ONE LOVE ตอนที่ 3
ตอนที่3 “อาลูกหนูจอมซน” [เธย์&เธียร]
ตอนที่3
“อาลูกหนูจอมซน”
ณ ป่ากล้วยหลังอู่ซ่อมรถ (ค่ายมวยวิเชียรไชย)
ฉึก!
“อ๊ากกกกกกก!! ลูกพี่! ปล่อยผมไปเถอะนะค้าบบบ ฮึกฮือ….”
ทันทีที่เสียงของคมมีดปักลงเข้าที่กลางลูกแอปเปิลที่วางอยู่บนหัวของพลจนทะลุแทงเข้าที่ต้นกล้วยอีกที เสียงของพลก็ร้องดังลั่นป่ากล้วยเพราะเขากลัวสุดๆ รวมถึงกร ชาติ และสนเองก็ไม่ต่างกัน ตอนนี้ทั้งสี่คนถูกเธียรจับมัดไว้กับต้นกล้วยคนละต้น แต่ละคนก็จะมีออฟชั่นเสริมที่แตกต่างกันไป
พลเองมีลูกแอปเปิลวางบนศีรษะ กรคาบกล้วยหอมยาวอยู่ที่ปาก ชาติถือลูกโป่งน้ำอยู่ในมือสองข้างแล้วอ้าแขนกลางออก ส่วนสนน้องเล็กนั้นถูกห้อยแตงกวาที่เอวโดยมีเชือกยาวลงมากลางเป้ากางเกงนักมวยและตำแหน่งลูกแตงกวานั้นมันอยู่ต่ำกว่าเป้าของเขาเพียงนิดเดียว
“หุบปาก! ถ้ามึงไม่หยุดร้องกูจะให้มึงคาบกล้วย ถือลูกโป่งน้ำ แล้วก็ห้อยแตงแทนลูกสมุนสามตัวของมึงนั่นแทนซะ ดีมั้ยห๊ะ!!”
“ดีครับ! /ดีครับ!/ อีอับ!” ชาติและสนพูดขึ้นมาพร้อมกันเสียงดังฟังชัด กรเองก็ด้วยแต่ด้วยความที่คาบกล้วยคาปากอยู่จึงพูดออกมาเสียงอู้อี้กว่าเพื่อนแต่ก็รีบพยักหน้าหงึกๆ ตอนนี้ตามใบหน้าของทั้งสี่หนุ่มนั้นมีเหงื่อผุดออกมาเป็นเม็ดๆ หัวใจของพวกเขาเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ
“ไม่ดีครับ มะ…ไม่ดีเลย ไม่ดีเลยครับลูกพี่ ผมไม่พูดแล้วไม่พูดอีกแล้วครับ อึก!” พลรีบส่ายหน้าพูดออกมารัวๆ พูดจบประโยคเสร็จก็รีบเม้มปากของตัวเองแน่น แล้วส่ายหน้าดิ๊กๆ เป็นการรูดซิปปากของตัวเองเงียบ
“หึหึ ดี! ส่วนคิวต่อไป…”
เธียรก้าวขากวาดสายตามองไปยังกร ชาติ และสนสลับกันไปมาพร้อมกับควงมีดสั้นในมืออย่างชำนาญ เสียงคมมีดที่ถูกมือเรียวหมุนควงติ้วๆ ช่างเป็นเสียงที่ทำเอาอีกสามหนุ่มที่ถูกมัดประจำตำแหน่งอยู่ที่ต้นกล้วยคนละต้นหัวใจแทบจะหยุดเต้น
“มึง! ไอ้กร!”
O_O
“อึก! อื้ออออ…” กรตาโตเหงื่อแตกพลั่กเม็ดเหงื่อหยดติ๋งๆ เขากำลังจะส่ายหน้าแต่แล้ว…
ฟิ้วววววว!!
ฉับบบบบบบบ!!
“อ๊ากกกกกกกกกก!” กล้วยหอมยาวขาดออกจากปากของกรเป็นสองท่อน ท่อนที่ถูกคมมีดตัดขาดหล่นลงพี่พื้นส่วนอีกครึ่งที่คาปากกรอยู่ก็หล่นร่วงตกลงพื้นตามท่อนแรกไปติดๆ เจ้าตัวถึงกับหายใจหายคออย่างโล่งอกที่ยังมีชีวิตอยู่
“ต่อไปคิวมึงไอ้ชาติ!”
