White Night ตอนที่ 2-4
บทที่ 2 (4)
อีซึงโดชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ท่าทางปิดกั้นของอีกฝ่ายหนักหนาเกินคาดเขาชักลังเลว่าตัวเองลงมือเร็วเกินไปหรือเปล่า แต่แล้วอีซึงโดก็ฮึดใหม่เขาไม่ควรปล่อยเลยตามเลยไปเรื่อย ๆ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง ต้องเริ่มเสียตั้งแต่วันนี้ ค่อย ๆ เข้าหา ทำให้เหมือนพูดคุยเรื่องทั่วไปในบรรยากาศสบาย ๆ แบบตอนนี้นี่ละ ถึงจะคลายปมใหญ่ในใจที่มีมาเนิ่นนานของแทกูกยองได้
“ฉันควรบอกนายมาตั้งนานแล้ว คิดแล้วก็เสียใจอยู่เสมอ”
“พูดโง่ ๆ ระหว่างเราไม่มีอะไรให้นายต้องรู้สึกผิดหรอกนะ”
“ฉันรักนาย แทกูกยอง”
“…”
“ขอโทษนะที่ไม่บอกให้เร็วกว่านี้”
แทกูกยองหลบเลี่ยงสายตาด้วยการเบนหน้าไปทางอื่น ฝ่ามือใหญ่โอบรั้งท้ายทอยของอีซึงโดเข้ามาหา อีซึงโดยอมหยวนให้กับกิริยาหลบตาของฝ่ายนั้น เขาซุกหน้าลงกับไหล่ของอสูรหนุ่มพลางนึกถึงภาษิตที่ว่าท้องย่อมไม่อิ่มเพียงคำแรก ภายภาคหน้ายังมีเวลาอีกมากนัก
กลิ่นหอมเจือจางจากเรือนกายมอมเมาให้สมองเคลิบเคลิ้ม แผ่นอกของพวกเขาสัมผัสกันสะท้อนขึ้นลงช้า ๆ เสียงเต้นของชีพจรที่ถ่ายทอดให้แก่กันชวนผ่อนคลายอารมณ์
“กูกยอง”
“หืม”
“ไว้เราไปเที่ยวกันนะ”
“ได้ ไปสิ”
“ฉันอยากไปที่ไกล ๆ แบบข้ามน้ำข้ามทะเลบ้าง”
คำพูดนั้นทำให้แทกูกยองขยับตัวออกห่างเพื่อสบตาอีกฝ่าย
“หมายถึงไปเที่ยวต่างประเทศน่ะหรือ”
“ทำไมล่ะ ไปไม่ได้หรือ”
“เปล่า แต่ถ้าไปต่างประเทศ อย่างน้อยต้องใช้เวลาสักสี่วัน นายจะไม่เป็นไรหรือถ้าไม่เจอหน้าลูก ๆ”
แทกูกยองตอบราวกับเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะไปกันแค่สองคนอีซึงโดซึ่งกำลังจะถามว่าพอมีทางหอบยออึนแท แทอีกยอง และแทอึนกยองไปด้วยได้ไหมเลยอึ้งไป พวกเขาคิดต่างกัน ดูเหมือนแทกูกยองเข้าใจว่าการท่องเที่ยวในที่นี้คือทริปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์สุดสวีทของพวกเขาแบบสองต่อสอง อีซึงโดผู้ไม่อยากทำลายความฝันของอีกฝ่ายเลยทำใจดีสู้เสือด้วยการปั้นยิ้มกลบเกลื่อนความอ้ำอึ้งของตัวเอง
“อึนแทกับอีกยองดูแลตัวเองเป็นแล้ว แต่พย็อลยังเล็กนัก คงไม่สะดวก”
ถึงจะมีใครต่อใครให้ฝากเลี้ยง แต่ปัญหาอยู่ตรงนิสัยเจ้าลูกเสือนี่ละแม้จะเกิดมาแข็งแรงพรั่งพร้อม ทว่าแทอึนกยองก็ยังเป็นเพียงทารกอสูรวัยสามเดือนเศษ ยังไม่รู้จักการใช้เหตุผล แถมยังสื่อสารไม่ค่อยรู้เรื่องเรียกว่ายังไม่อยู่ในวัยที่จะเข้าใจว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงไม่อยู่ด้วย
