White Night ตอนที่ 2-2
บทที่ 2 (2)
เล็บ ห้ามกาง
แม้ไม่รู้ว่าลูกเสือฟังเข้าใจสักแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ คือไหวพริบดีนักอสูรน้อยพยักหน้าหงึก ๆ แล้วเก็บเล็บเรียบร้อย ในอุ้งมือของอีซึงโดจึงเหลือเพียงเท้าปุกปุยเล็ก ๆ กระดุกกระดิก
“เก่งมากเด็กดี พย็อลของเรา”
พย็อล เด็กดี
“หูย น่ารักจัง จุ๊บ ๆ”
เสียงจ๊วบจ๊าบดังระงมตามมา แทกูกยองมองด้วยสายตาหมั่นไส้ก่อนบ่น
“ตลกจริงจริ๊ง มารยาเจ้าเปี๊ยกสกุลยอกลายเป็นของเด็กเล่นเลยอะ”
“นายนี่นะ ต่อหน้าลูก พูดจาดี ๆ หน่อยสิ”
อีซึงโดเอ็ดแล้วตีปากแทกูกยองเบา ๆ
“ทำตัวให้สมเป็นพ่อเขาหน่อยสิ เกเรเป็นเด็กอยู่ได้”
“ซึงโดของเราคงไม่รู้ว่าฉันถูกชาวอสูรด้วยกันเรียกว่าเป็นพ่อหลงลูกชาย พวกนั้นมองว่าฉันเป็นพ่อที่โอ๋ลูกสุด ๆ ด้วยซ้ำ ยังมาว่ากันอีก”
“เพ้อเจ้อ”
“เดี๋ยวเถอะ ไม่เชื่อฉันเรอะ”
“ก็พูดเรื่องที่น่าเชื่อสิ”
อีซึงโดไม่เชื่อคำพูดอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย แต่แทกูกยองไม่เห็นความจำเป็นต้องหว่านล้อมก็เลยแค่ส่งยิ้มกว้างมาให้
“แทกูกยองก็หลงลูกจริง ๆ นี่”
ชินยองแอที่ตอนนี้บนศีรษะมีมงกุฎดอกไม้ฝีมือแทอีกยองสวมอยู่ยืนยัน อีซึงโดถึงกับเก็บสีหน้าตกตะลึงไว้ไม่อยู่เมื่อได้ยินคำตอบอันเหลือเชื่อ
“กะ…กูกยองเนี่ยนะ”
“อื้อ ถึงไม่เท่าพ่อฉันที่ขึ้นชื่อว่าหลงลูกสาวสุด ๆ ก็เถอะ แต่แทกูกยองคอยประคบประหงมลูกชายออกจะตาย เวลาอีกยองเล่นจนหมดแรงก็เห็นทั้งโอ๋ทั้งอุ้มเดินไปไหนมาไหน เห็นว่าช่วงหน้าร้อน หมอนั่นตบไล่ยุงให้ลูกก่อนเข้านอนด้วยไม่ใช่หรือ”
ชินยองแอบุ้ยคางไปทางชานนอกหน้าต่างก่อนกล่าว
“แถมยังเล่นกับลูกบ่อย ๆ แบบโน้นอีก เห็นเรียกว่าไงนะ เล่นปืนใหญ่กระสุนอีกยองใช่ไหม”
แทอีกยองค่อนข้างพูดเก่งก็เลยพูดจ้ออวดพ่อตัวเองไปทั่วงานชุมนุมสกุลครั้งก่อน เป็นเรื่องจริงที่แทกูกยองอุ้มลูกชายเดินไปไหนมาไหนบางครั้งยังให้ขี่คอด้วย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ประหลาดนักสำหรับโลกอสูร
“ก็เป็นเรื่องธรรมดาของพ่อลูกนี่นา”
“แหม พี่ก็พูดเหลวไหล”
ชินยองแอพ่นลมหายใจพรืด แต่แล้วก็ยิ้มด้วยดวงตาคล้ายเพิ่งตระหนักได้
“พวกเราต่างจากมนุษย์มากน่ะ น้อยนักจะเจอความรักผูกพันหรือสายใยที่เหนียวแน่นระหว่างพ่อแม่ลูก อสูรเห็นลูกเป็นเพียงเมล็ดพันธุ์ที่รอวันเติบโต โดยเฉพาะอสูรเด็กเพศชาย ชะตาของสกุลมีสิทธิ์พลิกผันตามระดับความแข็งแกร่งของลูก ถึงปัจจุบันจะไม่รุนแรงเท่าไรแล้ว แต่สมัยก่อนเป็นเรื่องปกติมากที่อสูรเด็กเพศชายที่เกิดมาอ่อนแอจะถูกทิ้ง”
อีซึงโดผู้เคยทำงานในสวนสัตว์ฟังแล้วก็เข้าใจทันที นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในโลกของสัตว์ป่า พ่อแม่พร้อมจะทิ้งลูกเล็กที่เกิดมาอ่อนแออย่างไร้เยื่อใย เพื่อจะได้เลี้ยงดูลูกตัวอื่น ๆ ที่แข็งแรงกว่า จำนวนลูกสัตว์อ่อนแอที่อีซึงโดต้องดูแลแทนพ่อแม่ของพวกมันจึงมีมากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหว
ชินยองแอพูดต่อเสียงเบา
“โลกของอสูรที่พี่เพิ่งก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งน่ะ ต่อให้แทกูกยองสังหารอีกยองก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกหรอกนะ”
