เมื่อผมเป็นเจ้าของสวนสัตว์ ตอนที่ 2-5
บทที่ 2 (5)
หลังจากเซ็นสัญญากับสวีเฉิงกงเสร็จแล้ว ต้วนเจียเจ๋อก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ภารกิจเสร็จสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้สามารถรับรางวัลที่สองได้ อาหารจะถูกจัดมาให้โดยอัตโนมัติ ส่วนเรื่องการปรับปรุงอัพเกรดกรงในสวนสัตว์นั้น มันแสดงผลว่าระยะเวลาในการปรับปรุงจะแล้วเสร็จในสามวันหลังจากได้รับรางวัล
ต้วนเจียเจ๋อรีบไปแจ้งพนักงานทั้งสามคนว่าจะต้องหยุดงานเพื่อทำการปรับปรุงสวนสัตว์ชั่วคราว รอจนพวกเขาจากไปแล้ว ต้วนเจียเจ๋อจึงปิดประตูใหญ่อย่างแน่นหนาและกดรับรางวัล เขาไม่รู้ว่าวิธีการอัพเกรดนี้คืออะไร กลัวว่าเทคโนโลยีสีดำนี้จะทำเกินไปจนถูกบุคคลภายนอกพบเห็นเอาได้
แล้วต้วนเจียเจ๋อก็ต้องกังวลมากยิ่งขึ้น เพราะหลังจากที่เขากดปุ่มรับรางวัลแล้วกลับไม่มีเทคโนโลยีสีดำเข้ามาทำการอัพเกรดกรงแต่อย่างใด หลังจากที่รอไปครึ่งชั่วโมง ทีมงานก่อสร้างราวสองสามร้อยคนก็เดินพึ่บพั่บเข้ามา แล้วบอกว่ามาทำการอัพเกรดกรงใหม่ให้ตามสัญญา
ต้วนเจียเจ๋อสังเกตดูและมั่นใจว่าพวกเขาเป็นมนุษย์จริงๆ ทีมงานก่อสร้างพวกนี้ไม่ใช่คนในท้องที่ และไม่รู้ว่ามาถึงที่นี่ภายในครึ่งชั่วโมงได้อย่างไร อาจเพราะระบบเป็นผู้จัดการ
พวกเขาทำงานอย่างมืออาชีพและจัดการงานได้อย่างรวดเร็วเหลือเชื่อ พวกเขาจัดสรรเค้าโครงของสวนสัตว์ใหม่ทั้งหมด กระจายพื้นที่ตามหลักนิเวศวิทยาให้เหมาะสมมากขึ้น รื้อกรงสัตว์เก่าทิ้ง ติดตั้งกรงใหม่เข้าไปแทน พื้นที่ที่แต่เดิมที่ถูกปล่อยร้างก็นำมาใช้ทั้งหมด แม้แต่บ่อปลาก็ถูกขุดเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งที่…
รูปแบบโดยรวมสอดคล้องกับระบบนิเวศและเป็นธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งเข้ากันได้ดีกับภูเขาไหเจี่ยวที่อยู่ด้านหลัง แม้แต่ป้ายที่ใช้ในการจัดแสดงก็ออกแบบเอาไว้เรียบร้อย ในอนาคตหากจำนวนสัตว์มีเพิ่มมากขึ้น ก็จะยิ่งดูเป็นระเบียบมากขึ้น
กรงสัตว์ที่สร้างใหม่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว
กรงของสัตว์แต่ดั้งเดิมนั้นก็มีขนาดใหญ่อยู่แล้ว แต่กรงใหม่ของส่วนจัดแสดงนี้ได้ใช้กำแพงและผนังเป็นแผ่นกระจกลามิเนตที่ผ่านการเคลือบหลายชั้น สามารถรับแสงและระบายอากาศได้ดี ประตูทางเข้าออกถูกเปลี่ยนเป็นแบบอัตโนมัติ และยังติดตั้งตู้กดน้ำเพิ่มเข้ามา มีการย้ายต้นไม้สีเขียวขนาดใหญ่นานาพันธุ์เข้ามาปลูกตกแต่งภายในเพื่อสร้างบรรยากาศรอบด้านให้เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