จังหวะที่อีซึงโดจะอ้าปากบอกว่า “งั้นไว้รออีกสักห้าปีเนอะ” เพื่อยุติหัวข้อสนทนานี้ แทกูกยองก็พูดขึ้นว่า
“ฉันจะลองขอให้แจฮีมาพักบ้านเราก่อน อาทิตย์หน้าหลังงานชุมนุมสกุล เจ้าจิ๋วจะอายุครบสี่เดือนแล้ว อายุเท่านั้นแม่แมวก็ไล่ให้ลูกแมวไปหากินเองแล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
แล้วลูกนายใช่แมวที่ไหนเล่า
อีซึงโดคิดแย้ง ช่างเป็นแผนการที่หาประโยชน์ใส่ตัวได้ไวจนน่าตกใจแท้ ๆ เหตุผลหลักที่แม่แมวทิ้งลูกเกิดจากปัญหาที่อยู่อาศัยกับอาหารแม่แมวแย่งชิงอาณาเขตและหาอาหารให้ลูก ๆ ไม่ไหว จึงต้องไล่ให้ลูกแมวไปหากินกันเองทันทีที่โตพอ แต่กรณีที่รายล้อมไปด้วยสิ่งแวดล้อมอุดม-สมบูรณ์แบบพวกเขา จะให้ทำแบบเดียวกันนั้นถือว่าหน้าไม่อายเหลือทน
อีซึงโดมีคำที่อยากแย้งเป็นกระบุง แต่ก็ทำได้เพียงอ้าปากพะงาบ ๆก่อนจะหุบปากสนิท เพราะแทกูกยองอมยิ้มระรื่น ท่าทางเหมือนกำลังทบทวนแผนการของตัวเองว่ายิ่งคิดก็ยิ่งเข้าท่า หมอนี่หูตาไวอย่างกับอะไรดีก็ในเมื่ออีซึงโดเป็นคนเลี้ยง…อันที่จริงก็ไม่เชิง…ให้เจ้าอสูรติดนิสัยช่างสังเกต เขาจะโทษใครได้เล่า
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวลองคุยกับแจฮีดูก่อนค่อยว่ากัน”
อีซึงโดภาวนาให้ซงแจฮีลำบากใจจนต้องปฏิเสธ คำปฏิเสธของหล่อนนี่ละถึงจะล้มโครงการนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แทกูกยองลุกขึ้นนั่งแล้วคว้าแล็ปท็อปจากโต๊ะข้างเตียงมากางบนตักเจ้าบ้านหนุ่มรัวนิ้วพิมพ์คำค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวทั้ง ๆ ที่พวกเขายังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะไปที่ไหน รายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวคุ้นตาปรากฏเรียงรายบนหน้าต่างค้นหา
อีซึงโดมองหน้าจอด้วยใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ เขาสิ้นความอดทนนาทีที่แทกูกยองพิมพ์คำค้น “ท่องยุโรป” อีซึงโดหยัดตัวไปพับหน้าจอแล็ปท็อปทันควัน
“จะแกล้งกันรึไง”
อีซึงโดขมวดคิ้วด้วยดวงตาแวววาว แทกูกยองชำเลืองมองแล้วเริ่มออเซาะด้วยการทำเนียนนอนซบตัก ดวงตาอสูรหนุ่มยิ้มพราว ลำแขนแข็งแรงสวมกอดเอวอีซึงโดพลางแอบลูบไล้สีข้างเบา ๆ
“ก็พอคิดว่าจะได้ไปเที่ยวกับซึงโดของฉันครั้งแรกก็ตื่นเต้นแล้วนี่นาเลยอยากลองแกล้งแหย่เล่นนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของคำว่า “แค่ล้อเล่น” ที่แทกูกยองใช้แก้ตัวจะมาจากเจตนาที่แท้จริง แต่พอเห็นอีกฝ่ายอ้อนตาใสและดวงตาล้อมกรอบด้วยแพขนตาหนาแล้วอีซึงโดก็พูดไม่ออก ดวงตาที่งามเกินความจำเป็นของเขาดูจะมีประโยชน์อย่างยิ่งในเวลาแบบนี้
