White Night ตอนที่ 2-5
บทที่ 2 (5)
จังหวะที่รถของยอเจอุนเพิ่งขับผ่านประตูรั้วเข้ามา ซงแจฮีกับนัมคังอูนั่งเคียงกันอยู่ตรงลานน้ำพุ ในอ้อมแขนนัมคังอูมีเด็กหญิงนัมยอนจูกับแทอึนกยองนอนหลับกอดกันกลม ซึ่งเป็นท่าทางผิดแผกอย่างยิ่งสำหรับเจ้าลูกเสือที่ขู่แฟ่ ๆ ใส่นัมคังอูทุกครั้งเวลาที่เขามาที่นี่เพียงตนเดียว
ท่าทางของลูกเสือชวนให้อีซึงโดคิดว่าเขาน่าจะไปเที่ยวพักผ่อนได้สบาย ๆ อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ปัญหาที่เขาจะตัดสินใจตามลำพังได้ อีซึงโดจึงกวักมือเรียกซงแจฮีไปคุย เขาเปรยเรื่องไปเที่ยว ก่อนเลียบเคียงถามหล่อนว่าจะช่วยมาพักที่นี่ช่วงนั้นได้ไหม ซงแจฮียิ้มกว้างพลางพยักหน้าอย่างยินดี
“ได้แน่นอนค่ะ อย่าห่วงเลย ไปเที่ยวให้สนุกเถอะ ถ้าพย็อลร้องหาพี่หนัก ๆ เราค่อยวิดีโอคอลกันปลอบน้องก็ได้ ว่าแต่พี่จะไปเที่ยวไหนหรือคะ ยุโรป ฮาวาย หรือว่ามัลดีฟส์”
“เอ่อ พี่กำลังคิดว่าแทนที่จะไปที่ไกล ๆ แบบนั้น เลือกเป็นที่ใกล้ ๆอย่างญี่ปุ่นคงจะดีกว่า…”
เสียงพูดท้ายประโยคของอีซึงโดแผ่วลง เขาหันไปมองเห็นว่าแทกูกยองไม่บ่นแม้เห็นเจตนาโจ่งแจ้งที่ว่าเขาต้องการย่นระยะเวลาเที่ยวให้สั้นลง เจ้าบ้านหนุ่มแค่ทำหน้าเบ้แล้วส่ายหัว
“ญี่ปุ่นคงไปไม่ได้ ฉันมีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีกับพวกอสูรที่นั่น ถ้าอยากไปใกล้ ๆ สู้เก็บฮ่องกงไว้เป็นตัวเลือกดีกว่า”
การจินตนาการถึงท่าทางเป็นมิตรระหว่างแทกูกยองกับคนอื่น ๆ เป็นเรื่องยาก กระนั้นอีซึงโดก็คิดไม่ถึงอยู่ดีว่าแทกูกยองมีอริข้ามชาติด้วย เขานึกอยากฟังเรื่องราวทั้งหมด ทว่าพอจะเอ่ยปากถาม ยอเจอุนก็มาถึงพอดี
“ยินดีต้อนรับครับ คุณเจอุน”
“ได้เจอกันอีกแล้วนะครับ”
“ครับ ดีใจที่ได้เจอ วันนี้คุณดูดีจัง”
ยอเจอุนเหลือบมองชุดตัวเองแบบงง ๆ เขาสวมแค่กางเกงสแล็กสีครามกับเสื้อเชิ้ตแขนสั้น เป็นชุดปกติที่ใส่บ่อย ๆ เวลาไม่เข้าบริษัท
อีซึงโดยิ้มแล้วชี้ไปที่ศีรษะอีกฝ่าย ยอเจอุนยกมือขึ้นไปเกือบจะแตะผมของตัวเอง “อ๋อ” อสูรหนุ่มส่งเสียงแล้วยิ้มเก้อ
“คุณแม่บอกให้ผมหัดใส่ใจแต่งตัวเสียบ้าง ท่านก็เลยช่วยทำผมให้…”
เสียงตอบอ้อมแอ้มไม่สมเป็นเจ้าตัวสักนิด เขาไม่มีเจตนาจะแต่งองค์ทรงเครื่อง แต่กลับดูกระดากที่ถูกจับได้ว่าเสริมหล่อมา
อีซึงโดนึกเอ็นดูท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของอีกฝ่ายที่เอื้อมมือไปจับผมซึ่งแต่งทรงด้วยแว็กซ์ไวแล้วไม่กล้าลดมือลง
“พี่เจอุน!”
