฟฟิศตอนนี้ก็จะมีเวลาเหลือสิบนาทีก่อนเริ่มงาน
แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอาศัยอยู่ที่ไหน แต่ถ้าเขาพาไปส่งถึงบ้านแล้วล่ะก็ ต้องไปทำงานสายแน่นอน ด้วยเหตุนี้จึงทำได้แค่ปล่อยคนที่กำลังเจ็บปวดไว้ตรงที่เดิมแล้วเดินออกไปอย่างช่วยไม่ได้
แต่เมื่อแจฮยอกเห็นร่างของชายหนุ่มที่คู้ตัวลงอตลอดและมีเหงื่อกาฬไหลอาบสั่นไปทั้งตัว เขาก็เลยพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า
“บ้านอยู่ที่ไหนครับ! นี่คุณ บ้านคุณอยู่ที่ไหน!”
“ตรงนี้”
การล้วงมือเข้าไปข้างในมันเป็นเรื่องยากเกินไป ดังนั้นคนเจ็บจึงตบลงไปบนกระเป๋าเสื้อฮู้ด เมื่อเขามองตามก็เห็นได้ชัดว่าเหมือนจะมีโทรศัพท์มือถืออยู่ข้างใน
แจฮยอกเลยหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาแล้วกดเปิดหน้าจอทันที จนเจอกับภาพหน้าจอที่มีที่อยู่เขียนเอาไว้
“อา แค่นี้ก็ใกล้ๆ สินะ”
และเนื่องจากแจฮยอกไม่สามารถแบกชายหนุ่มที่กำลังขดตัวอยู่ตลอดด้วยความเจ็บปวดขึ้นขี่หลังได้ เขาก็เลยอุ้มขึ้นมาเหมือนอุ้มเด็กแทน ถึงท่าทางมันจะดูประหลาดแต่ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ
โชคดีที่บ้านของอีกฝ่ายคือคอนโดที่ตั้งอยู่บนหัวมุมที่สามารถเดินไปได้ แจฮยอกจึงกระชับคนตัวเบาอีกครั้งก่อนจะเริ่มก้าวเดินอย่างรวดเร็ว
ชายคนนี้ตัวเบามากเมื่อเทียบกับแรงของเขาแล้ว รวมถึงส่วนสูงด้วย ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงบริเวณหน้าคอนโด ความเจ็บปวดของอีกฝ่ายดูเหมือนจะเริ่มบรรเทาลงกว่าเมื่อสักครู่เป็นอย่างมาก แจฮยอกเลยถอนหายใจออกมา
“กดรหัสเข้าด้วยครับ ผมไม่มีมือ”
เขาหันหลังให้เจ้าของกดรหัสเข้าตึกพร้อมกับเอ่ยกระซิบด้วยน้ำเสียงแห้งผาก รู้สึกได้ถึงความสั่นงันงกของมืออีกฝ่ายและประตูทางเข้าก็เปิดออก
แล้วเขาก็ถามต่อว่าจะต้องขึ้นลิฟต์ตัวไหนจากทั้งหมดสามตัวนี้
แจฮยอกเดินไปทางลิฟต์ตัวขวาสุดตามคำบอกโดยปล่อยให้คนในอ้อมแขนเป็นคนกดลิฟต์เอง จากนั้นทั้งคู่ก็เข้าลิฟต์ไปด้วยกันขึ้นไปยังจุดหมายคือชั้นที่อีกฝ่ายอาศัยอยู่
คอนโดที่ราคาแพงระยับที่สุดในเมือง และเป็นชั้นที่มีพื้นที่กว้างขวางและแพงที่สุดในบรรดาชั้นรอยัลอีกที
ทันทีออกจากลิฟต์ก็พบกับประตูทางเข้าบ้านทันที มันคือห้องรูปแบบที่มีเพียงหนึ่งห้องต่อหนึ่งชั้นของคอนโดนี้
แจฮยอกเดินเข้าไปใกล้ประตูทางเข้าแล้ววางร่างของชายหนุ่มลงอย่างระมัดระวัง แม้จะดูโซเซอยู่เล็กน้อยแต่ชายคนนี้ก็เอาเท้ายืนทรงตัวบนพื้นเหมือนไม่เป็นอะไรแล้ว
ทว่าเมื่ออีกฝ่ายหันหน้ากลับมามองแจฮยอก ก็เบิกตาโพลงแล้วเอ่ยถาม
“คนต่างชาติเหรอ พูดเกาหลีได้เก่งจังเลยนะครับ”
“ไม่ใช่ต่างชาติหรอกครับ ผมเป็นคนเกาหลี”
“หน้าตาแบบนี้นะเหรอ เป็นลูกครึ่งหรือเปล่าครับ”
“ผมว่ามันเสียมารยาทกับการพบกันครั้งแรกมากอยู่นะครับ ไหนผมจะไปทำงานสาย แถมยังต้องพาคุณกลับมาถึงบ้านอย่างสุดความสามารถอีก”
แจฮยอกขมวดคิ้ววุ่นพร้อมแสดงท่าทางไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่สามารถทำอย่างอื่นนอกจากนี้ได้แล้ว เพราะคนตรงหน้าดันยื่นมือเข้ามาแตะเรื่องอ่อนไหวของเขาเข้าก่อนเสียแล้ว
ตอนนี้ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ที่ไหน แต่แจฮยอกก็รู้แค่ว่าแม่ของตัวเองเป็นชาวรัสเซียและมีผมสีบลอนด์กับดวงตาสีฟ้าเท่านั้น

คอมเมนต์

Chapter List