เสพติดหัวใจนายช่างกล้อง ตอนที่ 3-2
บทที่ 3.2
หลี่เหยาเบิกตาโต ครุ่นคิดจากใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหยอกล้อนั้น ถังเหยี่ยนจริงจังหรือว่ากำลังแกล้งตนเองอยู่?
เขาเพิ่งส่ายหัวอย่างแรงคิดให้สมองของตนเองได้สติขึ้นมาหน่อย ทว่าทันใดนั้นเอง แรงอันมหาศาลก็ตรงเข้าข่มเหงแขนของเขา ดึงรั้งเขาเข้าไปยังหน้าอกที่แข็งแกร่งของถังเหยี่ยน ความอุ่นร้อนชุ่มชื้นครอบครองริมฝีปากที่กำลังร้องอุทานตกใจทันที ตามมาด้วยส่วนนุ่มลื่นที่ค่อยๆ สอดแทรกเข้ามาภายใน เคลื่อนไหวอย่างเอาแต่ใจในโพรงเล็กแคบนั่น
ดวงตาดำจ้องมองสิ่งที่บุกรุกเข้ามา หลี่เหยาไม่เข้าใจว่าตอนนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เขารู้สึกเพียงแค่ว่าริมฝีปากถูกกระทำจนเปียกชื้น ออกซิเจนในอกค่อยๆ เบาบาง ความรู้สึกนึกคิดยิ่งเลือนรางมากขึ้น
ขณะที่กำลังมึนงง อากาศบริสุทธิ์เข้าไปเติมเต็มในร่างกายอีกครั้ง เขามองถังเหยี่ยนอย่างไร้สติ สายตาค่อยๆ เคลื่อนไปยังริมฝีปากบางที่มันวาวของเขา จากนั้นเหมือนเข้าใจสถานการณ์เมื่อครู่ขึ้นมาเล็กน้อย เขาขบเม้มริมฝีปากของตนเองอย่างรวดเร็ว
“คราวนี้จดจำลมหายใจ” ทันใดนั้นถังเหยี่ยนก็ใช้นิ้วมือลูบริมฝีปากของเขา พร้อมทั้งพูดกระซิบด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นก็เหมือนกับภาพวิดีโอที่ถูกกดปุ่มสโลว์โมชั่น ทุกความรู้สึกล้วนแจ่มชัดในหัวสมองของหลี่เหยา ถังเหยี่ยนครอบครองริมฝีปากเขาอีกครั้งจนรู้สึกถึงได้ความร้อนมหาศาล สัมผัสนุ่ม ตามด้วยคลอเคลียริมฝีปากของเขาอย่างแนบชิด ทำราวกับลิ้มรสอาหารคำแล้วคำเล่า
หลี่เหยาพยายามหดศีรษะหลบหลีก แต่ถังเหยี่ยนกลับจับท้ายทอยของเขาเอาไว้ สอดแทรกลิ้นร้อนเข้ามา
ความนุ่มลื่นของปลายลิ้นที่กวาดอยู่นั้นทำให้คนรู้สึกมึนงงโดยไม่มีสาเหตุ เขาตกใจสองมือวางบนหน้าอกของถังเหยี่ยนอย่างไร้เดียงสา แลกเปลี่ยนกับการรุกรานที่ยิ่งรุนแรงขึ้นของถังเหยี่ยน จึงทำให้ลิ้นแทรกเข้าไปในโพรงอุ่นร้อนชุ่มชื้นนั่นได้ทั้งหมด
“อื้อ…” สิ่งอ่อนนุ่มของคนทั้งคู่เกี่ยวกระหวัดกัน หลี่เหยานิ่งค้างอยู่ภายในอ้อมอกของถังเหยี่ยนราวกับลูกแมวตกใจ ตัวสั่นเทา
และในขณะที่ความคิดที่ซาบซ่านและนุ่มนวลค่อยๆ คืบคลานจากเอวไปจนถึงปลายผมของตนเอง ขณะนั้นหลี่เหยาราวกับหมดเรี่ยวแรง ทั่วทั้งร่างกายอ่อนยวบพิงไปบนตัวของถังเหยี่ยน
ส่วนที่นุ่มลื่นหมุนวนอยู่รอบลิ้นของเขา คลอเคลียหยอกเย้าไม่หยุด หลี่เหยาไม่มีประสบการณ์ก็เลยไม่รู้ว่านี่เป็นการจูบแบบใช้ลิ้น
แม้ว่านี้จะเป็นจูบแรก และเป็นการจูบกับผู้ชาย แต่เขากลับไม่รู้สึกรังเกียจเลยสักนิด ในทางตรงกันข้ามกลับมีความรู้สึกตื่นเต้น ร่างกายล่องลอยเบาสบาย
