Semantic Error ลอจิกของคุณมีปัญหานะครับ บท 4-1

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 4 <1> #4

หลังจากจัดการปัญหาความขัดแย้งอันน่าปวดหัวแล้ว ชีวิตประจำวันของซังอูก็กลับมาเป็นปกติ แม้จะเป็นช่วงปิดเทอม เขาก็ยังคงไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดทุกวัน ซังอูยังมีปัญหาใหญ่อีกหนึ่งเรื่อง นั่นก็คือ ตำแหน่งดีไซเนอร์ของโปรเจกต์ ‘ยอดมนุษย์ผัก’ ว่างลงอีกแล้ว เขาลงประกาศหาดีไซเนอร์ที่จะมารับผิดชอบงานด้านกราฟิกทั้งหมดของเกมแอคชั่นในเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัยอีกครั้ง แต่ไม่มีใครติดต่อเข้ามาเลย เขาจัดตารางเรียนในเทอมหน้าให้มีเวลาว่างสำหรับทำเกมแล้ว แต่ถ้ายังหาดีไซเนอร์ไม่ได้ เวลาที่จัดไว้ก็คงไร้ความหมาย
นอกจากเรื่องนั้น เขาก็ไม่มีปัญหาอื่นใดอีกแล้ว วันนี้ซังอูก็ยังคงอ่านหนังสือให้ได้ตามแผนเช่นเคย และตรงไปยังโรงอาหาร ขณะที่เดินทอดน่องไปเรื่อยๆ เขาก็เห็นกล่องเดินอยู่ตรงหน้า
นักศึกษาคนหนึ่งถือกล่องใบใหญ่ที่ซ้อนด้วยกล่องใบเล็กอย่างทุลักทุเล ดูเหมือนกล่องจะบังจนมองไม่เห็นทางข้างหน้า ดูจากระยะของการก้าวขาแล้วเดาได้เลยว่าเดี๋ยวเธอต้องสะดุดอะไรสักอย่างแน่ๆ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนดังลั่น
“ม่าย~!”
นักศึกษาหญิงยื่นมือออกไปอย่างรวดเร็ว แต่กล่องที่เรียงซ้อนกันไว้ก็ยังคงตกลงบนพื้น ของจิปาถะที่อยู่ในกล่องเทกระจายเต็มพื้น แท่นวางหนังสือ กล่องขนม และเทปกาวเกลื่อนกลาดอยู่บนทางลาด แม้สภาพของนักศึกษาคนนั้นจะดูน่าเห็นใจ แต่ซังอูที่ตั้งใจจะไปโรงอาหารก็เลือกที่จะเดินผ่านไปเฉยๆ
“เดี๋ยวค่ะ!”
แต่ในตอนนั้นเอง หญิงสาวก็เรียกซังอูให้หยุด
“ขอโทษจริงๆ ค่ะ แต่ช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ ฉันเหนื่อยจนเหมือนจะตายแล้ว… เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวตอบแทนค่ะ”
“จะไปไหนเหรอครับ”
“ตู้ล็อกเกอร์ที่ห้องสมุดชั้นสามค่ะ”
ถ้าจะไปห้องสมุด ใช้เวลาเดินอย่างเร็วที่สุดก็เจ็ดนาที ข้าวที่โรงอาหารหนึ่งมือราคา 3,000 วอน ไม่ต้องคำนวณก็รู้ว่านี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่ายิ่งกว่าค่าแรงขั้นต่ำ ซังอูตอบตกลงแล้วช่วยหญิงสาวเก็บของใส่กล่อง เขาใช้สองมือยกกล่องใบใหญ่ขึ้น อีกฝ่ายเห็นดังนั้นก็ตกใจ ไม่รู้จะทำอย่างไร
“หนักมากเลยใช่ไหมคะ เดี๋ยวฉันถือกล่องเล็กเองค่ะ”
“ครับ หนักมาก ใส่อะไรไว้เหรอครับ”
“หนังสือกับของจุกจิก…”
กล่องหนักมากจริงๆ ซังอูต้องหยุดพักกลางทางถึงสองครั้ง เหงื่อซ่กจนต้องถอดเสื้อขนเป็ด[1]ออก ระยะทาง 7 นาที เพิ่มขึ้นเป็น 15 นาที เมื่อยกขึ้นไปถึงชั้น 3 เรี่ยวแรงก็ถูกสูบออกไปจนหมด เขาใช้แรงมากเกินไปเพียงเพื่อข้าวมื้อเดียว ซังอูรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจโง่ๆ
“พี่ช่วยชีวิตฉันไว้เลยค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ”