พื้นที่จัดแสดงในส่วนของลานกว้างมีความหลากหลาย การติดตั้งอุปกรณ์จะออกแบบตามลักษณะเด่นของสัตว์ที่แตกต่างกันออกไป เช่นความสูงที่แตกต่างกัน บางส่วนถูกสร้างเป็นแบบปิด บางส่วนเปิดกว้างเป็นที่โล่ง
ด้วยการออกแบบอันชาญฉลาด พื้นที่ว่างที่มีอยู่อย่างจำกัดก็ได้รับการจัดสรรตามความต้องการของพวกสัตว์ เพื่อให้พวกมันใช้เป็นที่พักพิง และการออกแบบลักษณะนี้ก็เป็นประโยชน์กับพวกสัตว์ด้วย
มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นที่ฆ่าเชื้อโรค น้ำกิน และที่อาบน้ำ มีทุกอย่างตามความต้องการ
ด้านนอกกรงยังมีสถานที่พักผ่อน และได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด สร้างห้องทำงานของเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์และห้องรับรองไว้ด้วย
ส่วนอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นพื้นที่จัดแสดงก็ยังมีป้ายติดไว้ทุกตำแหน่ง ด้านบนแสดงรายละเอียดข้อมูลแนะนำสัตว์ และยังมีคิวอาร์โค้ดให้ด้วย หลังจากที่สแกนแล้วจะเข้าสู่หน้าเว็บไซต์ สามารถกดฟังคำอธิบายในรูปแบบเสียงได้ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาในกรณีที่พนักงานของสวนสัตว์ไม่เพียงพอ
แม้ต้วนเจียเจ๋อจะเป็นคนที่ไม่มีประสบการณ์ ทีแรกที่สถาปนิกไม่นำพิมพ์เขียวมาให้เขาดูนั้นก็ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอยู่เหมือนกัน
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามองไปรอบๆ ตอนนี้ไม่ว่าจะตรงไหนเขาก็พอใจไปเสียหมด เดิมทีนั้นเขารู้สึกลำบากใจไม่น้อย ทว่าหลังจากที่เปรียบเทียบดูแล้วก็เห็นว่าการออกแบบติดตั้งใหม่นี้ดูสะดวกสบายกว่ามาก แน่นอนว่าดีกว่าการดูแลแบบลวกๆ ก่อนหน้านี้
หลังจากที่เหล่าสัตว์ทั้งหลายถูกย้ายไปยังกรงใหม่ของพวกมัน เห็นได้ชัดเลยว่าอารมณ์ของพวกมันดีขึ้นมาก
เช่นเดียวกับเจ้าสิงโต สหายเพียงตัวเดียวในสวนสัตว์ของพวกเขา สถานที่ที่มันอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้ช่างน่าทรมานเหลือทน ตอนนี้ทีมงานก่อสร้างได้สร้างพื้นที่ใหม่ให้มันถึงห้าสิบตารางเมตร และมีความสูงประมาณสามถึงสี่เมตร
ส่วนโรงนกเดิมก็เปลี่ยนแปลงไปมาก นอกจากจะมีการขยายพื้นที่แล้ว ต้นไม้พืชพรรณจำนวนมากก็ได้ย้ายเข้าไปปลูกอยู่ด้านใน สร้างเป็นเหมือนกับป่าเล็กๆ เนื่องจากนกที่นี่สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบสุข พวกเขาจึงเลิกใช้กรงนก และเลือกที่จะสร้างคอนไม้ไว้เยอะๆ เพื่อให้พวกมันอาศัยเกาะหรือพักพิงได้แทน
แม้ว่าในตอนนี้พันธุ์สัตว์ต่างๆ จะยังมีไม่เยอะ แต่ทีมงานก่อสร้างก็จัดการได้อย่างรวดเร็วมาก พวกเขาสามารถก่อสร้างส่วนจัดแสดงสัตว์ต่างๆ ไว้อีกหลากหลายประเภท เพื่อที่ในอนาคตเมื่อมีสัตว์ใหม่เข้ามาก็สามารถย้ายพวกมันเข้าไปอยู่ได้ในทันที