“นายอยากได้ที่พักแบบไหน โรงแรม รีสอร์ต บ้านเดี่ยวพร้อมสระน้ำคฤหาสน์ หรือบ้านพักตากอากาศ เลือกสิ”
จู่ ๆ เจ้าตัวดีก็ถามด้วยท่าทีขึงขัง อีซึงโดทำใจแล้วว่าคงปฏิเสธไม่ได้แน่ เขานิ่งคิดสักพักก่อนตอบ
“บ้านเดี่ยวพร้อมสระน้ำน่าจะดี มีพื้นที่ให้เราสองคนกินข้าว นอนพักผ่อน ถ้าได้ว่ายน้ำหรือดื่มไวน์ด้วยกันก็คงสนุกดีด้วย”
“ตกลง ดีเลย แล้วนายอยากเดินทางไปกลับยังไง”
ก็ต้องเครื่องบินสิ
อีซึงโดคิด ถ้าไปเที่ยวนอกประเทศก็ควรโดยสารเครื่องบินนี่นา พอเห็นอีซึงโดกะพริบตาแบบงง ๆ แทกูกยองก็ฉีกยิ้มแล้วดึงริมฝีปากล่างของอีซึงโดเบา ๆ สิ่งที่อสูรหนุ่มเอ่ยออกมาทำให้ตนดูเหมือนทายาทรุ่นสองผู้ไม่เอาถ่านของตระกูลอภิมหาเศรษฐีไปเลย
“บริษัทเรามีเครื่องบินส่วนกลาง ฉันขอใช้ได้ไม่มีใครว่า ถ้าอยากเดินทางสบาย ๆ เรานั่งเจ้านั่นไปก็ได้”
“จองตั๋วชั้นธุรกิจก็พอ”
“ไม่เห็นต้องคิดมาก ยังไงทุกอย่างก็เป็นของฉัน แล้วของของฉันก็เท่ากับเป็นของของนายนั่นแหละ”
เดี๋ยวก่อนสิ ฟังแล้วยิ่งคิดมากเข้าไปใหญ่
ว่าแล้วอีซึงโดก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างจริงจัง เขาเพิ่งเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกับแทกูกยองและเป็นสมาชิกสกุลแทอย่างเป็นทางการเมื่อสองสัปดาห์ก่อนเท่านั้นเอง อีซึงโดไม่อยากให้มีความหมายอะไรเกินไปกว่านั้น ความจริงแค่ย้ายมาอยู่ในคฤหาสน์ของสกุลแทก็ถือว่ามากเกินไปแล้วด้วยซ้ำ
“ก็ได้ แต่ขอเป็นชั้นเฟิร์สต์คลาสแทนชั้นธุรกิจก็แล้วกัน ให้นั่งนิ่ง ๆท่ามกลางมนุษย์ธรรมดาน่ะไม่สนุกหรอก”
“ตกลง”
“ขอมือถือหน่อย”
อีซึงโดหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองจากโต๊ะข้างเตียงมาส่งให้แทกูกยองบันทึกเบอร์โทรศัพท์ใหม่ให้แล้วส่งคืน
“เบอร์ของฮยอลลีน่ะ งานอดิเรกของหลานคนนี้คือบินไปกินคีบับที่ตุรกี บินไปกินแกงกะหรี่ที่อินเดีย แล้วก็บินไปกินเบเกิลที่นิวยอร์กเด็กนั่นน่าจะเที่ยวชิมร้านมิชลินสามดาวเกือบครบแล้วมั้ง เรียกว่ารู้จักร้านอร่อยเจ้าดังทั่วทุกมุมโลก นายอยากรู้อะไรก็ลองโทร.ถามแล้วกัน”
“ท่าทางฮยอลลีจะชอบกินแฮะ”
“ร่างกายหลานใกล้เคียงกับมนุษย์มากกว่าน่ะ แต่เห็นว่าชอบกินเนื้อสัตว์ที่สุด คล้าย ๆ อีกยองน่ะแหละ”
พูดจบจู่ ๆ แทกูกยองก็หันขวับไปทางหน้าต่าง สายตาอสูรหนุ่มมองทอดไปยังตำแหน่งแสนไกล
“ยอเจอุนมาถึงแล้ว เราลงไปกันไหม”
อีซึงโดผู้คิดว่าการต้อนรับแขกด้วยตัวเองคือมารยาทอันดี ย่อมต้องการลงไปชั้นล่างอย่างแน่นอน
คอมเมนต์