เมื่อผมเป็นเจ้าของสวนสัตว์ ตอนที่ 1-3
บทที่ 1 (3)
ต้วนเจียเจ๋อยืนชื่นชมป้ายไฟอันใหม่อยู่ที่หน้าประตู เขารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก จากนั้นก็เริ่มครุ่นคิดว่า หลังจากเปิดกิจการอย่างเป็นทางการ กิจกรรมอะไรที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้…
“ที่นี่คือสวนสัตว์หลิงโย่ว?”
ต้วนเจียเจ๋อได้ยินน้ำเสียงที่เย็นชาดังขึ้นกะทันหันจากด้านหลัง เขาจึงหันกลับไปมอง
ชายคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีดำยืนอยู่ห่างจากเขาประมาณห้าก้าว มือข้างหนึ่งล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกข้างวางอยู่บนที่จับกระเป๋าเดินทางที่อยู่ตรงเท้า
เขาสูงกว่าต้วนเจียเจ๋อประมาณครึ่งศีรษะ อวัยวะบนใบหน้าของเขาสมบูรณ์แบบจนข้ามขอบเขตข้อจำกัดเรื่องเพศไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ว่าจะเป็นรูปทรงเว้าโค้งที่ชี้ขึ้นของปลายหางคิ้วและหางตา หรือจะเป็นริมฝีปากที่บางเฉียบของเขานั้น ล้วนแต่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและเย็นชา
เส้นผมสีแดงทองที่เป็นไฮไลท์อยู่บนบางส่วนของศีรษะเขานั้นนับว่าดูดีสวยงาม แต่มันก็ทำให้คนมองรู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อย ชายที่หล่อเหลาเหมือนเทพบุตรผู้เย็นชาขนาดนี้ไม่น่าจะมีงานอดิเรกเป็นการทำสีผมถึงจะถูก
แต่อย่างไรก็ตาม ภายใต้แรงกดดันของเขา ความสงสัยข้อนี้…ไม่ว่าอย่างไรต้วนเจียเจ๋อก็ไม่กล้าที่จะถามออกไป
ต้วนเจียเจ๋อตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มผู้นั้นหันมา จากนั้นก็เอ่ยปากถามประโยคที่สองออกมาด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “นายคือต้วนเจียเจ๋อ?”
ต้วนเจียเจ๋อเผยสีหน้าประหลาดใจ “ใช่ครับ ขอโทษนะครับ คุณคือ?”
เมื่อต้องเผชิญกับคำถามนี้ สีหน้าบนใบหน้าที่งดงามของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปทันที น้ำเสียงเย็นชาด้วยความเดือดดาลพร้อมที่จะระเบิดออกมาและเต็มไปด้วยความอัปยศอดสู “ฉันคือลู่ยา เป็นสัตว์…ที่โครงการแห่งความหวังหลิงเซียวส่งมา”
ต้วนเจียเจ๋อ “…?”
ถึงแม้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาจะทำให้ต้วนเจียเจ๋อรู้ซึ้งแล้วว่าชีวิตคนเรานั้นช่างไม่เที่ยงแท้ แต่แล้วเมื่อชายหนุ่มรูปงามที่ยืนอยู่ตรงหน้าบอกด้วยความอัปยศอดสูว่าตัวเองเป็นสัตว์ตัวใหม่ที่ถูกส่งมา…นี่จึงเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดสาดเข้ามาในใจของเขา
ต้วนเจียเจ๋อถามด้วยความสับสน “คุณหมายถึง คุณเป็นพนักงานที่ถูกส่งมาใช่ไหมครับ”
ลึกๆ แล้วเขารู้สึกว่าบางที “ลู่ยา” คนนี้อาจจะเผลอหลุดปากพูดออกมาโดยที่ไม่ตั้งใจ
ลู่ยาพูดอย่างเกรี้ยวกราด “ฉันต่างหากที่ต้องถามนาย ตามปกติแล้วมันควรจะเป็นพนักงาน แต่ทำไมถึงกลายเป็นสัตว์ไปได้”
“เอ่อ ก็ระบบนั่นมันกำหนดแผนงานมานี่ครับ บอกว่าตามสถานการณ์ในตอนนี้ สวนสัตว์ของเรากำลังขาดแคลนสัตว์…”