ในระหว่าง 15 นาทีนั้น รยูจีฮเยได้ล้วงข้อมูลส่วนตัวพื้นฐานของซังอูไปทั้งหมด ทั้งชื่อ รหัสนักศึกษา และคณะ คำเรียกก็เปลี่ยนจาก ‘คุณ’ เป็น ‘พี่’ อย่างงงๆ ระหว่างเดินออกจากห้องสมุด จีฮเยก็เอ่ยถาม
“พี่อยากกินอะไรคะ”
“เอาคูปองอาหารมาใบหนึ่งก็พอครับ”
“เห ไปแค่โรงอาหารงั้นเหรอคะ”
ภายนอกซังอูดูเป็นคนมืดมน จึงไม่มีใครเข้าหา แต่จีฮเยแตกต่างจากรุ่นน้องคนอื่นๆ เธอไม่กลัวอะไรเลย
“ฉันต้องเลี้ยงอาหารอร่อยๆ ให้สมกับที่รู้สึกขอบคุณพี่สิคะ ตามมาเถอะค่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ”
“บอกให้เลิกพูดสุภาพไงคะ”
“โอเค”
จากนั้นพวกเขาก็ออกเดินทาง จีฮเยบอกว่าเดินไปแค่สิบนาทีก็ถึง แต่สุดท้ายก็ใช้เวลานานกว่านั้น ซังอูไม่ค่อยพอใจที่ต้องเดินไกลเพียงเพื่อไปกินข้าว แต่เขาให้สิทธิ์จีฮเยเป็นคนเลือกเมนูแล้วจึงได้แต่เดินตามไปเงียบๆ
“ที่นี่เป็นร้านพาสต้า อร่อยมากเลยค่ะ พาสต้าก็อร่อย พิซซ่าก็แป้งบาง ทานง่าย คราวก่อนฉันมากินพาสต้าปาเน่[2] อร่อยจนแทบจะกินจานเข้าไปด้วย… แถมยังมีส่วนลด 10% สำหรับนักศึกษาด้วยค่ะ พี่ๆ พนักงานพาร์ทไทม์ก็หน้าตาดีกันทุกคนเลย…”
จีฮเยเป็นคนช่างพูด ต่อให้ซังอูไม่หือไม่อือ เธอก็สามารถพูดคนเดียวไปเรื่อยๆ ได้ พวกเขาออกจากมหาวิทยาลัย ผ่านร้านเหล้าที่มีนักศึกษาล้นออกมานอกร้าน จากนั้นจีฮเยก็เดินเลี้ยวเข้าไปในตรอกที่ค่อนข้างเงียบอย่างไม่ลังเลแล้วชี้ไปที่ชั้นสอง ภาพต้นไม้ที่ถูกวาดลงบนป้ายชื่อร้านทำให้รู้สึกว่าต้องไม่ใช่ร้านอาหารราคาถูกทั่วไปอย่างแน่นอน
เมื่อเดินขึ้นบันได แล้วเปิดประตูขนาดใหญ่เข้าไป เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งก็ดังขึ้น แสงไฟในร้านอันกว้างขวางค่อนข้างมืด และตกแต่งออกมาในบรรยากาศที่อบอุ่น พนักงานเข้ามาสอบถามเรื่องการจองและจำนวนคน จากนั้นก็นำพวกเขาไปยังโต๊ะที่ว่าง
“ที่นี่ต้องเลือกพนักงานจากหน้าตาแน่ๆ เลยค่ะ หน้าตาแต่ละคนไม่ใช่เล่นๆ เลย”
จีฮเยมองไปรอบๆ พลางพูดไปเรื่อย หลังจากนั่งลงที่โต๊ะ ซังอูก็เปิดเมนูดูผ่านๆ เพื่อวิเคราะห์รายการอาหาร สำหรับอาหารจานเดี่ยว ถูกสุดคือ 14,000 วอน แพงสุดคือ 23,500 วอน ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 17,400 วอน เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่เมนูหลักคือเส้นแป้งต้มก็ถือว่าแพงอย่างยากจะเข้าใจ แค่ช่วยถือของครั้งเดียวไม่น่าจะต้องได้ค่าตอบแทนมากมายขนาดนี้
“ราคานี้เธอโอเคเหรอ”
“แค่เลี้ยงตอบแทนนานๆ ทีเองค่ะ ไว้ค่อยอดตอนสิ้นเดือนก็ได้”
แม้จะไม่เห็นด้วยกับคำตอบ แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปกังวลกับกระเป๋าเงินของคนอื่น ซังอูพิจารณาเมนูอาหารที่มีชื่อแปลกตาเหล่านั้นอีกครั้งระหว่างที่จีฮเยยังคงตั้งอกตั้งใจชื่นชมว่าอาหารพวกนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ Fresca Citrus Salad… Cacciucco Rosso… Frittiitaliani…
“สั่งอาหารเลยไหมครับ”
