White Night ตอนที่ 1-6
บทที่ 1 (6)
“ใจลอยคิดอะไรอยู่คะ ฉันเรียกคุณตั้งสองครั้ง”
“ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าเมื่อกี้คุณพูดอะไร…”
“ฉันบอกว่าขั้นตอนพิธีสมรสเสร็จสิ้นแล้วค่ะ คุณจะกลับกับเจ้าบ้านสกุลแทเลยหรือจะอยู่ต่อก็ได้นะคะ”
“อ๋อ…เข้าใจแล้วครับ ขั้นตอนเรียบง่ายกว่าที่ผมคิดมากเลย”
“ถ้าอย่างนั้นพวกฉันขอตัวนะคะ”
“ครับ เดินทางกลับอย่างปลอดภัยนะครับ”
ยอนฮีสบตาเขาเป็นเชิงลา แล้วเดินนำกลุ่มองครักษ์ออกจากงานอีซึงโดมองส่งและพบว่าอีวอนพโยกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ตรงทางเข้า
อีวอนพโยผินหน้ามาด้วยรู้สึกว่าถูกมอง ทั้งคู่จึงสบตากัน อีซึงโดยิ้มรับและค้อมศีรษะทักทาย เจ้าบ้านสกุลอีทักตอบด้วยการโบกมือข้างที่ว่างเล็กน้อย อีซึงโดกำลังจะเดินไปหาเพื่อเอ่ยคำต้อนรับก็พอดีกับที่แทกูกยองโอบไหล่รั้งเขาไว้ให้หยุดยืนข้างตัว
“ซึงโด เมื่อกี้นายเป็นอะไร”
อีซึงโดเงยหน้ามองด้วยความงุนงง
“เมื่อกี้ฉันทำไมหรือ”
“ก็ทั้งที่มีเจ้าบ่าวหมาด ๆ ยืนอยู่ข้าง ๆ นายยังใจลอยอีก ไม่ได้ยินใครพูดด้วย นั่นละคำถาม”
แทกูกยองส่งยิ้มงดงามดั่งภาพวาดมาให้ เป็นรอยยิ้มที่สว่างไสวขนาดข่มแสงนวลจากโคมไฟระย้าให้หมองลงได้ในพริบตา ทว่านัยน์ตาใต้เปลือกตาเรียวโค้งกลับลึกล้ำยิ่งนัก
“ไม่ใช่เรื่องพิเศษหรอก”
อดีตที่เจ็บปวดของอีซึงโดก็คือพิษร้ายสำหรับแทกูกยองเช่นกันอันที่จริงอีซึงโดไม่อยากเล่า แต่คงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดบังแทกูกยองผู้หมั่นสังเกตอาการของเขาอยู่เสมอ
“ตอนคุณยอนฮีเล่าเรื่องสมัยโบราณ ฉันนึกถึงญาติ ๆ ที่เมื่อก่อนเคยเจออยู่ครั้งหนึ่งน่ะ เอ่อ ก็แค่อยากรู้ว่าพวกเขาสบายดีไหม”
อีซึงโดเลือกคำตอบที่เจือความจริง แต่แทกูกยองเอียงคอมองมาด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก คล้ายแคลงใจนิดหน่อย
“อยากตามหาพวกเขาไหม”
แทกูกยองเอ่ยสิ่งที่สมควรถาม แต่อีซึงโดส่ายหน้า
“ไม่ละ จะตามหาทำไม พวกเขาคงมีชีวิตปกติสุขกันดี อีกอย่างฉันเองก็ไม่ได้คิดถึงพวกเขาด้วย”
“เปลี่ยนใจตอนไหนก็บอกแล้วกัน ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดิน ฉันก็จะตามหาให้เจอ”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง อ๊ะ คุณวอนพโยวางสายพอดี”
อีซึงโดเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นอีวอนพโยเก็บโทรศัพท์มือถือ เมื่อครู่พวกเขาสบตาทักทายกันแล้ว อีวอนพโยจึงเป็นฝ่ายเดินมาหา ใบหน้าของเจ้าบ้านสกุลอียังคงปราศจากอารมณ์ใด ๆ ดุจสวมหน้ากากแก้วเนื้อดีเช่นเดิม
“ดีจริง คุณดูแข็งแรงดี”
“ครับ ต้องยกให้เป็นความดีความชอบของคุณนั่นละ วันนั้นมัวแต่วุ่นวาย ผมเลยยังไม่มีโอกาสกล่าวขอบคุณคุณจริง ๆ จัง ๆ เสียที ขอบคุณมากนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้ทำเพราะหวังคำชมเชยอยู่แล้ว ลืมไปเสียก็ได้ครับ”
“ลืมได้ที่ไหนล่ะครับ เพราะคุณวอนพโยแท้ ๆ ผมกับลูกคนที่สองถึงรอดชีวิตมาได้ จริงสิ ได้ข่าวว่าบ้านคุณมีเรื่องน่ายินดีเหมือนกัน ภรรยาคุณตั้งครรภ์แล้วสินะครับ”
คำพูดนั้นทำให้มีรอยยิ้มจาง ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าและดวงตาของเจ้าบ้านสกุลอี
