เสพติดหัวใจนายช่างกล้อง ตอนที่ 2-4

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 2.4

หลี่เหยาตั้งใจฟังคำอธิบาย ในหัวสมองก็ครุ่นคิดตามว่าเมื่อถึงเวลานั้นตนเองจะแสดงท่าทางและสีหน้าอย่างไร
“ขออภัยด้วยคุณถัง ในสัญญาพวกเราระบุขอบเขตการถ่ายภาพของ Miu เอาไว้ชัดเจน ดังนั้นเรื่องเสื้อผ้า ทางเราคงมีสิทธิ์ตัดสินใจ” เวลานี้ เสี่ยวฉีที่เฝ้าดูอยู่เงียบๆ มาตลอดก็พูดแทรกขึ้น
จุดประสงค์ที่วางแผนพาเสี่ยวฉีมาด้วย ก็เพื่อช่วยหลี่เหยากรองทีมงานที่ต้องร่วมงานด้วยและกำจัดอันตรายใดๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การเปิดเผยตัวตนของเขา ถ้าตัวตนของเขาเปิดเผย เช่นนั้นงานของเขาก็ไม่อาจรับประกันได้อย่างแน่นอน
“จุดนี้ผมเข้าใจ”
ถังเหยี่ยนตอบอย่างเป็นมืออาชีพว่า “เรื่องเสื้อผ้าต้องผ่านการเห็นชอบของพวกคุณแน่นอนอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญของการถ่ายภาพครั้งนี้คือ การแสดงออกและเสน่ห์ของ Miu เสื้อผ้าเป็นเพียงของปรุงแต่ง ดังนั้นพวกคุณไม่ต้องเป็นห่วง”
มุ่งเน้นไปที่ท่าทางและความคิดของนางแบบ โดยที่ไม่สนใจสิ่งที่ห่อหุ้มอยู่ภายนอก สมแล้วที่เป็นช่างภาพชั้นเยี่ยม มองสิ่งต่างๆ ได้ลึกซึ้งขนาดนี้ หลี่เหยาอดชื่นชมเขาอีกครั้งไม่ได้
เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ก็เป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่วันยังค่ำ ความรู้สึกชื่นชมของหลี่เหยาที่มีต่อถังเหยี่ยนยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น
ตั้งใจมองชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง หลี่เหยาพบว่าถังเหยี่ยนเป็นคนที่สูงมาก แทบจะสูงเลยศีรษะของเขาถึงหนึ่งช่วงหัว คาดคะเนจากสายตาแล้วคงมีอายุราวสามสิบห้าปี
ใบหน้าคมคายรับกับคิ้วหนาและดวงตา จมูกโด่งและริมฝีปากบางที่เย้ายวน ทั้งหมดนี้ดึงดูดผู้คนโดยไม่รู้ตัว หากอีกฝ่ายไม่มีความเข้าใจเรื่องการถ่ายภาพที่ลึกซึ้งและสัมผัสผู้คน เขาต้องเป็นนายแบบในบริษัทบันเทิงสักแห่งอย่างแน่นอน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไว้หนวดเคราและรวบผมทั้งหมดเอาไว้ด้านหลังหรือไม่ ท่ามกลางลุคที่ดูเป็นผู้ใหญ่นั้น กลิ่นอายแห่งความดิบเถื่อนได้เผยออกมาด้วย
สายตาเขาค่อยๆ เคลื่อนลงไป มาหยุดอยู่บนเสื้อผ้าบางชุดนั้นที่แนบติดลำตัว หน้าอกหนาขยับขึ้นลงตามการหายใจ เพียงมองแค่ตาเปล่าก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งและความแน่นของมัน รูปร่างที่สมบูรณ์แบบและน่าอิจฉา บวกกับผิวสีแทนที่โดนแดดโลมเลีย ทั้งเปล่งประกายและงดงาม
ผู้ชายตรงหน้าคงจะเป็นคนที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหลมากที่สุดเท่าที่เคยพบเห็นมาในชีวิตนี้ เป็นคนที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูด แล้วก็เป็นคนที่เขาเฝ้าฝันถึงและปรารถนายึดเอามาเป็นแบบอย่าง
เมื่อสายตาปะทะเข้ากับถังเหยี่ยนอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่เหยาไม่ได้หลบตา เขาสอดประสานกับดวงตาแหลมคมของถังเหยี่ยนที่ลึกลับราวกับหลุมดำ ร่างกายคล้ายกับถูกล่วงล้ำด้วยผ้าลินินเนื้อดี อุณหภูมิค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น ใบหน้ารูปไข่เห่อร้อน พร้อมกับกลืนน้ำลายลงเฮือก
