Semantic Error ลอจิกของคุณมีปัญหานะครับ บท 1-1

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 1 <1> #1

เทอมแรกของปีสามที่อัดแน่นถึง 23 หน่วยกิตจบลงแล้ว สิ่งที่ทำให้ซังอูลำบากที่สุดไม่ใช่วิชาเอกที่ขึ้นชื่อเรื่องความยาก แต่เป็นวิชาเลือกที่มีค่าแค่ 2 หน่วยกิต ‘การอบรมบุคลิกภาพนักศึกษามหาวิทยาลัยฮันกุก’ เป็นวิชาบังคับเลือกที่ถ้าไม่เข้าฟังบรรยายก็ไม่สามารถเรียนจบได้ สิ่งที่ต้องทำคือเข้าฟังบรรยายง่ายๆ และทำงานกลุ่มที่ไม่ได้ยากเย็นอะไร
หัวข้อนำเสนอนั้นง่ายมาก ตอนแรกเขาจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องขำๆ ต่อให้รู้ว่ามีสมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งเอาการประกวดมาเป็นข้ออ้างไม่เข้าเรียน เขาก็ยังคิดว่ามันไม่ได้สำคัญอะไร แต่แล้วคนหนึ่งก็ต้องไว้ทุกข์ อีกคนก็ขาดการติดต่อไปในวันก่อนหน้าวันนำเสนอ ถ้าทำคนเดียวตั้งแต่แรก งานแค่นี้เขาทำวันเดียวก็เสร็จแล้ว แต่นี่กลับต้องมัวแต่มาติดต่อให้เพื่อนส่งข้อมูลให้ เสียทั้งเวลาและสุขภาพจิต
แม้ว่าซังอูจะรู้สึกรำคาญใจ แต่หลังจากนำเสนองานเสร็จ เขาก็ลืมไปหมดแล้ว ทว่า หลังจากที่ผลการเรียนออกก็เกิดปัญหาหยุมหยิมขึ้น

[ชาวมือไม่พาย 1: ตัดชื่อผมออกเหรอครับ?? ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมไปไม่ได้เพราะคุณยายเสีย ทำกับผมแบบนี้ได้ยังไงครับ???_10:04]
[ชาวมือไม่พาย 2: ได้ F มาจนได้ พอใจหรือยังครับ? ^^ㅗ_15:29]
[ชาวมือไม่พาย 3: ต้องขอบคุณนายที่ทำให้ฉันเรียนไม่จบมาคุยกันหน่อยไหมครับคุณรุ่นน้อง[1]_20:23]

ในวันประกาศผลการเรียน ซังอูได้รับข้อความอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสองคนแรกจะส่งมาแค่ข้อความเดียวแล้วจบไป แต่อีกคนกลับขอนัดคุยด้วย และเอาแต่เซ้าซี้ไม่หยุดถึงขั้นโทรเข้ามา เขาจึงบล็อกเบอร์นั้นไป
จากนั้นก็ปิดเทอม ซังอูวางแผนไว้ว่าเทอมหน้าเขาจะลดวิชาเรียนลงและทำโปรเจกต์เกมมือถือ ดังนั้นเขาจึงศึกษาภาษาโปรแกรมมิ่ง[2]ด้วยตัวเองในวันธรรมดา และไปทำงานพิเศษที่ร้านอินเทอร์เน็ตในวันหยุดสุดสัปดาห์ ชีวิตประจำวันผ่านไปอย่างราบรื่น แต่กลับมีเรื่องกวนใจขึ้นมาเรื่องหนึ่ง
วันนั้นเป็นวันเสาร์ที่เขาออกไปทำงานที่ร้านอินเทอร์เน็ตตามปกติ มีนักศึกษาสองคนมาที่ร้านและใช้บริการทั้งวัน ซังอูอยู่ที่เคาน์เตอร์คิดเงินและได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่
‘นายไม่รู้เหรอ? แจยองมันเรียนไม่จบซะแล้ว’
‘ทำไมล่ะ ไหนว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศ’
‘ก็เพราะวิชาบังคับเลือกสองหน่วยกิต ไอ้วิชา…บุคลิกภาพอะไรนั่นน่ะ มีคนไปฟ้องอาจารย์เรื่องเช็คชื่อแทนเลยได้ F มา’
‘ยื่นขอพิจารณาเกรดใหม่ไม่ได้เหรอ’
‘อาจารย์บอกให้ไปคุยกับเด็กที่มาฟ้อง แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมคุยด้วยนะ’
‘ฟังดูเหมือนไล่ให้ไปเคลียร์กันเองเลยว่ะ’
รู้สึกเหมือนเคยได้ยินเรื่องทำนองนี้ที่ไหนมาก่อน ซังอูทำเป็นหาอะไรสักอย่างที่เคาน์เตอร์พลางเงี่ยหูแอบฟังต่อ
‘ได้ยินว่าหมอนั่นไม่รับโทรศัพท์นะ’
‘เด็กเอกไหน’
‘ไม่เครื่องกลก็คอมนี่แหละ แจยองบอกว่าถ้าเจอตัวจะฆ่าให้ตาย ตอนนี้เลยกำลังตามหาอยู่ แต่ได้ยินว่าเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จัก แม่งอย่างซวย’
‘โห เรื่องแค่นั้นก็ฟ้องเหรอเนี่ย เป็นพวกผดุงความยุติธรรมสิท่า’
ฟังไปฟังมาดูเหมือนว่าซังอูจะไปเกี่ยวข้องกับพวกนิสัยไม่ดีเข้าเสียแล้ว ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมา แม้จะมีเรื่องขัดแย้งอยู่บ้าง แต่เขาก็แก้ปัญหาได้ดีเรื่อยมา ตอนปีหนึ่งเคยเกือบต่อยกับรุ่นพี่ที่บังคับให้ดื่มเหล้าผสม และเคยยืนกรานไม่ยอมจ่ายค่าธรรมนักศึกษาจนมีหนังสือพิมพ์มาสัมภาษณ์ เคยเดินชนกับคนที่เดินสวนกันจนลุกลามกลายเป็นเรื่องทะเลาะวิวาท ทั้งยังเคยทะเลาะกับคนที่แซงคิวจนต้องไปสถานีตำรวจมาแล้ว แต่เมื่อเทียบกับการทำให้คนคนหนึ่งเรียนไม่จบ เรื่องพวกนั้นกลับกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย
ซังอูครุ่นคิดอย่างจริงจังว่าเขาต้องเปลี่ยนเบอร์มือถือเลยหรือไม่ แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย จะมาตีตนไปก่อนไข้ก็คงดูตลก ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ทำอะไร แต่หลังจากวันนั้น เขาก็กลายเป็นหวาดระแวงทุกครั้งที่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์