ต้วนเจียเจ๋ออดไม่ได้ที่จะถอยหลังออกมาสองก้าว “แต่ผมคิดว่าการที่เปลี่ยนพนักงานให้กลายเป็นสัตว์มันอาจจะเป็นข้อผิดพลาดก็ได้ คุณอย่าโกรธไปเลยนะ ยังไงผมก็ไม่พาคุณออกไปจัดแสดงหรอก…”
ในตอนที่เขาพูดออกมา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“สภาพแบบนี้ ในตอนนี้ แน่นอนว่านายทำไม่ได้” ลู่ยาพูดหน้านิ่ง “ดังนั้นหลังจากนี้ ในเวลาทำงานของทุกวัน ฉันต้องคงอยู่ในร่างเดิมของตัวเองไว้”
ต้วนเจียเจ๋อ “…”
ประโยคนี้ได้ทำลายล้างทัศนคติทั้งสาม[1]ของต้วนเจียเจ๋อไปอย่างสมบูรณ์
ในตอนนี้เอง ลู่ยาก็มองประเมินต้วนเจียเจ๋อตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “นายคงไม่ได้เป็นคนของเผ่าพันธุ์มนุษย์จริงๆ หรอกนะ”
ตอนที่รู้ว่าสวนสัตว์แห่งนี้มาเปิดอยู่ที่โลกมนุษย์ ก็ทำให้เขาประหลาดใจมากพออยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ผู้อำนวยการสวนสัตว์ตรงหน้าดูเหมือนจะเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง
“ก็ใช่น่ะสิครับ” ต้วนเจียเจ๋ออยากจะร้องไห้ “แต่ดูท่าทางแล้ว คะ…คุณคงจะไม่ใช่”
ลู่ยาเลิกคิ้วหนาของเขาขึ้น “เปิ่นจุน[2]เป็นอีกาทองสามขาตัวสุดท้ายระหว่างสวรรค์กับโลก[3]”
โชคดีที่ตอนนี้สวนสัตว์ยังไม่มีนักท่องเที่ยว มีเพียงแค่ลุงยามที่กำลังนอนหาวอยู่ที่ประตูสวนสาธารณะเท่านั้น
ต้วนเจียเจ๋อมองไปยังป้ายสวนสัตว์ที่เป็นรูปวงกลมเล็กๆ ซึ่งอยู่ด้านหลัง และหันกลับมามองท่านอีกาทองสามขาซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่าของสวรรค์และโลกที่อยู่ตรงหน้านี้ รอยยิ้มสุดท้ายบนใบหน้าของเขาก็พลันแข็งค้างไปทันที
ภายใต้คำอธิบายที่เต็มไปด้วยความน่าสงสัยของลู่ยา ในที่สุดต้วนเจียเจ๋อก็เข้าใจแล้วว่า โลกใบนี้แท้จริงแล้วช่างแตกต่างกับโลกที่เขาเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีเทพเซียน โครงการแห่งความหวังหลิงเซียวถึงส่งสัตว์ที่อยู่ในตำนานออกมา
ในนามของระบบนี้ ได้เปิดให้ทั่วทั้งสามภพหกภูมิทุกเผ่าพันธุ์เสมอภาคและเท่าเทียม แต่เพราะโลกมนุษย์นั้นแยกออกจากภพอื่นมาเป็นเวลานานจนขาดการติดต่อ ดังนั้นในช่วงหลายปีนับตั้งแต่เริ่มโครงการนี้ขึ้นมา จึงไม่เคยมีการช่วยเหลือมนุษย์และก็ไม่มีเคยมีการดำเนินกิจการในโลกมนุษย์มาก่อน
อาจเป็นเพราะความหลักแหลมของระบบนี้ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น จึงไม่สามารถรองรับการยกเลิกออนไลน์ได้ในขณะนี้
เมื่อก้าวแรกพลาด ก้าวต่อไปก็พลาดตาม อย่างแรกเลยคือ หากเป้าหมายที่ระบบเลือกไม่ใช่มนุษย์ แสดงว่าแผนของโครงการในอนาคตก็จะเกิดความผิดพลาดขึ้น แถมยังไม่สามารถแก้ไขได้ ทว่าอย่างน้อยที่สุดแล้วอีกฝ่ายก็คงไม่เป็นเหมือนกับต้วนเจียเจ๋ออย่างแน่นอน แม้กระทั่งจะรอให้ถึงเวลายกเลิกก็คงจะรอไม่ไหว
แต่ในโลกอื่น โดยพื้นฐานแล้วคงไม่มีสวนสัตว์แบบนี้อยู่หรอก ที่เปลี่ยนจากส่งพนักงานมาให้เป็นสัตว์แทน…
เมื่อมองจากจุดนี้ ระบบเองก็มีฟังก์ชันบางอย่างที่ไม่สามารถเทียบได้กับระบบที่มนุษย์โลกสร้างขึ้น แม้จะเรียกว่าเป็นระบบคำนวณอัจฉริยะ แต่กลับทำให้เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่แบบนี้ได้