เพราะอีกฝ่ายคือถังเหยี่ยน ความรู้สึกต่อต้านของเขาจึงไม่รุนแรงมากนัก กลับหลงใหลไปกับความมึนงงเช่นนั้น หัวใจของเขาเต้นแรงตามการนำของถังเหยี่ยน เขาขยับลิ้นตามอย่างเงอะงะ รสหวานล้ำหลั่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ลิ้นของคนทั้งคู่เกี่ยวกระหวัด เขาปิดตาลงเพลิดเพลินโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดล้วนถูกยึดครองด้วยกลิ่นอายเผด็จการที่หลงเหลืออยู่บนริมฝีปากและลิ้นของเขา
จากนั้นเขาก็วางมือบนไหล่ของถังเหยี่ยนโดยไม่รู้ตัว แขนของถังเหยี่ยนโอบรัดเอวของเขาทันที กอดเขาแน่นในอ้อมอก
การขบเม้นบนริมฝีปากทันใดนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเร่งเร้าและรุนแรง ทันใดนั้นลมหายใจดิบเถื่อนของถังเหยี่ยนก็พุ่งเข้ามาในลำคอของเขา ความร้อนแรงนั้นใกล้จะทำให้เขาหายใจไม่ออก หัวสมองว่างเปล่าในฉับพลัน
เวลานี้เอง ถือโอกาสตอนที่เขาไม่ทันระวังตัว มือของถังเหยี่ยนที่อยู่บนเอวของเขาค่อยๆ ล้วงเข้าไปในเสื้อผ้า ลูบไล้หน้าอกเรียบแบนของเขาผ่านเนื้อผ้าบาง
นิ้วมือลูบไล้ส่วนที่นุ่มนิ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้หลี่เหยาตัวสั่นเทา หลังจากที่แน่ใจในตำแหน่งแล้ว ถังเหยี่ยนก็ไล้นิ้ววนอยู่ที่หัวนมแข็งขึงของเขา
ราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน ความรู้สึกซาบซ่านขุมหนึ่งแทรกเข้ามาในร่างกายของหลี่เหยา ความสุขที่แปลกประหลาดทำให้เขาตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก เพราะกลัวว่าตัวตนจะถูกเปิดเผย เขาจึงรีบออกแรงขัดขืน ทว่าเรี่ยวแรงของถังเหยี่ยนที่ล็อคอยู่ตรงเอวของเขากลับไม่ลดลงเลย ความร้อนลวกที่ปกคลุมอยู่บนริมฝีปากยิ่งรุกล้ำรุนแรงมากขึ้น
ปลายนิ้วของถังเหยี่ยนยิ่งเค้นคลึงอย่างรุนแรง ทั่วทั้งร่างกายของเขาขนลุกชัน กังวลจนตัวสั่นงันงก ตัดสินใจตรงเข้าไปกัดลิ้นในปากของถังเหยี่ยนหนึ่งที
“โอ้ย!”
หลี่เหยาถือโอกาสตอนที่ถังเหยี่ยนปล่อยมือออกแรงสลัดตัวออกทันที สองมือปกป้องร่างกาย รู้สึกตกใจมากและไม่กล้าเชื่อว่าถังเหยี่ยนจะทำกับเขาแบบนี้
แต่ถังเหยี่ยนกลับไม่รู้สึกละอายเลยสักนิด เขาลิ้มรสเลือดที่เช็ดออกมา ยิ้มพร้อมกับพูดว่า “เห็นๆ อยู่ว่าผมทำให้ร่างกายของคุณมีอารมณ์ แต่ตอนนี้กลับมาทำเป็นถูกทำร้าย คุณไร้เดียงสาจริงหรือว่าแกล้งไร้เดียงสากันแน่”
ราวกับว่าถูกน้ำเย็นเทรดหัว หลี่เหยายกมือตบหน้าของอีกฝ่ายโดยไม่คิดทันที
เสียงคมชัดดังไปทั่วทั้งสตูดิโอ แต่ถังเหยี่ยนกลับไปรู้สึกเจ็บแสบบนใบหน้า ดวงตาล้ำลึกคู่นั้นจ้องมองไปที่เขา พร้อมทั้วพูดเย้ยหยันว่า “ต้องตำหนิที่คุณหัวอ่อนเกินไป ถึงถูกคนอื่นชักจูงเอาได้ง่ายๆ นี่นับเป็นบทเรียนแรก ครั้งต่อไประวังตัวอย่าใกล้ชิดผู้ชายแบบนี้อีก”
แค่สองประโยค ก็บอกได้อย่างชัดเจนว่าผู้ชายคนนี้ไม่มีทางพูดขอโทษต่อสิ่งที่เขาทำลงไป คนที่ผิดคือตัวเอง ความโกรธสุมอยู่ภายในอกของหลี่เหยา สองมือกำหมัดแน่น ดวงตาแดงก่ำ
เมื่อเห็นถังเหยี่ยนเก็บสายตากลับมาอย่างหงุดหงิด ดูเหมือนกำลังออกไป วินาทีต่อมา การเคลื่อนไหวของหลี่เหยากลับเร็วกว่า เขาเดินผ่านร่างของถังเหยี่ยนมุ่งหน้าไปที่ประตูทันที
…..