ขณะที่ซังอูกำลังเพ่งมองชื่ออาหารจนหน้าแทบฝังลงไปในเมนู เขาก็ได้ยินน้ำเสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นใกล้ๆ และจีฮเยเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน
“ฉันขอพาสต้าวองโกเล่ที่นึงค่ะ”
“ส่วนผม…”
ซังอูเงยหน้าขึ้นเตรียมจะสั่งเมนูที่แพงที่สุด ในตอนนั้นเองที่เขาได้สบตากับพนักงานร้าน ที่จีฮเยพูดเป็นเรื่องจริง แม้แต่ในสายตาของซังอูที่ปกติแล้วไม่ได้สนใจรูปร่างหน้าตาของคนอื่นก็ยังรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีอย่างหาได้ยาก
ถัดลงมาจากทรงผมที่ดูสุภาพเรียบร้อย เป็นใบหน้าเรียวที่ประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ ตาชั้นเดียวกลมโตดูเปิดเผย และจมูกโด่งเป็นสัน เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ากับผ้ากันเปื้อนสีดำที่ผูกไว้ที่เอว เป็นคนที่ดูสะอาดสะอ้าน
‘ว่าแต่เคยเจอที่ไหนมาก่อนหรือเปล่านะ’
หน้าตาของอีกฝ่ายดูคุ้นตา บางทีอาจจะเคยเห็นตามป้ายโฆษณาก็เป็นได้ ซังอูคิดดังนั้นพลางยกยิ้มมุมปาก
“พี่ เป็นอะไรไปคะ!”
เสียงเร่งเร้าของจีฮเยดึงให้ซังอูกลับสู่ความเป็นจริง เขารีบสั่งพาสต้าที่มีกุ้งล็อบสเตอร์ทันที พนักงานจดรายการอาหารลงในกระดาษแล้วทวนรายการที่สั่งอีกครั้ง
“ต้องการอะไรเพิ่มไหมครับ”
“ใช้ส่วนลดนักศึกษา ม.ฮันกุก ได้ใช่ไหมคะ”
“แน่นอนครับ เรียนที่เดียวกับผมนี่เอง”
พนักงานเผยยิ้มพลางเขียนเครื่องหมายบางอย่างลงในใบเสร็จ จีฮเยหยิบบัตรนักศึกษาออกมาจากกระเป๋าตังค์และเริ่มพูดไปเรื่อยอย่างตื่นเต้นดีใจ
“ฉันรู้ค่ะ ฉันเจอพี่บ่อยๆ เวลาเดินผ่านหน้าสินกำ[3] ปีที่แล้วฉันก็ไปดูละครเวทีเรื่องเซลส์แมนด้วยค่ะ เฮ้อ ยังจำได้แม่นเลยว่าหาตั๋วยากแค่ไหน”
พนักงานรับบัตรนักศึกษาของจีฮเยไปดูอย่างละเอียดแล้วคืนให้
“อยู่เอกฝรั่งเศสนี่เอง ถึงว่าสิ ดูมีเอก-กะ-ลักษณ์มากเลย”
น่าแปลกที่เขามองตรงมาที่ซังอูแล้วพูด สายตาคู่นั้นดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร
“ฮ่าๆ! มีแค่ฉันคนเดียวค่ะที่อยู่เอกฝรั่งเศส ส่วนพี่ชายคนนี้ไม่ใช่ พี่ซังอูอยู่เอกอะไรนะคะ”
ซังอูไม่อยากพูดเรื่องคณะที่เรียนกับคนที่ไม่รู้จัก อีกทั้งเขายังคิดว่ามันไม่ถูกต้องที่ผู้ชายคนนี้จะมาจ้องหน้าเขาตั้งแต่เจอกันครั้งแรก
“ไม่ต้องทำงานเหรอครับ รับออเดอร์แล้วก็ไปสิครับ”
สิ้นคำ ทั้งโต๊ะก็ตกอยู่ในความเงียบ จีฮเยทำหน้าเหมือนเห็นผี แต่รอยยิ้มบิดเบี้ยวของพนักงานกลับดูชัดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“เสมอต้นเสมอปลายดีจริงๆ”
อีกฝ่ายพึมพำเหมือนอยากให้ได้ยิน จากนั้นก็เก็บใบเสร็จกับปากกา แล้วพูดทิ้งท้ายว่ารออาหารประมาณยี่สิบนาที เมื่อฝ่ายนั้นเดินไปแล้ว จีฮเยก็สังเกตท่าทีของซังอูพลางเอ่ยถาม
“พี่โกรธเหรอคะ”
“เปล่านี่”
ซังอูตอบไปตามความจริง แต่จีฮเยดูเหมือนจะไม่เชื่อ
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พี่รู้สึกแย่จริงๆ นะคะ ถ้าพี่รู้สึกไม่ดี ฉันขอโทษค่ะ บางครั้งฉันก็พลั้งปากไป”
“พี่บอกว่าเปล่า”
“ขอโทษค่ะ!”