แทอีกยองพุ่งมาหา ยอเจอุนลอบยินดีที่หลุดพ้นจากสถานการณ์เก้อเขินได้เสียที จึงหันไปตามเสียงเรียก นาทีต่อมาก็มีแรงกระแทกเบา ๆบริเวณเอวเขาจากแรงกอดของเด็กชาย
“หวัดดีพี่เจอุน! ดีใจที่ได้เจอนะฮะ”
“อืม ดีใจเช่นกัน”
หลังเจอหน้ากันบ้างประปราย ยอเจอุนก็ชักคุ้นกับแทอีกยองขึ้นมาแล้ว อสูรหนุ่มเลิกงงงันกับท่าทีสนิทสนม สายตาดีอกดีใจยามเจอหน้าและคำพูดฉอเลาะอ่อนหวานของเด็กชายแล้ว แทอีกยองหัวเราะเริงร่าแล้วโคลงตัวเบา ๆ ตอนเกาะเอวเขาส่งผลให้ร่างยอเจอุนโคลงเคลงตาม
“พี่เจอุน ไปเล่นตัวต่อด้วยกันไหมฮะ พี่ยองแอซื้อมาให้พี่จ๋าเป็นของขวัญ เราเลยต่อเล่นกันอยู่ตรงโน้น”
ยอเจอุนนิ่งคิดเพียงอึดใจเดียวก็พยักหน้าตกลง ไปเล่นกับพวกแทอีกยองคงสบายใจ ไม่เกร็งเหมือนอยู่กับอีซึงโด “เย้” แทอีกยองส่งเสียงแล้วโดดดึ๋ง ๆ นำทางอสูรหนุ่ม ระหว่างทางยอเจอุนหันมาค้อมศีรษะให้อีซึงโดอย่างมีมารยาท แล้วเดินตามหลังเด็กชายไป
แขกที่เชิญมามีเพียงน้อยนิด แค่ยอเจอุน อีวอนพโย นัมคังอู ซงแจฮีและชินยองแอ รวมทั้งหมดห้าราย อีซึงโดค่อนข้างโล่งใจ เพียงแค่แอบกลุ้มใจนิดหน่อยตอนบอกให้แทกูกยองเชิญคนสนิทมาให้ครบ
เขาควรรู้ตั้งแต่ตอนที่เลือกห้องเล็กจัดงานแทนห้องโถงใหญ่แล้ว
“ยองแอ กูกยองไม่มีเพื่อนคบหรือไง”
อีซึงโดแอบกระซิบถามชินยองแอจังหวะที่แทกูกยองกับนัมคังอูเริ่มรินเหล้านอกดื่มด้วยกัน อสูรสาวเฉลยความจริงอันโหดร้ายว่า
“อื้อ ตานั่นไม่มีใครคบจริง ๆ ไม่มีใครคุยด้วยเลยแหละ”
กูกยองของฉันไม่มีเพื่อนคบหรือเนี่ย
อีซึงโดรู้สึกสะเทือนใจ ความคิดที่ว่ามีแต่คนเหม็นหน้าแทกูกยองไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนผุดขึ้นมาในสมอง
อีซึงโดรู้ว่านิสัยอย่างแทกูกยองสมควรถูกหมั่นไส้ อสูรหนุ่มยอมศิโรราบให้เขาก็จริง แต่อีซึงโดไม่ได้โง่ขนาดที่ไม่รู้นิสัยจริงของเจ้าตัว อีซึงโดสบตาชินยองแอแล้วพยักหน้าช้า ๆ