“สมควรตาย…ไอ้คนโรคจิตสมควรตายเอ๊ย!” พอกลับมาถึงบ้าน หลี่เหยารีบเอาหนังสือโฟโต้บุ๊กทั้งหมดของถังเหยี่ยนโยนทิ้งทันที เขาจ้องของที่โยนทิ้งถังขยะไป ดวงตาทั้งคู่ราวกับมีเปลวเพลิงปะทุขึ้นมา เมื่อมองครั้งแล้วครั้งเล่า มีหลายครั้งที่อยากพุ่งไปข้างหน้าทำลายมันให้เป็นหมื่นๆชิ้น ทว่าสุดท้ายกลับทำไม่ลง
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ถังเหยี่ยนจะเป็นเดรัจฉานสวมเสื้อผ้า[1]แบบนั้น เห็นได้ชัดว่าทั้งหน้าตาและรูปร่างคือที่สุดของที่สุด แต่กลับลงมือทำอนาจารลวนลามนางแบบที่ตนเองถ่ายภาพ
เป็นเพราะเขากลั่นแกล้งหรือเปล่า
เมื่อคิดถึงคนที่ตนเองเคารพบูชาในฐานะเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่มาหลายปีเป็นคนที่น่ารังเกียจแบบนั้น ทั้งยังเป็นต้นแบบของเขาด้วยแล้ว หลี่เหยาก็รู้สึกโกรธขึ้นมา เขาเช็ดปากไม่หยุด อยากลบสัมผัสที่หลงเหลืออยู่ของถังเหยี่ยน ทว่าถึงอย่างนั้นความคิดกลับยังเต็มไปด้วยความรู้สืกของริมฝีปากและลิ้นของคนทั้งคู่ที่เกี่ยวพันกันจนร่างกายเห่อร้อนขึ้นมา
“อ๊าก…” เขาเกาศีรษะอย่างหงุดหงิด พยายามบังคับตัวเองเอาความรู้สึกนั้นเหวี่ยงออกไปจากสมอง
ห้ามกลับไปคิด! หลี่เหยา
ทันทีที่เขาเดินออกมา เขาก็รู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้แล้ว แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกผิดหวังต่อตัวตนของถังเหยี่ยน แต่เมื่อคิดๆ ดูความจริงสิ่งที่ถังเหยี่ยนพูดไว้ก็ไม่ผิด ต้องตำหนิที่ตนเองหัวอ่อนเกินไป
เป็นผู้ชายเหมือนกัน เขาควรรู้ความคิดและนิสัยของผู้ชายดี หากตนเองเป็นผู้ยืนดูสถานการณ์อยู่ข้างๆ เวลานั้น แน่นอนว่าเขาก็ต้องคิดว่าตนเองเป็นเหยื่อให้คนจัดการได้ง่าย
การที่ตัวตนไม่ถูกเปิดเผยไม่รู้จริงๆ ว่าควรรู้สึกว่าโชคดีหรือโชคช่วย แต่เขาลงมือตบถังเหยี่ยนนั้นเป็นเรื่องจริง เวลานี้จะต้องยุติสัญญาไหม
เขามีเงินจ่ายค่าปรับเสียที่ไหนเล่า!