“กำหนดคลอดคือเดือนตุลาคมครับ”
“งั้นก็เหลือแค่สองเดือนกว่า ๆ เองสิเนี่ย ถ้าน้องคลอดแล้ว ช่วยส่งข่าวหน่อยสิครับ ผมอยากให้ของรับขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง”
“ครับ ได้เลย”
“อะฮ้า เจ้าบ้านสกุลอีของเราจะเป็นคุณพ่อแล้วหรือเนี่ย”
นัมคังอูผู้ยืนหลบมุมโคลงแก้วเหล้าเล่นพูดแทรกขึ้นมา อสูรหนุ่มถือแก้วแชมเปญเต็มสองมือเดินเข้ามาหา
“ลูกสาวหรือลูกชายล่ะ”
“ยังไม่แน่ใจ”
“เอาเถอะ แหม จะลูกสาวหรือลูกชายแล้วไง ขอแค่เด็กแข็งแรงเป็นพอ”
นัมคังอูส่งแชมเปญสองแก้วให้แทกูกยองกับอีซึงโด
“ไม่จัดงานฉลองแยกหน่อยหรือ”
ทั้งคู่รับแก้วมาโดยไม่อิดออด
แทกูกยองเป็นฝ่ายตอบคำถาม
“งานฉลองอะไรกัน มีแค่นัดกินข้าวรวมญาติสุดสัปดาห์หน้า”
“โดยไม่เชิญเพื่อนเลยเนี่ยนะ”
“อืม ถึงฉันเชิญแขกเพิ่มก็ไม่มีใครว่าหรอก อีวอนพโยสิน่าชวน แต่นาย คงไม่ชวนละ”
“อะไรวะ ฟังแล้วหงุดหงิดชะมัด”
“หนุ่ม ๆ สกุลแทค่อนข้างเลือดร้อน แล้วนายก็จัดเป็นประเภทพร้อมมีเรื่องชัด ๆ ถ้าเกิดมีเรื่องกันจริง นายก็คงไม่ยอมหยวนให้ใช่ไหมล่ะ”
“หืม ปฏิเสธไม่ออกเลยว่ะ”
วันที่ตามสังหารพวกยอฮงแจ แทโฮยอนยกโขยงหนุ่ม ๆ วัยรุ่นสกุลแทไปลุยล้างบางตลอดสองวัน ท่าทางบ้าดีเดือดของหนุ่ม ๆ ร่วมสกุลทำให้แทโฮยอนถึงกับเข่นเคี้ยวเขี้ยวฟันตลอดเวลาที่กลับมารายงานแทกูกยองเขาหลุดคำสบถ เช่น ไอ้พวกเด็กโง่ มีหัวไว้กั้นหู ปีศาจบ้าเลือด และอื่น ๆ อีกมากมาย ขืนปล่อยให้เจ้าของฉายาหมาบ้าอย่างนัมคังอูมาร่วมงานรวมญาติที่มีแต่พวกตัวแสบหัวร้อนง่าย รับประกันได้เลยว่าเกิดเหตุวุ่นวายแน่นอน
“ก็จัดแยกอีกงานเฉพาะพวกเรากันเองก็ได้นี่ครับ ผมอยากเชิญให้หมดเลย ทั้งคุณคังอู คุณวอนพโย แจฮี คุณยองแอ แล้วก็คุณเจอุนด้วย…กูกยอง นายโอเคไหม”
“ทำไมจะไม่โอเคล่ะ ฉันจะชวนยอเจอุนเอง”
ยอเจอุนผู้มาร่วมงานในฐานะเจ้าบ้านตนใหม่ของสกุลยอเข้ามากล่าวทักทายพวกเขาสั้น ๆ แล้วหายไปอยู่ตรงไหนสักแห่งท่ามกลางแขกเหรื่อเห็นอีกทีก็ออกจากห้องจัดงานไปพร้อมกับกลุ่มองครักษ์แล้ว ระหว่างยุ่งกับการรับรองแขกอีซึงโดพอรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องมองมาของอีกฝ่ายพอหันไปมองก็เห็นยอเจอุนมองมาด้วยแววตานิ่งสนิท คล้ายว่าอาการร้อนรุ่มซึ่งเคยเกิดก่อนหน้านั้นได้เลือนหายไปแล้ว เหลือเพียงรอยแผลที่อ่อนจาง
ดูเหมือนยอเจอุนจะจัดระเบียบอารมณ์ความรู้สึกได้แล้ว อย่างน้อยก็ในสมองอันเย็นชาของเจ้าตัวละนะ
“ชนแก้วกันหน่อยไหม” แทกูกยองชูแก้วพลางย่นจมูก
แม่นมคล้องกล้องใหญ่เบิ้มอย่างกับปืนใหญ่ไว้ที่คอ หล่อนเป็นผู้เก็บภาพบรรยากาศในงานและดันตาไวเห็นท่าทีของพวกเขาจึงรีบวิ่งมาหา
อีซึงโดถามหาคำอวยพรจากแทซองมุนก่อนชนแก้ว ผู้คุ้มกันของเขาซึ่งคอยรักษาการณ์เงียบกริบดั่งเงาเอ่ยปากอวยพรด้วยความยินดี
“ท่านเจ้าบ้าน พี่สะใภ้ ขอให้สุขภาพแข็งแรง ครองคู่อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ เลยนะครับ”
“เออ”
“ขอบคุณครับ คุณซองมุน”
เคร้ง!
เสียงแก้วกระทบกัน แชมเปญสีเลมอนส่องประกายล้อแสงไฟขณะกล้องของแม่นมตามจับอิริยาบถของแต่ละคนไว้ได้อย่างชัดเจน
คอมเมนต์