เมื่อการปรับปรุงก่อสร้างสำเร็จเรียบร้อย ทีมงานก่อสร้างก็เดินทางออกจากพื้นที่ทันที
ในช่วงเวลานี้เอง ต้วนเจียเจ๋อก็ได้ติดต่อกับนักข่าวสาว และเชิญเธอมาสัมภาษณ์หลังจากทำการปรับปรุงสวนสัตว์เสร็จแล้ว ในตอนนี้ยังเหลือเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์นับจากกำหนดการเปิดทำการ
ช่วงเช้าของวันที่สี่ ก่อนที่พวกนักข่าวจะมาถึง เสี่ยวซู หลิวปิน และสวีเฉิงกงได้มาถึงก่อนแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นสวนสัตว์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ทั้งหมดถึงกับส่งเสียงร้อง “ว้าว——” ออกมา
เสี่ยวซูตะโกนขึ้นว่า “ผู้อำนวยการ ไหนบอกไม่มีเงินไงคะ”
ต้วนเจียเจ๋อสาบานจากใจจริง “ผมไม่มีเงินจริงๆ ปรับปรุงเสร็จก็ไม่เหลือเงินแล้วครับ”
“เดี๋ยวก่อน พวกเราไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ” หลิวปินพูดอย่างมีเลศนัย “เมื่อก่อนสวนสัตว์ของพวกเราเต็มไปด้วยฝุ่น แต่ตอนนี้หลังจากที่ปรับปรุงกรงสัตว์ พวกมันทั้งหมดดูสวยงามขึ้นมาก แบบนี้อาคารสำนักงานของพวกเรานั้นดูเหมือนจะเชยไปเลย…”
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองดูพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย และก็เป็นไปอย่างที่คาด ระหว่างพื้นที่ส่วนจัดแสดงที่ออกแบบมาอย่างดีเยี่ยมนั้น มีอาคารหลังเล็กสองชั้นที่ออกแบบผสมผสานระหว่างความเป็นเมืองกับชนบทแอบอิงอยู่ ซึ่งมันดูล้าสมัยเอามากๆ
ต้วนเจียเจ๋อ “…”
หากไม่มีใครพูดถึงเขาก็ยังไม่รู้สึกอะไร แต่พอลองมองดูดีๆ แล้ว มันน่าเกลียดเกินไปจริงๆด้วย
ดีจริงๆ เมื่อก่อนมีแค่อาหารที่สัตว์กินดีกว่ามนุษย์ ตอนนี้แม้แต่ที่อยู่ก็ล้วนดีกว่ามนุษย์ไปหมดแล้ว…
ลู่ยาเองก็ได้ไปเดินตรวจตราดูที่ทำงานของตัวเอง ซึ่งดูดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนนี้มาก
ในฐานะไท่จวินที่ได้รับความเคารพนับถือ ที่ทำงานของลู่ยาจึงแยกออกมาจากนกตัวอื่นๆ แต่พื้นที่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
ต้วนเจียเจ๋อพูดอย่างพออกพอใจ “พี่ชาย เป็นยังไงครับ น่าประทับใจกว่าเมื่อก่อนไหม สามารถบินอย่างได้อิสระแล้วนะครับ”
ลู่ยาขัดใจกับท่าทางแบบนี้ของเขามาก จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาและยื่นให้ต้วนเจียเจ๋อดูหน้าเว็บไซต์หนึ่ง มันคือรายงานข่าวของประเทศหนึ่งที่ว่า เพื่อต้อนรับแพนด้า จึงได้ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลในการปรับปรุงสวนสัตว์ให้ใหญ่โตเหมือนกับพระราชวังเพื่อให้แพนด้าได้อาศัยอยู่
