เสพติดหัวใจนายช่างกล้อง ตอนที่ 1-2
บทที่ 1.2
อาชีพของหลี่เฮ่าคือบรรณาธิการสายแฟชั่นของนิตยสารสำหรับผู้หญิง ‘Beauty Fashion’ ส่วนหลี่เหยาอาชีพหลักคือนักศึกษามหาวิทยาลัย อาชีพรองคือนางแบบ ที่จับผลัดจับผลูก้าวเข้าสู่วงการนางแบบนี้ได้ หลักๆ แล้วก็เป็นฝีมือของหลี่เฮ่า
แต่ตอนนี้เขาขอประกาศก่อนสองสามเรื่อง
ข้อแรก อาชีพนางแบบไม่ได้เกิดจากความสมัครใจของเขา
ข้อสอง เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบแต่งตัวเป็นผู้หญิงแล้วก็ไม่ได้ชอบแต่งหน้าทาปาก
และข้อสุดท้าย เขาเป็นผู้ชาย ‘จริงแท้’ แน่นอน!
เขายังจำความหลงผิดในตอนนั้นได้ดี วันนั้นเป็นบ่ายวันศุกร์ที่แสนสดใส เขาไม่มีคาบเรียนกำลังขี่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไปซื้อฟิล์มที่รุ่นพี่สั่งให้ไปซื้อที่ร้านขายอุปกรณ์ถ่ายภาพ
ตอนที่เขากำลังฮัมเพลงของประธานโจว[1] พลางเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ตามทางที่ลงเนินจากมหาวิทยาลัยไปยังตัวเมืองนั้น เพิ่งลงจากทางเขามาถึงทางคู่ขนานได้ไม่นาน หูก็ได้ยิน ‘บทเพลงซิมโฟนีแห่งโชคชะตา’ ของเบโธเฟนดังขึ้น ทำให้เขาต้องเบรกรถตรงถนนใหญ่กะทันหัน
นี่เป็นเสียงริงโทนที่เขาตั้งขึ้นเป็นพิเศษของพี่เฮ่า บ่งบอกว่าเธอเป็นคนที่มีอำนาจควบคุมโชคชะตาของเขา
โชคดีที่ตอนนั้นบนถนนมีรถไม่มาก ไม่อย่างนั้นเขาคงจะต้องประสบอุบัติเหตุทางถนนครั้งใหญ่แน่นอน
ทุกครั้งแค่เขาได้ยินเสียงบทเพลงนี้ ทั่วทั้งร่างของหลี่เหยาก็จะแข็งเกร็งโดยไม่รู้ตัว อารมณ์เปลี่ยนเป็นดิ่งลงอย่างรุนแรง เพราะจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่
เมื่อสังเกตเห็นว่าเสียงริงโทนใกล้จะเล่นจนจบเพลงแล้ว เขาตัวสั่นรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล…”
“ตอนนี้นายรีบไปที่ห้องฉัน แล้วเอาสมุดบันทึกที่วางอยู่บนโต๊ะมาให้ฉันที่ออฟฟิศที”
หลังเสียงของผู้หญิงที่ดุร้ายดังขึ้น เขายังไม่ทันได้ตอบกลับ โทรศัพท์ก็ตัดสายเสียแล้ว
หลี่เหยาถอนหายใจ จากนั้นกดเข้าไปที่หน้ารายชื่อของโทรศัพท์แล้วโทรออก
“รุ่นพี่ ผมต้องขอโทษด้วย วันนี้ผมก็มีธุระด่วนไม่สามารถเข้าไปที่ชมรมได้ เอาฟิล์มไปให้ครั้งหน้าได้หรือเปล่า”
“อะไรนะ!”
เสียงตะโกนดังขึ้น หลี่เหยารีบเอาโทรศัพท์ออกห่างหูพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ฉันจะใช้ฟิลม์วันนี้ ครั้งหน้านายจะเอามาทำผีอะไร!”
“พี่สั่งให้อาเต๋อไปซื้อให้ก่อนสิ”
“ได้…ฉันจะให้อาเต๋อไปซื้อ แต่ครั้งหน้าฉันจะต้องเห็นนายที่ชมรมนะ!”