“หาาาา… มะ…ไม่นะครับ ลูกพี่โผมยางม่ายอยากมือขาดดดดด” ชาติส่ายหน้าไปมาแล้วพูดออกมาอย่างน่าสงสาร สองแขนที่กางอ้าออกและแบมือถือลูกโป่งน้ำไว้ในมือถึงกับสั่นระริกอย่างกับเจ้าเข้าทรง
“เห้ย! ถือดีๆ ดิวะ มือขาดกูไม่รับประกันนะมึง”
ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!
O_O
O_O O_O!
นี่เป็นสายตาของพล กร และสน ที่ตาโตอ้าปากหวอเสียวแทนชาติเมื่อตอนนี้เธียรลูกพี่ของเขากำลังควงมีดสั้นสองเล่มในมือพร้อมกัน มือซ้ายเล่ม มือขวาเล่ม
“อื้ออ.. เสี่ยคร๊าบบบบ!! ช่วยไอ้ชาติด้วยยยยยยยย!!” ชาติหลับตานิ่งไม่กล้ามองภาพตรงหน้าปากก็ร้องตะโกนเรียกเสี่ยวิเชียรเจ้าของค่ายมวยผู้ซึ่งเป็นพ่อของเธียรให้มาช่วย
“กูบอกว่าให้หุบปาก!”
“อื้อออ… ลูกพี่ผมไม่อยากมือขาดตอนนี้ อ๊ากกกกกกก”
ฉับ! ฉับ!
ปู้ง! ปู้ง!
ความแม่นของการปามีดของเธียรนั้นมีดทั้งสองเล่มที่ถูกปาออกไปพร้อมกันปักเข้าที่ลูกโป่งน้ำที่วางอยู่บนมือของชาติแบบพอดิบพอดีทันทีที่คมมีดที่พุ่งเข้าหาลูกโป่งด้วยความเร็วลูกสัมผัสเข้ากับผิวของลูกโป่ง ลูกโป่งน้ำก็แตกกระจายในทันทีทันใด
“อื้ออออ…” ชาติเองยังหลับตาแน่นไม่กล้าลืมตามามองเพราะเขาไม่รู้ว่าสัมผัสจากของเหลวที่อยู่ที่มือของเขานั้นมันเป็นน้ำจากลูกโป่งหรือว่าเป็นเลือดของเขากันแน่!
“หึหึ ส่วนคิวสุดท้าย… มึง! ไอ้สน!”
“งื้ออออ… ลูกพี่” ตอนนี้อาการน้องเล็กสุดอย่างสนอาการหนักกว่าใครๆ สังเกตได้จากขาของเขาทั้งสองข้างที่สั่นเหมือนกับว่าแผ่นดินกำลังไหวร้อยแปดแสนล้านริกเตอร์ยังไงอย่างนั้น
“ถ้าอยากมี Kวย! ไว้ฉี่ มึงอยู่นิ่งๆ”
“อื้อออออ… ลูกพี่ผมยอมแล้ว อย่าหาทำเลยนะครับ ผมยังซิงยังไม่มีลูกมีเมียเลย ลูกพี่อย่าทำอะไรผมเลยนะ ผมสัญญาจะปิดปากเงียบเรื่องที่เฮียเธย์จูบลูกพี่ผมจะรูดซิบปากเงียบเลยครับ ฮึกฮือ…”
“เชี่ยสน!” กรหันขวับมาหาสนเมื่อได้ยินประโยคที่สนพูดออกมาเมื่อครู่
“มึงนี่มันผีเจาะปากมาพูดจริงๆ เลยเชียว” ชาติเองก็ด้วย
“มึงพูดเหี้ยไรออกมาเนี่ย!! ซวยอีกแน่กู” พลหัวโจกคนปล่อยข่าวเองก็เช่นกัน
“มึง!!”