“ดีใจอะไรของนาย ฉันก็อยากได้แบบนี้มั่ง” ลู่ยาพูดอย่างเกลียดชัง “เจ้าหมีอ้วนนี่กล้าดียังไงถึงได้ไปอยู่ในที่ใหญ่โตแบบนี้ พวกมันหายากกว่าฉันหรือไง”
ต้วนเจียเจ๋อ “…”
นักข่าวของเมืองได้โทร.หาต้วนเจียเจ๋อก่อนที่จะมาถึง และในตอนที่ใกล้จะถึงนั้นก็โทร.หาเขาอีกครั้ง ต้วนเจียเจ๋อจึงรีบวิ่งไปรับคนที่หน้าประตูใหญ่ทันที มองดูแล้วมากันประมาณห้าหกคน
มีนักข่าวประจำเมืองที่แบกกล้องอยู่สองคน นักข่าวออนไลน์สองคน และยังมีเจ้าหน้าที่ผู้สนใจจากสำนักงานเขตและตัวแทนจากชุมชนติดตามมาด้วย
ตัวแทนจากชุมชนที่ติดตามมาด้วยนั้นไม่ใช่คนเดียวกับที่ต้วนเจียเจ๋อเคยรู้จักก่อนหน้านี้ เขาเป็นผู้ที่รับผิดชอบงานโฆษณาประชาสัมพันธ์และมานำทางให้กับพวกนักข่าว ทุกคนจับมือทักทายกันอยู่พักหนึ่ง
นักข่าวสาวที่ติดต่อกับต้วนเจียเจ๋อชื่อว่าเฉินเว่ย ดูเหมือนว่าเธอจะอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี “ผู้อำนวยการต้วนคะ ยังไงพวกเราไปคุยกันที่ห้องทำงานของคุณก่อนดีไหมคะ”
“ได้ครับ เชิญทางนี้ครับ” ต้วนเจียเจ๋อพาพวกเธอเดินเข้าไปจนถึงในสำนักงาน
เฉินเว่ยรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ตลอดทางที่มาที่นี่ เจ้าหน้าที่ของชุมชนได้บอกให้เธอฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในก่อนหน้านี้ของสวนสัตว์ไหเจี่ยว เธอยังคิดว่าการที่สวนสัตว์หลิงโย่วดำเนินกิจการต่อจากสวนสัตว์เก่า สภาพคงจะไม่ค่อยดีนัก
แต่ทว่าเมื่อมองดูตอนนี้แล้ว นอกจากอาคารสำนักงานที่ดูล้าสมัยแล้ว กรงสัตว์ที่เห็นกลับดูสวยงามและมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน อีกทั้งยังสามารถมองเห็นสัตว์ต่างๆ ได้จากพื้นที่จัดแสดงกลางแจ้ง ซึ่งสัตว์ทุกตัวก็อยู่ในสภาพที่ดีมาก
ต้วนเจียเจ๋อตอบคำถามง่ายๆ อยู่ในห้องทำงานของเขา เช่น ประสบการณ์ชีวิตของเขา มาดำเนินกิจการสวนสัตว์ได้อย่างไร ต้วนเจียเจ๋อเตรียมตัวสำหรับการตอบคำถามมาเป็นอย่างดี เขาตอบไปว่าตนเองชื่นชอบสัตว์ตัวเล็กๆ และหวังว่าจะได้มีส่วนช่วยในการคุ้มครองสัตว์ และต้องการสนับสนุนการศึกษาเกี่ยวกับสัตว์อะไรทำนองนี้
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถพูดออกไปได้ว่า เขาโชคร้ายสุดๆ ที่ถูกผูกมัดไว้กับระบบเฮงซวยนั่น
เฉินเว่ยได้พูดคุยเกี่ยวกับแผนการสัมภาษณ์และพาคนมาถ่ายรูปเขาโดยใช้พื้นที่ในสำนักงานเป็นฉากหลัง จากนั้นก็ย้ายกันออกมาด้านนอก ในขณะที่เดินไปก็สัมภาษณ์กันไปด้วย เพราะโดยเนื้อแท้แล้วหัวข้อที่ใหญ่ที่สุดก็คือเรื่องของพวกสัตว์
ในขณะที่ลงมาถึงด้านล่างของสำนักงาน นักข่าวคนหนึ่งก็พูดว่า “เอ๊ะ ทำไมตรงนี้ถึงมีป้ายติดอยู่ด้วยเนี่ย อควาเรียม?”
