Semantic Error ลอจิกของคุณมีปัญหานะครับ บท 3-1

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 3 <1> #3

[กำลังโทร ชาวมือไม่พาย 3…]

ซังอูและอีกฝ่ายมองไปที่ตัวหนังสือที่ขึ้นอยู่บนจอพร้อมกัน ทันใดนั้นเสียงเรียกเข้ามือถือของฝ่ายนั้นก็ดังขึ้น ชายหนุ่มหยิบมือถือจากกระเป๋าเสื้อคลุมด้วยสีหน้าเย็นชาก่อนจะแค่นหัวเราะออกมา ฝ่ายซังอูเองก็เห็นแล้วว่าอีกฝ่ายบันทึกชื่อของเขาไว้ว่าอะไร

[สายเรียกเข้า ไอ้สารเลว!]

ซังอูตกใจจนลืมเก็บสมุดและอุปกรณ์ต่างๆ แล้ววิ่งออกจากห้องประชุมมาทั้งอย่างนั้น เขาเอาแต่วิ่งโดยไม่คิดจะหันกลับไปมองด้านหลัง จึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเรียกเขา หรือวิ่งไล่ตามมา หรือแค่นั่งอยู่ที่เดิม
ความทรงจำเมื่อยี่สิบนาทีก่อนของเขาหายเกลี้ยง เมื่อกลับถึงห้อง ซังอูก็ล็อกประตูถึงสามชั้นแล้วพักหายใจ เขาล้มลุกคลุกคลานระหว่างวิ่งขึ้นบันได ตอนนี้เข่าจึงปวดแสบไปหมด ร่างโปร่งเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบน้ำออกมาดื่มให้ชุ่มคอ
“บ้าไปแล้ว”
ซังอูเหม่อไปครู่ใหญ่ก่อนจะรวบรวมความกล้าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและพบว่าไม่มีสายเรียกเข้า เขาปลดบล็อกให้ ‘ชาวมือไม่พาย 3’ ด้วยมืออันสั่นเทา จากนั้นข้อความและแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับสองสามสายก็โผล่ขึ้นมา เมื่อห้าวันก่อน ‘ชาวมือไม่พาย 3’ หรือจางแจยองส่งข้อความมาขอความเห็นใจและขอนัดเจอกับซังอู เขายอมรับผิดเรื่องที่ไม่ได้บอกกล่าวอะไรกับหัวหน้ากลุ่มโดยตรง แต่เขาบอกสมาชิกคนอื่นๆ ในกลุ่มแล้ว นอกจากนี้ยังมีข้อความที่ดูเหมือนเป็นการข่มขู่อยู่ด้วย

[ชาวมือไม่พาย 3: ทำแบบนี้แล้วนายจะต้องเสียใจ_2 วันก่อน]

และนั่นเป็นข้อความสุดท้าย
ซังอูไล่สายตาอ่านข้อความอย่างรวดเร็วก่อนจะกลับมาเยือกเย็นอีกครั้ง นึกว่าจะเป็นดีไซเนอร์มากความสามารถ เอาเข้าจริงก็เป็นแค่คนนิสัยเสีย ผิดแล้วพาล และไร้จิตสำนึกเท่านั้น โชคดีที่รู้ทันก่อนจะเริ่มทำโปรเจกต์ แม้จะเสียดายอยู่บ้างเพราะหลังจากเห็นภาพวาดของอีกฝ่ายแล้วเขาก็ค่อนข้างคาดหวัง แต่คงต้องตัดใจอย่างเดียว ซังอูไม่คิดจะร่วมมือกับพวกจิ๊กโก๋ แม้สักนิดก็ไม่คิด หมอนั่นก็คงไม่อยากทำงานร่วมกับซังอูเหมือนกันแน่ๆ
‘เราไม่ได้ทำอะไรผิด’
แม้การมีเรื่องกับอีกฝ่ายจะเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย แต่ซังอูก็มั่นใจว่ามันเป็นความผิดของหมอนั่นทั้งหมด ถึงอย่างนั้นความรู้สึกอัดอั้นตันใจก็ยังไม่หายไป แม้จะไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องรู้สึกอย่างนั้น แต่ซังอูก็ยังเอาแต่ชำเลืองมองโทรศัพท์อยู่ค่อนคืนก่อนจะเผลอหลับไปในตอนเช้ามืด
เช้าวันต่อมา แจ้งเตือนข้อความเข้าก็มารออยู่ก่อนแล้ว