หลังจากการกระทำที่หุนหันแล้ว ปัญหาที่พุ่งตามมาทำให้หลี่เหยารู้สึกแก้ไขได้ยาก ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ขณะนั้นเองเสียงของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น คนที่โทรมาคือเสี่ยวฉี คงโทรมาถามเหตุผลที่เขาออกไป
“ฮัลโหล”
“ร่างกายของนายเป็นยังไงบ้าง”
“หมายความว่าอะไร” ได้ยินประโยคที่อธิบายไม่ได้นี้ เขามึนงงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“ถังเหยี่ยนบอกว่านายไม่สบาย ดังนั้นจึงเลื่อนวันถ่ายออกไป วันนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
เขายิ้มหยัน ช่างภาพที่มีชื่อเสียงคนนี้ยังกล้าพูดเรื่องไร้สาระอีกจริงๆ “แค่รู้สึกเวียนหัว เขาได้บอกว่าเปลี่ยนวันถ่ายเป็นเมื่อไหร่ไหม” หลี่เหยาถามกำหนดการ
“ไม่นะ บอกว่าจะติดต่อนายเอง ถ้าสภาพไม่ดีขึ้นก็ให้พักอีกสักสองสามวัน เคลียร์เวลาแน่ชัดแล้วบอกด้วยแล้วกัน”
“ได้”
หลังจากที่วางสายแล้ว หลี่เหยาก็นั่งลงบนเตียง พยายามคิดว่าถังเหยี่ยนทำแบบนี้หมายความว่าอะไรกันแน่?
เขาไม่คิดว่าถังเหยี่ยนจะสำนึก แต่ถ้าต้องถ่ายรูปต่อ ทั้งสองควรแก้ปมก่อนถึงจะถูก เขากลัวว่าการที่ถังเหยี่ยนเลื่อนเวลา คิดว่าเขากำลังหาคนมาแทนเขา
ค่อยๆ มองหนังสือคอลเลกชั่นภาพในถังขยะอย่างกลัดกลุ้ม หัวใจยังคงโกรธเคืองถังเหยี่ยนจนกัดฟันกรอด ทว่าหลังจากพยายามดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง เขากลับตัดใจทิ้งไม่ลง จึงลุกไปเก็บขึ้นมา ตรวจดูว่ามีรอยขีดข่วนหรือไม่อย่างระมัดระวัง
“ทำไมเทคนิคการจูบถึงได้ดีขนาดนี้นะ!” หลังจากที่วางของเก็บเข้าไปในลิ้นชักโต๊ะใหม่อีกครั้งแล้ว คนก็บ่นพึมงำออกมาประโยคหนึ่ง
……
“ก็บอกให้นายไปเที่ยวกลางคืนกับพวกเรา ยากจะตายที่พี่เฮ่าจะไม่อยู่บ้าน ไม่ทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ รู้แต่การถ่ายรูปและเคารพถังเหยี่ยนอะไรนั่น ชีวิตของนายน่าเบื่อเกินไปแล้ว” เมื่อคิดว่าหลี่เหยาวิ่งออกไปถ่ายภาพในสองวันนี้แล้ว สวีเสี่ยวคังก็ถือโอกาสตอนกินมื้อเที่ยง พูดเหยียดหยามอย่างอดไม่ได้
“นายชอบเที่ยวเล่นก็เรื่องของนาย อย่าเอาเสี่ยวหมี่ไปทำเรื่องไม่ดีด้วย”
หลังจากที่กรอกตาขาวใส่สวีเสี่ยวคังและหลิงจื่อแล้ว หลี่เหยาก็ตักแกงกะหรี่คำโตยัดเข้าไปในปาก
จะให้เขาทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ล่ะ แค่เริ่มต้นก็ย่อยยับแล้ว…
“ทำเรื่องไม่ดีตรงไหน ฉันก็แค่อยากช่วยเขากำจัดความซิง โตมาขนาดนี้แล้วยังไม่มีประสบการณ์ความรักอีก ถึงเวลานั้นถูกหลอกไปจะทำยังไง”
“เทียบกับการที่เสี่ยวหมี่ถูกหลอกแล้ว ฉันกลับรู้สึกว่าความน่าจะเป็นที่นายจะหลอกคนอื่นมีมากกว่าเสียอีก”
หลิงจือเหลือบมองดูเขา คล้ายกับจับผิดอะไรได้ สวีเสี่ยวคังตกใจลอบมองด้วยข้างอย่างสงสัยทันที