ในตอนที่พวกเขาเข้ามานั้นไม่มีใครสังเกตเห็น คิดว่านี่เป็นเพียงแค่ของตกแต่งธรรมดา พอถูกทักขึ้นมาในตอนนี้ พวกเขาจึงเห็นว่าด้านบนนั้นเขียนเอาไว้ว่า “อควาเรียม” ทุกคนจึงอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขึ้นมา
ต้วนเจียเจ๋อพูดอย่างขัดเขินว่า “พื้นที่ของพวกเราไม่ได้ใหญ่มาก และสวนสัตว์ไหเจี่ยวก่อนหน้านี้ก็ไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการเลี้ยงปลา ผมค่อนข้างที่จะชอบปลามาก ก็เลยเลี้ยงมันมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ส่วนป้ายนี้ก็เพื่อสร้างปณิธาน ในอนาคตพวกเราจะสร้างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำของจริงขึ้นมาให้ได้ครับ”
“มีความมุ่งมั่นดีมากๆ เลยค่ะ” เฉินเว่ยพูดขึ้น “ปลาที่อยู่ในนี้ก็สวยงามทุกตัวเลย”
พวกเธอในที่นี้ไม่มีใครรู้เรื่องที่เกี่ยวกับปลาเลย มองเห็นแค่ว่าปลาเล็กปลาใหญ่หลากหลายสายพันธุ์ถูกเลี้ยงเอาไว้ด้วยกัน แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติเลยแม้แต่นิดเดียว
ต้วนเจียเจ๋อใช้นิ้วมือจิ้มไปที่ด้านข้างกระจกตู้ปลา “ใช่ครับ พวกมันน่าสนใจมาก”
ทันทีที่เขาพูดจบ ปลาพวกนั้นก็แหวกว่ายจากอีกฝั่งหนึ่งเข้ามาใกล้นิ้วของเขา พวกมันว่ายวนอยู่ในน้ำราวกับอยากที่จะสัมผัสนิ้วของเขา
และเมื่อต้วนเจียเจ๋อผละนิ้วออก พวกมันแต่ละตัวก็ว่ายส่ายหัวส่ายหางออกไป
“ว้าว…” ปลาหลากหลายสีสันแหวกว่ายไปในทิศทางเดียวกัน มันสวยงามมากจนทุกคนถึงกับต้องกลั้นหายใจ
“เดี๋ยวค่ะ คุณช่วยทำอีกครั้งได้ไหมคะ พวกเราจะบันทึกภาพนี้เก็บไว้ค่ะ” เฉินเว่ยพูด “นี่คุณทำได้อย่างไรคะ”
ต้วนเจียเจ๋อตอบ “คงเป็นเพราะผมให้อาหารพวกมันบ่อยละมังครับ”
เขารอให้เฉินเว่ยตั้งค่ากล้องเตรียมถ่ายวิดีโออีกรอบ จากนั้นก็ทำอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้เธอเก็บเป็นข้อมูล
เฉินเว่ยรู้สึกประหลาดใจมาก ตอนที่ต้วนเจียเจ๋อให้สัมภาษณ์ เขาบอกว่าเป็นเพราะตัวเองชอบสัตว์ถึงได้รับช่วงต่อสวนสัตว์ที่ใกล้จะปิดตัวลงแห่งนี้ หากเธอต้องการสะท้อนสิ่งนี้ออกมาให้เห็นในข่าว ภาพของต้วนเจียเจ๋อที่แสดงความใกล้ชิดกับสัตว์น่าจะดีที่สุด แถมฉากนี้ก็ไม่ใช่ฉากการให้อาหารสัตว์ธรรมดาๆ ด้วย เพราะภาพตรงหน้าดูมีชีวิตชีวา เรียกได้ว่ามีแรงดึงดูดที่ทำให้ผู้คนต้องซาบซึ้งไปกับมัน