“อืม…รู้แล้วครับ”
เมื่อเทียบกับการถูกรุ่นพี่ดุด่าหรือรังแกแล้ว หลี่เหยายังรู้สึกว่าพี่เฮ่าน่ากลัวกว่า มีหลายครั้งที่มักถูกเธอใช้รองเท้าส้นสูงเตะน่องจนเขียวช้ำ จึงทำให้เขาไม่กล้าขัดขืน
หลังจัดการเรื่องของชมรมเสร็จ เขาก็รีบเปลี่ยนทิศทางของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าใช้ความเร็วเจ็ดสิบขับตรงไปที่บ้านทันที
สิบห้านาทีให้หลัง หลี่เหยาก็นำสมุดบันทึกของพี่สาวมาที่สำนักพิมพ์ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอู้ฟู่ที่สุดของเมือง
“แม่มันสิ! ยัยผู้หญิงกลิ่นน้ำนมยังไม่จาง[2]นั่นกล้าดียังไงถึงไม่มา เธอคิดว่าเธออายุเท่าไหร่กันเชียว ฉันล่ะเกลียดศิลปินอายุน้อยที่หวังดังหวังมีชื่อเสียงพวกนี้จริงๆ ”
ยังไม่ทันได้เข้าไปในออฟฟิศ หลี่เหยาที่อยู่บนทางเดินก็ได้ยินเสียงตะคอกของหลี่เฮ่า คาดว่าคงจะเป็นอาเหมยที่โดนอีกแล้ว
อาเหมยเป็นลูกน้องและผู้ช่วยของหลี่เฮ่า มีหน้าที่ติดต่อโมเดลลิ่งที่เกี่ยวข้อง จัดหานางแบบ ศิลปิน สตูดิโอและเชิญช่างภาพงานจิปาถะทุกสิ่งอย่าง ล้วนเป็นหน้าที่ของเธอทั้งหมด
เงินน้อยงานเยอะ คนแยะ ทำงานหามรุ่งหามค่ำแต่กลับไม่มีผลต่อตำแหน่งงานเลยสักนิด
เพียงแต่เมื่อคิดถึงปีนั้นที่หลี่เฮ่าเองก็อดทนแบบนี้แล้ว อาเหมยจึงยึดเอาอีกฝ่ายเป็นแบบอย่าง ร่วมมือและอุทิศตัวทำงานนี้โดยไม่มีเงื่อนไข
หลังสมองประมวลระดับความโกรธของพี่สาว หลี่เหยาก็ย่องเข้าไปในออฟฟิศเงียบๆ เอาสมุดบันทึกวางลงบนโต๊ะของเธอ ด้วยกลัวว่าจะไม่ทันระวังโดนหางของพายุกวาดเข้าให้ แล้วเขย่งปลายเท้าเดินออกไปอย่างช้าๆ
“ตอนนี้เหลือไม่ถึงสิบห้านาทีก็จะถ่ายแล้ว ขาดแค่เพียงนางแบบที่สำคัญที่สุด ทำไมเธอถึงยังติดต่อโมเดลลิ่งไม่ได้อีก ไม่รู้หรือไงว่าการถ่ายแบบวันนี้สำคัญขนาดไหน”
“ฉัน…”
“ฉันจะคอยดูว่าเธอจะหานางแบบมาแทนได้ยังไง”
อาเหมยที่ยืนอยู่ข้างหน้าหลี่เฮ่าราวกับกระต่ายตัวน้อยที่ถูกสัตว์ร้ายบีบบังคับให้จนมุม หดตัวลงอย่างหวาดๆ ดวงตาแดงระเรื่อ
