เสพติดหัวใจนายช่างกล้อง ตอนที่ 1-3
บทที่ 1.3
หลี่เหยามีส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสองเซนติเมตรนับว่าค่อนข้างเตี้ยในหมู่ผู้ชาย แต่หากอยู่ในฐานะผู้หญิง ส่วนสูงนี้กลับทำให้คนรู้สึกอิจฉา
ดวงตากลมโตเปล่งประกายคู่นั้น บวกกับใบหน้าสวยที่สง่างามยิ่งกว่าผู้หญิง รูปร่างผอมบางแขนขาเรียวยาว คนงามแบบนี้ ทำให้ผู้คนรักใคร่ได้อย่างง่ายดาย
เพียงแต่ในยุคที่หนุ่มหล่อสาวสวยเดินเบียดเสียดอยู่บนถนน ใช่ว่าหน้าตาน่ารักหรือสวยก็จะทำให้มีชื่อเสียง
แม้ว่าหลี่เหยาจะแต่งตัวจนเหมือนกับผู้หญิง แต่นางแบบที่หน้าตาสวยกว่าเขาก็มีอยู่มาก ดังนั้นตอนเริ่มเขาจึงเผชิญหน้ากับกล้องอย่างขอไปที
ถึงอย่างนั้น บุคลิกและนิสัยเด็กชายตัวเล็กที่แสดงออกมากลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป คิดไม่ถึงว่าจะดึงดูดความสนใจของเหล่าหนุ่มสาว กลายเป็นประเด็นหัวข้อที่ร้อนแรงของทุกคนในทันที ทำให้เขาไม่อาจถอนตัวออกมาได้ ไม่ต่างกับการบังคับถูกรางวัลซึ่งทำให้ต้องก้าวเข้าไปในบทบาทของผู้หญิงที่ทั้งดำมืดและน่าเวทนา
โชคดีที่ลุคแรกของเขาเป็นชุดสูทตัวเล็กพอดีตัว ออกแบบไซล์หน้าอกเป็นคัพ A ส่วนชุดเดรสที่เผยความเซ็กซี่ออกมาเล็กน้อยหรือชุดโชว์เนินอกเพียงใช้การแต่งเงาก็ถือว่าผ่าน
จากนั้นบวกเข้ากับการฝึกดัดเสียง จึงทำให้ไม่มีคนสงสัยว่าเขาเป็นผู้ชายที่แต่งตัวเป็นผู้หญิง
ทั้งสามคนจึงเรียกได้ว่าร่วมกันสมรู้ร่วมคิด บีบบังคับให้เขา ‘ขายร่างกาย’
และถ้าไม่ใช่เงินของงานนี้ค่อนข้างดี สนับสนุนเขาให้ไล่ตามความฝันได้ เขาก็คงไม่ยอมทรยศต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีขายเรือนร่าง ทำงานหลอกลวงสังคมแบบนี้หรอก
ตอนนี้ขอเพียงสามารถซื้อกล้องดีเอสแอลอาร์ ตัวนั้นได้ เขาไม่มีทางยอมล้างเครื่องสำอางเป็นอันขาด
……
บ่ายสองโมง อากาศภายนอกยังคงมีแสงแดดแผดเผา
เวลานี้งานที่สบายที่สุดบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรเกินไปกว่าการเป็นนักเรียน ไม่ต้องวิ่งออกไปข้างนอกผจญกับแสงอาทิตย์ ไม่ต้องเผชิญกับสังคมที่เลวร้าย แค่นั่งอยู่ในห้องเรียน แช่อากาศเย็นสบาย และเสียเวลาลงทุนไปกับการเรียนที่มีอัตราผลตอบแทนไม่ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
ในสถานที่ที่สะดวกและเย็นสบาย คนก็เปลี่ยนเป็นเฉื่อยชาขึ้นมา
หลี่เหยาซึ่งนั่งอยู่ตรงแถวสุดท้ายของห้องเรียน มองดูอาจารย์ที่พูดอยู่บนเวที พร้อมกับหาวปากกว้าง