สรุปก็คือ ลู่ยามั่นใจว่าระบบไม่ได้ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแน่นอน ถึงทำให้เกิดข้อผิดพลาดและคว้าต้วนเจียเจ๋อมาเป็นตัวเลือกแบบนี้
แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก เพราะถึงแม้จะเกิดข้อผิดพลาดขึ้น เขาก็จะต้องไปยื่นเอกสารรายงานข้อผิดพลาดซึ่งคงต้องใช้เวลานานหลายทศวรรษ สวรรค์กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่ารัฐบาลของโลกมนุษย์มากเหลือล้น มีภาระหนักอึ้งจนนับไม่หวาดไม่ไหว ทำให้ระยะเวลาในการตรวจสอบยาวนานไปหลายสิบปี
นี่มันหลุมพรางชัดๆ แต่ก็ไม่ใช่แค่ต้วนเจียเจ๋อคนเดียวที่ได้รับผลกระทบ
ลู่ยาอ้างว่าพนักงานอย่างเขาที่ถูกส่งมาจากโครงการแห่งความหวังหลิงเซียวในวันนี้ แท้จริงแล้วเป็นส่วนหนึ่งของ “อาสาสมัคร” ที่มีหน้าที่นำความทันสมัยเข้ามาช่วยเหลือพัฒนาความล้าสมัย
แต่พวกเขาเองก็ถูกควบคุมโดยระบบเหมือนกันกับต้วนเจียเจ๋อ ถ้าหากพวกเขาไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในภารกิจเดียวกัน พวกเขาก็ต้องโดนฟ้าผ่าด้วยเช่นกัน
เพราะในเมื่อเป็น “สัตว์” ก็ยิ่งต้องรักษาหน้าที่ของสัตว์อย่างเต็มที่ จึงไม่สามารถทำตัวเหมือนกับพนักงานทั่วไปได้ อย่างเช่นการช่วยเหลือสวนสัตว์ในด้านพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เป็นต้น
ข้อหลังเขายังพอที่จะทนได้ แต่ข้อแรกนี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว
ต้วนเจียเจ๋ออดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นโครงการนี้ก็ไร้มนุษยธรรมเกินไปแล้วละครับ แม้กระทั่งอาสาสมัครก็ยังต้องโดนฟ้าผ่าเหรอ พวกคุณร้องเรียนไม่ได้เลยเหรอครับ ลาออกทันทีเลยก็ไม่ได้?”
เขาเห็นลู่ยาชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มก่นด่าสาปแช่งโครงการขยะบ้าๆนี่อีกครั้ง
ต้วนเจียเจ๋อ “…”
…
ทั้งสองคนยืนอยู่ข้างนอกนานแบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่ ต้วนเจียเจ๋อจึงพาลู่ยาเข้าไปในสวนสัตว์หลิงโย่ว
ต้วนเจียเจ๋อ “ผมไม่รู้ว่าจะได้คุณมา ก็เลย…”
เขามองไปยังกรงที่ว่างเปล่า
ลู่ยาใช้สายตาเย็นชาจับจ้องไปที่ต้วนเจียเจ๋อ “นี่คือที่ไหน นี่คืออะไร”
ต้วนเจียเจ๋อ “…ที่ทำงานของคุณ”
ลู่ยา “…”
ต้วนเจียเจ๋อ “คุณบอกเองว่าตอนที่คุณทำงานคุณจะรักษารูปลักษณ์เดิมของคุณเอาไว้ไม่ใช่เหรอครับ สัตว์ในสวนสัตว์ก็อยู่ในกรงกันทั้งนั้น แล้วเพราะเงื่อนไขพวกนี้ทางเราถึงต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ซึ่งแน่นอนว่าแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่…”
ลู่ยาเกรี้ยวกราด “นายเข้าใจความหมายของ ‘อีกาทองสามขาตัวสุดท้ายระหว่างสวรรค์กับโลก’ ไหม หมายความว่าบนสวรรค์และโลกใบนี้มีแค่ฉันตัวเดียวเท่านั้น! นายกล้ามากที่ให้ฉันมาทำงานในที่แบบนี้ ความคิดแบบนี้ของนายยังจะกล้าเปิดสวนสัตว์อีกเหรอ”
ต้วนเจียเจ๋อ =_=!