ต้วนเจียเจ๋อพาพวกเธอไปยังพื้นที่จัดแสดงอีกครั้ง ซึ่งมีเสี่ยวซู หลิวปิน และสวีเฉิงกงมารอทำงานอยู่ที่นี่แล้ว
หลังจากที่เฉินเว่ยเข้ามา เธอก็ได้เห็นการตกแต่งภายในที่พอมองแล้วก็รู้สึกว่าดูดีกว่าสวนสัตว์ในเมืองตงไห่เสียอีก เธอไม่อาจอธิบายความแตกต่างระหว่างสองที่นี้ได้ แต่ที่นี่มีอุปกรณ์จักรกลมากมาย แถมสิ่งอำนวยความสะดวกก็ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี
นักข่าวอีกสองสามคนก็ได้ถ่ายสภาพแวดล้อมโดยรอบเอาไว้ และได้ขอให้หลิวปินสาธิตการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ แก่พวกเขา และยังขอให้ต้วนเจียเจ๋อลงมือทำด้วยเช่นกัน
เฉินเว่ยถามต้วนเจียเจ๋อว่าเขาใช้เงินไปมากขนาดไหน แต่ต้วนเจียเจ๋อไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองในตอนนั้นมีเงินติดตัวอยู่เพียงแค่ไม่กี่พันหยวนเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงบอกออกไปอย่างคลุมเครือว่าใช้เงินออมไปทั้งหมด
ตอนนี้เฉินเว่ยจึงถามเกี่ยวกับอุปกรณ์พวกนี้อีกครั้ง จากนั้นก็ทอดถอนใจออกมา ต้วนเจียเจ๋อเต็มใจที่จะซื้ออุปกรณ์ราคาแพงขนาดนี้ด้วยเงินออมทั้งหมดที่มี แต่ตัวเองกลับอาศัยอยู่ในอาคารหลังเล็กๆ ที่ทรุดโทรมแบบนี้ นี่เรียกว่าเป็นแรงขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งความรักอย่างแท้จริง
เมื่อรวมเข้ากับพลังวิญญาณของสัตว์ต่างๆที่อยู่ในที่แห่งนี้ สวนสัตว์ก็ดูมีเอกลักษณ์ขึ้นมาในชั่วพริบตา
เธอมีความคิดอยู่ในใจแล้วว่าจะใช้จุดนี้เป็นการจุดประเด็นที่น่าสนใจของข่าว
เมื่อเทียบกับเฉินเว่ยที่ให้ความสำคัญกับกิจการของต้วนเจียเจ๋อในเรื่องความรักที่มีให้กับสัตว์แล้ว ประเด็นสำคัญของนักข่าวออนไลน์กลับแตกต่างออกไป พวกเขามาจากศูนย์สื่อใหม่ และมีส่วนร่วมกับแอพพลิเคชั่นตงไห่รายวันและบัญชีผู้ใช้วีแชทสาธารณะ ซึ่งมุ่งเน้นเรื่องที่เป็นกระแสและดึงดูดผู้อ่านด้วยเนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ
ดังนั้นพวกเขาจึงอดใจไม่ไหวที่จะขอให้ต้วนเจียเจ๋อพาไปดูเหล่านกน้อยที่กำลังโด่งดังอยู่ในเครือข่ายท้องถิ่น
