White Night ตอนที่ 1-2
บทที่ 1 (2)
หนึ่งเดือนต่อมา คืนวันเพ็ญซึ่งผลักไสพวกเราลงหลุมลึกอันมืดมนก็หวนมาอีกครั้ง ร่างกายของแทกูกยองเจ็บปวดทรมานเช่นทุกที ผมเฝ้าจับตามองเขาซึ่งผิดแผกไปจากทุกครั้ง
มีเพียงเสียงบิดของกระดูกดังแทรกมากับเสียงลมหายใจแผ่วเบาเป็นระยะ อสูรน้อยตนเดิมที่เคยร้องไห้ อาละวาด และคร่ำครวญก่อนหน้านี้ไม่มีอีกแล้ว อย่าว่าแต่เสียงกรีดร้องตอนกระอักเลือดหรือกระดูกบิดเคลื่อนเลย แทกูกยองในตอนนี้ไม่มีแม้เสียงครางหลุดออกมาสักแอะ
ทั้งที่เจ็บปวดสาหัส แทกูกยองในวัยสิบเจ็ดปีก็อดทนผ่านมาได้โดยลำพัง เจตนารมณ์อันแรงกล้ากับจิตใจบริสุทธิ์และมุ่งมั่นของเขานั้นช่างเด็ดเดี่ยวอย่างร้ายกาจ
คืนนั้นเองที่ผมตระหนักได้ถึงความเจ็บปวดคืนแล้วคืนเล่าที่แทกูกยองต้องทนทรมานมาโดยลำพัง เขาอดทนแบกรับค่ำคืนที่แสนโหดร้ายอย่างโดดเดี่ยวเบื้องหลังผมผู้หันหน้าหนี
ครั้นร่างกายแทกูกยองผ่านพ้นโมงยามแห่งความเจ็บปวดเจียนตายมาได้ เขาก็ลากเท้าในสภาพแทบจะคลานมาล้มลงใกล้ ๆ ผมโดยไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าผมจ้องมองเขาอยู่
กลิ่นสาบสางคละคลุ้งจากร่างไร้สติของแทกูกยองผู้ฟุบศีรษะลงบนหลังเท้าของผม ไม่รู้กลิ่นคาวเน่าเหม็นนั้นมาจากร่างกายหรือหัวใจที่แตกสลายของเจ้าตัวกันแน่
ผมดึงเขาเข้ามากอด ร่างของแทกูกยองในอ้อมแขนผมร้อนประหนึ่งทารกผู้ซมด้วยพิษไข้ ร่างกายของเขาเติบใหญ่จนผมใช้สองแขนโอบแทบไม่มิดแล้ว ทว่าน่าแปลกที่ตอนนั้นผมกลับรู้สึกว่าเขาตัวเล็กนัก คล้ายผมกำลังกอดเจ้าอสูรน้อยผู้เติบโตแต่เพียงร่างกายเช่นเดียวกับผม
อารมณ์เศร้าสร้อยคลี่คลุมหัวใจผมอย่างเป็นปริศนา คลื่นอารมณ์สั่นสะเทือนรุนแรงกลบทับกระทั่งความรู้สึกเคียดแค้นให้กระจัดกระจายหายไป
ผมสำนึกได้ว่าตัวเองกำลังเห็นใจแทกูกยอง แถมยังเห็นใจมานานแล้วด้วย
ผมแค่นหัวเราะอย่างไม่อยากจะเชื่อ พร้อมกับยอมรับว่าตัวเองคงเสียสติไปแล้วแน่ ๆ
โลกในครรลองสายตาผมพลันพร่าเลือน หยดน้ำตาอุ่น ๆ กลิ้งผ่านร่องแก้มร่วงหล่นลงสู่ร่างชุ่มเลือดของอีกฝ่าย
ผมพึมพำอย่างเหม่อลอย “พวกเรามาตายด้วยกันไหม…”