เธียรถึงกับตาโตเลือดขึ้นหน้าหยิบมีดสั้นที่เหน็บอยู่ที่เอวเล่มใหม่ที่ตนเตรียมมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะขึ้นมาแล้วชี้คมมีดไปที่สน
“งื้ออออ… ลูกพี่ผมผิดไปแล้ว ไอ้สนขอโทษ ผมขอโทษครับ”
“มึงเจอกูแน่!” เธียรกัดฟันพูดอย่างน่ากลัวมันยิ่งทำให้สนกลัวหนักไปกว่าเดิม
“ไม่นะครับ ฮือออออ….” สนเองพอรู้ตัวเองว่าพูดอะไรออกมาก็ถึงกับปล่อยโฮน้ำตาหยดแหมะๆ ร้องไห้น้ำตาแตกอย่างน่าสงสาร
“พวกมึงทั้งสี่ตัวจำใส่หัวไว้ตรงนี้เลยนะสัส! ถ้าใครกล้าพูดชื่อไอ้เธย์ให้กูได้ยินอีกนะ พวกมึงจะโดนหนักกว่านี้! แล้วเรื่องที่มันจูบกูก็ด้วย ถ้าพวกมึงคนใดคนหนึ่งเอาไปพูดต่อล่ะก็ พวกมึงจะไม่เหลือปากไว้กินข้าวอีก กูจะจับพวกมึงเอาเข็มมาเย็บปากเรียงตัวซะ!”
ในขณะที่เธียรกำลังพูดมือเรียวของเธียรก็หยิบมีดสั้นขึ้นมาถึงสี่เล่ม ยังไม่ทันที่พล กร ชาติ และสน จะทันได้ตั้งตัวมีดก็ลอยออกไปจากมือของเธียรเป็นที่เรียบร้อย
ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก!
มีดทั้งสี่เล่มปักลงที่ต้นกล้วยเลยศีรษะของแต่ละคนไปเพียงไม่กี่เซนแบบเส้นยาแดงผ่าแปดเล่นเอาทั้งสี่คนร้องระงมลั่นป่ากล้วย
“อ่าาาาาาา!”
“อ้าาาาาาาาาา!!”
“อ๊ากกกกกกกกกกก!!”
“อื้ออออออออ… ฮือ ฮือ ฮือ”
“หยุดร้อง!!”
“ฮือ ฮือ ฮือ…” สนตอนนี้ถึงกับฉี่ราดกางเกง ร้องไห้ไม่หยุดเพราะเขากลัวแบบสุดหัวใจ
“เชี่ยสน มึงจะเอาใช่มั้ย” เธียรหยิบมีดเล่มสุดท้ายขึ้นมาควง พร้อมกับง้างแขนกะองศาเล็งไปที่แตงกวาที่อยู่ต่ำกว่าเป้ากางเกงของสนพอได้ที่แล้วก็เตรียมจะปามีดออกไปแต่แล้วในจังหวะที่กำลังออกแรงแขนพุ่งมีดออกไปนั้นก็มีมือหนาของใครบางคนที่อยู่ด้านหลังคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเธียรเอาไว้เสียก่อน
หมับ!
“สวรรค์มาโปรดแล้วพวกมึง!” ชาติยิ้มอย่างดีใจสุดชีวิต เขาพูดขึ้นมาเสียงดังเมื่อมองไปยังร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังเธียร
“กูรอดแล้วววววว!!” พลเองก็ไม่ต่างกันดีใจแบบสุดๆ
“หู้วววว… ขวัญเอ้ยขวัญมา” กรเองก็เช่นกัน
“งื้ออออ… เสี่ยฮะ ช่วยผมด้วยยยย ฮึกฮือ” สนก็ด้วยที่ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาเมื่อเห็นเสี่ยวิเชียรกำลังคว้าหมับเข้าที่มือของลูกพี่เขา
“อาลูกหนู! ลื้อนึกซนอะไรของลื้ออีกเนี่ยห๊ะ!” เสียงทุ้มเย็นของเสี่ยวิเชียรดังขึ้นเมื่อเห็นลูกชายสุดที่รักของตนกำลังเล่นซนอยู่
“ปี๊!!”
“เออ! ปี๊เอง นี่เล่นอะไรกันอยู่เนี่ย! ปี๊บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าเล่นกับของมีคม ถ้าเกิดพลาดขึ้นมาจะทำยังไง”
“โหปี๊! ฝีมือระดับหนูแล้วไม่มีพลาดหรอกน่าาา” เธียรทำปากยื่นยอมปล่อยมีดที่ถืออยู่ในมือให้พ่อของตนแต่โดยดี
“จริงๆ เลย!” ฝ่ามือหนาขยี้หัวทุยๆ ของลูกรักอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะเดินไปตัดเชือกให้พล กร ชาติและสนทีละคนตามลำดับ
“ขอบคุณมากครับเสี่ย!”