หลี่เหยายักไหล่ นี่ไม่ใช่ธุระกงการของเขา เรื่องชั่วที่คนทำไว้ ยังไงก็ต้องปรากฏขึ้นในสักวัน
ยังคิดว่าหลิงจือรู้อะไรบางอย่างเข้าจริงๆ จากนั้นทั้งสองจะต้องทะเลาะจนทำให้หูของเขาหมดความสงบแน่นอน ทว่าหัวข้อสนทนากลับจบลงเท่านี้ และเห็นเพียงหลิงจื่อเอาอาหารที่กินเหลือในจานโยนเข้าไปในถ้วยของสวีเสี่ยวคังไม่หยุดเท่านั้น
“เธอคิดว่าฉันเป็นหมูงั้นเหรอ!” ขณะนั้นข้าวหน้าหมูทอดคัตสึด้งที่เหลืออยู่ครึ่งชามพลันเปลี่ยนเป็นอาหารรวมมิตรถ้วยหนึ่ง สวีเสี่ยวคังร้องท้วงขึ้นมา หลิงจื่อกลับไม่สนใจ เอื้อมมือหยิบซุปมิโสะแล้วดื่มลงไป
สวีเสี่ยวคังบ่นอุบ คีบลูกชิ้นที่เธอกัดไปแล้วครึ่งหนึ่งขึ้นมาตรงๆ โดยที่ไม่สนใจน้ำลายเลยสักนิด
‘น้ำลาย’ สองคำนี้ทำให้หลี่เหยาคิดถึงเหตุการณ์ที่จูบกับถังเหยี่ยขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ตอนนั้นลิ้นของคนทั้งคู่เกี่ยวกระหวัดกันอย่างบ้าคลั่ง ในความเพลิดเพลินของการลิ้มรสน้ำลายของกันและกันไม่หยุดนั้น ถังเหยี่ยนดูดริมฝีปากทั้งหมดของเขา กลิ่นอายของบุรุษอันเข้มข้นพุ่งเข้ามาในจมูก อีกทั้งความปรารถนาจะกลืนกินนั้นล่วงละเมิดเขาอย่างรุนแรง แม้แต่ตอนนี้ยังทำเขารู้สึกตัวชา คล้ายกับได้ย้อนกลับไปที่ฉากนั้นจริงๆ
“ทำไมอยู่ๆ หน้าของนายแดงขึ้นมา มีไข้เหรอ” สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา สวีเสี่ยวคังถามขึ้นอย่างใส่ใจ
“หา?”
เขายกมือลูบแก้ม หลี่เหยาราวกับเห็นผีจนดวงตาเบิกกว้าง เปลี่ยนเป็นเหลือบมองสวีเสี่ยวคังที่ยิ่งมีท่าทีแปลกประหลาด “ไม่สบายก็ไปหาหมอสิ”
หาหมอกับผีนะสิ!
เขาเอื้อมมือหยิบเครื่องดื่มดื่มลงไปหลายอึกอย่างรวดเร็ว ใบหน้าค่อยๆ ร้อนผ่าว คิดว่าตนเองต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงได้คิดถึงรสชาติของจูบวิปริตนั้น
เป็นบ้าไปแล้วจริงๆ บ้าไปแล้ว…
ไม่…คงเป็นเพราะความรู้สึกนับถือนั้นไม่ได้ลดลง เขาถึงได้มีปฏิกิริยาที่รุนแรงแบบนี้
ถูกแล้ว เป็นแบบนี้ไม่ผิด
เขาพูดกล่อมตนเองว่าเหตุผลเป็นเช่นนี้ไม่หยุด ไม่คิดว่าตนเองมีปัญหาตรงไหนหรือความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับถังเหยี่ยน แล้วถอนหายใจออกมา
“ไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหม” มองดูหลี่เหยาที่เดี๋ยวขมวดคิ้ว เดี๋ยวถอนลมหายใจแล้ว แม้แต่หลิงจื่อเองก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา
“แกงกะหรี่เผ็ดมากเลย”
เขาแลบลิ้นออกมาแล้วซู๊ดปากหายใจไปหลายครั้ง จากนั้นมองไปที่นักเรียนคนอื่นๆ ในโรงอาหารเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลิงจื่อและสวีเสี่ยวคังสบตากัน โดยที่ไม่สงสัยเขาและกินอาหารต่อ
________________________________________
[1] เดรัจฉานสวมเสื้อผ้า เป็นสำนวนจีน หมายถึงคนที่ไร้ศีลธรรมจรรยาเฉกเช่นสัตว์เดรัจฉาน
คอมเมนต์