ผมจินตนาการไม่ออก ไม่ว่าจะเป็นภาพที่ตัวเองตายไปโดยทิ้งเขาไว้หรือปล่อยให้เขาตายแล้วเหลือแค่ผมเพียงคนเดียว เพราะไม่ว่าจะรักหรือชัง บนโลกที่โหดร้ายใบนี้เราก็มีกันเพียงสองคน
หรือผมควรถามใหม่ว่า “เรามามีชีวิตอยู่ต่อ…ด้วยกันไหม…”
ช่วงเวลาแห่งราตรีช่างยาวนานเหลือเกิน
แสงเงินแสงทองของดวงตะวันยามรุ่งอรุณโผล่พราย ลำแสงทวีความเจิดจ้ากำราบเมฆครึ้มให้ล่าถอย แม่นมยิ้มโล่งอกขณะเฝ้ามองหยาดน้ำระยิบระยับล้อแสงเหนือยอดหญ้าเปียกชื้นที่มีเค้าว่าใกล้จะระเหยหาย
เมื่อคืนวานสายฝนกระหน่ำเกรี้ยวกราดตลอดคืนประหนึ่งมรสุมเข้าหากบัดนี้เหลือเพียงหยดน้ำบางละเอียดยิ่งกว่าเข็มที่โปรยปรายพร่างพรมสู่ผืนโลก ดูท่าฝนคงจะหยุดสนิทก่อนเที่ยงวัน ช่างคุ้มค่ากับที่แม่นมอุตส่าห์นั่งสัปหงกอธิษฐานให้ฝนหยุดจนเกือบย่ำรุ่งด้วยความกระวนกระวาย
แม่นมสาวเท้ารวดเร็วราวติดปีกบินไปกดสัญญาณปลุกคนในบ้านให้เริ่มต้นวันใหม่เร็วกว่าปกติ เมื่อวานแม่นมกำชับไว้ก่อนแล้ว บรรดาคนรับใช้จึงรีบลุกกันอย่างรวดเร็ว เมื่อแต่ละคนล้างหน้าล้างตาและสวมชุดทำงานกันเรียบร้อยดีแล้วก็ไปรวมตัวกันที่โถงของบ้าน
แม่นมสั่งการด้วยสีหน้าเข้มงวด
“เอาละ มีงานให้ทำอีกมาก ขอให้ทุกคนเร่งมือด้วย แต่ถึงจะบอกให้เร่งมือแต่ก็อย่ารีบจนลน ถ้ามีใครทำพลาดในวันสำคัญแบบนี้ ถึงจะแค่เผลอทำจานแตกใบเดียวก็เถอะ เตรียมใจไว้เลยว่าจะต้องไปจากที่นี่ทันที”
“ครับ/ค่ะ คุณนม!”
เสียงตอบฉะฉานราวกับพลทหารใหม่ฟังประกาศแจ้งระเบียบวินัยทำให้แม่นมยิ้มพอใจ
“อีกชั่วโมงครึ่งรถบรรทุกวัตถุดิบจะมาถึง และอีกสองชั่วโมงครึ่งจะเป็นรถส่งเสื้อผ้า กำหนดเวลาปรุงอาหารคือยี่สิบนาที เวลากินอาหารสามสิบนาที ส่วนงานล้างจานและทำความสะอาดครัวกับห้องเย็นจะต้องเสร็จในยี่สิบนาที เมื่อวานฉันแจกแจงหน้าที่ของแต่ละคนไว้แล้ว อย่าให้พลาดล่ะ”
ทุกคนรักษาเวลาตามคำสั่งของแม่นมอย่างเคร่งครัด หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จก็ทำความสะอาดห้องเย็นจนเอี่ยมอ่องเพื่อรอรับวัตถุดิบสด ๆที่จะมาส่ง มีทั้งผักผลไม้ปลอดสาร เนื้อสัตว์ที่เพิ่งชำแหละจากโรงฆ่าสัตว์ตอนเช้ามืด ตลอดจนสัตว์น้ำจำพวกกุ้งหอยปูปลาที่ยังเป็น ๆ ซึ่งขนมาส่งทั้งแท็งก์น้ำ เรียกได้ว่าวัตถุดิบทุกชนิดล้วนอยู่ในสภาพที่ยอดเยี่ยมที่สุด