เขาไม่ชอบคลาสรวมแบบนี้ที่สุด พูดให้ชัดเจนอีกนิดก็คือ ไม่ชอบวิธีเรียนที่เอานักศึกษาต่างสาขามาเรียนรวมๆ กัน เขารู้สึกว่าไม่ค่อยมีความเป็นมืออาชีพ และไม่มีความสำคัญมากนัก ก็แค่ลงเพื่อให้หน่วยกิตครบเท่านั้น
ปกตินักศึกษาที่อยู่สาขาเดียวกันจะนั่งอยู่ที่เดียวกัน เขาเองก็นั่งอยู่กับเพื่อนที่มีความสัมพันธ์ไม่เลวคนหนึ่ง
เมื่อเห็นสวีเสี่ยวคังเล่นเกมโทรศัพท์มือถืออย่างกระตือรือร้นแล้ว จะไม่เหลวแหลกด้วยกันได้งั้นเหรอ
ตอนที่เขากำลังหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาล็อกอินเข้าเกมนั้น อยู่ๆ ก็มีบนสนทนาหนึ่งดังเข้ามาในหู
“นี่! เธอได้ดูนิตยสาร Fashion Beauty ของสัปดาห์นี้แล้วหรือยัง ชุดเดรสที่ Miu ใส่ไม่เลวเลยนะ”
“ดูแล้ว ดูแล้ว ไม่คิดเลยนะว่าคัพ A ของเธอจะบีบจนกลายเป็นคัพ B ได้ชุดเดรสนี้ไม่ใช่แค่ไม่เลวนะ แต่ยังเกือบจะเอาไปใช้เป็นอาวุธลับยั่วยวนแฟนหนุ่มได้เลยด้วย”
เวลานี้เขานั่งเยื้องห่างจากหญิงสาวสองคนที่กางหน้าหนึ่งของนิตยสารบนโต๊ะโจ่งแจ้งและวิพากษ์วิจารณ์อย่างสนุกสนานประมาณสองเมตร
ในฐานะผู้ชาย ปกติแล้วหลี่เหยาไม่ได้สนใจสิ่งของจำพวกเครื่องสำอางและเสื้อผ้ามากนัก เพียงแต่ที่เขาทำกิริยาน่าเกลียดแอบฟังบทสนทนาของผู้หญิงเช่นนี้ หลักๆ ก็คือเพราะพวกเธอกำลังพูดถึงอีกตัวตนหนึ่งของเขา
“ยังดีนะที่บนโลกนี้มีคนแบบ Miu อยู่ ทำให้ทุกคนรู้ว่าผู้หญิงที่หน้าอกเล็กก็สามารถใส่เสื้อผ้าที่เซ็กซี่ได้ เธอเป็นดาวแห่งการช่วยเหลือผู้หญิงหน้าอกเล็กแบบพวกเราจริงๆ หลังเลิกเรียนไปดูด้วยกันไหม ฉันจะซื้อไปใส่ออกเดทสักตัว”
เมื่อได้ยินประโยควิพากษ์วิจารณ์แบบนี้แล้ว ใบหน้าตั้งใจฟังของหลี่เหยาพลันเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด
เขาไม่ค่อยเข้าใจ แค่ชุดเดรสตัวหนึ่งจะกลายเป็นอาวุธลับยั่วยวนแฟนหนุ่มได้อย่างไร แล้วดาวแห่งการช่วยเหลือผู้หญิงอกเล็กอีก
ผู้หญิงพวกนี้หลอกง่ายเกินไปหรือเปล่า ความประทับใจของเขาหลังจากที่สวมใส่ก็คือ ‘เกินบรรยาย’ ตีให้ตายยังไงเขาก็ไม่อยากสวมเสื้อผ้าที่ทรมานตัวเองแบบนั้นถ่ายรูปอีก
“ไม่ได้! ขืนใส่ชุดแบบนี้ออกเดท ฉันว่าแฟนของฉันต้องรีบพาฉันกลับบ้านแน่ เธอไม่รู้หรอกว่าผู้ชายน่ะหื่นขนาดไหน”
ทันใดนั้นหัวข้อเรื่องแฟชั่นก็เปลี่ยนเป็นเรื่องลับของผู้หญิง หลี่เหยาเหลือบมองอย่างกระอักกระอ่วน คิดจะหยุดแอบฟัง แต่ประโยคถัดมากลับปรากฏชื่อของเขา
“แฟนฉันเป็นแฟนคลับของ Miu ก่อนหน้านี้เขายังยอมรับกับฉัน ว่าเขาเคยช่วยตัวเองกับภาพของ Miu หลายครั้ง ขืนฉันสวมเดรสชุดนั้น จะต้องถูกเอามาเปรียบเทียบกับ Miu แน่เลย”
“อะไรนะ!”