“ว่าไง Miu คุณมีความเห็นอะไรหรือเปล่า” ถังเหยี่ยนยิ้มขื่นถามขึ้นอย่างสุภาพ
“ไม่…มี ฉันยึดตามการเตรียมการของคุณทั้งหมด” น่าสมเพช…เขาใช้สายตาคลั่งไคล้เหมือนผู้หญิงดูหมิ่นท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร
ทั้งที่ท่านเทพก็เป็นเหมือนกับตัวเองแท้ๆ
บีบหลังมืออย่างแรง มุมปากของหลี่เหยาแข็งทื่อ พยายามดึงสมาธิของตนเองกลับมา
“งั้นวันนี้ก็คุยกันเท่านี้ก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้เช้าสิบโมงรบกวนคุณมาที่นี่อีกครั้ง พวกคุณสวมชุดที่เลือกเอาไว้มาก่อน แล้วมาลองถ่ายภาพชุดแรกกัน” เห็นถังเหยี่ยนลุกขึ้นกำลังจะออกไป
“ท่านเทพรอก่อน!!”
แค่เปิดปากก็ทำให้คนคิดอยากขุดหลุมฝังตนเอง เขาเผยตัวตนแฟนคลับออกมา ใบหน้าปรากฏริ้วแดง
ถังเหยี่ยนชะงักฝีเท้า ยิ้มรอให้เขาพูดต่อ
“เอ่อ…ฉันชอบผลงานของคุณมาก คุณช่วยเซ็นให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ” หลี่เหยารีบหยิบผลงานชิ้นล่าสุดของเขาที่เพิ่งซื้อมาออกมาจากกระเป๋า ยื่นไปตรงหน้าของถังเหยี่ยนอย่างรวดเร็ว
ถังเหยี่ยนหยิบปากกาลูกลื่นออกมาจากกระเป๋าของตนเองและเซ็นชื่อลงไปในหน้ากระดาษด้านในจากนั้นส่งกลับให้เขาอย่างอบอุ่น
สุดยอดไปเลย!
จ้องมองลายเซ็นที่ใฝ่ฝันถึง ลักยิ้มสองข้างที่มีเสน่ห์ปรากฏบนแก้มของเขาโดยไม่รู้ตัว เข้าสู่โหมดแฟนคลับตัวน้อยโดยสมบูรณ์
“พรุ่งนี้เจอกันนะครับ”
รอยยิ้มที่วาดอยู่บนริมฝีปากของถังเหยี่ยนราวกับซุกซ่อนอันตรายเอาไว้ ทว่าในสายตาของหลี่เหยาแล้วกลับเหมือนน้ำตาลไอซิ่งหวานฉ่ำที่โรยอยู่บนโดนัท เมื่ออยู่ใต้แสงไฟที่สาดส่องก็เปล่งประกายออกมาเป็นชั้นรัศมีชวนดึงดูดผู้คน เขานิ่งค้างมองส่งแผ่นหลังที่หายลับไปหลังบานประตู
“เฮ้! สติ” เสี่ยวฉีเขย่าไหล่ของเขาอย่างแรง “พวกเราเองก็ต้องกลับไปคุยกันที่ออฟฟิศด้วย ว่าควรทำอย่างไรต่อความต้องการทั้งหมดของถังเหยี่ยนดี”
เมื่อคิดถึงบททดสอบครั้งใหญ่ที่ต้องเผชิญ ศีรษะของหลี่เหยาก็เริ่มหนักอึ้งขึ้นทันที
ความจริง…
เขาควรตั้งใจคิดว่าจะทำตามความต้องการทั้งหมดของถังเหยี่ยนอย่างไร ถึงยังไงสไตล์สองแบบที่เขาพูดออกมาทั้งหมดนั้นล้วนไม่ใช่สิ่งที่ตนเองถนัด
ผู้ชายคนหนึ่งจะแสดงเสน่ห์ของผู้หญิงที่โตแล้วออกมาได้อย่างไร เขาคิดไม่ออกจริงๆ…คงทำได้เพียงถ่ายภาพไปค้นหาความรู้สึกไปเท่านั้น หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นถังเหยี่ยนจะชี้แนะเขาให้ทำงานนี้ได้สำเร็จ
ที่สุดแล้วก็ได้เจอกับเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ในหัวใจ สำหรับหลี่เหยาแล้วเป็นความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนไปตลอดชีวิต ทว่าหลังจากก้าวผ่านค่ำคืนที่แสนตื่นเต้นนี้แล้ว เขาก็ค่อยๆ พบว่าสิ่งที่ตนเองเจอมาทั้งหมดในวันนี้เป็นภาพลวงตา
ความจริงแล้วถังเหยี่ยนเป็นคนอย่างไรนั้น สิ่งนี้ต้องเริ่มต้นจากการที่เขาทำเรื่องน่ารังเกียจกับตนเองหลายต่อหลายครั้ง
…..