แม่นมสวมผ้ากันเปื้อนที่ซักจนหอมตามด้วยโพกผ้าคลุมผมให้แน่นจากนั้นก็เริ่มตรวจตราวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน จัดการคัดแยกผักที่มีหนอนเจาะ ปลาที่ตายระหว่างขนส่ง เนื้อสัตว์ชิ้นที่มีกลิ่นเหม็นสาบ และวัตถุดิบที่ไม่ได้มาตรฐานออกไป
แม่นมส่งต่องานแล่และตัดแต่งเนื้อสัตว์จนเสร็จก็เดินไปทางแท็งก์น้ำขนาดใหญ่ ปลาไหลห้าตัวที่แหวกว่ายอยู่ในแท็งก์เข้าตาหล่อนนัก ช่วงนี้เป็นฤดูกาลของปลาไหลพอดี แต่ละตัวจึงอวบอ้วนสมบูรณ์ ปลาหมึกสายกับหอยเป๋าฮื้อก็คุณภาพเยี่ยมเช่นกัน
“เมนูหลักของคุณซึงโดวันนี้เอาเป็นปลาไหลย่างกับซุปปลาหมึกใส่เต้าหู้นะ สองเมนูนี้ใช้ของทะเลแล้ว ฉะนั้นจานเคียงทำผัดวุ้นเส้นแบบดั้งเดิมแต่ใส่เนื้อสัตว์กับเห็ดเยอะ ๆ ส่วนอาหารเรียกน้ำย่อยจานแรกเอาเป็นโจ๊กฟักทองกับสลัด จานเนื้อเสิร์ฟซี่โครงอบกับเนื้อสันนอกย่าง เมนูเสริมอื่น ๆ ทำวุ้นถั่วเขียวปรุงรสแบบเกาหลี แมงกะพรุนทรงเครื่องเสิร์ฟเย็นหอยเป๋าฮื้อราดซอส ตุ๋นซี่โครงวัว เจ้าหญิงนพเก้า[1] เต้าหู้ย่างราดซอสของหวานเป็นชาบ๊วย ผลไม้สด แล้วก็อาหารว่างทำแอปเปิ้ลพาย เบบี้ชูว์คุกกี้ธัญพืชกับพวกถั่วขบเคี้ยว เอาละ เตรียมตัวได้”
ลูกมือในครัวจดบันทึกกันแข็งขัน สาวใช้คนหนึ่งเดินถือหม้อเนื้อหนาเข้ามาหา แม่นมหยิบถั่วเหลืองที่แช่ข้ามคืนในหม้อนั้นมาลองเคี้ยวแล้วพยักหน้า
“ได้ที่พอดี เธอทำเต้าหู้บ่อยจนหลับตาทำได้สบายแล้วละสิ”
“แน่นอนค่ะ วางใจได้เลย”
“ฉันขอดูอีกครั้งก่อนใส่น้ำดีเกลือนะ เรียกด้วยแล้วกัน”
แน่นอนว่าแม่นมยืนคุมเคาน์เตอร์ทำอาหารด้วยตัวเอง หล่อนนวดแป้งสำหรับทำของว่างพักไว้ จากนั้นยกหม้อตั้งไฟทำซุปปลาหมึกใส่เต้าหู้ และยังเดินตรวจตราความคืบหน้าของการปรุงอาหารจานต่าง ๆ ในครัวด้วย
รถขนส่งเสื้อผ้ามาถึงขณะที่แม่นมผสมแป้งข้าวเหนียวใส่ฟักทองแก่จัดกับฟักทองญี่ปุ่นบด หล่อนถอดผ้ากันเปื้อนแล้ววิ่งไปที่สวนทันทีแทซองมุนผู้เดินขนกล่องพาดบ่าทั้งซ้ายและขวาเข้ามาเห็นหล่อนก็ส่งยิ้มสดใสทักทาย
“สวัสดีครับคุณนม”
“จ้ะ อรุณสวัสดิ์ ซองมุนมาเองเลยหรือ ไม่เห็นต้องขนเองเลยนี่”