ต้วนเจียเจ๋อรวบรวมความกล้าแล้วพูดว่า “อันที่จริงกรงนี้มีไว้สำหรับพวกสัตว์ใหญ่ คุณอาจจะไม่สามารถอยู่ทำงานที่นี่ตามที่ผมคิดไว้…คุณจะต้องไปอยู่กรงนกแทน”
ลู่ยา “…”
ลู่ยาได้ยินแล้วอยากจะต่อยหน้าคนขึ้นมาทันที
ต้วนเจียเจ๋อรีบพูดเสริมขึ้น “แค่ช่วงเวลาทำงานเท่านั้น เดี๋ยวผมจะทำความสะอาดกรงให้คุณใหม่ หลังเลิกงานคุณก็ไปอาศัยอยู่ที่ห้องเล็กๆ กับผมได้”
ในตอนนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับอาคารสภาพทรุดโทรมหลังเล็กที่อยู่ข้างๆ เงื่อนไขข้อนี้ก็ฟังดูดีขึ้นมาทันที หากไม่ได้เปรียบเทียบกันก็คงไม่รู้ถึงข้อนี้
ความเกรี้ยวกราดของลู่ยาลดลงเล็กน้อย เขาชี้นิ้วสั่งต้วนเจียเจ๋อว่า “ฮึ ฉันต้องการที่ทำงานที่ใหญ่กว่านี้ รีบเอาไอ้เจ้าสิงโตนั่นออกไปและทำให้มันสะอาดเรียบร้อย”
แบบนี้ก็แสดงว่าเขายอมรับเงื่อนไขที่จะต้องอาศัยอยู่ที่นี่ในตอนกลางวันแล้วสินะ ต้วนเจียเจ๋อถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ลู่ยาแผ่กลิ่นอายที่ยากจะรับมือออกมา ต้วนเจียเจ๋อที่ไม่มีทางเลือกจึงทำได้แค่ปล่อยไป แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าลู่ยาจะใช้ที่นี่เป็นที่ทำงานจริงๆ และตอนนี้ที่ทำงานก็ได้ถูกใช้เป็นที่เรียบร้อย ดูเหมือนว่าลู่ยาจะปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
________________________________________
[1] 三观หมายถึง ทัศนคติต่อโลก ทัศนคติต่อชีวิต และทัศนคติต่อคุณค่า
[2]本尊คำเรียกแทนตัวเองว่าข้าผู้ยิ่งใหญ่ ลู่ยาในเรื่องจะเรียกแทนตัวเองด้วยคำนี้
[3] ตามตำนานของจีนเล่าว่า ในยุคกำเนิดโลกมีดวงอาทิตย์อยู่ 10 ดวง ผลัดกันส่องแสงลงสู่ผืนแผ่นดินเป็นเวลาหลายพันปี ดวงอาทิตย์นั้นคืออีกาทองสามขา พวกเขาเป็นโอรสแห่งองค์เทียนตี้ เจ้าแห่งสวรรค์ แต่แล้ววันหนึ่งดวงอาทิตย์กลับฉายแสงพร้อมกันทั้ง 10 ดวง ทำให้โลกแทบมอดไหม้ พระเจ้าเหยา กษัตริย์แห่งมวลมนุษย์จึงรับสั่งให้โฮ่วอี้ หาวิธีควบคุมดวงอาทิตย์ โฮ่วอี้จึงยิงธนูใส่ใดวงอาทิตย์ห้ร่วงมาทีละดวง จนเมื่อเหลือดวงสุดท้ายดวงเดียว พระเจ้าเหยาจึงร้องขอให้เขาละเว้น เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ โลกจึงเหลือดวงอาทิตย์เพียงดวงเดียวมาจนทุกวันนี้
คอมเมนต์