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ! การถ่ายทำวันนี้ต้องรบกวนทุกคนด้วยนะคะ” วันถัดมาเมื่อมาถึงสตูดิโอ หลี่เหยาที่สวมเสื้อเชิ้ตลายสก็อตเข้าคู่กับกางเกงยีนส์ แต่งหน้าบาง ดูเหมือนเด็กสาวข้างบ้าน[1] เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายสดใหม่ปรากฏตัวขึ้น
“นายดูสินั่น Miu”
“Miu นี่นา”
“น่ารักจังเลย!”
ทีมงานที่เดินอยู่บนทางเดินของสตูดิโอล้วนมองตรงมาที่เขา ค่อยๆ พูดกระซิบกระซาบกัน
ภายใต้การจัดการของผู้หญิงตรงเคาน์เตอร์ หลี่เหยาและเสี่ยวฉีมาที่ห้องรับแขกรอรับคำชี้แนะ เพียงแต่รอไม่ถึงสองสามนาที หลี่เหยามองไปที่ผนังกระจกด้านขวาอย่างต่อเนื่อง มองหาใครบางคน ทว่าน่าเสียดายที่กลับพบเพียงความว่างเปล่า
ให้ถังเหยี่ยนถ่ายรูป บอกว่าไม่ประหม่าคงจะหลอกลวง ตั้งแต่กลับถึงบ้านเมื่อวาน เงาร่างของถังเหยี่ยนก็วนเวียนอยู่ในสมองของเขาไม่หยุด เดี๋ยวหยิบหนังสือของเขาขึ้นมาดู เดี๋ยวย้อนนึกถึงการพูดจาและกิริยาท่าทางของถังเหยี่ยน หัวใจแปรปรวนเหมือนกระแสน้ำที่ได้รับผลกระทบจากแรงโน้มถ่วง แม้แต่ตอนกลางคืนเข้านอน ยังระงับความรู้สึกวูบวาบเอาไว้ไม่ได้ เหมือนเด็กที่ตื่นเต้นจนทนไม่ไหวกับการเที่ยวในวันรุ่งขึ้น พลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืน
“ที่แท้พวกคุณก็มาถึงกันแล้ว”
เวลานี้เอง เสียงอ่อนนุ่มเสียงหนึ่งก็ลอยเข้ามาในหู หลี่เหยาเชยตามอง เป็นคนที่เจอเมื่อวานนี้ ผู้ช่วยของถังเหยี่ยน ‘เยี่ยจวินถิง’
พอคิดว่าจะกำลังจะได้เจอกับถังเหยี่ยนแล้ว หลี่เหยาก็ลุกขึ้นยืน
แต่เยี่ยจวินถิงกลับกอดอก พูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า “เสื้อผ้าที่จะถ่ายวันนี้ส่งไปที่ห้องแต่งตัวของคุณแล้ว ห้องที่สองด้านซ้ายตรงทางเดิน แล้วก็รบกวนสไตลิสต์ช่วยแต่งหน้าให้เหมาะสมกับชุดที่ถ่ายด้วย การถ่ายคาดว่าจะเริ่มหลังจากนี้อีกสิบนาที ช่วยตรงต่อเวลาด้วย”
หลังจากพูดกำชับแล้ว เยี่ยจวินถิงก็เดินออกไปจากห้องรับแขกคล้ายกับเมื่อครู่เพียงผ่านมาโดยบังเอิญ พูดอธิบายลวกๆ เท่านั้น
มองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังเพิ่งเก้าโมงครึ่ง เวลาเร็วกว่าที่ถังเหยี่ยนพูดเอาไว้เมื่อวานนี้มาก ทำให้หลี่เหยาอดรู้สึกว่าตนเองโชคดีไม่ได้ที่มีนิสัยมาก่อนเวลา