“ผมเป็นผู้คุ้มกันอันดับหนึ่งของพี่สะใภ้นี่ครับ เลยอยากรีบมาทำหน้าที่หน่อย”
แม่นมหรี่ตาแล้วหัวเราะ
“หึ คิดว่าฉันรู้ไม่ทันเจตนาเธอหรือ ซองมุน เห็นแบบนี้เธอก็รั้นใช่เล่นแฮะ ถูกคุณหนูกัดทุกครั้งก็ยังไม่ยอมแพ้”
แทซองมุนวางกล่องลงบนพื้นแล้วชูนิ้วก้อยมือขวาให้แม่นมดูด้วยท่าทางหดหู่
“นั่นสิครับ นิ้วที่โดนพย็อลกัดยังเจ็บอยู่เลย ไม่รู้ทำไมฟันคมนัก”
“ก็เธอดันจับตัวคุณหนูโดยไม่ได้รับอนุญาตน่ะสิ”
“ถึงขอก่อนก็ถูกปฏิเสธอยู่ดีครับ ต่อให้ผมพูดว่า ‘ขอจับหางหน่อยได้ไหม’ พย็อลก็คงไม่ยอมแน่ ไหน ๆ ต้องถูกกัดอยู่แล้ว จับเลยไม่ดีกว่าหรือครับ”
แม่นมเดาะลิ้นอย่างอ่อนใจ
แทซองมุนถามขึ้นว่า “คุณนมเคยป้อนนมพย็อลแล้วสินะครับ ไหนจะได้ร้องเพลงกล่อม ได้ลูบตัวน้องอีก ฮ้า อิจฉาจัง ถ้าได้อุ้มเจ้าตัวน่ารัก ๆแบบนั้นเล่นบ้าง ผมคงไม่อยากได้อะไรอีกแล้วละ”
แทซองมุนพูดเสียงเคลิ้ม แม่นมหลบตาวูบ เพราะเอาเข้าจริงหล่อนก็ยังไม่เคยได้อุ้มคุณหนูคนใหม่สมใจเลยเหมือนกัน
พย็อลหรือชื่อจริงว่าแทอึนกยองเป็นทารกอสูรที่ดื้อสุด ๆ ดูเหมือนเธออยากให้อีซึงโดเท่านั้นเป็นผู้ป้อนอาหาร อาบน้ำ และกล่อมนอน ความจริงก็ไม่แปลกที่ทารกวัยเท่านี้จะร้องหาแม่ตลอดเวลา แต่แทอึนกยองติดแม่หนักเหลือเกิน มีแค่แทกูกยองที่พอจะแทรกตัวอยู่ตรงกลางระหว่างแม่ลูกได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เพราะพย็อลพิศวาสพ่อเป็นพิเศษ แต่น่าจะเป็นเพราะความคุ้นเคยจากการเป็นสายเลือดเดียวกันมากกว่า
“เลิกคุยเล่นแล้วรีบขนของเข้าบ้านเถอะ ฉันอยากจัดให้เสร็จก่อนกลับไปเตรียมสำรับอาหารต่อ”
“ครับ ๆ มีหรือผมจะกล้าขัด”
แทซองมุนส่งยิ้มสวยดั่งภาพวาด ก่อนจะยกกล่องไม้พาดบ่าเดินนำหน้า โดยมีหนุ่ม ๆ คนงานทยอยเดินข้ามสวนตามมา ภาพพวกเขาขนย้ายเสื้อผ้ากับเครื่องประดับจำนวนมากชวนให้นึกถึงมดงานจอมขยันโดยมีแม่นมคอยกำกับการประหนึ่งราชินีมด ได้หนุ่ม ๆ แรงดีขนของให้พริบตาเดียวงานก็เสร็จ
“ว่าแต่คุณนมครับ ทำไมข้าวของเยอะจัง” แทซองมุนเอ่ยถามเรื่องที่ตนข้องใจเมื่อเสร็จงานจัดเก็บเสื้อผ้าแล้ว
“ทั้งสองท่านไม่ใช่สาว ๆ ที่ต้องสวมเดรสหรือเครื่องประดับสักหน่อยอีกยองก็ไม่ได้ไปด้วยนี่ครับ”