ต้วนเจียเจ๋อพาพวกเขาไปยังพื้นที่โรงนกซึ่งด้านในจัดสภาพแวดล้อมให้ดูราวกับป่าธรรมชาติ เหล่านกเกาะกระจัดกระจายอยู่บนต้นไม้ นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นนกยูงอยู่ในพุ่มไม้รางๆ
“พวกเราสามารถเข้าไปเล่น เข้าไปถ่ายรูปกับพวกมันได้ไหมครับ” นักข่าวถาม
“ได้ครับ ผมเตรียมเสื้อกันฝนแบบใช้แล้วทิ้งไว้ให้แล้ว ใส่ไว้กันขี้นกนะครับ” ต้วนเจียเจ๋อส่งเสื้อกันฝนให้ทีละคน
“จริงสิ นกที่บินนำอยู่ในคลิปนั่นดูเหมือนจะเป็นนกสีแดง มันไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอครับ” มีคนถามขึ้น
“อ๋อ มันอยู่อีกกรงหนึ่งครับ” ต้วนเจียเจ๋อรู้ว่านักข่าวจะมา จึงขอให้ลู่ยาไปพักผ่อนรออยู่ในห้องทำงานของเขาก่อน เผื่อไม่แน่ว่าจะต้องขอความร่วมมือจากลู่ยาในภายหลัง ตอนนี้เมื่อเปิดประตูกรง ทันทีที่ยื่นมืออกไป ลู่ยาก็บินมาหาแล้วร่อนมาเกาะอยู่บนแขนของต้วนเจียเจ๋อ จากนั้นก็จัดการไซ้ขนของตัวเอง
หลังจากที่เดินเข้ามาด้านใน กล้องของพวกเขาก็ไม่เคยปิดเลยสักครั้ง พวกนักข่าวบันทึกภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ ผู้สื่อข่าวออนไลน์สองคนนั้นก็ได้ถ่ายภาพและวิดีโอซ้ำๆ และพยายามจับภาพที่ดีที่สุด
“ผู้อำนวยการต้วนคะ นี่นกอะไรเหรอคะ ตัวใหญ่มาก แถมสีสันก็สดใสมากด้วย ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลยค่ะ” เฉินเว่ยถาม เธอก็รู้สึกว่านกตัวนี้เย่อหยิ่งและค่อนข้างที่จะดุร้าย ไม่น่าจะสนิทสนมหรือเข้าใกล้ได้ง่ายๆ ไม่แน่อาจจะเป็นนกล่าเหยื่อ
ก่อนหน้านี้ต้วนเจียเจ๋อเคยบอกกับอาจารย์จ้าวว่าลู่ยาเป็นอีกาทอง แต่เขาไม่กล้าบอกกับเฉินเว่ย เพราะเกรงว่าพวกนักข่าวจะไปค้นหาข้อมูลกันจริงจัง
ต้วนเจียเจ๋อจึงบอกว่า “อันที่จริง นกตัวนี้ผมเก็บมันมาได้ครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นนกพันธุ์อะไร ผมเคยไปถามผู้เชี่ยวชาญของสำนักงานป่าไม้มาแล้ว แต่พวกเขาก็บอกได้ไม่ชัดเจน แต่ละคนความคิดเห็นต่างกัน ผมสงสัยว่ามันอาจจะถูกลักลอบนำเข้ามา เพราะดูไม่ใช่สายพันธุ์เอเชีย หรือบางทีไม่แน่มันอาจจะกลายพันธุ์ก็ได้ คุณดูสิครับ สีสันของมันสวยงามขนาดไหน…”
ต้วนเจียเจ๋อพูดจาฉะฉาน เฉินเว่ยได้ยินดังนั้นก็มึนงงเล็กน้อย และตอบกลับไปว่า “อ๋อ เป็นนกบาดเจ็บที่คุณช่วยไว้สินะคะ คุณมีน้ำใจมากจริงๆ เลย ถ้าอย่างนั้นมันคงจะติดคุณมากเลยใช่ไหมคะ”