เขาเกือบลืมไปเสียแล้วว่าพ่อแม่ของแทกูกยองและพ่อของยออึนแทเคยปฏิบัติต่อลูกในไส้ของตนอย่างไร พวกเขาใจร้ายแค่ไหนกับลูกที่ตัวเองเห็นว่าไร้ประโยชน์และคาดว่าคงไร้โอกาสเติบโต
อีซึงโดเคลื่อนสายตาไปมองทัศนียภาพอาบแสงตะวันนอกหน้าต่างที่เปิดกว้าง แทกูกยองกับเด็กทั้งสองกำลังเล่นยิงปืนใหญ่โดยติ๊ต่างให้แทอีกยองเป็นลูกกระสุน เสียงหัวเราะเริงร่าของแทอีกยองตอนถูกเหวี่ยงลอยละลิ่วสู่ท้องฟ้าดังเคล้าเสียงฮึ่มฮั่มของยออึนแทผู้กระโจนรับตัวน้องอย่างแม่นยำ ดูท่าการเล่นนี้คงสนุกสุดเหวี่ยงจริง ๆ ขนาดแทอึนกยองซึ่งปกติไม่ยอมห่างกายอีซึงโดยังถึงกับไปเฝ้าดูใกล้ ๆ เธอจ้องพ่อกับพี่ ๆเล่นกันตาแป๋ว
“ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนอยากสนุกเองมากกว่าแค่เล่นเป็นเพื่อนลูก แต่ช่างเถอะ เด็ก ๆ ชอบออกอย่างนั้นก็ต้องถือว่าเป็นพ่อที่ทำให้ลูกมีความสุขได้แค่นี้ก็พอแล้วละ”
ครั้นทบทวนให้ดีก็เห็นว่าแทกูกยองไม่เคยถือสาจริงจังว่าลูก ๆ มาแย่งความรักจากอีซึงโดไป จะมีก็แค่อยากให้อีซึงโดรักตนมากกว่าลูกสักนิดเพราะเจ้าบ้านหนุ่มทนไม่ได้ถ้าต้องกลายเป็นที่สอง
“อ๊ะ รถของพี่แจฮีละ! พี่แจฮี!”
อีซึงโดเบนสายตามองตามเสียงร้องทักรื่นเริงของแทอีกยอง รถยนต์สีขาวมุกแล่นเข้ามาคล้อยหลังประตูรั้วที่ปิดลง เขาทันเห็นยออึนแทผู้ผ่านวันเพ็ญแรกของปีมาอย่างปลอดภัยภายใต้การดูแลของซงแจฮีพาแทอีกยองขี่หลังวิ่งห้อไปต้อนรับ นัมคังอูซึ่งรับหน้าที่สารถีจึงปล่อยให้ซงแจฮีลงจากรถไปหาเด็ก ๆ ก่อน
“พายอนจูมาด้วยแฮะ พี่เคยเจอลูกสาวของแจฮีแล้วใช่ไหม”
ชินยองแอเอ่ยถามขณะมองเด็กหญิงในอ้อมกอดของซงแจฮี อีซึงโดพยักหน้า
“น้องยอนจูยิ้มเก่ง น่ารักมาก ไม่ตื่นคนเลย อึนแทกับอีกยองเอ็นดูน้องกันมาก ขนาดพย็อลยังชอบ ถึงกับพูดทักทายก่อนเลยด้วย”
“อ๋อ เรื่องนั้นฉันก็เคยได้ยิน เจ้าจิ๋วจอมเย็นชาผู้ไม่เอาใครนอกจากพี่ดันติดยอนจูตั้งแต่วันแรกที่เห็นหน้า”
“อื้อ เดี๋ยวนี้เวลากูกยองอยากอยู่กับฉันก็เลยเรียกแจฮีมาหา เพราะถ้ามียอนจูอยู่ด้วย พย็อลจะงอแงเรียกหาฉันน้อยลง”
“เฮ้อ เด็กอะไรเพิ่งจะขวบเดียว แต่มีทั้งพี่คังอูทั้งสกุลแทคอยดูแลเลยแฮะ”
ตั้งแต่ได้ตัวลูกสาวคืนสู่อ้อมอก ซงแจฮีก็เป็นห่วงความปลอดภัยของนัมยอนจูเป็นพิเศษ ชินยองแอเลยกึ่งดุกึ่งปลอบว่าจะด่วนกลุ้มใจทำไมในเมื่อมีนัมคังอูคอยใส่ใจดูแลอยู่แบบนี้ ซงแจฮีถอนใจพลางแย้งว่าสักวันนัมคังอูกับแทกูกยองก็ต้องแก่ตัวและอ่อนแอลง
เจ้าอสูรหนุ่มสองตนนั้นน่ะหรือจะอ่อนแอลง
จริงอยู่ว่าเป็นเรื่องที่จินตนาการได้ยากในตอนนี้ ทว่าไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า กระทั่งอสูรหนุ่มผู้แข็งแกร่งสักวันก็ย่อมถึงวัยชรา พละกำลังที่แข็งแกร่งจะเปลี่ยนผ่านไปสู่อสูรหนุ่มรุ่นใหม่ เช่น ยออึนแท ที่ตอนนี้อสูรหนุ่มทั้งสองยังกำราบได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว
อย่างไรก็ตาม อสูรรุ่นราวคราวเดียวกันที่จะเติบโตร่วมยุคกับเด็กหญิงนัมยอนจูนั้นดูท่าจะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุร้ายใดกับเธอแน่ โดยเฉพาะหากมีบุตรีตนใหม่ของสกุลแทคอยเคียงข้าง มีหรือใครจะกล้าหยามเกียรติเด็กหญิงนัมยอนจู
ต่อไปคงเป็นเจ้าจิ๋วนี่ละที่จะพากระแสลมหอบใหม่มาสู่โลกอสูรในวันหน้า
ชินยองแอจินตนาการถึงเรื่องน่าสนุกพลางจับตามองแทอึนกยอง
คอมเมนต์