หลี่เหยารู้สึกปวดใจกับสถานการณ์ของอาเหมยถึงยังไงพฤติกรรมของศิลปินก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอสามารถควบคุมได้ เมื่อกี้ก่อนออกมา เขาแอบดูสมุดบันทึกของพี่สาวมาบ้างแล้ว จึงรู้เนื้อหาการถ่ายงานวันนี้คร่าวๆ
แน่นอนว่า…พี่ต้องการให้อาเหมยหาคนที่เหมือนเน็ตไอดอลสุดฮอตลู่ลู่ภายในสิบห้านาที แต่การจะหานางแบบที่มีใบหน้าไร้เดียงสาและออร่าเปล่งประกายแบบนั้นมันยากมากจริงๆ
ตอนที่หลี่เหยากำลังภาวนาในใจให้เธอซึ่งกำลังถูกเชือดนั้น อยู่ๆ ก็มีไอเย็นขุมหนึ่งปะทะเข้ามาที่ร่างกาย ทำให้รูขุมขนทั่วร่างของเขาพร้อมใจกันลุกชันขึ้น
วินาทีต่อมา เขาเหลือบมองที่มาของสายตาอย่างหวาดหวั่นและพูดว่า “พี่เฮ่า ของที่พี่ต้องการวางอยู่ข้างใน ถ้าไม่มีอะไรจะสั่งแล้วผมกลับก่อนนะ…”
เขายกมือ¬ขึ้นชี้ไปยังสมุดบันทึกที่วางอยู่ตรงขอบโต๊ะ ยิ้มอย่างอึดอัดคิดจะออกไป
“เสี่ยวหมี่ เดี๋ยวก่อน”
“หา!”
ทันใดนั้นหลี่เฮ่าก็ดึงคอเสื้อด้านหลังของเขา จนแทบทำให้เขาหายใจไม่ออก
หลังจากโบกมือจนหลี่เฮ่ายอมปล่อยแล้ว หลี่เหยาก็รีบสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปหลายครั้ง ก่อนจะเค้นเสียงถามออกมาว่า “มี มีอะไรให้ผมทำเหรอ”
ดวงตาที่ราวกับแมวเจ้าเล่ห์ของหลี่เฮ่าจ้องมองน้องชายสุดที่รักตรงหน้า
หลังจากกวาดตามองดูเขาจากบนลงล่างอย่างละเอียดรอบหนึ่งแล้ว ทันใดนั้นเธอก็ประกบมือเข้าด้วยกัน เปลี่ยนท่าทีที่มักมั่นใจและหยิ่งยโสกับเขา พูดกระซิบเสียงเบาว่า “เสี่ยวหมี่ นายช่วยพี่สักเรื่องหนึ่งได้ไหม”
“เอ่อ…”
ช่วยเหรอ…
หลี่เหยาอยากตอบกลับไปมากว่า ‘กินขี้เหอะพี่’
แต่เขารู้ หลังช่วงเวลาสะใจจากคำพูด สิ่งที่รอเขาอยู่นั้นแน่นอนว่าเป็นผลลัพธ์ที่น่ากลัวอย่างมาก จึงทำได้เพียงฝืนพยักหน้าเท่านั้น เมื่อเห็นน้องชายตอบตกลง หลี่เฮ่าก็ใช้น้ำเสียงอ่อนโยนที่ทำให้คนรู้สึกเย็นยะเยือกพูดว่า “เมื่อกี้นายคงได้ยินแล้วว่าพี่กำลังพบเจอกับเรื่องยุ่งยาก นายเองก็เป็นคนดีช่วยพี่อีกสักเรื่องสิ เดี๋ยวทำหน้าที่นางแบบของวันนี้ให้หน่อยได้ไหม”
หลี่เหยากะพริบตาไม่ตอบโต้ชั่วขณะ
หลังจากที่ความคิดเชื่อมต่อกับเส้นประสาทในสมองแล้ว เขาก็สะดุ้งตัวโหยง “อะ อะไรนะ!”