“…ใช่ครับ” ต้วนเจียเจ๋อจับลู่ยาและซุกหน้าลงไปบนตัวเขาเพื่อแสดงความสนิทสนม
ลู่ยา “…”
ต้วนเจียเจ๋อเห็นว่าเต้าจวินกำลังใช้สายตาที่น่าสะพรึงจ้องมองมาที่ตัวเองก็รีบเงยหน้าขึ้นทันที และทำเป็นลูบขนของเขาเบาๆ อย่างไม่รู้ไม่ชี้ มิเช่นนั้นเขาเกรงว่าพวกมนุษย์ที่อยู่ที่นี่อาจจะได้เห็นนกพูดได้ระเบิดโทสะใส่ตนเองอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าเฉินเว่ยจะถามเกี่ยวกับลู่ยา แต่ประเด็นสำคัญที่ทุกคนมากันวันนี้ก็ยังเป็นนกยูงที่น่ารักทั้งสองตัวนั้นอยู่ดี
เสี่ยวซูพูดขึ้นมาหนึ่งประโยค “มันสองตัวชอบรำแพนหางมากๆ เลยนะคะ”
เธอได้มาให้อาหารพวกนกมากขึ้น และก็รู้มานานแล้วว่านกยูงตัวผู้สองตัวในสวนสัตว์ชอบรำแพนหางเอามากๆ ไม่เพียงแค่รำแพนหางต่อหน้าเด็กๆ เมื่อครั้งก่อน แต่พวกมันยังชอบรำแพนหางเองอย่างเหนือความคาดหมายอยู่เสมอ
เฉินเว่ยสนใจเป็นอย่างมาก “จริงเหรอคะ แต่ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีนกยูงตัวเมียเลยนะคะ”
เสี่ยวซูพูดอย่างจริงจัง “มันชอบรำแพนหางจริงๆค่ะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ไม่แน่ว่าพวกมันอาจมีรสนิยมไม่เหมือนนกยูงตัวอื่นๆก็ได้ค่ะ”
ทุกคน “…”
ต้วนเจียเจ๋อเหงื่อตก ดูเหมือนเสี่ยวซูจะตีความเกินจริงไปหน่อยแล้ว นี่มันก็เป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ตามธรรมชาติของสัตว์แค่นั้นเอง
แต่เขารู้ว่าเป็นเพราะอะไร การที่นกยูงจะรำแพนหางไม่จำเป็นว่าต้องเป็นตอนที่อยากหาคู่ แต่มันอาจจะเป็นเพราะต้องการแสดงพลังก็ได้ ไม่ใช่ว่าช่วงนี้มีนกกระจอกที่อยู่ใกล้ๆ มักจะมาขโมยอาหารหรือไง เพราะอย่างนั้นพวกมันจึงรำแพนหางบ่อยๆ
“จริงเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นมีกฎเกณฑ์อะไรหรือเปล่าคะ หากต้องการที่จะถ่ายวิดีโอตอนที่พวกมันกำลังรำแพนหางน่ะค่ะ” เฉินเว่ยไม่ได้สนใจเหตุผลที่แท้จริง เธอแค่รู้ว่านกยูงชอบและรักที่จะรำแพนหางก็พอแล้ว อีกทั้งหากถ่ายคลิปนี้ไว้ได้มันจะดูดีมาก
“เรื่องนี้…ลองดูสิครับ ไม่แน่อาจจะเป็นไปได้ก็ได้…” ต้วนเจียเจ๋อพูดช้าๆ เบนสายตามองไปยังลู่ยา
เหล่านักข่าวต่างสบตากันไปมาและเผยสีหน้าตั้งหน้าตั้งตารอชม ใช่แล้ว มันก็ไม่แน่ บางทีพวกเขาอาจจะโชคดีสามารถถ่ายฉากนี้เอาไว้ได้ก็เป็นได้
คอมเมนต์