“พูดจาเหมือนกลัวใครเขาไม่รู้งั้นแหละว่าเป็นหนุ่มสกุลแท” แม่นมเดาะลิ้นพลางโคลงศีรษะ
“ซองมุน เวลาอยู่บ้านเธอชอบถอดเสื้อไหม”
“แหงสิครับ เวลาสกุลเราทำกิจกรรมคล้าย ๆ แข่งกีฬากระชับมิตรทุกตนก็จะนุ่งแค่กางเกงในตัวเดียวเดินไปไหนมาไหน กินข้าว แล้วก็แข่งกีฬากันทั้งแบบนั้นครับ สบายตัวดี”
“…ถ้าพูดในแง่แฟชั่นก็ต้องบอกว่าดิบเถื่อนชะมัด”
“ดิบเถื่อนก็ดูเซ็กซี่ได้นะครับ”
“เอาเถอะ เผอิญฉันดันนิยมของสวยงามมากกว่าความดิบเถื่อนน่ะสิถือว่าเรามีรสนิยมที่แตกต่างก็แล้วกัน ท่านเจ้าบ้านก็ชอบแต่งตัวแบบเดียวกับเธอนั่นแหละ แต่วันนี้ฉันละปลื้มใจนัก ทั้งคู่เผชิญเรื่องเลวร้ายกันมานานกว่าจะลงเอยกันได้ จะให้ฉันทำเฉยเรื่องชุดได้ยังไง ต่อให้แต่งตัวจนหล่อเฟี้ยวกันแค่ไหน ฉันก็คงอดจู้จี้เพราะอยากให้ทุกท่านหล่อยิ่ง ๆขึ้นไปอีกไม่ได้ “แม่นมกล่าวพลางใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดถูนาฬิกาข้อมือที่วางเรียงเต็มแท่นจัดเก็บไปด้วย ทั้งที่แต่ละเรือนก็สะอาดเอี่ยมปราศจากฝุ่นจนไม่จำเป็นต้องเช็ดด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของแม่นมก็ดูสุขใจเหลือแสน
“นั่นสินะ คุณนมเป็นคนเก่าคนแก่ที่คอยดูแลทั้งสองท่านตั้งแต่ถูกกักตัวสินะครับ”
“ใช่จ้ะ นึกถึงสมัยนั้นทีไรก็ยังปวดใจไม่หาย”
แม่นมเป็นคนเดียวที่รู้เห็นเรื่องราวในอดีตที่แสนเจ็บปวดของแทกูกยองกับอีซึงโดอย่างใกล้ชิด ทั้งสองต่างเคยสร้างแผลใจให้แก่กันและต่างก็เจ็บปวดเมื่อเห็นอีกฝ่ายทรมานใจเพราะตน แม่นมปวดร้าวใจนักเมื่อรู้ว่าอีซึงโดเห็นหล่อนเป็นดั่งญาติผู้ใหญ่ทั้ง ๆ ที่หล่อนเพียงแค่ใจดีกับเขานิดหน่อยเท่านั้น
ตอนนั้นหล่อนควรทำดีกับเขาให้มากกว่าแค่ปรุงอาหารไปให้ ไม่สิหล่อนควรเข้ามาทำงานในคฤหาสน์สกุลแทให้เร็วกว่านี้ อย่างน้อยจะได้ช่วยปลอบโยนอีซึงโดผู้อ้างว้างได้มาก ๆ หัวใจแม่นมเจ็บจี๊ดด้วยความเสียดาย
________________________________________
[1] อาหารตำรับชาววังของเกาหลี เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ให้ทั้งความเย็นจากผักและความอบอุ่นจากเนื้อสัตว์บวกด้วยแป้ง รวมทั้งหมดเก้าอย่าง
คอมเมนต์