[ชาวมือไม่พาย 3: ซังอูยา[1]มาคุยกันเถอะ_08:56]

ซังอูขยี้ตาที่ยังไม่ตื่นดีแล้วเพ่งมองหน้าจอมือถืออยู่ครู่ใหญ่ ตอนเด็กๆ คนแถวบ้านมักจะเรียกเขาด้วยชื่อเล่น และด้วยเหตุนั้น สมัยเรียนเขาจึงอยู่มาโดยไม่มีชื่อจริง พอเข้ามหาวิทยาลัยก็กลายเป็นนักศึกษาซังอู รุ่นพี่ซังอู คุณชูซังอู ส่วนตอนเข้ากรมก็เป็นพลทหารชู สิบตรีชู สิบโทชู สิบเอกชู คนที่เรียกเขาว่า ‘ซังอูยา’ ในโลกนี้มีแค่พ่อกับแม่เขาเท่านั้น

[ส่งผิดเบอร์แล้วครับ ลาก่อนครับ_09:01]
– [ชาวมือไม่พาย 3: ชูซังอู/อายุ25/ปี3เอกคอม/ลาไปเข้ากรมแล้วเพิ่งกลับมาเรียนตอนเดือนกันยา/ไม่มีชมรม/ไม่ทำกิจกรรมของสโมสรนักศึกษา_09:02]
– [ชาวมือไม่พาย 3: ถ้าไม่อยากลาออกก็มาคุยกันตอนที่ฉันยังพูดดีๆเถอะ_09:02]

เนื้อความดูน่ากลัวเล็กน้อย ซังอูจ้องจอมือถือจนจอแทบจะทะลุ อ่านข้อความซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง ในระหว่างนั้นเองก็มีข้อความใหม่เข้ามา

[ชาวมือไม่พาย 3: วันนี้มาที่ประตูใหญ่ของมหาลัยตอน6โมง_09:05]
[ชาวมือไม่พาย 3: ฉันจะไม่ต่อยนาย_09:06]

“ตลกแล้ว”
ซังอูกำโทรศัพท์แน่นพลางหัวเราะเสียงเย็น เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย ทำไมต้องเชื่อฟังอีกฝ่ายด้วยล่ะ
‘ไปสืบเรื่องของเรามาแล้วไง จะเอาไปแจ้งตำรวจ?’
ซังอูเป็นพวกชอบพึ่งพาอำนาจรัฐอยู่แล้ว เขารู้ดีว่าสถานการณ์แบบไหนที่ควรจะแจ้งตำรวจ
เขาค่อยๆ อ่านข้อความบนหน้าจอมือถืออีกครั้ง แม้ไม่รู้ว่าเจอกันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น แต่นี่มันข่มขู่กันชัดๆ ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่กลัว เพราะอีกฝ่ายไม่มีทางทำอะไรเขาได้ ซังอูเป็นนักศึกษาที่ทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างเดียว กิจกรรมอื่นใดของมหาวิทยาลัยเขาไม่เคยยุ่ง คนที่สามารถโจมตีเขาในมหาวิทยาลัยได้มีแค่อาจารย์เท่านั้น

return 0;