[รุ่นพี่ฮันซูยอง กราฟิกดีไซน์: รุ่นน้องเดฟ[3]^^! พอดีพี่ได้งานกะหันทัน คงทำโปรเจกต์ด้วยไม่ได้แล้วล่ะ ‘โทษทีน้า~ แต่พี่ขอให้เพื่อนร่วมรุ่นที่เก่งๆ ไปประชุมแทนแล้วจ้า_12:31]

ข้อความที่ถูกส่งมาในรอบหลายวันดันเป็นข้อความที่น่าสิ้นหวังเสียนี่ รุ่นพี่ฮันซูยองงานยุ่งมาก แม้จะใช้เวลานานอยู่บ้างแต่เธอก็ช่วยวาดรูปให้จนเสร็จ และตอนนี้ซังอูก็วางแผนทำเกมที่เข้ากับสไตล์ของอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นการต้องเปลี่ยนดีไซเนอร์กลางคันจึงนับว่าเป็นข่าวร้าย
ในมหาวิทยาลัยมีคนที่ไร้ความรับผิดชอบอยู่นับไม่ถ้วน แต่ถึงอย่างนั้นก็น่าจะโชคดีแล้วล่ะมั้งที่คนคนนี้หาคนมารับช่วงต่อไว้แล้ว ถึงจะไม่มีอะไรมารับประกันความสามารถของฝ่ายนั้นก็เถอะ

[น่าเสียดายนะครับ ผมชอบลายเส้นของรุ่นพี่ซะด้วยสิ_12:33]
– [รุ่นพี่ฮันซูยอง กราฟิกดีไซน์: เพื่อนคนนั้นเขาเก่งกว่าพี่อีกจ้า~ วางใจได้!_12:34]
[ขอเบอร์โทรไว้หน่อยได้ไหมครับ_12:34]
– [รุ่นพี่ฮันซูยอง กราฟิกดีไซน์: ก่อนหน้านี้เบอร์ที่เมมไว้มันหายไปหมดเลย พี่ก็เลยไม่มีเบอร์อะจ้า;_; แต่ตอนเจอกันเมื่อวานพี่บอกเวลากับสถานที่ไปชัดเจนแล้วนะ เขาเรียนรุ่นเดียวกับพี่ ชื่อจางแจยองจ้ะ!^^_12:34]
[เข้าใจแล้วครับ_12:41]