ข้อมูลที่เปิดเผยนี้ทำให้หลี่เหยาเบิกตาโต ตบโต๊ะลุกขึ้น กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในทันที
“นักศึกษาคนนั้น ถ้าคุณมีคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาในหลักสูตร อีกเดี๋ยวหมดคาบค่อยมาหาผม” อาจารย์ที่มีอายุมากกว่าครึ่งร้อยดันแว่นตรงดั้งจมูกอย่างรวดเร็ว พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง นับว่าเป็นการไว้หน้าเขาอยู่บ้าง
ขี้หน้าที่ควรจะขายก็ถือว่าขายไปหมดแล้วในตอนนี้
ให้ตายเถอะ…เขาใบหน้าแดงก่ำรีบนั่งลงอย่างรวดเร็ว แล้วหยิบหนังสือขึ้นมาปิดหน้า
“ปัญญาอ่อน” สวีเสี่ยวคังที่อยู่ข้างๆ กระซิบเสียงเบา
เขาปัญญาอ่อนน่ะใช่ แต่ถึงยังไงก็ไม่เคยคิดว่าตนเองจะกลายเป็นวัตถุระบายอารมณ์ทางเพศของผู้ชาย เปลวเพลิงตรงหน้ายังคงแผดเผา ทุกความร้อนพุ่งตรงขึ้นมาบนใบหน้า เพราะเรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวแน่ ผู้ชายมากมายบนโลกใบนี้และเขาซึ่งเป็นผู้ชายเหมือนกัน ย่อมรู้ดีว่าความต้องการของผู้ชายนั้นรุนแรงและน่ากลัวมากขนาดไหน
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้น แต่เขาเชื่อว่าต้องมีผู้ชายอีกหลายคนที่ทำเรื่องวิปริตเหมือนกับแฟนของผู้หญิงคนนั้นแน่นอน
ภาพลามกอนาจารเด่นหราปรากฏขึ้นในสมอง
บัดซบ!