สามวันผ่านไป ซังอูคิดว่าความขัดแย้งอันแสนยุ่งยากได้จบลงแล้ว แต่นั่นเป็นการคิดไปเองแบบโง่ๆ ในเมื่อเขาทำงานที่ร้านอินเทอร์เน็ตแถวๆ มหาวิทยาลัย แล้วเขาจะเลี่ยงนักศึกษาจากสถาบันเดียวกันไปได้นานแค่ไหนกันเชียว ลองคิดตามความเป็นจริงดูก็รู้แล้ว
ขณะที่ซังอูกำลังจัดขนมขบเคี้ยวเข้าชั้น ก๊วนเพื่อนกลุ่มหนึ่งก็เปิดประตูกรูกันเข้ามา เมื่อเห็นซังอู คนที่สูงที่สุดในกลุ่มนั้นก็เดินช้าลง
“คบอะไรล่ะ แค่ไปกินข้าวด้วยกันมื้อเดียว…เอง”
ถ้าสายตาที่มองมาไม่ทิ่มแทงขนาดนั้น ซังอูก็คงจำไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคือหมอนั่น พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากันราวกับเวลาหยุดเดิน ดวงตาที่อยู่เบื้องหลังแว่นตาอันใหญ่เบิกกว้างก่อนจะหรี่เล็กลง ตอนนี้ซังอูเห็นแค่ไอ้คนตรงหน้านี้เท่านั้นราวกับภาพพื้นหลังถูกลบออกไป ทันใดนั้นในหัวก็มีคำว่า ‘ฉิบหายแล้ว’ ‘น่าหงุดหงิดชะมัด’ ‘อยากหนีไปจากตรงนี้แฮะ’ ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด ซังอูรู้สึกเกร็งอย่างไม่มีเหตุผลจนทำถุงขนมหลุดมือ
ในใจซังอูเตรียมรับมือกับการต่อสู้แล้ว แต่จางแจยองกลับทำเหมือนไม่รู้จักเขา เพียงแค่หยิบบัตรสำหรับใช้บริการแล้วเดินจากไป เมื่อทั้งห้าคนเดินหายไปทางเขตสูบบุหรี่[2] ซังอูจึงกลับมานั่งที่เคาน์เตอร์อีกครั้ง แม้ว่าสายตาจะจับจ้องอยู่ที่หนังสือเรียนและสมุดโน้ต แต่เขากลับไม่มีสมาธิ
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเขาก็เห็นศีรษะของแจยองโผล่พ้นจอขึ้นมาเล็กน้อย สายตาของซังอูจับจ้องไปที่หน้าจอของอีกฝ่ายเพื่อดูว่าเขาเล่นเกมอะไร กำลังเข้าเว็บไซต์ไหน แจยองเปิดเว็บไซต์ข้อมูลเกี่ยวกับเกมทิ้งไว้แล้วเข้าเกม RPG ออนไลน์ เขาล่ามอนสเตอร์อยู่สองสามรอบเพื่อเพิ่มค่าประสบการณ์ จากนั้นก็เปลี่ยนไปเล่นเกม FPS สองแมทช์ ขณะที่ฝ่ายนั้นเปลี่ยนมาเล่นเกม MMORPG ซังอูก็กำลังอ่านหนังสือแต่กลับไม่พลิกไปหน้าถัดไปเสียที
‘จะปล่อยผ่านไปแบบนี้น่ะเหรอ’
เห็นส่งข้อความมาข่มขู่ก็นึกว่าจะใช้กำลัง แต่ดูจากท่าทีนิ่งเฉยแบบนี้แล้ว ดูเหมือนแจยองคิดจะฝังกลบเรื่องนั้นไปเสีย และซังอูก็คิดว่านี่คงเป็นบทสรุปที่ดีที่สุดแล้ว แต่นั่นก็เป็นแค่ความหวังลมๆ แล้งๆ

[ออเดอร์จากลูกค้าหมายเลข 32: รามยอนเผ็ดระเบิดระเบ้อ]