ซังอูจบการสนทนาแล้วมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัย เขานัดประชุมไว้ตอนสี่โมง แต่เขาก็มาถึงสถานที่นัดพบล่วงหน้าสามชั่วโมงเพื่อจัดเรียงโครงร่างและภาพสเก็ตช์ของตัวละครในเกม รุ่นพี่จางแจยอง เอกกราฟิกดีไซน์ นอกจากที่รุ่นพี่ฮันซูยองบอกมาในข้อความว่าอีกฝ่ายเป็นคนเก่งแล้ว ซังอูก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนคนนี้อีกเลย ไม่ว่าจะเป็นเพศ หรือสไตล์การวาด
รุ่นพี่ชั้นปีสูงๆ น่าจะยุ่งหรือเปล่านะ เขาคงจะไม่ถอนตัวไปกลางคันเพราะได้งานเหมือนรุ่นพี่ฮันซูยองใช่ไหม ซังอูชักไม่แน่ใจ แต่ยังไงก็คงต้องลองเจอหน้ากันดูก่อน
ซังอูลุกจากที่นั่งตอน 15:55 น. และเดินขึ้นบันไดไป เขาจองห้องประชุมเล็กที่ชั้น 3 ของห้องสมุดไว้แล้ว ซังอูเดินมาถึงห้องประชุมก่อนถึงเวลานัดหนึ่งนาที เขาหยิบสมุดโน้ตและเครื่องเขียนออกมาเตรียมไว้
แต่ดีไซเนอร์กลับไม่มา
ถ้าเป็นการนัดหมายอื่น เขาคงลุกออกไปโดยไม่หันหลังกลับแล้ว แต่นี่เป็นโปรเจ็กต์ที่เขาไม่สามารถทำคนเดียวได้ จึงจำเป็นต้องมีดีไซเนอร์ ซังอูหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเกม ในระหว่างนั้นเวลาก็ผ่านไปสิบนาที
ดีไซเนอร์ยังไม่มา
จำเวลาผิด? รุ่นพี่ฮันซูยองบอกเวลากับสถานที่ผิด? หรือว่าเปลี่ยนใจแล้ว? หรือเกิดยุ่งขึ้นมากะทันหัน? ขณะที่คำถามที่ไร้คำตอบมากมายผุดขึ้นมาในหัว เวลาก็ผ่านไปอีกสิบนาที
ดีไซเนอร์ยังคงไม่มา
‘นิสัยเสียชะมัด’
คนที่ไม่รักษาเวลาไม่น่าเหมาะที่จะทำงานนี้นะ ทำงานกับคนแบบนั้น โปรเจกต์ไม่มีทางผ่านไปได้ด้วยดีแน่นอน ระหว่างที่ซังอูเดือดดาลอยู่ในใจ เวลาก็ผ่านไปอีกสิบนาที
ดีไซเนอร์ก็ยังไม่มา
‘สิบนาทีสุดท้ายแล้วจริงๆ’
เห็นแก่หน้ารุ่นพี่ฮันซูยองที่เป็นคนใจดีและมีความสามารถ ซังอูจึงรอต่อไปอีกสิบนาที แม้เขาจะพยายามทำใจให้สงบนิ่งประหนึ่งผู้บำเพ็ญเพียร แต่จนแล้วจนรอดดีไซเนอร์ก็ยังไม่มา
เขากัดฟันกรอดและลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ ซังอูมักจะหลีกเลี่ยงการทำอะไรที่เสียเปล่า แต่ในบรรดาเรื่องเหล่านั้น เขาเกลียดการเสียเวลาเปล่ามากที่สุด วินาทีที่เขายื่นมือไปคว้าลูกบิดประตู มันกลับถูกดึงห่างออกไป
“ที่นี่ใช่ไหมนะ”
ซังอูมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าหงุดหงิด ผู้ชายคนหนึ่งสวมหมวกบีนนี่สีดำไว้หลวมๆ เดินเข้ามาในห้องหน้าตาเฉยแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เขาสวมแว่นตาขนาดใหญ่ วางพาดไว้ที่ปลายจมูก หูข้างหนึ่งสวมจิวโลหะถึงสามชิ้น ทั้งที่มาประชุมแต่กลับมามือเปล่า เขาดึงมือสองข้างออกจากกระเป๋าเสื้อมาถูกันแล้วเงยหน้าขึ้น
“โอ๊ะ!”

________________________________________

[1] ในต้นฉบับพิมพ์ติดกันโดยไม่เว้นวรรค เป็นนิสัยการพิมพ์แชทของจางแจยอง
[2] ภาษาโปรแกรมมิ่ง (Programming Language) ภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูง ได้แก่ ภาษา Pascal, C, VB, Java ใช้ในการสร้างโปรแกรม
[3] เดฟ มาจาก Developer ที่หมายถึง นักพัฒนา ซึ่งในที่นี้หมายถึงนักพัฒนาเกม

คอมเมนต์

Chapter List