“ขอบคุณครับ”
“ผมโคตรรักเสี่ยเลย ขอบคุณครับ!”
“ฮึกฮือ… ฮือออ…ขะ…ขอบ คะ…คุณ ฮับ! ฮืออออออออ” สนน่าสงสารสุดสะอึกสะอื้นร้องไม่หยุด กางเกงนักมวยที่ใส่อยู่ตอนนี้เปียกโชกไปด้วยฉี่ขาก็ยังสั่นพั่บๆ ทำเอาพี่ๆ ทั้งสามรีบเข้ามาปลอบแล้วเร่งให้รีบไป แต่สนก็ก้าวขาไม่ออก จนพลชาติและกรพากันยกตัวของสนแบกร่างของน้องเล็กสลายม็อบออกจากป่ากล้วยตรงนี้อย่างไวเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
“อ้าวเห้ย! กูยังไม่ได้บอกให้พวกมึงไปเลยนะเว้ย กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!” เธียรโวยวายเมื่อเห็นลูกน้องทั้งสี่พากันหามกันหนีไปต่อหน้าต่อตา
“อยู่ไม่ได้แล้วโว้ยยยย!! ไปเร็วพวกมึง!”
“อะไรวะ! แล้วเรื่องที่กูบอกกับพวกมึงห้ามพวกมึงเอาไปพูดต่อนะเว้ย! เข้าใจมั้ย!!” เธียรตะโกนเสียงดังลั่นตามหลังลูกน้อง
“เข้าใจค้าบบบบ”
“ไม่พูดอีกแล้วค้าบบบบบ” เสียงของลูกน้องของเธียรตอบรับดังห่างออกไปก่อนจะติดเทอร์โบเท้าวิ้งแจ้นหายไปอย่างไวอย่างกับหายตัวได้ก็ไม่ปาน
ฟิ้ววววววว!!
“เป็นเพราะปี๊คนเดียวเลย!” เธียรหันมามองหน้าพ่อของตนตาเขียวปั๊ด
“อะ…อ้าว! สรุปปี๊ผิด”
“ใช่! หนูไปอาบน้ำนอนไม่คุยกับปี๊แล้ว หงุดหงิด! หงุดหงิด! หงุดหงิดโว๊ยยยย!!” เธียรเดินออกไปบ่นไปอย่างหัวเสียสุดๆ ยิ่งนึกถึงหน้าเธย์ก็ยิ่งอยากจะจับเธย์มาซ้อมให้หายหงุดหงิด
“อะไรของลื้อวะ แล้วไม่ทานข้าวเย็นกับปี๊กับมี๊ไง?”
“หนูไม่กิน!! วันนี้ไดเอท! ห้ามใครมารบกวนหนูด้วย”
“แล้ว…” พ่อของเธียรยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อก็ต้องชะงักเมื่อลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียวหยุดเดินแล้วกลับหลังหันมามองก่อนจะพูดออกมาว่า…
“ถ้าใครกล้ามาเคาะห้องรบกวนหนูนะ! ได้เจ็บตัวแน่! หนูเตือนแล้วนะปี๊!!” เธียรพูดจบประโยคก็ทำแก้มพองลมเหมือนตอนเด็กๆ ไม่มีผิด ก่อนจะเดินจากไปอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง ภาพตรงหน้าที่เห็นนั้นทำเอาเสี่ยวิเชียรคนเป็นพ่อถึงกับหลุดยิ้มออกมาพร้อมกับส่ายหน้าไปมาเบาๆ
“หึหึ เด็กดื้อของปี๊”
.
.
.
ตัวอย่างตอนที่4 “ปีนบ้านไปจูบเธอ”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ปี๊! หนูบอกแล้วไงว่าห้ามให้ใครมากวนหนูอ่ะ!”