‘ว่าแล้วเชียว’
ซังอูถอนหายใจพลางลุกไปต้มรามยอน เขาตวงน้ำ 450 มิลลิลิตรตามสูตร และใช้เวลาต้มนานกว่าปกติ หักก้อนเส้นเป็นสองซีกใส่ลงในหม้อ ระหว่างรอให้ซุปเดือด ซังอูก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อก่อนตัวเองแก้ปัญหาเวลามีเรื่องกับคนอื่นอย่างไร คู่กรณีของเขามักถูกความโกรธเข้าครอบงำจึงพ่นสารพัดคำด่าออกมา บางทีก็ถึงขั้นเหวี่ยงกำปั้น ซังอูไม่วิ่งเต้นไปตามอารมณ์ และจี้จุดอ่อนของพวกเขาด้วยเหตุผล แทนที่จะตอบโต้ความรุนแรงด้วยความรุนแรง เขาเลือกที่จะถอยหนึ่งก้าวแล้วแจ้งตำรวจ คราวนี้เขาก็คิดจะทำแบบนั้น
เขตสูบบุหรี่มีควันบุหรี่ลอยตลบอบอวล ซังอูถือถาดรองถ้วยเดินไปยืนอยู่หน้าโต๊ะหมายเลย 32 ชายหนุ่มนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้จนสุดพลางสูบบุหรี่ เมื่อซังอูวางถาดลง อีกฝ่ายก็หมุนเก้าอี้กลับมาแล้วเงยหน้าจ้องซังอูเขม็ง วันนี้เขาสวมเสื้อสเวตเตอร์สีแดงปักลายบนหน้าอก แค่เห็นก็รู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าแล้ว ภาพลักษณ์ของเขาดูเหมือนจิ๊กโก๋มากจริงๆ
‘ไม่ชอบเลยแฮะ’
วินาทีที่ซังอูหันหลังกลับ อีกฝ่ายก็พูดขึ้น
“ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าคุณรุ่นน้องผู้แสนซื่อตรงทำงานอยู่ที่นี่”
จางแจยองมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อยพลางขยี้บุหรี่ให้ดับในที่เขี่ยบุหรี่ แล้วค่อยๆ เลื่อนสายตากลับมามองซังอูอีกครั้ง
“ทำไมไม่เมินสายพี่ล่ะ ทำเอาหงุดหงิดเลยนะเนี่ย”
ซังอูไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองอย่างไร ไม่ว่าใครจะใช้กำลังหรือข่มขู่น่ากลัวอย่างไร เขาก็มั่นใจว่าตัวเองสามารถรับมือได้อย่างห้าวหาญ แต่คู่ต่อสู้ที่หาเรื่องทะเลาะด้วยความสงบนิ่งแบบนี้ เขายังไม่เคยเจอมาก่อน
“ซังอู ทำไมไม่ตอบพี่ล่ะ”
น้ำเสียงของแจยองนุ่มนวลเกินกว่าจะเป็นการชวนทะเลาะ ซังอูตัดสินใจถอยมาตั้งหลักรออีกฝ่ายเผยธาตุแท้
“เชิญพูดธุระมาเถอะครับ”
“คุยกันก็สบตากันด้วยสิ”
นั่นไม่ใช่คำขอที่ยากเย็นอะไร ซังอูเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย คราวนี้ฝ่ายนั้นกลับหลบตา หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดอีกมวนแล้วเอาแต่พ่นควันไม่พูดไม่จาอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นก็สบตากับซังอูอีกครั้งแล้วยื่นมือขวาออกมาอย่างกะทันหัน
“ต้องทำเกมด้วยกันแท้ๆ ก่อนอื่นเรามาคืนดีกันไหม”
มือใหญ่ที่ยื่นมาหาดูไม่สมจริงสักนิด ซังอูรู้สึกแคลงใจ
“เราไม่เคยทะเลาะกันแล้วจะคืนดีกันได้ยังไงครับ อีกอย่าง ผมไม่ทำงานร่วมกับรุ่นพี่ครับ”
แจยองแค่นหัวเราะอย่างหมดคำพูดพลางเก็บมือ
“คิดว่าฉันขอนัดเจอนายทำไม”
“ไม่รู้ครับ”
“นายนี่ขาดจินตนาการนะ”