จริงด้วยสินะ กูกยองนิสัยเสียมากพอจะทำให้อสูรตนอื่น ๆ ไม่ชอบหน้า อีซึงโดคิด
แทกูกยองผู้หูไวได้ยินที่พวกเขาคุยกันก็ปรายตามองมาอย่างขุ่นเคืองชินยองแอผู้เห็นอาการนั้นทางหางตาก็พ่นลมหายใจพรืด แล้วขึงตาใส่อีกฝ่ายเป็นเชิงบอกว่า ทำไมยะ ทำมามองตาแข็ง
“หัวร้อนซะปานนั้น มีเพื่อนเท่านี้ก็นับว่ามหัศจรรย์แล้ว ตอนแรกพี่คังอูเองก็มีฉายาทั้งหมาบ้า หมาคลั่ง นัมขาโหด อะไรประมาณนี้ เพราะมีอสูรระหว่างเข้าสู่วัยผู้ใหญ่หลายตนที่ผ่านมือมาถูกเขาอัดจนปางตาย แต่รู้ไหมตอนหลังพอมาสนิทกับแทกูกยอง ฉายาพี่คังอูเปลี่ยนเป็นอะไร”
“เปลี่ยนเป็นอะไรล่ะ”
“นัมพ่อพระ”
พูดจบชินยองแอก็ระเบิดเสียงหัวเราะ “วะฮ่า ๆ ๆ นัมพ่อพระ!”
อสูรสาวอ้าปากหัวเราะลั่นจนเห็นลิ้นไก่ คิดอย่างไรก็น่าขัน หล่อนสมควรจะแปลกใจ เพราะต่อให้โลกถึงกาลอวสานมีหรือวันที่อสูรหนุ่มห่าม ๆห้าว ๆ อย่างนัมคังอูจะถูกเรียกว่าพ่อพระ ส่วนตัวหล่อนเองเคยคิดแค่ว่าแทกูกยองกับนัมคังอูเพี้ยน ๆ เหมือนกันเลยคบกันได้ ทว่าท่าทางอสูรตนอื่น ๆ คงเข้าใจไปคนละทางกับหล่อน
“ฮ้า ขอฉันเช็ดน้ำตาก่อน”
หลังหัวเราะจนหนำใจ ชินยองแอก็หยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าคลัตช์มาซับหัวตา อีซึงโดยิ้มเจื่อนมองท่าทางของหล่อน แล้วถามต่อ
“แล้วกูกยองล่ะ มีฉายาไหม”
“ไม่มี ลำพังความเป็นตานั่นก็ปั่นป่วนพอแรงอยู่แล้ว ไม่มีใครตั้งฉายาเรียกเขาหรอก จะมีก็แค่คำด่าใหม่ ๆ ที่เอี่ยวชื่อเขา เช่น ‘ไอ้อสูรนิสัยแทกูกยองเอ๊ย’ ประมาณนี้”
“…”
“เอ๊ะ ฉันพูดตรงไปไหม”
“ไม่หรอก พี่ก็พอเดาออกบ้าง แต่พอได้ยินความจริงกับหูก็ชักกลุ้มนิดหน่อยแฮะ”
อีซึงโดถอนใจเฮือก เกิดกระแสลมเย็นเบา ๆ พัดหวือราวอิทธิฤทธิ์ของภูตผี
“ฉันได้ยินนะ”
อีซึงโดสะดุ้งหันไปมองพบว่าจังหวะนั้นแทกูกยองกลับมานั่งลงที่โต๊ะแล้ว ร่างกายของอสูรหนุ่มช่างเคลื่อนไหวไวปานแสงจริง ๆ
คอมเมนต์