ร่างเพรียวที่นุ่งผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวห่อพันเอวสอบที่พึ่งจะอาบน้ำเสร็จขมวดคิ้วมุ่นเป็นปมมองไปยังประตูห้องก่อนจะหันหน้ากลับมามองภาพสะท้อนของตัวเองยังหน้ากระจกต่อ มือเรียวรวบผมข้างหน้าขึ้นแล้วใช้หนังยางสีดำมัดจุก ก่อนจะบีบขวดเซรั่มบำรุงผิวลงบนฝ่ามือแล้วทาหน้าโดยไม่ใส่ใจเสียงเคาะประตูห้องที่ดังอยู่เลยสักนิด
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“เคาะได้เคาะไปยังไงหนูก็ไม่เปิดให้ปี๊หรอก”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“…”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ไม่สน! ไม่กิน! ไม่หิว!”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“จิ๊!” เธียรเริ่มหงุดหงิดที่เสียงเคาะประตูห้องยังดังไม่หยุด เธียรจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้ากระจกแล้วเดินไปยังหน้าประตูห้อง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“เอ๊ะ! เสียงมันไม่ได้มาจากประตูนี่นา”
ขวับ!
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
กึก!
O_O
ร่างสูงเริ่มใจคอไม่ดีเมื่อตอนนี้รู้ต้นตอของเสียงแล้วว่ามันไม่ได้มาจากประตูห้องแต่มันมาจากบานหน้าต่างไม้ข้างเตียงนอนที่ปิดอยู่
“คะ…ใครอะ!”
“…” ไร้เสียงตอบรับ
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะบานหน้าต่างดังขึ้นอีกครั้ง เธียรรู้แล้วว่ามันเริ่มไม่ปกติแล้ว เพราะห้องของเขานั้นเป็นบ้านเรือนไทยยกสูง ด้วยความที่บ้านเป็นค่ายมวยดัง และพ่อของเธียรดูแลนักมวยทุกคนเป็นอย่างดีโดยเฉพาะเรื่องที่หลับที่นอนพ่อของเธียรจึงสร้างที่พักให้นักมวยในค่ายอยู่กันเป็นบ้านไม้ทรงไทยเป็นหลังๆ แบบรีสอร์ต
รวมถึงบ้านพักของเธียรลูกชายสุดที่รักเองก็ด้วยที่อยู่หลังในสุดและเป็นหลังที่ใหญ่สุดของบ้านพักนักมวย ส่วนพ่อและแม่ของเธียรนั้นจะอยู่บ้านใหญ่หลังยิมซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มากนักเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึง
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะบานหน้าต่างไม้ดังขึ้นอีกรอบคราวนี้เธียรไม่รีรอเพราะเขาเป็นคนไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว จะคนหรือผีเขาก็ไม่กลัวแต่ในใจลึกๆ ก็แอบหวั่นใจอยู่บ้างเพราะหน้าต่างนี้มันอยู่สูงมากถ้าเป็นคนไม่มีทางปีนขึ้นมาได้อย่างแน่นอนถ้าไม่ใช้บันไดไต่ขึ้นมา และถ้ามันไม่ใช่คนแต่เป็นช้อยส์ที่สองตรงนี้แหละที่มันทำให้เธียรหวั่นใจอยู่ลึกๆ
“เป็นไงเป็นกันวะ! ผีก็ผีเถอะ! ไอ้เธียรจะต่อยให้ร่วงเลย!”
ร่างเพรียวเดินอาดๆ ไปยังบานหน้าต่างอย่างไม่กลัวเกรงก่อนจะแหวกผ้าม่านมามัดแล้วปลดกลอนหน้าต่างเปิดออกไปในทันที
แกร๊ก!
“ใครวะ!” ทันทีที่ประตูหน้าต่างเปิดออกเธียรก็มองซ้ายมองขวาก็ไม่เจอใครนอกจากความมืดและในจังหวะที่เขากำลังจะก้มมองดูข้างล่างนั้นก็มีบางสิ่งบางอย่างโผล่พรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนจะรวบตัวของเธียรดึงเข้าไปหาแล้ว…
พรึ่บบบบ!
หมับบบบ!!
O_O
เหวอ!!
จุ๊บบบบ…จ๊วบบบบบบ!!
“อึก! อื้ออออ….”
***TBC.ตอนที่4 ตอนหน้าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
คอมเมนต์