จีฮเยค้อมศีรษะพลางถูมือเป็นแมลงวัน
“พอเถอะ ก็บอกว่าไม่ใช่ไง”
“ค่ะ…”
“บอกให้พอ”
ซังอูหันหน้าไปทางอื่นอย่างรำคาญ ในตอนนั้นเองเขาก็ได้สบตากับพนักงานชายที่มารับออเดอร์โดยไม่ได้ตั้งใจ เขาแค่จะมองอากาศเท่านั้น แต่แทนที่อีกฝ่ายจะหลบตา กลับยิ่งจ้องซังอูเขม็งพลางเช็ดแก้วไวน์ไปด้วย พวกเขาแข่งจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ซังอูจะเป็นฝ่ายหันหน้าหนี
“ผู้ชายคนนั้นเอาแต่มองพี่อยู่ได้”
“ไม่หรอกค่ะ… เฮ้ย จริงด้วยแฮะ”
“ทำอย่างกับโกรธแค้นพี่อย่างนั้นแหละ”
“เห ไม่มั้งคะ”
พวกเขาคุยเรื่องสัพเพเหระกันตลอดยี่สิบนาที ยกตัวอย่างเช่น จีฮเยถามซังอูเบาๆ ว่าถ้าเขาสู้กับผู้ชายคนนั้นจะชนะไหม ซังอูตอบไปว่าเขาเป็นพวกไม่ชอบใช้กำลัง ถ้าต้องสู้กัน เขาก็จะปล่อยให้อีกฝ่ายต่อยทีหนึ่งแล้วแจ้งตำรวจดีกว่า
“ฮ่าๆๆ พี่อย่างตลกอะ ดูไม่น่าเป็นคนแบบนั้นเลย…”
“หมายความว่าไง”
“ดูเป็นพวกพูดเล่นไม่เป็นน่ะค่ะ”
“ไม่ได้ล้อเล่นซะหน่อย”
จีฮเยหุบปากฉับด้วยสีหน้าเหงื่อตก
ระหว่างที่นั่งรอเงียบๆ ในที่สุดอาหารก็มาเสิร์ฟ พนักงานถือจานสองใบด้วยแขนข้างเดียวพร้อมทำสีหน้าพิกล เขาวางจานหนึ่งลงตรงหน้าจีฮเย จากนั้นก็หันมาหาซังอูแล้ววางอีกจานลง ทันใดนั้นเขาก็กระซิบด้วยระดับเสียงที่ซังอูได้ยินชัดเจน
“ว่าจะปล่อยเฉยๆ แต่คิดไปคิดมาแล้วอดหัวร้อนไม่ได้ว่ะ”
“อะไรเหรอครับ”
“มาที่นี่ทำไม ไอ้ประสาท อยากลองดีหรือไง”
“รู้จักผมเหรอครับ”
ได้ยินซังอูตอบดังนั้น ชายหนุ่มก็อ้าปากค้าง เขาทำสีหน้าเหลือเชื่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะเสียงเหี้ยม จากนั้นก็เขม้นมองซังอูพลางหยิบแว่นในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนออกมาใส่ เมื่อได้สบตาอีกฝ่ายผ่านแว่นอันใหญ่ ซังอูก็นึกออก
จิ๊กโก๋เหลาะแหละที่เขาเจอที่ห้องประชุมของห้องสมุดก็สวมแว่นคล้ายๆ แบบนี้เหมือนกัน ดูเหมือนว่าจะเป็นคนตัวสูงด้วย การแต่งตัวต่างกันมาก ต่างหูก็ไม่ใส่ บรรยากาศรอบตัวต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่อย่างไรก็ดูเหมือนว่าทั้งสองจะเป็นคนคนเดียวกัน
“เอ่อ…คิมยองแจ”
แม้ซังอูจะเติมคำว่า ‘รุ่นพี่’ เข้าไปทีหลัง แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะหงุดหงิดเสียแล้ว เขาโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูซังอู
“กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาให้เห็นหน้าอีก อยากตายเหรอ”