“เจอผมแล้วก็ใช่ว่าคะแนนของรุ่นพี่จะเปลี่ยนไป รุ่นพี่ก็ฉลาดพอที่จะเข้ามหาวิทยาลัยได้ อย่างน้อยก็น่าจะเข้าใจเรื่องนี้นะครับ”
แจยองกอดอกเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยว
“คะแนนอะไรกัน มันหมดช่วงแก้คะแนนไปตั้งนานแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมต้องมารั้งผมไว้แล้วหาเรื่องผมด้วยล่ะครับ”
“หาเรื่องอะไรกัน นายเป็นรุ่นน้องที่ซูยองแนะนำมา ไหนจะเรื่องโปรเจกต์ที่ต้องทำอีก ฉันก็เลยอยากคุยด้วยเท่านั้นเอง ฉันพยายามจะฟังเหตุผลของนายแล้วแก้ไขความเข้าใจผิดเพื่อให้เรื่องมันผ่านไปด้วยดีต่างหาก”
“ผมไม่อยากคุยอะไรกับรุ่นพี่ครับ”
“งั้นก็บอกมาตรงๆ ดิวะ”
ซังอูรู้สึกว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายดุดันขึ้น
“ว่าไง? ซังอู มารยาทแม่งหายไปไหนหมดวะ”
ซังอูรู้สึกทึ่งในทักษะการด่าอย่างสงบนิ่งของอีกฝ่าย เขาคอยแตะโทรศัพท์เพื่อจะได้หยิบออกมาโทรแจ้งตำรวจได้ทันเวลาเมื่อเห็นท่าไม่ดี แต่นี่มันเบาเกินไป เขาไม่รู้จริงๆ ว่าต้องตอบโต้อย่างไร
“มันเชื่อได้ยากจริงๆ ครับว่ารุ่นพี่แค่อยากคุยกับผม รุ่นพี่คิดว่าผมทำให้รุ่นพี่เรียนไม่จบ และกำลังแค้นผมอยู่ไม่ใช่เหรอครับ”
เขาคิดว่าถ้าขอโทษเสียตรงนี้ เรื่องก็คงจะจบๆ ไป แต่ซังอูก็ยังคงทำตามที่ตั้งค่าไว้ เขาได้เขียนคำสั่งให้อีกฝ่ายเป็น ‘ศัตรู’ ไปแล้ว
“ผมไม่เข้าใจครับว่าทำไมเรื่องนั้นถึงเป็นความผิดของผม”
ตอนมอต้นเขาเคยเถียงครูแบบนี้แล้วถูกตบกลับมา ภายหลังเขาก็ถูกตักเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าถ้าอยากมีชีวิตที่ดีก็จงปรับปรุงตัวเสีย จากนั้นเขาก็ควบคุมตัวเองมาโดยตลอด แต่เขาปากไวไปเสียแล้ว ถึงอย่างนั้นแจยองกลับตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ถ้านายไม่ไปพูดเรื่องไร้สาระกับอาจารย์ ฉันก็คงเรียนจบไปแล้วไหม เพราะนาย ฉันถึงต้องล้มเลิกแผนเรียนต่อที่ต่างประเทศ เพราะไอ้สองหน่วยกิตเวรนั่น”
“นั่นไม่ใช่ความผิดของผมนี่ครับ”
“ซังอูยา”
“อย่าทำเหมือนสนิทกันสิครับ ถ้าให้คนมาเช็คชื่อแทนแล้วเรียนจบได้ นักศึกษาที่เข้าเรียนคงดูโง่มากเลยนะครับ แล้วผมดูเป็นคนว่าง่ายที่ยอมใส่ชื่อคนนิสัยไม่ดีที่หวังจะได้คะแนนโดยไม่ทำอะไรลงในรายงานงั้นเหรอครับ ผมคนนี้น่ะเหรอ?”
การโต้แย้งของซังอูไม่ได้ทำให้แจยองเผยสีหน้าตกใจเลยสักนิด
“มึงเป็นคนแบบนี้เองสินะ ก็ดูเป็นแบบนั้นจริงๆ นั่นแหละ”
“ผมไปได้หรือยังครับ รุ่นพี่?”
“ไม่ กูยังพูดไม่จบ”
เขาอัดบุหรี่เข้าไปเต็มปอดแล้วพ่นควันออกมา
“มึงไม่ต้องมาตัดสินกู มึงเป็นบาทหลวงเหรอ เป็นตำรวจหรือไง อย่ามาทำเป็นสั่งสอนน่า ไอ้เวรนี่”
“เข้าใจแล้วครับ งั้นก็เชิญรุ่นพี่ทำตัวเป็นขยะต่อไปแล้วก็ไม่ต้องติดต่อผมอีกนะครับ”
“เชี่ย แม่งสุดว่ะ”
แจยองดับบุหรี่กับที่เขี่ยบุหรี่ด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วจ้องตาซังอู