น่าขยะแขยง เขาตัวสั่นอย่างรุนแรง
ไม่ได้ ไม่ได้! คำว่าม้าหญ้าโคลน[1]คำรามอยู่ภายในใจของเขานับพันหมื่นครั้ง นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีความเป็นชายของเขา ไม่สามารถเอามาทำลายสุขภาพจิตได้อีก
เหลืออีกแค่สามวันก็จะได้รับเงินเดือนแล้ว
ดวงตาปรากฏเปลวเพลิงแผดเผา นิ้วมือของเขากดออกจากเกม เปลี่ยนเข้าไปตรงโพสต์กระทู้ขอความช่วยเหลือที่มักเข้าไปบ่อยๆ แทน
เขาตั้งใจคิดจากนั้นก็โพสต์หัวข้อที่ดึงดูดความสนใจของทุกคน ‘ถูกพี่สาวบังคับให้ปลอมเป็นผู้หญิงควรทำอย่างไร เร็ว! ออนไลน์อยู่รีบตอบมาเลย’
เจ้าของกระทู้ : ความกลัดกลุ้มของน้องชายก็ตามหัวข้อ ถูกบังคับมานาน เป็นอันตรายต่อสังคมรวมถึงตนเอง
คิดจะใช้ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายต่อกรกับเธอ ขอร้องทุกคนให้ช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อยนะครับ
หัวข้อนี้ละเอียดอ่อน มีคนไม่น้อยเข้ามาตอบอย่างรวดเร็ว
คอมเมนต์ 1: เป็นเด็กน้อยน่าสงสารที่ถูกผู้หญิงน่ารังเกียจกดขี่อีกคน ทำไมฉันถึงไม่มีน้องชายที่เชื่อฟังแบบคุณบ้างนะ หึ…
คอมเมนต์ 3: พี่สาวบังคับให้ปลอมเป็นผู้หญิงเหรอ หรือเป็นตัวตนแท้ๆ ของผู้โพสต์เองหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นจะเชื่อฟังเธอได้ยังไง
คอมเมนต์ 8: ฉันเองก็ว่าแปลก ทำไมผู้ชายถึงยอมให้พี่สาวทำแบบนี้ ทั้งยังเป็นอันตรายต่อศีลธรรมของสังคมอีก
คอมเมนต์ 12: ความน่าเชื่อถือน้อยมาก
เจ้าของกระทู้ : เพราะเป็นงานของพี่สาว พอถูกจับให้ช่วยครั้งหนึ่งผมก็ต้องปลอมตัวอยู่ตลอด อีกอย่างเธอควบคุมเงินในกระเป๋าของผม ดังนั้นเลยไปยั่วยุเธอไม่ได้ ไม่อย่างงั้นชีวิตจะลำบาก ทุกคนได้โปรดช่วยเหลือด้วยนะครับ
คอมเมนต์ 15: แต่งตัวเป็นผู้หญิงได้แปลว่าหน้าตาต้องไม่เลว เจ้าของกระทู้ส่งรูปมาให้ทุกคนประเมินหน่อยสิ
คอมเมนต์ 17: ขอรูป
คอมเมนต์ 18: ขอรูป+1
คอมเมนต์ 20: ขอรูป+1
หมดกันน่ะสิ ถ้าให้พวกคุณเห็นรูปภาพ
เจ้าของกระทู้ : หน้าตาธรรมดามาก ผมกลัวว่าขืนโพสต์ลงไปทุกคนจะตกใจ อย่าเลย…
คอมเมนต์ 23: เอ๊ะ! ดูเจ้าของโพสต์พูดเข้าสิ เหมือนมีความมั่นใจในตนเองมาก ไม่มีภาพไม่มีความจริง เปิดเผยรูปมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน
คอมเมนต์ 25: ไม่กล้าเปิดเผยรูป งั้นก็บอกน้ำหนักกับส่วนสูงมา
คอมเมนต์ 27: หรือจะบอกสัดส่วนทั้งหมดก็ได้ XD
นี่มันออกนอกเรื่องแล้ว ช่วยตรงประเด็นกันหน่อยได้ไหม!
คอมเมนต์ 36: อย่างงั้นก็คิดหาแผนการ ให้พี่สาวรู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ยอมให้คุณแต่งตัวเป็นผู้หญิงอีกเป็นอันขาดสิ
คอมเมนต์ 37: ฮา ฮา ฮา ฮา!
คอมเมนต์ 38: เม้นต์ด้านบนพูดดีมาก แต่ทำผิดพลาดซะแล้ว นับจากนี้ทุกคนช่วงลงแรงภาวนาให้เจ้าของโพสต์เปิดเผยภาพเร็วๆ เถอะ!
ผมอยากระเบิดหัวพวกคุณซะ!
ฉับพลันคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ตามด้วยมุมปากของหลี่เหยาที่กระตุกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าเผยความเคียดแค้นบางๆ
เขาผิดก็ผิดตรงที่ว่าทำไมโง่มากถึงคิดว่าเพื่อนในอินเตอร์เน็ตเป็นนางฟ้าใจดี ทั้งที่ความจริงแล้วกลับมีมุมมองต่างกันมากเกินไป
ทันทีที่กำลังจะออก เวลานี้ก็มีข้อความหนึ่งเด้งขึ้นมา
คอมเมนต์ 41: ง่ายจะตาย ในเมื่อถูกพี่สาวบังคับให้ปลอมเป็นผู้หญิง แค่แคะจมูกมาป้ายเท้าต่อหน้าเธอเลย ทำลายความต้องการของเธอก็สิ้นเรื่อง
การทำลายความต้องการเหมือนจะเป็นความคิดที่ไม่เลว ถ้าทำให้ปาปารัซซี่ถ่ายภาพที่ไม่ดีของเขาทำให้ชื่อเสียงลดลง จนถูกยกเลิกงาน บางทีพี่เฮ่าอาจจะไม่บังคับให้เขาแต่งตัวเป็นผู้หญิงอีก
เจ้าของกระทู้: วิธีนี้เยี่ยมยอด ผมขอลองดูก่อนนะ เดี๋ยวค่อยมารายงานผล
“เห้ เลิกเรียนแล้วไม่ไปเหรอ” ทันใดนั้นสวีเสี่ยวคังที่อยู่ข้างๆ ก็ผลักไหล่ของหลี่เหยา “นายคงจะไม่ไปหาอาจารย์จริงๆ หรอกนะ”
“จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ” เมื่อเห็นว่าคนในห้องเรียกทยอยกันออกไปแล้ว หลี่เหยาก็รีบเก็บโทรศัพท์มือถือและหนังสือสัมภาระอย่างรวดเร็ว
“เมื่อกี้คุยกับแฟนอยู่เหรอ”
“นายเคยเห็นฉันเดินกับผู้หญิงด้วยหรือไง” หลี่เหยาสะพายกระเป๋าเหลือบมองเขาอย่างเหยียดๆ
“พูดอีกก็ถูกอีก ถึงยังไงผู้หญิงส่วนใหญ่ก็คงยอมรับแฟนที่สวยกว่าตนเองไม่ได้หรอก” สวีเสี่ยวคังพูดหยอกล้อติดตลก
“รนหาที่ตายแล้ว สวีเสี่ยวคัง ขืนนายกล้าพูดประโยคนี้กับฉันอีก ฉันจะบอกเรื่องที่นายจีบสาวสวยตอนวันสถาปนามหาวิทยาลัยกับแฟนของนาย”
ขณะที่พูด อยู่ๆ หลี่เหยาก็ตะโกนตรงประตูนอกห้องเรียนว่า “หลิงจื่อ เธอมาแล้วเหรอ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอพอดีเลย…”
สวีเสี่ยวคังรีบเข้ามาปิดปากเขาอย่างรวดเร็ว
ทว่าหลังจากพบว่าถูกหลอก สวีเสี่ยวคังที่ได้รับความอับอายจนรู้สึกโกรธก็พูดขึ้น “ไอ้มอดข้าวตัวเหม็น นายอย่าให้ฉันรู้นะว่านายมีแฟน ไม่อย่างงั้นฉันจะเล่าประวัติอันดำมืดและน่ากลัวของนายให้เธอฟังทั้งหมดเลย”
หลี่เหยายักคิ้วอย่างไม่กลัว ทว่าในใจกลับคิดว่า หลังกลับบ้านไปจะต้องรีบทำลายรูปถ่ายสมัยเด็กที่พี่สาวจับแต่งตัวเป็นผู้หญิงทิ้งทั้งหมด
________________________________________
[1] ม้าหญ้าโคลน草泥马 (cǎo ní mǎ) เป็นการเล่นคำที่ออกเสียงคล้ายกับคำว่า 操你妈 (cāo nǐ mā) ซึ่งเป็นคำหยาบในภาษาจีน
คอมเมนต์