“ผมไม่ได้ตั้งใจมาครับ จริงๆ ครับ”
“ซังอูยา”
น้ำเสียงที่จู่ๆ ก็อ่อนโยนทำให้ซังอูขนลุก เขาตัวสั่นขณะเดียวกันก็เลื่อนเก้าอี้ถอยหลังเล็กน้อย จากนั้นดวงตาชั้นเดียวที่อยู่ตรงหน้าก็ขยับเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น
“ซังอูยา พี่เรียกเราอยู่นะ”
“ผมมีพี่สาวคนเดียวครับ”
แม้จะเป็นคำตอบสั้นๆ แต่น้ำเสียงกลับแตกพร่า
“นายนี่มันใช้ไม่ได้เลยจริงๆ มีอะไรที่ไม่ชอบไหม”
“รุ่นพี่ครับ”
ซังอูตอบไปตามตรง แต่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะสะทกสะท้านสักนิด
“สีที่ไม่ชอบล่ะ”
“สีแดงครับ”
สีแดง สีของอาการ ERROR โดยทั่วไปแล้วซังอูไม่ได้ไม่ชอบสีไหนเป็นพิเศษ แต่มีแค่สีแดงเท่านั้นที่เขารับไม่ได้จริงๆ
“สัตว์ที่ไม่ชอบ?”
“โฮโมเซเปี้ยนส์[4]ครับ”
จะมีสัตว์ชนิดไหนที่ไม่สมบูรณ์เท่ามนุษย์ ไม่มีกรงเล็บที่แข็งแกร่ง ไม่มีผิวหนังที่ทนทาน ไม่มีพิษที่ร้ายแรง และมักถูกครอบงำด้วยความปรารถนาและอารมณ์ ซังอูเขม้นมองตัวอย่างผลลัพธ์อันไร้วิจารณญาณที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“อาหารที่ไม่ชอบ?”
“พาสต้าครับ”
ซังอูไม่ใช่คนเลือกกิน แต่ตอนนี้เขาไม่ชอบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้
“สถานที่ที่ไม่ชอบ?”
“รอบตัวรุ่นพี่ในรัศมีสิบเมตรครับ”
เพราะงั้นได้โปรดไสหัวไปสักทีเถอะ
หลังจากโต้ตอบกันไปมาอย่างเย็นชา ชายหนุ่มก็หัวเราะเสียงเครียดแล้วกระซิบเสียงต่ำ
“เห็นนายดูไม่ค่อยปกติ ฉันก็เลยว่าจะปล่อยผ่านไป แต่ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ตั้งตารอดูเทอมหน้าได้เลย”
“อ้อ ครับ เชิญจ้างนักเลงมาได้เลยครับ ผมจะกด 191[5] ไว้รอ”
“ไม่มีจินตนาการเลยจริงๆ”
กว่าซังอูจะคิดคำพูดโต้กลับออก อีกฝ่ายก็เดินจากไปไกลแล้ว

________________________________________
[1] เสื้อขนเป็ด หรือเสื้อมิชลิน หรือที่คนเกาหลีเรียกว่าแพดดิ้ง (패딩) เป็นเสื้อกันหนาวที่มีลักษณะเป็นปล้องๆ
[2] พาสต้าปาเน่ (Pane Pasta) พาสต้าที่เสิร์ฟมาในขนมปังอิตาเลียน เนื้อแข็งและหยาบ มีลักษณะเป็นก้อนทรงกลม โดยจะคว้านเอาขนมปังตรงกลางออก ทำให้กลายเป็นถ้วยแล้วใส่พาสต้าที่ปรุงแล้วลงในนั้น
[3] สินกำ ย่อมาจาก ศิลปกรรมศาสตร์
[4] โฮโมเซเปี้ยนส์ (Homo sapiens) สายพันธุ์ของมนุษย์ ซึ่งก็หมายถึงมนุษย์ในปัจจุบัน
[5] เบอร์ 191 ตามต้นฉบับจะเป็นเบอร์ 112 ซึ่งเป็นเบอร์ของกรมตำรวจเกาหลี

คอมเมนต์

Chapter List