เขาไม่อยากถูกคนลือว่าเพราะถังเหยี่ยนเจาะจงต้องการเขา ถึงคิดว่าตนเองพิเศษกล้ามาสาย
เพราะเวลามีจำกัด ทั้งสองคนจึงรีบไปที่ห้องแต่งตัวทันที เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว ดวงตาของหลี่เหยาก็ถูกชุดเล็กๆ ที่แขวนอยู่บนไม้แขวนเสื้อดึงดูดความสนใจทันที สีของชุดมีความพิเศษอย่างมาก สีอ่อนกว่าสีของผลแอปเปิ้ลเขียวเล็กน้อย แต่สีกลับชัดเจน ส่วนวัสดุคล้ายกับเป็นผ้าซีฟอง ออกแบบเปิดไหล่กระโปรงยาวจนถึงเข่า
มองแวบเดียวก็เป็นชุดที่สามารถดึงความงามและอ่อนโยนของผู้หญิงออกมาได้แล้ว แท็กด้านในเย็บตัวอักษร ‘R’ เอาไว้
“เป็นผ้าไหม ดูแล้วลูกค้าครั้งนี้คงจะให้งบประมาณสูงมาก หลี่เหยานายโชคดีแล้วจริงๆ” เสี่ยวฉีแยกแยะเนื้อผ้าได้ในไม่กี่วินาที พร้อมกับโพล่งปากพูดออกมา
หลี่เหยาไม่เคยศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับเนื้อผ้ามากนัก เขาสนใจแค่ว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่เหมาะสมกับตนเองหรือไม่ อย่าโป๊เกินไปก็พอ
ห้านาทีผ่านไป ด้วยการช่วยเหลือของเสี่ยวฉี เขาแต่งหน้าทำผมเสร็จ เสื้อผ้าสวมใส่เสร็จสรรพ ซับในกันโป๊ก็จัดการเรียบร้อยแล้วเช่นกัน การแต่งหน้าในครั้งนี้ใช้อายแชโดว์สีเหลืองทาตรงเปลือกตาล่าง แล้วเบลนด์อายแชโดว์สีเขียวตรงกลางเปลือกตาจนถึงหางตา สุดท้ายก็ทากลิตเตอร์ที่คิ้ว ปัดบลัซออนสีส้มอ่อนที่แก้มและทาลิปกลอส
ผมยาวตรงถึงเอว ทำให้การแต่งหน้าโดยรวมและเสื้อผ้าเข้ากันได้อย่างดี เผยความสง่างามออกมา
โชคดีที่ส่วนหน้าของชุดมีรอยย่น ทำให้เขาที่มีหน้าอกแบนราบเมื่อสวมใส่แล้วไม่น่าอนาถใจมากนัก เพราะไม่พบรองเท้าที่เข้าคู่กันในห้องแต่งตัว ดังนั้นเขาจึงใส่รองเท้าส้นแบนของตัวเองชั่วคราว เดินตรงไปที่สตูดิโอ

………………………………………………………..

________________________________________
[1] เด็กสาวข้างบ้าน ความหมายตรงตัวหมายถึงเด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างบ้าน แต่หลักๆ มักใช้บรรยายถึงเด็กสาวที่ใสซื่อบริสุทธ์ อ่อนหวาน และนิสัยเป็นกันเอง

คอมเมนต์

Chapter List