จะให้เขาเป็นนางแบบงั้นเหรอ คำขอร้องนี้น่าตกใจจนทำให้วิญญาณของเขาใกล้จะหลุดออกมา
“เห้ย ไม่ ไม่ ไม่ แต่ผมเป็นผู้ชายนะ” สาวเท้าถอยหลังอย่างรวดเร็ว สองมือของเขาออกแรงบีบหน้าอกที่แบนเรียบของตนเอง หวังอย่างยิ่งว่าพี่สาวจะล้มเลิกความคิดนี้
“นายคิดว่าฉันไม่รู้ข้อนี้เหรอ” ทันใดนั้นหลี่เฮ่าก็เปลี่ยนกลับมาเป็นใบหน้าของแม่เลี้ยงใจร้ายดังเดิม ดวงตาหรี่ลงอย่างน่ากลัว “ถึงยังไงนายก็รับปากฉันแล้ว ส่วนเรื่องที่จะเปลี่ยนนายเป็นผู้หญิงอย่างไรนั้น นายไม่ต้องเป็นห่วง ฉันลงสนามด้วยตัวเอง ผลลัพธ์ต้องออกมาดีแน่นอน!”
อะไรคือผลลัพธ์ต้องออกมาดี
เขาไม่ใช่สินค้านะ
“พี่เฮ่า!”
หลี่เหยายังคิดจะขอร้อง ทว่าหลี่เฮ่ากลับออกคำสั่งทันที “เร็ว! อาเหมยเธอรีบไปเอาชุดในห้องแต่งตัวสองเข้ามา ฉันจะช่วยแต่งหน้าให้เสี่ยวหมี่ก่อน อีกห้านาทีเตรียมตัวไปที่สตูดิโอ”
บรรยากาศราวกับอยู่ในสนามรบก็ไม่ปาน
ตอนที่เห็นหลี่เฮ่าหยิบรองพื้นออกมาจากกระเป๋าเครื่องสำอางและบีบออก เตรียมทาลงไปบนหน้าของเขา หลี่เหยาก็รีบเบี่ยงหน้าหลบ ตะโกนเสียงดังว่า “พี่!”
“นายน่ะหุบปากไปเลย!”
หลี่เฮ่าจับคางของเขาเอาไว้ แล้วทาหยาบๆ แป้งสีจันทร์นวลหนึ่งชั้นปกคลุมผิวที่บอบบางกว่าผู้ชายทั่วไปในทันที ใบหน้ารูปไข่ที่งดงามพลันนุ่มนวลขึ้น
สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียง หลี่เฮ่าจะไม่ยอมให้ศิลปินที่ไม่รู้ความพังการถ่ายภาพในวันนี้เป็นอันขาด
การลากน้องชายมาแทนที่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำโดยไร้แบบแผน หลี่เหยาเป็นคนที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กจนโต เธอรู้จุดอ่อนและจุดแข็งของเขาทั้งหมด ตัดสินจากการที่เธอได้สัมผัสกับวงการแฟชั่นมาหลายปี ทั้งผิวและหน้าตา หลี่เหยาเหมาะสมจะเปล่งประกายบนหน้าจอมากที่สุด หากการถ่ายภาพเปิดตัววันนี้ประสบความสำเร็จ อนาคตข้างหน้าจะต้องสดใสแน่นอน
หลังจากปล่อยให้พี่สาวถูๆ ทาๆ ใบหน้าของตนเอง และสวมวิกผม เปลี่ยนจากชายหนุ่มเป็นหญิงสาวแล้ว หลี่เหยาก็อยากตะโกนออกมาดังๆ ว่า ตอนนี้เขายังมีศักดิ์ศรีความเป็นคนอยู่ไหม!
ถึงอย่างนั้น เขากลับไม่ขัดขืน ทำเพียงมองเรื่องตลกที่ประดังเข้ามาหาตัวเอง
เช่นนี้เขาจึง ถูกบีบบังคับลากเข้าไปถ่ายรูปที่สตูดิโอ โดยบอกว่าเป็นการถ่ายภาพโปรโมทนางแบบคนใหม่
________________________________________
[1] ประธานโจว หรือ โจวต่ง เป็นฉายาของนักร้องชาวไต้หวันที่มีชื่อเสียง โจวเจี๋ยหลุน หรืออีกชื่อที่คนทั่วไปรู้จักคือ Jay Chou
[2] กลิ่นน้ำนมยังไม่จาง เป็นสำนวนจีนในเชิงดูถูกเหยียดหยาม อุปมาถึงคนๆ นั้นโง่เขลาและไร้เดียงสาเหมือนเด็กที่ยังไม่หย่านม
คอมเมนต์