“กูได้ขอให้มึงคุกเข่าขอโทษไหม? ได้ขอให้มึงไปขอคะแนนจากอาจารย์ให้กูไหม? ถ้าอยากให้เรื่องมันจบสวยๆ มึงก็ควรจะทำเป็นละอายใจหน่อยหรือเปล่า นี่กูทำแบบนี้เพื่อให้มึงมาจับผิดกูเหรอ”
ดูเหมือนเขากำลังโกรธ แต่ซังอูกลับไม่เข้าใจกับคำพูดวกวนของอีกฝ่าย
“ผมไม่เข้าใจว่ารุ่นพี่กำลังพูดอะไร รุ่นพี่อยากให้ผมทำอะไรก็บอกมาตามตรงเถอะครับ”
ซังอูไม่ได้เจตนา แต่แจยองก็ทำสีหน้าเหมือนถูกโจมตี เขาอ้าปากพะงาบๆ อย่างพูดไม่ออก ก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกแล้วเอนหลังพิงพนัก ความไม่พอใจฉายชัดบนใบหน้า
“ไหนพูดว่า ‘ผมเสียใจจริงๆ ครับที่ทำให้รุ่นพี่ต้องพลาดโอกาสดีๆ ในการไปเรียนต่อต่างประเทศ’ ซิ”
นั่นไม่ใช่เรื่องยาก ซังอูอ้าปากอย่างมั่นใจแต่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา เพราะประโยคนั้นมีบางส่วนที่ไม่เป็นความจริง
“ก่อนอื่นรุ่นพี่ต้องแก้ความเข้าใจผิดๆ สองข้อครับ หนึ่ง รุ่นพี่เรียนไม่จบเพราะไม่เข้าเรียนและไม่ทำงานส่ง ไม่ใช่เพราะผม และสอง ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจครับ”
เมื่อนำฟีดแบ็กมาปรับใช้ คำพูดก็จะกลายเป็น ‘พลาดโอกาสเรียนต่อดีๆ ไปซะแล้วนะครับเนี่ย’ ซึ่งเป็นการอธิบายตามความเป็นจริง เขาพูดได้ ไม่เสียหาย แต่แล้วถ้อยคำถากถางก็ดังขึ้น
“มึงนี่แม่งบ้าฉิบหาย”
ซังอูได้ยินคำพูดแบบนี้บ่อยแล้ว เขาจึงไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิด แจยองหมุนเก้าอี้หันหน้าเข้าจอคอมอีกครั้ง แล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาคนรามยอนในถ้วย
“อืดหมดแล้ว แม่งเอ๊ย”
เขาดันถาดวางถ้วยรามยอนคืนให้ซังอู
“เก็บไปซะ”
ซังอูรับถาดมาโดยไม่พูดอะไร ขณะทำท่าจะเดินออกไป แจยองก็เรียกไว้
“นี่”
“มีอะไรครับ”
“เราพวกอย่าได้เจอกันอีกเลย”
นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดตั้งแต่ฟังมา ซังอูรู้สึกเหมือนขับไล่ศัตรูออกไปได้โดยไม่ตั้งใจ เพราะอีกฝ่ายกำลังโบกมือด้วยสีหน้าเอือมระอา
“ผมจะเลิกงานตอนสี่ทุ่ม รุ่นพี่ค่อยออกมาหลังจากนั้นก็แล้วกันครับ”
“ไอ้ประสาท”
‘พูดอะไรวะ ไอ้มะเร็งจิ๊กโก๋’
ซังอูก่นด่าในใจและออกจากเขตสูบบุหรี่ไป

return 0;

________________________________________

[1] ยา (야) ใน ‘ซังอูยา’ เป็นคำลงท้ายที่ใช้เรียกคนในครอบครัว หรือคนที่สนิทกันมาก ใช้ลงท้ายชื่อที่ไม่มีตัวสะกด ถ้าชื่อมีตัวสะกดจะใช้ ‘อา (아)’
[2] เขตสูบบุหรี่ในร้านอินเทอร์เน็ต ในร้านอินเทอร์เน็ตที่เกาหลีจะมีการแบ่งห้องเป็นเขตสูบบุหรี่ สำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้บริการไปด้วยสูบบุหรี่ไปด้วย และเขตปลอดบุหรี่สำหรับลูกค้าที่ไม่สูบบุหรี่และไม่ต้องการได้กลิ่นบุหรี่

คอมเมนต์

Chapter List